10 Internal Hard Disk ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เก็บข้อมูลจุใจ ทนทานใช้งานนาน

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27 15:38
点赞
10 Internal Hard Disk ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เก็บข้อมูลจุใจ ทนทานใช้งานนาน

สวัสดีคร้าบพี่น้องชาวไทยหัวใจไอที! วันนี้ขอเอาใจสายเก็บข้อมูล จัดเต็มกับเรื่องใกล้ตัวที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ "ฮาร์ดดิสก์ภายใน" หรือ Internal Hard Drive นั่นเอง เพราะปี 2025 แล้ว ข้อมูลเราเยอะขึ้นทุกวัน ทั้งรูปภาพ วิดีโอความละเอียดสูง ไฟล์งานมหาศาล หรือเกมโปรดที่กินพื้นที่บานเบอะ จะพึ่งพาแต่ SSD แรงๆ อย่างเดียวก็กระเป๋าฉีก วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกฮาร์ดดิสก์ภายในตัวเครื่อง เลือกยังไงให้ได้ความจุสะใจ ทนทาน ใช้งานกันยาวๆ เหมือนมาร์ค ต้วน! (หยอกๆ นะคร้าบ!) พร้อมแล้วไปดูกันเลย!

1. Seagate BarraCuda

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: BarraCuda (รุ่นยอดนิยม)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate BarraCuda เป็นฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมขวัญใจมหาชนมายาวนาน ขึ้นชื่อเรื่องความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ราคา และความน่าเชื่อถือ มีความจุให้เลือกหลากหลายตั้งแต่หลักร้อย GB ไปจนถึงหลาย TB เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป ทั้งเก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ หรือติดตั้งโปรแกรมต่างๆ เทคโนโลยี caching แบบ Multi-Tier Cache Technology (MTC) ช่วยให้การอ่าน-เขียนข้อมูลเร็วขึ้น เหมาะสำหรับใครที่ต้องการฮาร์ดดิสก์คู่ใจในราคาเข้าถึงง่าย ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเกือบทุกรุ่น
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาเป็นมิตร, ความจุหลากหลาย, ประสิทธิภาพดีสำหรับงานทั่วไป, เทคโนโลยี MTC ช่วยเร่งความเร็ว, มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในตลาด
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลทั่วไป: สามารถใช้เก็บไฟล์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำคัญ ไฟล์มีเดียขนาดใหญ่ หรือโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการเป็นไดรฟ์รองเพื่อเก็บข้อมูลจำนวนมากนอกเหนือจาก SSD ที่ใช้ลงวินโดวส์.
    • ใช้งานร่วมกับ PC ทั่วไป: เข้ากันได้ดีกับเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ SATA ติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วไปที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล.
    • สำรองข้อมูล: ด้วยราคาต่อความจุที่คุ้มค่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการนำมาใช้เป็นไดรฟ์สำหรับสำรองข้อมูลสำคัญ ป้องกันข้อมูลสูญหายในกรณีที่ไดรฟ์หลักมีปัญหา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วไป, นักเรียน นักศึกษา, คนทำงานออฟฟิศ, ผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มในงบจำกัด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 8TB5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

2. Western Digital WD Blue

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Blue (รุ่นยอดนิยม)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,600 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Blue เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมจาก Western Digital ที่เน้นความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีความจุให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน หรือสำนักงานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติระดับสูงมากนัก เน้นการเก็บข้อมูลทั่วไป ใช้งานง่าย ติดตั้งไม่ซับซ้อน เป็นตัวเลือกที่หลายคนไว้วางใจมายาวนานเรื่องความเสถียรสำหรับการใช้งานพื้นฐาน
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาเข้าถึงง่าย, ความจุเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป, ความน่าเชื่อถือสำหรับงานพื้นฐาน, ใช้งานง่าย, แบรนด์ที่ได้รับความนิยม
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เป็นไดรฟ์หลักสำหรับ PC ทั่วไป: เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ที่เน้นใช้งานทั่วไป ไม่ได้มีการทำงานหนักต่อเนื่องตลอดเวลา.
    • ขยายพื้นที่เก็บข้อมูล: เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความจุให้กับคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมที่ฮาร์ดดิสก์ใกล้เต็ม สามารถติดตั้งเพิ่มเป็นไดรฟ์ลูกที่สองได้อย่างง่ายดาย.
    • เก็บไฟล์มีเดีย: เหมาะสำหรับจัดเก็บคลังรูปภาพ วิดีโอ เพลง หรือภาพยนตร์จำนวนมาก ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงด้วยความเร็วสูงมากนัก ช่วยให้ประหยัดพื้นที่บน SSD.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ตามบ้าน, นักเรียน, คนทำงานทั่วไป, ผู้ที่ต้องการฮาร์ดดิสก์ราคาไม่แพงสำหรับเก็บข้อมูลเสริม
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 8TB5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี (โดยประมาณ)1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

3. Toshiba P300

  • ชื่อแบรนด์: Toshiba
  • ชื่อสินค้า: P300 (รุ่น Desktop PC Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,400 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: Toshiba P300 เป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับเดสก์ท็อปที่เน้นประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานทั่วไปถึงระดับประสิทธิภาพสูงขึ้นมาหน่อย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้นกว่ารุ่นพื้นฐานเล็กน้อย มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 500GB ไปจนถึง 6TB มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเสถียรและลดการสั่นสะเทือน ทำให้เหมาะกับการติดตั้งในเคสคอมพิวเตอร์ทั่วไป เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและมีฐานผู้ใช้งานในไทยพอสมควร
  • จุดเด่นสินค้า: ประสิทธิภาพดีสำหรับ Desktop, มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความเสถียร, ความจุหลากหลายระดับ, ราคาคุ้มค่า, แบรนด์น่าเชื่อถือ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ใช้งานเป็นไดรฟ์หลักหรือไดรฟ์รอง: สามารถใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการและโปรแกรม หรือใช้เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลหลักสำหรับไฟล์ต่างๆ ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงพอสมควร.
    • รองรับงานที่ต้องการความเร็ว: เหมาะสำหรับงานประมวลผลที่ไม่หนักมากนัก เช่น การตัดต่อวิดีโอความละเอียดไม่สูงมาก หรือการรันโปรแกรมที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลบ่อยๆ.
    • ยกระดับประสิทธิภาพ PC เดิม: เป็นตัวเลือกในการอัปเกรดฮาร์ดดิสก์เดิมที่ช้าหรือความจุน้อย ให้สามารถทำงานได้ไหลลื่นและเก็บข้อมูลได้มากขึ้น.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งาน PC ทั่วไปถึงระดับกลาง, คนที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่บ้าง, ผู้ที่ต้องการฮาร์ดดิสก์ที่สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 6TB7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี (โดยประมาณ)1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

4. Seagate IronWolf

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: IronWolf (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate IronWolf ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับระบบ Network Attached Storage (NAS) หรือระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ มีความทนทานสูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือน เช่น ในเคส NAS ที่มีหลายช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ มาพร้อมเทคโนโลยี AgileArray ที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของฮาร์ดดิสก์ในระบบ RAID เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบเก็บข้อมูลกลางที่เสถียรและเข้าถึงได้จากหลายอุปกรณ์
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS โดยเฉพาะ, ทนทาน ทำงานแบบ 24/7 ได้, รองรับการใช้งานในระบบ RAID, มีเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน, มีบริการกู้ข้อมูล (สำหรับรุ่น Pro)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลบนระบบ NAS: เป็นหัวใจหลักของระบบ NAS ช่วยให้ผู้ใช้หลายคนเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันได้ แชร์ไฟล์ สตรีมมีเดีย หรือสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ มารวมไว้ที่ส่วนกลางได้อย่างราบรื่น.
    • สำรองข้อมูลส่วนกลาง: เหมาะสำหรับครอบครัวหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลอัตโนมัติจากคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ มารวมไว้ที่เดียว เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญ.
    • โฮสต์แอปพลิเคชันบน NAS: สามารถใช้ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ บน NAS เช่น ระบบคลาวด์ส่วนตัว ระบบจัดการมีเดีย หรือระบบกล้องวงจรปิด (ในบางกรณีที่ NAS รองรับ).
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ออฟฟิศขนาดเล็ก, สตูดิโอที่ต้องการเก็บไฟล์ส่วนกลาง, ผู้ที่ต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลบนเครือข่าย
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 24TB (รุ่น Pro)5900 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (รุ่นปกติ), 300 TB/ปี (รุ่น Pro)1 ล้านชั่วโมง (รุ่นปกติ), 1.2 ล้านชั่วโมง (รุ่น Pro)

5. Western Digital WD Red Plus

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Red Plus (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,200 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Red Plus เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Seagate IronWolf ในตลาดฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS เน้นความเข้ากันได้กับระบบ NAS ที่หลากหลาย ยี่ห้อดังๆ ในตลาดมักแนะนำให้ใช้ WD Red หรือ Red Plus มีเทคโนโลยี NASware ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเข้ากันได้ ความน่าเชื่อถือ และช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม NAS แบบหลาย Bays มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 1TB ไปจนถึง 14TB (สำหรับ Red Plus) และรุ่น Red Pro ที่มีความจุสูงกว่าและทนทานยิ่งขึ้นไปอีก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหรือขยายระบบ NAS ที่บ้านหรือในสำนักงาน
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS, เทคโนโลยี NASware เข้ากันได้ดีเยี่ยม, ทนทาน ใช้งานแบบ 24/7 ได้, ตัวเลือกความจุหลากหลาย, แบรนด์ที่ NAS ส่วนใหญ่แนะนำ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ทำงานร่วมกับระบบ NAS ชั้นนำ: ได้รับการทดสอบและรับรองให้ทำงานร่วมกับระบบ NAS จากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ ทำให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้และประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้งานร่วมกัน.
    • จัดการข้อมูลสำหรับผู้ใช้หลายคน: เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หลายคนเข้าถึงข้อมูลบน NAS พร้อมกัน รองรับการอ่านและเขียนข้อมูลแบบสุ่มได้ดี ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น.
    • ความทนทานสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง: ออกแบบมาเพื่อรองรับภาระงานที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อป สามารถทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับระบบ NAS ที่เปิดตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง, ผู้ที่ต้องการความเข้ากันได้สูงสุดกับ NAS ยี่ห้อต่างๆ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 14TB (Red Plus), 22TB (Red Pro)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (Red Plus), 300 TB/ปี (Red Pro)1 ล้านชั่วโมง (Red Plus), 1.2 ล้านชั่วโมง (Red Pro)

6. Seagate SkyHawk

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: SkyHawk (รุ่น Surveillance Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 2,500 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate SkyHawk สร้างมาเพื่อระบบกล้องวงจรปิด (Surveillance System) โดยเฉพาะ รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง จากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เฟิร์มแวร์ ImagePerfect™ ช่วยลดปัญหาเฟรมตกหรือภาพกระตุกในระหว่างการบันทึกและเล่นไฟล์วิดีโอ มีความทนทานสูง รองรับอุณหภูมิการทำงานที่หลากหลาย และมี Workload Rating สูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป เหมาะสำหรับเจ้าของบ้าน ร้านค้า หรือธุรกิจที่ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดและต้องการฮาร์ดดิสก์ที่ไว้ใจได้สำหรับการบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญ
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับงานกล้องวงจรปิด, บันทึกวิดีโอได้ต่อเนื่องลื่นไหล, ทนทานทำงาน 24/7 ได้, รองรับกล้องหลายตัว, มี Workload Rating สูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • บันทึกวิดีโอจากกล้องวงจรปิด: เป็นอุปกรณ์จัดเก็บหลักสำหรับเครื่องบันทึกวิดีโอ (DVR/NVR) สามารถบันทึกฟุตเทจความละเอียดสูงจากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างเสถียร ไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ.
    • รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่อง: ด้วยลักษณะการทำงานของระบบกล้องวงจรปิดที่เน้นการเขียนข้อมูลปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ถูกปรับแต่งมาให้เหมาะสมกับภาระงานดังกล่าวโดยเฉพาะ แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป.
    • ทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย: มักถูกติดตั้งในตู้หรือบริเวณที่อุณหภูมิไม่คงที่ ฮาร์ดดิสก์ SkyHawk ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ท้าทายกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไป.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เจ้าของบ้านที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด, ร้านค้า, สำนักงาน, โรงงาน, ระบบรักษาความปลอดภัย
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 20TB (รุ่น AI)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี, 360 TB/ปี (รุ่น AI)1 ล้านชั่วโมง, 1.5 ล้านชั่วโมง (รุ่น AI)

7. Western Digital WD Purple

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Purple (รุ่น Surveillance Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 2,600 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Purple เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮาร์ดดิสก์สำหรับระบบกล้องวงจรปิดจาก Western Digital ที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน ออกแบบมาเพื่อการบันทึกวิดีโอแบบ 24/7 โดยเฉพาะ เทคโนโลยี AllFrame™ ช่วยลดข้อผิดพลาดในการบันทึกวิดีโอและรองรับจำนวนกล้องได้มากขึ้น มีความทนทานและเสถียรสำหรับการทำงานต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมของเครื่องบันทึกภาพ รองรับความจุได้สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับระบบรักษาความปลอดภัย
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบมาเพื่องานวงจรปิด, เทคโนโลยี AllFrame™, ทนทานทำงาน 24/7, รองรับกล้องจำนวนมาก, มี Workload Rating สูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บฟุตเทจกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง: ช่วยให้ระบบบันทึกภาพสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงจากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เก็บรักษาหลักฐานสำคัญได้อย่างครบถ้วน.
    • ทำงานร่วมกับ DVR/NVR ยี่ห้อต่างๆ: ได้รับการทดสอบและออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับเครื่องบันทึกวิดีโอวงจรปิดส่วนใหญ่ในตลาด ทำให้ติดตั้งและใช้งานร่วมกันได้ง่าย.
    • รองรับการเขียนซ้ำข้อมูล: ในระบบกล้องวงจรปิด ข้อมูลเก่าจะถูกเขียนทับด้วยข้อมูลใหม่เรื่อยๆ ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ถูกสร้างมาเพื่อรองรับลักษณะการเขียนข้อมูลแบบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทนทาน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด, เจ้าของธุรกิจที่ต้องการบันทึกภาพเพื่อความปลอดภัย, โครงการระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 14TB (Purple), 22TB (Purple Pro)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (Purple), 360 TB/ปี (Purple Pro)1 ล้านชั่วโมง (Purple), 1.5 ล้านชั่วโมง (Purple Pro)

8. Seagate Exos

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: Exos (รุ่น Enterprise Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท (สำหรับความจุ 4TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate Exos เป็นฮาร์ดดิสก์ระดับ Enterprise ที่ออกแบบมาเพื่อศูนย์ข้อมูล (Data Center) และสภาพแวดล้อมการทำงานระดับองค์กรโดยเฉพาะ มีความทนทานสูงสุด ทำงานแบบ 24/7 ภายใต้ภาระงานที่หนักหน่วงได้ดีเยี่ยม มี Workload Rating และค่า MTBF สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปมาก รองรับการทำงานในระบบ Server หรือ Storage ขนาดใหญ่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงสุด แม้ราคาจะสูงกว่า แต่ก็มาพร้อมความเสถียรและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้งานระดับมืออาชีพที่ต้องการโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มี compromises
  • จุดเด่นสินค้า: ทนทานสูงสุดระดับ Enterprise, Workload Rating สูงมาก, ค่า MTBF สูงมาก, ออกแบบมาเพื่องานหนัก 24/7, เหมาะสำหรับ Server/Data Center
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลใน Data Center: เป็นส่วนประกอบสำคัญของ Server และระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในศูนย์ข้อมูล รองรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลจากผู้ใช้หลายพันคนพร้อมกัน.
    • รองรับภาระงานระดับสูง: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องอ่านและเขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เช่น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง หรือระบบคลาวด์.
    • ความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับภารกิจสำคัญ: ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความล้มเหลวของฮาร์ดดิสก์ให้เหลือน้อยที่สุด เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีความสำคัญต่อภารกิจและต้องออนไลน์ตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: องค์กรขนาดใหญ่, ศูนย์ข้อมูล, ผู้ให้บริการ Cloud Storage, ระบบ Server ประสิทธิภาพสูง, งานที่ต้องการความน่าเชื่อถือของข้อมูลสูงสุด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 26TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s หรือ SAS 12Gb/s3.5 นิ้ว550 TB/ปี2 ล้าน หรือ 2.5 ล้านชั่วโมง

9. Western Digital WD Gold

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Gold (รุ่น Enterprise Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 6,500 บาท (สำหรับความจุ 4TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Gold เป็นฮาร์ดดิสก์ระดับ Enterprise อีกซีรีส์จาก Western Digital ที่ทัดเทียมกับ Seagate Exos ในด้านความทนทานและประสิทธิภาพสำหรับงานหนัก ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้อมูลและสภาพแวดล้อมระดับองค์กรโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HelioSeal™ (ในรุ่นความจุสูง) ที่ช่วยเพิ่มความจุและลดการใช้พลังงาน พร้อมเทคโนโลยี StableTrac เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความแม่นยำในการอ่าน-เขียนข้อมูล มี Workload Rating และค่า MTBF ที่สูงมากเช่นกัน เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับระบบ Server, Storage Arrays หรือโซลูชันเก็บข้อมูลที่ต้องการความเสถียรระดับสูงสุด
  • จุดเด่นสินค้า: ทนทานระดับ Enterprise, Workload Rating สูงมาก, ค่า MTBF สูงมาก, เทคโนโลยี HelioSeal™ (บางรุ่น), เหมาะสำหรับ Server/Data Center
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รองรับภาระงานสูงในศูนย์ข้อมูล: ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปริมาณข้อมูลที่ไหลเข้า-ออกอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในสภาพแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล.
    • ใช้งานในระบบ Storage แบบ Multi-Bay: ด้วยเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน ทำให้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์หลายๆ ตัวในตู้ Storage เดียวกันได้อย่างมีเสถียรภาพ ลดความเสี่ยงที่การสั่นสะเทือนจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของไดรฟ์อื่น.
    • โซลูชันที่เชื่อถือได้สำหรับงาน Critical: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันหรือระบบที่ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เช่น ระบบประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ ระบบฐานข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลทางการแพทย์ ที่ต้องเข้าถึงได้ตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: องค์กรขนาดใหญ่, ศูนย์ข้อมูล, ระบบ Server, Storage Arrays, งานที่ต้องการความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพระดับสูงสุด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 22TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s หรือ SAS 12Gb/s3.5 นิ้ว550 TB/ปี2.5 ล้านชั่วโมง

10. Toshiba N300

  • ชื่อแบรนด์: Toshiba
  • ชื่อสินค้า: N300 (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,100 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Toshiba N300 เป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS ที่เน้นความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายเช่นกัน ออกแบบมาให้ทำงานแบบ 24/7 รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม NAS ที่มีหลาย Bays พร้อมเทคโนโลยี Rotational Vibration (RV) Sensors ช่วยลดผลกระทบจากการสั่นสะเทือนในระบบที่มีฮาร์ดดิสก์หลายตัว ทำให้การทำงานมีเสถียรภาพมากขึ้น มีความจุให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชัน NAS ที่คุ้มค่าและไว้ใจได้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจาก Seagate และ WD ในตลาด NAS Hard Drive
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS, ทนทานทำงาน 24/7, มี RV Sensors ลดการสั่นสะเทือน, ความจุหลากหลาย, ราคาคุ้มค่า
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เป็นส่วนขยายความจุสำหรับ NAS: เหมาะสำหรับเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลให้กับระบบ NAS เดิมที่ความจุใกล้เต็ม หรือใช้เป็นฮาร์ดดิสก์หลักในการประกอบ NAS ใหม่.
    • รองรับผู้ใช้หลายคนและการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน: เช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์ NAS รุ่นอื่น ถูกปรับแต่งมาให้จัดการกับการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มจากผู้ใช้หรืออุปกรณ์หลายๆ ตัวพร้อมกันได้ดี.
    • สำรองข้อมูลและแชร์ไฟล์ในบ้าน/ออฟฟิศ: ช่วยให้การสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว การสำรองข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง หรือการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ภายในบ้านหรือออฟฟิศเป็นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ออฟฟิศขนาดเล็ก, ช่างภาพ/วิดีโอที่ต้องการเก็บไฟล์ส่วนกลาง, ผู้ที่มองหาทางเลือกฮาร์ดดิสก์ NAS จากแบรนด์อื่น
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 18TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี1 ล้านชั่วโมง

เคล็ดลับเลือกซื้อ Internal Hard Disk ปี 2025 ให้โดนใจ ใช้ได้นาน!

  • 1. เช็กความต้องการใช้พื้นที่ของตัวเองก่อนเลยพี่น้อง!
    อย่าเพิ่งหลับหูหลับตาซื้อนะจ๊ะ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ แล้วมาดูกันว่าจริงๆ แล้วเราต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากน้อยแค่ไหนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ลองสำรวจดูสิว่าไฟล์ส่วนใหญ่ที่เรามีเป็นประเภทไหน? เน้นเก็บเอกสารทั่วไป ไฟล์เพลง ไฟล์รูปภาพ หรือว่าเป็นสายโหด เน้นเก็บวิดีโอ 4K/8K ตัดต่อคลิป ทำกราฟิก เล่นเกมฟอร์มยักษ์ที่แต่ละเกมกินพื้นที่หลักร้อย GB เลยทีเดียว ถ้าแค่เก็บเอกสารทั่วๆ ไป ความจุ 1-2TB ก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นสายเน้นไฟล์มีเดีย หรือเป็นเกมเมอร์ตัวยง บอกเลยว่าอย่างน้อย 4TB หรือ 6TB ขึ้นไปจะสบายใจกว่าเยอะ เพราะเกมสมัยใหม่นี่อัปเดตทีไฟล์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ หรือถ้าทำงานที่ต้องใช้ไฟล์ใหญ่ๆ ประจำอย่างงานวิดีโอ งานออกแบบ ยิ่งต้องเผื่อเยอะๆ ไว้ก่อนเลย 8TB, 10TB หรือมากกว่านั้นไปเลยก็ยังได้ คิดง่ายๆ คือลองประมาณปริมาณข้อมูลที่มีตอนนี้ แล้วคิดเผื่อไปอีก 3-5 ปีข้างหน้าว่าข้อมูลเราจะเพิ่มขึ้นประมาณไหน แล้วเลือกความจุที่รองรับการเติบโตนั้นได้เลย บางทีการซื้อความจุที่ใหญ่ขึ้นในครั้งเดียวอาจจะดูแพงกว่าตอนแรก แต่ลองคิดดูดีๆ ว่ามันคุ้มค่ากว่าในระยะยาวนะ ไม่ต้องมานั่งย้ายข้อมูลบ่อยๆ หรือต้องซื้อเพิ่มทีหลังให้วุ่นวาย ทีนี้ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งลบรูปเก่าๆ ที่ไม่อยากลบ หรือต้องมาคอยเคลียร์พื้นที่ลงเกมใหม่ที่อยากเล่นไงล่ะ! จำไว้ว่าซื้อครั้งเดียวจบ ใช้ยาวๆ คุ้มกว่าเยอะ! ยิ่งถ้าเป็นสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้วยแล้ว ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียงต่างๆ นี่พุ่งกระฉูดไวมากจริงๆ การลงทุนกับฮาร์ดดิสก์ความจุสูงตั้งแต่แรกจะช่วยให้ทำงานได้ไม่สะดุด ไม่ต้องมาหงุดหงิดเรื่องพื้นที่เต็มบ่อยๆ นะจ๊ะ.
  • 2. การใช้งานแบบไหน? เลือกประเภทให้ตรงกับความต้องการ!
    ฮาร์ดดิสก์ภายในไม่ได้มีแค่แบบเดียวสำหรับทุกคนนะรู้ยัง? มันมีแบ่งตามประเภทการใช้งานหลักๆ ด้วย เช่น ฮาร์ดดิสก์สำหรับเดสก์ท็อปทั่วไป (Desktop), สำหรับระบบ NAS (Network Attached Storage) และสำหรับระบบกล้องวงจรปิด (Surveillance) ถ้าใช้งานคนเดียวในคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ไม่ได้เปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอดเวลา ไม่ได้มีการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันหลายๆ คน หรือไม่ได้บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเวลา ฮาร์ดดิสก์ Desktop ทั่วไปก็เพียงพอแล้ว ราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋าที่สุด แต่ถ้ามีแผนจะทำ NAS เล็กๆ ไว้เก็บข้อมูลส่วนกลางในบ้าน หรือในออฟฟิศขนาดเล็กที่ต้องมีคนเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันหลายๆ คน หรือต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลแบบรวมศูนย์ แนะนำให้เลือกฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS โดยเฉพาะเลย พวกนี้จะออกแบบมาให้ทนทานกับการทำงานแบบ 24/7 มีเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการการทำงานในสภาพแวดล้อมแบบหลาย Bays ได้ดีกว่า และมักจะมี Workload Rating ที่สูงกว่าด้วย ส่วนถ้าเป็นการใช้งานกับระบบกล้องวงจรปิด อันนี้ต้องใช้ฮาร์ดดิสก์สำหรับ Surveillance เท่านั้นนะ! เพราะฮาร์ดดิสก์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่องตลอดเวลาโดยเฉพาะ มีเฟิร์มแวร์ที่ปรับแต่งมาเพื่อลดการเฟรมตกของวิดีโอ และทนทานต่อการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่อาจจะร้อนกว่าปกติได้ดีกว่า ถ้าเอาฮาร์ดดิสก์ Desktop ไปใช้กับ NAS หรือ Surveillance อาจจะพังเร็วกว่าที่คิดได้นะจ๊ะ เลือกให้ถูกประเภท การใช้งานจะได้ราบรื่น ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง และฮาร์ดดิสก์ก็จะอายุยืนยาวตามที่มันควรจะเป็นไงล่ะ. การเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะฮาร์ดดิสก์แต่ละแบบมีความสามารถและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกผิดประเภทอาจนำไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งอายุการใช้งานที่สั้นลงอย่างไม่จำเป็นเลยนะ.
  • 3. อย่ามองข้ามเรื่องความทนทานและประกันนะจ๊ะ!
    ฮาร์ดดิสก์ก็เหมือนหัวใจของคอมพิวเตอร์นะจ๊ะ ข้อมูลสำคัญทั้งหมดอยู่ที่นี่ ถ้าฮาร์ดดิสก์พังขึ้นมา งานเข้าเลยนะ! นอกจากจะเสียเงินซื้อใหม่แล้ว ข้อมูลที่อยู่ข้างในอาจจะกู้คืนไม่ได้ หรือต้องเสียเงินค่ากู้ข้อมูลแพงมหาศาล เพราะฉะนั้นเรื่องความทนทานและประกันนี่สำคัญมากๆ เลยนะ อย่าดูแค่ราคาถูกอย่างเดียว ให้ลองดูสเปกเรื่องค่า MTBF (Mean Time Between Failures) หรือค่า AFR (Annualized Failure Rate) ด้วย แม้ว่าตัวเลขพวกนี้จะเป็นค่าประมาณการทางสถิติ ไม่ได้การันตีว่าฮาร์ดดิสก์ของเราจะไม่พังภายในระยะเวลานั้นๆ แต่ก็พอจะบอกแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮาร์ดดิสก์รุ่นนั้นๆ ได้ ยิ่งค่า MTBF สูง หรือค่า AFR ต่ำ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทนทานกว่านะ นอกจากนี้ Workload Rating ก็เป็นอีกตัวเลขที่บอกความทนทานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นการใช้งานหนักๆ หรือทำงานตลอดเวลา ค่านี้จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์รองรับปริมาณข้อมูลที่เขียน/อ่านได้สูงสุดกี่ TB ต่อปี ถ้าใช้งานหนักก็ควรเลือกตัวที่มีค่า Workload Rating สูงๆ และที่สำคัญสุดๆ คือเรื่องการรับประกัน! ควรเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ที่มีการรับประกันอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะรุ่นสำหรับ NAS หรือ Enterprise มักจะมีการรับประกัน 3-5 ปีเลยนะ การรับประกันที่นานกว่าแสดงถึงความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ผลิต และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ในระยะเวลารับประกัน เราก็ยังสามารถเคลมหรือเปลี่ยนตัวใหม่ได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ทันทีไงล่ะ อย่าลืมเช็กเงื่อนไขการรับประกันให้ดีด้วยนะจ๊ะ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง ขั้นตอนการเคลมเป็นยังไง จะได้ไม่มีปัญหาทีหลังไงล่ะ. การใส่ใจเรื่องความทนทานและการรับประกันตั้งแต่แรก จะช่วยให้เราอุ่นใจในการใช้งานฮาร์ดดิสก์ไปได้ยาวๆ เลยนะ ลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลหาย และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างแน่นอน.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Internal Hard Disk

  • Q: HDD กับ SSD ต่างกันยังไง? ควรเลือกใช้อะไรดี?
    A: HDD (Hard Disk Drive) เป็นเทคโนโลยีเก่ากว่า ใช้จานแม่เหล็กในการเก็บข้อมูล มีข้อดีที่ราคาต่อความจุถูกมากๆ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะในราคาที่ไม่แพง แต่ข้อเสียคือความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลช้ากว่า และมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีโอกาสเสียหายจากการกระแทกได้ง่ายกว่า ส่วน SSD (Solid State Drive) เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า ใช้หน่วยความจำแบบ Flash ในการเก็บข้อมูล ข้อดีคือความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูงกว่ามาก ทำให้เปิดเครื่อง เปิดโปรแกรม โหลดเกมได้เร็วกว่า กินไฟน้อยกว่า และทนทานต่อการสั่นสะเทือนได้ดีกว่า แต่ข้อเสียคือราคาต่อความจุแพงกว่า HDD อย่างเห็นได้ชัด ถ้าเน้นความเร็วในการเปิดโปรแกรมหรือระบบปฏิบัติการ ควรเลือกใช้ SSD เป็นไดรฟ์หลัก แต่ถ้าเน้นเก็บข้อมูลปริมาณมากๆ ในราคาที่คุ้มค่า ควรเลือกใช้ HDD เป็นไดรฟ์รอง หลายคนจึงนิยมใช้ทั้ง SSD (สำหรับลง OS และโปรแกรมที่ใช้บ่อย) และ HDD (สำหรับเก็บข้อมูลอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่) ร่วมกัน เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความจุที่ต้องการ
  • Q: ฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS กับ Surveillance เอามาใช้กับ PC ทั่วไปได้ไหม?
    A: technically คือ "ใช้ได้" แต่ "ไม่แนะนำ" ครับ ฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS และ Surveillance ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่อง 24/7 และปรับแต่งมาสำหรับภาระงานเฉพาะทาง (NAS สำหรับ Random Read/Write, Surveillance สำหรับ Sequential Write) ประสิทธิภาพในการใช้งานกับ PC ทั่วไปที่เน้นการเข้าถึงข้อมูลแบบผสมผสาน อาจจะไม่ดีเท่าฮาร์ดดิสก์ Desktop โดยตรง นอกจากนี้เฟิร์มแวร์และการตั้งค่าบางอย่างอาจไม่เหมาะกับการใช้งานใน PC ทั่วไป และคุณสมบัติพิเศษอย่างการรองรับการสั่นสะเทือนในระบบ Multi-Bay ก็จะไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือราคาของฮาร์ดดิสก์ NAS/Surveillance มักจะแพงกว่าฮาร์ดดิสก์ Desktop ในความจุเดียวกันด้วย ถ้าไม่ได้ใช้งานแบบ NAS หรือ Surveillance จริงๆ ซื้อฮาร์ดดิสก์ Desktop ที่ตรงกับการใช้งานและงบประมาณจะคุ้มค่ากว่าครับ
  • Q: ค่า RPM กับ Cache Size สำคัญกับการใช้งานฮาร์ดดิสก์ยังไง?
    A: RPM ย่อมาจาก Revolutions Per Minute คือความเร็วรอบในการหมุนของจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสก์ ยิ่งค่า RPM สูง (เช่น 7200 RPM) การเข้าถึงข้อมูลก็จะยิ่งเร็วขึ้น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลพอสมควร เช่น การเปิดโปรแกรม หรือการย้ายไฟล์ขนาดใหญ่ ส่วนค่า RPM ต่ำ (เช่น 5400 RPM) จะช้ากว่า แต่จะกินไฟน้อยกว่าและเงียบกว่า เหมาะกับการเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องการเข้าถึงบ่อยๆ Cache Size คือขนาดของหน่วยความจำแคชบนฮาร์ดดิสก์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่ถูกเข้าถึงบ่อยๆ เพื่อให้เรียกใช้งานครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น ยิ่ง Cache Size ใหญ่ ก็ยิ่งช่วยให้ประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลดีขึ้น โดยเฉพาะกับการทำงานแบบ Multi-tasking หรือการเข้าถึงไฟล์เล็กๆ จำนวนมาก สำหรับการใช้งานทั่วไป ฮาร์ดดิสก์ที่มี 7200 RPM และ Cache Size 64MB ขึ้นไปก็เพียงพอแล้วครับ แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพมากขึ้น รุ่นที่มี Cache Size ใหญ่กว่า (เช่น 256MB หรือ 512MB) ก็จะช่วยได้ครับ.
  • Q: ซื้อฮาร์ดดิสก์ภายในมาแล้ว ติดตั้งเองยากไหม?
    A: การติดตั้งฮาร์ดดิสก์ภายในลงในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปโดยทั่วไปไม่ยากครับ เพียงแค่เปิดเคสคอมพิวเตอร์ หา Bay สำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว (หรือ 2.5 นิ้ว ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์โน้ตบุ๊กและมี Bay รองรับ หรือใช้อะแดปเตอร์) แล้วเสียบสาย SATA Data และสาย SATA Power เข้ากับเมนบอร์ดและ Power Supply ตามลำดับ จากนั้นก็จัดการเรื่องการแบ่ง Partition และ Format ฮาร์ดดิสก์ใน Windows หรือระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ ถ้าไม่เคยทำมาก่อน สามารถดูวิดีโอสอนการติดตั้งได้ทาง YouTube มีเยอะแยะเลยครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ หรือกลัวจะทำอะไรเสียหาย แนะนำให้ปรึกษาหรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยติดตั้งให้จะปลอดภัยกว่าครับ.
  • Q: ทำยังไงให้ฮาร์ดดิสก์ใช้งานได้นานๆ ไม่พังง่าย?
    A: การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์ให้ใช้งานได้นานๆ ไม่ยากเลยครับ อย่างแรกคือ หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่ฮาร์ดดิสก์กำลังทำงาน เพราะภายในมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวอยู่ การกระแทกอาจทำให้หัวอ่านไปชนกับจานแม่เหล็กและเกิดความเสียหายได้ อย่างที่สองคือ ดูแลเรื่องอุณหภูมิ ให้คอมพิวเตอร์มีการระบายอากาศที่ดี ไม่ให้อุณหภูมิภายในเคสสูงจนเกินไป อุณหภูมิที่สูงเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุการใช้งานของฮาร์ดดิสกส์ั้นลง อย่างที่สามคือ ปิดเครื่องอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงการดึงปลั๊กออกโดยตรง หรือการปิดเครื่องแบบกะทันหัน ควรใช้ฟังก์ชัน Shut Down ของระบบปฏิบัติการเสมอ เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์ได้หยุดการทำงานอย่างสมบูรณ์ อย่างที่สี่คือ ตรวจสอบสุขภาพฮาร์ดดิสก์เป็นประจำ สามารถใช้โปรแกรมต่างๆ ในการเช็กค่า S.M.A.R.T. (Self-Monitoring, Analysis, and Reporting Technology) ของฮาร์ดดิสก์ได้ ค่าเหล่านี้จะบอกสถานะและแนวโน้มการทำงานผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ ถ้าพบค่าที่ผิดปกติจะได้เตรียมตัวสำรองข้อมูลและเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ก่อนที่มันจะพังจริงๆ สุดท้ายคือ สำรองข้อมูลสำคัญไว้เสมอ ไม่ว่าจะดูแลฮาร์ดดิสก์ดีแค่ไหน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็มีอายุการใช้งานและมีโอกาสเสียได้เสมอ การสำรองข้อมูลไว้ในที่อื่น เช่น External Hard Drive, Cloud Storage หรือระบบ NAS จะช่วยให้เราไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญไปหากฮาร์ดดิสก์ตัวหลักมีปัญหา.

สวัสดีคร้าบพี่น้องชาวไทยหัวใจไอที! วันนี้ขอเอาใจสายเก็บข้อมูล จัดเต็มกับเรื่องใกล้ตัวที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ "ฮาร์ดดิสก์ภายใน" หรือ Internal Hard Drive นั่นเอง เพราะปี 2025 แล้ว ข้อมูลเราเยอะขึ้นทุกวัน ทั้งรูปภาพ วิดีโอความละเอียดสูง ไฟล์งานมหาศาล หรือเกมโปรดที่กินพื้นที่บานเบอะ จะพึ่งพาแต่ SSD แรงๆ อย่างเดียวก็กระเป๋าฉีก วันนี้เราเลยจะมาเจาะลึกฮาร์ดดิสก์ภายในตัวเครื่อง เลือกยังไงให้ได้ความจุสะใจ ทนทาน ใช้งานกันยาวๆ เหมือนมาร์ค ต้วน! (หยอกๆ นะคร้าบ!) พร้อมแล้วไปดูกันเลย!

1. Seagate BarraCuda

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: BarraCuda (รุ่นยอดนิยม)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,500 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate BarraCuda เป็นฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมขวัญใจมหาชนมายาวนาน ขึ้นชื่อเรื่องความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ราคา และความน่าเชื่อถือ มีความจุให้เลือกหลากหลายตั้งแต่หลักร้อย GB ไปจนถึงหลาย TB เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป ทั้งเก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ หรือติดตั้งโปรแกรมต่างๆ เทคโนโลยี caching แบบ Multi-Tier Cache Technology (MTC) ช่วยให้การอ่าน-เขียนข้อมูลเร็วขึ้น เหมาะสำหรับใครที่ต้องการฮาร์ดดิสก์คู่ใจในราคาเข้าถึงง่าย ใช้ได้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเกือบทุกรุ่น
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาเป็นมิตร, ความจุหลากหลาย, ประสิทธิภาพดีสำหรับงานทั่วไป, เทคโนโลยี MTC ช่วยเร่งความเร็ว, มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในตลาด
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลทั่วไป: สามารถใช้เก็บไฟล์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำคัญ ไฟล์มีเดียขนาดใหญ่ หรือโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการเป็นไดรฟ์รองเพื่อเก็บข้อมูลจำนวนมากนอกเหนือจาก SSD ที่ใช้ลงวินโดวส์.
    • ใช้งานร่วมกับ PC ทั่วไป: เข้ากันได้ดีกับเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ SATA ติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วไปที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล.
    • สำรองข้อมูล: ด้วยราคาต่อความจุที่คุ้มค่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการนำมาใช้เป็นไดรฟ์สำหรับสำรองข้อมูลสำคัญ ป้องกันข้อมูลสูญหายในกรณีที่ไดรฟ์หลักมีปัญหา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั่วไป, นักเรียน นักศึกษา, คนทำงานออฟฟิศ, ผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มในงบจำกัด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 8TB5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

2. Western Digital WD Blue

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Blue (รุ่นยอดนิยม)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,600 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Blue เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮาร์ดดิสก์ยอดนิยมจาก Western Digital ที่เน้นความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน มีความจุให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน หรือสำนักงานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติระดับสูงมากนัก เน้นการเก็บข้อมูลทั่วไป ใช้งานง่าย ติดตั้งไม่ซับซับซ้อน เป็นตัวเลือกที่หลายคนไว้วางใจมายาวนานเรื่องความเสถียรสำหรับการใช้งานพื้นฐาน
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาเข้าถึงง่าย, ความจุเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป, ความน่าเชื่อถือสำหรับงานพื้นฐาน, ใช้งานง่าย, แบรนด์ที่ได้รับความนิยม
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เป็นไดรฟ์หลักสำหรับ PC ทั่วไป: เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ สำหรับคอมพิวเตอร์ที่เน้นใช้งานทั่วไป ไม่ได้มีการทำงานหนักต่อเนื่องตลอดเวลา.
    • ขยายพื้นที่เก็บข้อมูล: เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มความจุให้กับคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมที่ฮาร์ดดิสก์ใกล้เต็ม สามารถติดตั้งเพิ่มเป็นไดรฟ์ลูกที่สองได้อย่างง่ายดาย.
    • เก็บไฟล์มีเดีย: เหมาะสำหรับจัดเก็บคลังรูปภาพ วิดีโอ เพลง หรือภาพยนตร์จำนวนมาก ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงด้วยความเร็วสูงมากนัก ช่วยให้ประหยัดพื้นที่บน SSD.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ตามบ้าน, นักเรียน, คนทำงานทั่วไป, ผู้ที่ต้องการฮาร์ดดิสก์ราคาไม่แพงสำหรับเก็บข้อมูลเสริม
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 8TB5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี (โดยประมาณ)1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

3. Toshiba P300

  • ชื่อแบรนด์: Toshiba
  • ชื่อสินค้า: P300 (รุ่น Desktop PC Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 1,400 บาท (สำหรับความจุเริ่มต้น)
  • คำอธิบายสินค้า: Toshiba P300 เป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับเดสก์ท็อปที่เน้นประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสำหรับการใช้งานทั่วไปถึงระดับประสิทธิภาพสูงขึ้นมาหน่อย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้นกว่ารุ่นพื้นฐานเล็กน้อย มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 500GB ไปจนถึง 6TB มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเสถียรและลดการสั่นสะเทือน ทำให้เหมาะกับการติดตั้งในเคสคอมพิวเตอร์ทั่วไป เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและมีฐานผู้ใช้งานในไทยพอสมควร
  • จุดเด่นสินค้า: ประสิทธิภาพดีสำหรับ Desktop, มีเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความเสถียร, ความจุหลากหลายระดับ, ราคาคุ้มค่า, แบรนด์น่าเชื่อถือ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ใช้งานเป็นไดรฟ์หลักหรือไดรฟ์รอง: สามารถใช้ติดตั้งระบบปฏิบัติการและโปรแกรม หรือใช้เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลหลักสำหรับไฟล์ต่างๆ ที่ต้องการความเร็วในการเข้าถึงพอสมควร.
    • รองรับงานที่ต้องการความเร็ว: เหมาะสำหรับงานประมวลผลที่ไม่หนักมากนัก เช่น การตัดต่อวิดีโอความละเอียดไม่สูงมาก หรือการรันโปรแกรมที่ต้องการการเข้าถึงข้อมูลบ่อยๆ.
    • ยกระดับประสิทธิภาพ PC เดิม: เป็นตัวเลือกในการอัปเกรดฮาร์ดดิสก์เดิมที่ช้าหรือความจุน้อย ให้สามารถทำงานได้ไหลลื่นและเก็บข้อมูลได้มากขึ้น.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งาน PC ทั่วไปถึงระดับกลาง, คนที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่บ้าง, ผู้ที่ต้องการฮาร์ดดิสก์ที่สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 6TB7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว55 TB/ปี (โดยประมาณ)1 ล้านชั่วโมง (โดยประมาณ)

4. Seagate IronWolf

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: IronWolf (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate IronWolf ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับระบบ Network Attached Storage (NAS) หรือระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ มีความทนทานสูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสั่นสะเทือน เช่น ในเคส NAS ที่มีหลายช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ มาพร้อมเทคโนโลยี AgileArray ที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของฮาร์ดดิสก์ในระบบ RAID เหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการระบบเก็บข้อมูลกลางที่เสถียรและเข้าถึงได้จากหลายอุปกรณ์
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS โดยเฉพาะ, ทนทาน ทำงานแบบ 24/7 ได้, รองรับการใช้งานในระบบ RAID, มีเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน, มีบริการกู้ข้อมูล (สำหรับรุ่น Pro)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลบนระบบ NAS: เป็นหัวใจหลักของระบบ NAS ช่วยให้ผู้ใช้หลายคนเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันได้ แชร์ไฟล์ สตรีมมีเดีย หรือสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ต่างๆ มารวมไว้ที่ส่วนกลางได้อย่างราบรื่น.
    • สำรองข้อมูลส่วนกลาง: เหมาะสำหรับครอบครัวหรือสำนักงานขนาดเล็กที่ต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลอัตโนมัติจากคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ มารวมไว้ที่เดียว เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญ.
    • โฮสต์แอปพลิเคชันบน NAS: สามารถใช้ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ บน NAS เช่น ระบบคลาวด์ส่วนตัว ระบบจัดการมีเดีย หรือระบบกล้องวงจรปิด (ในบางกรณีที่ NAS รองรับ).
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ออฟฟิศขนาดเล็ก, สตูดิโอที่ต้องการเก็บไฟล์ส่วนกลาง, ผู้ที่ต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลบนเครือข่าย
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 24TB (รุ่น Pro)5900 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (รุ่นปกติ), 300 TB/ปี (รุ่น Pro)1 ล้านชั่วโมง (รุ่นปกติ), 1.2 ล้านชั่วโมง (รุ่น Pro)

5. Western Digital WD Red Plus

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Red Plus (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,200 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Red Plus เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Seagate IronWolf ในตลาดฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS เน้นความเข้ากันได้กับระบบ NAS ที่หลากหลาย ยี่ห้อดังๆ ในตลาดมักแนะนำให้ใช้ WD Red หรือ Red Plus มีเทคโนโลยี NASware ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเข้ากันได้ ความน่าเชื่อถือ และช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อม NAS แบบหลาย Bays มีความจุให้เลือกตั้งแต่ 1TB ไปจนถึง 14TB (สำหรับ Red Plus) และรุ่น Red Pro ที่มีความจุสูงกว่าและทนทานยิ่งขึ้นไปอีก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหรือขยายระบบ NAS ที่บ้านหรือในสำนักงาน
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS, เทคโนโลยี NASware เข้ากันได้ดีเยี่ยม, ทนทาน ใช้งานแบบ 24/7 ได้, ตัวเลือกความจุหลากหลาย, แบรนด์ที่ NAS ส่วนใหญ่แนะนำ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ทำงานร่วมกับระบบ NAS ชั้นนำ: ได้รับการทดสอบและรับรองให้ทำงานร่วมกับระบบ NAS จากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ ทำให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้และประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้งานร่วมกัน.
    • จัดการข้อมูลสำหรับผู้ใช้หลายคน: เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีผู้ใช้หลายคนเข้าถึงข้อมูลบน NAS พร้อมกัน รองรับการอ่านและเขียนข้อมูลแบบสุ่มได้ดี ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น.
    • ความทนทานสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง: ออกแบบมาเพื่อรองรับภาระงานที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อป สามารถทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับระบบ NAS ที่เปิดตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง, ผู้ที่ต้องการความเข้ากันได้สูงสุดกับ NAS ยี่ห้อต่างๆ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 14TB (Red Plus), 22TB (Red Pro)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (Red Plus), 300 TB/ปี (Red Pro)1 ล้านชั่วโมง (Red Plus), 1.2 ล้านชั่วโมง (Red Pro)

6. Seagate SkyHawk

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: SkyHawk (รุ่น Surveillance Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 2,500 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate SkyHawk สร้างมาเพื่อระบบกล้องวงจรปิด (Surveillance System) โดยเฉพาะ รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง จากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เฟิร์มแวร์ ImagePerfect™ ช่วยลดปัญหาเฟรมตกหรือภาพกระตุกในระหว่างการบันทึกและเล่นไฟล์วิดีโอ มีความทนทานสูง รองรับอุณหภูมิการทำงานที่หลากหลาย และมี Workload Rating สูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป เหมาะสำหรับเจ้าของบ้าน ร้านค้า หรือธุรกิจที่ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดและต้องการฮาร์ดดิสก์ที่ไว้ใจได้สำหรับการบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญ
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับงานกล้องวงจรปิด, บันทึกวิดีโอได้ต่อเนื่องลื่นไหล, ทนทานทำงาน 24/7 ได้, รองรับกล้องหลายตัว, มี Workload Rating สูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • บันทึกวิดีโอจากกล้องวงจรปิด: เป็นอุปกรณ์จัดเก็บหลักสำหรับเครื่องบันทึกวิดีโอ (DVR/NVR) สามารถบันทึกฟุตเทจความละเอียดสูงจากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างเสถียร ไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ.
    • รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่อง: ด้วยลักษณะการทำงานของระบบกล้องวงจรปิดที่เน้นการเขียนข้อมูลปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้ถูกปรับแต่งมาให้เหมาะสมกับภาระงานดังกล่าวโดยเฉพาะ แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปทั่วไป.
    • ทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย: มักถูกติดตั้งในตู้หรือบริเวณที่อุณหภูมิไม่คงที่ ฮาร์ดดิสก์ SkyHawk ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ท้าทายกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไป.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เจ้าของบ้านที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด, ร้านค้า, สำนักงาน, โรงงาน, ระบบรักษาความปลอดภัย
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 20TB (รุ่น AI)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 256MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี, 360 TB/ปี (รุ่น AI)1 ล้านชั่วโมง, 1.5 ล้านชั่วโมง (รุ่น AI)

7. Western Digital WD Purple

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Purple (รุ่น Surveillance Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 2,600 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Purple เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ฮาร์ดดิสก์สำหรับระบบกล้องวงจรปิดจาก Western Digital ที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน ออกแบบมาเพื่อการบันทึกวิดีโอแบบ 24/7 โดยเฉพาะ เทคโนโลยี AllFrame™ ช่วยลดข้อผิดพลาดในการบันทึกวิดีโอและรองรับจำนวนกล้องได้มากขึ้น มีความทนทานและเสถียรสำหรับการทำงานต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมของเครื่องบันทึกภาพ รองรับความจุได้สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับระบบรักษาความปลอดภัย
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบมาเพื่องานวงจรปิด, เทคโนโลยี AllFrame™, ทนทานทำงาน 24/7, รองรับกล้องจำนวนมาก, มี Workload Rating สูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บฟุตเทจกล้องวงจรปิดคุณภาพสูง: ช่วยให้ระบบบันทึกภาพสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงจากกล้องหลายตัวพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เก็บรักษาหลักฐานสำคัญได้อย่างครบถ้วน.
    • ทำงานร่วมกับ DVR/NVR ยี่ห้อต่างๆ: ได้รับการทดสอบและออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับเครื่องบันทึกวิดีโอวงจรปิดส่วนใหญ่ในตลาด ทำให้ติดตั้งและใช้งานร่วมกันได้ง่าย.
    • รองรับการเขียนซ้ำข้อมูล: ในระบบกล้องวงจรปิด ข้อมูลเก่าจะถูกเขียนทับด้วยข้อมูลใหม่เรื่อยๆ ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ถูกสร้างมาเพื่อรองรับลักษณะการเขียนข้อมูลแบบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทนทาน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด, เจ้าของธุรกิจที่ต้องการบันทึกภาพเพื่อความปลอดภัย, โครงการระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 14TB (Purple), 22TB (Purple Pro)5400 หรือ 7200 RPMสูงสุด 512MB (รุ่น Pro)SATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี (Purple), 360 TB/ปี (Purple Pro)1 ล้านชั่วโมง (Purple), 1.5 ล้านชั่วโมง (Purple Pro)

8. Seagate Exos

  • ชื่อแบรนด์: Seagate
  • ชื่อสินค้า: Exos (รุ่น Enterprise Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 บาท (สำหรับความจุ 4TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Seagate Exos เป็นฮาร์ดดิสก์ระดับ Enterprise ที่ออกแบบมาเพื่อศูนย์ข้อมูล (Data Center) และสภาพแวดล้อมการทำงานระดับองค์กรโดยเฉพาะ มีความทนทานสูงสุด ทำงานแบบ 24/7 ภายใต้ภาระงานที่หนักหน่วงได้ดีเยี่ยม มี Workload Rating และค่า MTBF สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปมาก รองรับการทำงานในระบบ Server หรือ Storage ขนาดใหญ่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูงสุด แม้ราคาจะสูงกว่า แต่ก็มาพร้อมความเสถียรและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้งานระดับมืออาชีพที่ต้องการโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มี compromises
  • จุดเด่นสินค้า: ทนทานสูงสุดระดับ Enterprise, Workload Rating สูงมาก, ค่า MTBF สูงมาก, ออกแบบมาเพื่องานหนัก 24/7, เหมาะสำหรับ Server/Data Center
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จัดเก็บข้อมูลใน Data Center: เป็นส่วนประกอบสำคัญของ Server และระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในศูนย์ข้อมูล รองรับการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลจากผู้ใช้หลายพันคนพร้อมกัน.
    • รองรับภาระงานระดับสูง: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องอ่านและเขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เช่น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง หรือระบบคลาวด์.
    • ความน่าเชื่อถือสูงสุดสำหรับภารกิจสำคัญ: ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความล้มเหลวของฮาร์ดดิสก์ให้เหลือน้อยที่สุด เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีความสำคัญต่อภารกิจและต้องออนไลน์ตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: องค์กรขนาดใหญ่, ศูนย์ข้อมูล, ผู้ให้บริการ Cloud Storage, ระบบ Server ประสิทธิภาพสูง, งานที่ต้องการความน่าเชื่อถือของข้อมูลสูงสุด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 26TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s หรือ SAS 12Gb/s3.5 นิ้ว550 TB/ปี2 ล้าน หรือ 2.5 ล้านชั่วโมง

9. Western Digital WD Gold

  • ชื่อแบรนด์: Western Digital (WD)
  • ชื่อสินค้า: WD Gold (รุ่น Enterprise Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 6,500 บาท (สำหรับความจุ 4TB)
  • คำอธิบายสินค้า: WD Gold เป็นฮาร์ดดิสก์ระดับ Enterprise อีกซีรีส์จาก Western Digital ที่ทัดเทียมกับ Seagate Exos ในด้านความทนทานและประสิทธิภาพสำหรับงานหนัก ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของศูนย์ข้อมูลและสภาพแวดล้อมระดับองค์กรโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HelioSeal™ (ในรุ่นความจุสูง) ที่ช่วยเพิ่มความจุและลดการใช้พลังงาน พร้อมเทคโนโลยี StableTrac เพื่อลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความแม่นยำในการอ่าน-เขียนข้อมูล มี Workload Rating และค่า MTBF ที่สูงมากเช่นกัน เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับระบบ Server, Storage Arrays หรือโซลูชันเก็บข้อมูลที่ต้องการความเสถียรระดับสูงสุด
  • จุดเด่นสินค้า: ทนทานระดับ Enterprise, Workload Rating สูงมาก, ค่า MTBF สูงมาก, เทคโนโลยี HelioSeal™ (บางรุ่น), เหมาะสำหรับ Server/Data Center
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รองรับภาระงานสูงในศูนย์ข้อมูล: ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปริมาณข้อมูลที่ไหลเข้า-ออกอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในสภาพแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล.
    • ใช้งานในระบบ Storage แบบ Multi-Bay: ด้วยเทคโนโลยีลดการสั่นสะเทือน ทำให้สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์หลายๆ ตัวในตู้ Storage เดียวกันได้อย่างมีเสถียรภาพ ลดความเสี่ยงที่การสั่นสะเทือนจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของไดรฟ์อื่น.
    • โซลูชันที่เชื่อถือได้สำหรับงาน Critical: เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันหรือระบบที่ข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เช่น ระบบประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ ระบบฐานข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลทางการแพทย์ ที่ต้องเข้าถึงได้ตลอดเวลา.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: องค์กรขนาดใหญ่, ศูนย์ข้อมูล, ระบบ Server, Storage Arrays, งานที่ต้องการความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพระดับสูงสุด
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 22TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s หรือ SAS 12Gb/s3.5 นิ้ว550 TB/ปี2.5 ล้านชั่วโมง

10. Toshiba N300

  • ชื่อแบรนด์: Toshiba
  • ชื่อสินค้า: N300 (รุ่น NAS Hard Drive)
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,100 บาท (สำหรับความจุ 1TB)
  • คำอธิบายสินค้า: Toshiba N300 เป็นฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS ที่เน้นความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในระบบจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายเช่นกัน ออกแบบมาให้ทำงานแบบ 24/7 รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม NAS ที่มีหลาย Bays พร้อมเทคโนโลยี Rotational Vibration (RV) Sensors ช่วยลดผลกระทบจากการสั่นสะเทือนในระบบที่มีฮาร์ดดิสก์หลายตัว ทำให้การทำงานมีเสถียรภาพมากขึ้น มีความจุให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโซลูชัน NAS ที่คุ้มค่าและไว้ใจได้ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจาก Seagate และ WD ในตลาด NAS Hard Drive
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบสำหรับ NAS, ทนทานทำงาน 24/7, มี RV Sensors ลดการสั่นสะเทือน, ความจุหลากหลาย, ราคาคุ้มค่า
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เป็นส่วนขยายความจุสำหรับ NAS: เหมาะสำหรับเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลให้กับระบบ NAS เดิมที่ความจุใกล้เต็ม หรือใช้เป็นฮาร์ดดิสก์หลักในการประกอบ NAS ใหม่.
    • รองรับผู้ใช้หลายคนและการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกัน: เช่นเดียวกับฮาร์ดดิสก์ NAS รุ่นอื่น ถูกปรับแต่งมาให้จัดการกับการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่มจากผู้ใช้หรืออุปกรณ์หลายๆ ตัวพร้อมกันได้ดี.
    • สำรองข้อมูลและแชร์ไฟล์ในบ้าน/ออฟฟิศ: ช่วยให้การสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว การสำรองข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง หรือการแชร์ไฟล์ขนาดใหญ่ภายในบ้านหรือออฟฟิศเป็นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานระบบ NAS ตามบ้าน, ออฟฟิศขนาดเล็ก, ช่างภาพ/วิดีโอที่ต้องการเก็บไฟล์ส่วนกลาง, ผู้ที่มองหาทางเลือกฮาร์ดดิสก์ NAS จากแบรนด์อื่น
ความจุสูงสุดความเร็วรอบ (RPM)Cache SizeInterfaceForm FactorWorkload Rate Limit (TB/ปี)MTBF (ชั่วโมง)
สูงสุด 18TB7200 RPMสูงสุด 512MBSATA 6Gb/s3.5 นิ้ว180 TB/ปี1 ล้านชั่วโมง

เคล็ดลับเลือกซื้อ Internal Hard Disk ปี 2025 ให้โดนใจ ใช้ได้นาน!

  • 1. เช็กความต้องการใช้พื้นที่ของตัวเองก่อนเลยพี่น้อง!
    อย่าเพิ่งหลับหูหลับตาซื้อนะจ๊ะ ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ แล้วมาดูกันว่าจริงๆ แล้วเราต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากน้อยแค่ไหนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ลองสำรวจดูสิว่าไฟล์ส่วนใหญ่ที่เรามีเป็นประเภทไหน? เน้นเก็บเอกสารทั่วไป ไฟล์เพลง ไฟล์รูปภาพ หรือว่าเป็นสายโหด เน้นเก็บวิดีโอ 4K/8K ตัดต่อคลิป ทำกราฟิก เล่นเกมฟอร์มยักษ์ที่แต่ละเกมกินพื้นที่หลักร้อย GB เลยทีเดียว ถ้าแค่เก็บเอกสารทั่วๆ ไป ความจุ 1-2TB ก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นสายเน้นไฟล์มีเดีย หรือเป็นเกมเมอร์ตัวยง บอกเลยว่าอย่างน้อย 4TB หรือ 6TB ขึ้นไปจะสบายใจกว่าเยอะ เพราะเกมสมัยใหม่นี่อัปเดตทีไฟล์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ หรือถ้าทำงานที่ต้องใช้ไฟล์ใหญ่ๆ ประจำอย่างงานวิดีโอ งานออกแบบ ยิ่งต้องเผื่อเยอะๆ ไว้ก่อนเลย 8TB, 10TB หรือมากกว่านั้นไปเลยก็ยังได้ คิดง่ายๆ คือลองประมาณปริมาณข้อมูลที่มีตอนนี้ แล้วคิดเผื่อไปอีก 3-5 ปีข้างหน้าว่าข้อมูลเราจะเพิ่มขึ้นประมาณไหน แล้วเลือกความจุที่รองรับการเติบโตนั้นได้เลย บางทีการซื้อความจุที่ใหญ่ขึ้นในครั้งเดียวอาจจะดูแพงกว่าตอนแรก แต่ลองคิดดูดีๆ ว่ามันคุ้มค่ากว่าในระยะยาวนะ ไม่ต้องมานั่งย้ายข้อมูลบ่อยๆ หรือต้องซื้อเพิ่มทีหลังให้วุ่นวาย ทีนี้ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งลบรูปเก่าๆ ที่ไม่อยากลบ หรือต้องมาคอยเคลียร์พื้นที่ลงเกมใหม่ที่อยากเล่นไงล่ะ! จำไว้ว่าซื้อครั้งเดียวจบ ใช้ยาวๆ คุ้มกว่าเยอะ! ยิ่งถ้าเป็นสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ด้วยแล้ว ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียงต่างๆ นี่พุ่งกระฉูดไวมากจริงๆ การลงทุนกับฮาร์ดดิสก์ความจุสูงตั้งแต่แรกจะช่วยให้ทำงานได้ไม่สะดุด ไม่ต้องมาหงุดหงิดเรื่องพื้นที่เต็มบ่อยๆ นะจ๊ะ. ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าตอนนี้เราใช้พื้นที่ไปแล้ว 2TB แล้วคาดว่าปีนึงข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอีก 1TB ถ้าเราซื้อฮาร์ดดิสก์ 4TB มาเพิ่ม ปีหน้าข้อมูลก็จะเต็มแล้ว ต้องซื้อเพิ่มอีก เสียเวลา เสียค่าส่งของอีก แต่ถ้าลงทุนซื้อ 8TB ตั้งแต่แรก ก็ใช้ไปได้อีก 6 ปีเลยนะ แถมราคาต่อ TB ของฮาร์ดดิสก์ความจุสูงๆ มักจะถูกกว่าด้วย เรียกว่าคุ้มสองต่อเลยทีเดียว. ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ให้เวลาตัวเองสำรวจข้อมูลและประเมินความต้องการในอนาคตให้ดีก่อน รับรองว่าได้ฮาร์ดดิสก์ที่ถูกใจและคุ้มค่าแน่นอน.
  • 2. การใช้งานแบบไหน? เลือกประเภทให้ตรงกับความต้องการ!
    ฮาร์ดดิสก์ภายในไม่ได้มีแค่แบบเดียวสำหรับทุกคนนะรู้ยัง? มันมีแบ่งตามประเภทการใช้งานหลักๆ ด้วย เช่น ฮาร์ดดิสก์สำหรับเดสก์ท็อปทั่วไป (Desktop), สำหรับระบบ NAS (Network Attached Storage) และสำหรับระบบกล้องวงจรปิด (Surveillance) ถ้าใช้งานคนเดียวในคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ไม่ได้เปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอดเวลา ไม่ได้มีการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันหลายๆ คน หรือไม่ได้บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเวลา ฮาร์ดดิสก์ Desktop ทั่วไปก็เพียงพอแล้ว ราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋าที่สุด พวกนี้ออกแบบมาให้ใช้งานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ภาระงาน (Workload) ไม่สูงมากนัก เหมาะกับการเปิดเครื่องใช้งานเป็นครั้งคราว เก็บไฟล์ทั่วไป ติดตั้งโปรแกรมที่ไม่ทำงานหนักต่อเนื่อง แต่ถ้ามีแผนจะทำ NAS เล็กๆ ไว้เก็บข้อมูลส่วนกลางในบ้าน หรือในออฟฟิศขนาดเล็กที่ต้องมีคนเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันหลายๆ คน หรือต้องการโซลูชันสำรองข้อมูลแบบรวมศูนย์ แนะนำให้เลือกฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS โดยเฉพาะเลย พวกนี้จะออกแบบมาให้ทนทานกับการทำงานแบบ 24/7 มีเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการการทำงานในสภาพแวดล้อมแบบหลาย Bays ได้ดีกว่า เช่น เทคโนโลยีป้องกันการสั่นสะเทือน Rotational Vibration (RV) Sensors และมักจะมี Workload Rating ที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์เดสก์ท็อปถึงเกือบ 3 เท่าตัว เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องเปิดเครื่องตลอดเวลา มีการอ่าน-เขียนข้อมูลแบบสุ่มบ่อยๆ จากผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน. ส่วนถ้าเป็นการใช้งานกับระบบกล้องวงจรปิด อันนี้ต้องใช้ฮาร์ดดิสก์สำหรับ Surveillance เท่านั้นนะ! เพราะฮาร์ดดิสก์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่องตลอดเวลาโดยเฉพาะ มีเฟิร์มแวร์ที่ปรับแต่งมาเพื่อลดการเฟรมตกของวิดีโอ เหมาะกับการบันทึกภาพจากกล้องหลายๆ ตัวพร้อมกัน และทนทานต่อการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่อาจจะร้อนกว่าปกติได้ดีกว่า ถ้าเอาฮาร์ดดิสก์ Desktop ไปใช้กับ NAS หรือ Surveillance อาจจะพังเร็วกว่าที่คิดได้นะจ๊ะ เพราะไม่ได้ออกแบบมารองรับภาระงานและความต่อเนื่องแบบนั้น เลือกให้ถูกประเภท การใช้งานจะได้ราบรื่น ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง และฮาร์ดดิสก์ก็จะอายุยืนยาวตามที่มันควรจะเป็นไงล่ะ. การเลือกประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะฮาร์ดดิสก์แต่ละแบบมีความสามารถและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกผิดประเภทอาจนำไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งอายุการใช้งานที่สั้นลงอย่างไม่จำเป็นเลยนะ.
  • 3. อย่ามองข้ามเรื่องความทนทานและประกันนะจ๊ะ!
    ฮาร์ดดิสก์ก็เหมือนหัวใจของคอมพิวเตอร์นะจ๊ะ ข้อมูลสำคัญทั้งหมดอยู่ที่นี่ ถ้าฮาร์ดดิสก์พังขึ้นมา งานเข้าเลยนะ! นอกจากจะเสียเงินซื้อใหม่แล้ว ข้อมูลที่อยู่ข้างในอาจจะกู้คืนไม่ได้ หรือต้องเสียเงินค่ากู้ข้อมูลแพงมหาศาล เพราะฉะนั้นเรื่องความทนทานและประกันนี่สำคัญมากๆ เลยนะ อย่าดูแค่ราคาถูกอย่างเดียว ให้ลองดูสเปกเรื่องค่า MTBF (Mean Time Between Failures) หรือค่า AFR (Annualized Failure Rate) ด้วย MTBF คือค่าเฉลี่ยของระยะเวลาการทำงานระหว่างความล้มเหลวแต่ละครั้ง (เป็นหน่วยชั่วโมง) ส่วน AFR คืออัตราความล้มเหลวต่อปี (เป็นเปอร์เซ็นต์) แม้ว่าตัวเลขพวกนี้จะเป็นค่าประมาณการทางสถิติที่ได้มาจากการทดสอบภายใต้เงื่อนไขควบคุม ไม่ได้การันตีว่าฮาร์ดดิสก์ของเราจะไม่พังภายในระยะเวลานั้นๆ (เพราะปัจจัยการใช้งานจริงแตกต่างกันไป) แต่ก็พอจะบอกแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฮาร์ดดิสก์รุ่นนั้นๆ ได้ ยิ่งค่า MTBF สูง (เช่น 1 ล้านชั่วโมงขึ้นไปสำหรับ Desktop, 1.2-2.5 ล้านชั่วโมงสำหรับ Enterprise) หรือค่า AFR ต่ำ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทนทานกว่านะ นอกจากนี้ Workload Rating ก็เป็นอีกตัวเลขที่บอกความทนทานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นการใช้งานหนักๆ หรือทำงานตลอดเวลา ค่านี้จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์รองรับปริมาณข้อมูลที่เขียน/อ่านได้สูงสุดกี่ TB ต่อปี (เช่น 55 TB/ปี สำหรับ Desktop, 180 TB/ปี สำหรับ NAS/Surveillance, 550 TB/ปี สำหรับ Enterprise) ถ้าใช้งานหนักก็ควรเลือกตัวที่มีค่า Workload Rating สูงๆ เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์รองรับภาระงานของเราได้โดยไม่เกิดปัญหาเร็วเกินไป. และที่สำคัญสุดๆ คือเรื่องการรับประกัน! ควรเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ที่มีการรับประกันอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะรุ่นสำหรับ NAS หรือ Enterprise มักจะมีการรับประกัน 3-5 ปีเลยนะ การรับประกันที่นานกว่าแสดงถึงความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ผลิต และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ในระยะเวลารับประกัน เราก็ยังสามารถเคลมหรือเปลี่ยนตัวใหม่ได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ทันทีไงล่ะ อย่าลืมเช็กเงื่อนไขการรับประกันให้ดีด้วยนะจ๊ะ ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง ขั้นตอนการเคลมเป็นยังไง จะได้ไม่มีปัญหาทีหลังไงล่ะ. นอกจากนี้ บางแบรนด์ยังมีบริการกู้ข้อมูลให้ด้วย (เช่น Seagate IronWolf Pro มีบริการ Rescue Data Recovery Services) อันนี้ก็เป็นแต้มบวกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับข้อมูลที่สำคัญสุดๆ นะจ๊ะ. การใส่ใจเรื่องความทนทานและการรับประกันตั้งแต่แรก จะช่วยให้เราอุ่นใจในการใช้งานฮาร์ดดิสก์ไปได้ยาวๆ เลยนะ ลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลหาย และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างแน่นอน.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Internal Hard Disk

  • Q: HDD กับ SSD ต่างกันยังไง? ควรเลือกใช้อะไรดี?
    A: HDD (Hard Disk Drive) เป็นเทคโนโลยีเก่ากว่า ใช้จานแม่เหล็กในการเก็บข้อมูล มีข้อดีที่ราคาต่อความจุถูกมากๆ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะในราคาที่ไม่แพง แต่ข้อเสียคือความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลช้ากว่า และมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีโอกาสเสียหายจากการกระแทกได้ง่ายกว่า ส่วน SSD (Solid State Drive) เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า ใช้หน่วยความจำแบบ Flash ในการเก็บข้อมูล ข้อดีคือความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูงกว่ามาก ทำให้เปิดเครื่อง เปิดโปรแกรม โหลดเกมได้เร็วกว่า กินไฟน้อยกว่า และทนทานต่อการสั่นสะเทือนได้ดีกว่า แต่ข้อเสียคือราคาต่อความจุแพงกว่า HDD อย่างเห็นได้ชัด ถ้าเน้นความเร็วในการเปิดโปรแกรมหรือระบบปฏิบัติการ ควรเลือกใช้ SSD เป็นไดรฟ์หลัก แต่ถ้าเน้นเก็บข้อมูลปริมาณมากๆ ในราคาที่คุ้มค่า ควรเลือกใช้ HDD เป็นไดรฟ์รอง หลายคนจึงนิยมใช้ทั้ง SSD (สำหรับลง OS และโปรแกรมที่ใช้บ่อย) และ HDD (สำหรับเก็บข้อมูลอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่) ร่วมกัน เพื่อให้ได้ทั้งความเร็วและความจุที่ต้องการ
  • Q: ฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS กับ Surveillance เอามาใช้กับ PC ทั่วไปได้ไหม?
    A: technically คือ "ใช้ได้" แต่ "ไม่แนะนำ" ครับ ฮาร์ดดิสก์สำหรับ NAS และ Surveillance ถูกออกแบบมาให้ทำงานต่อเนื่อง 24/7 และปรับแต่งมาสำหรับภาระงานเฉพาะทาง (NAS สำหรับ Random Read/Write, Surveillance สำหรับ Sequential Write) ประสิทธิภาพในการใช้งานกับ PC ทั่วไปที่เน้นการเข้าถึงข้อมูลแบบผสมผสาน อาจจะไม่ดีเท่าฮาร์ดดิสก์ Desktop โดยตรง นอกจากนี้เฟิร์มแวร์และการตั้งค่าบางอย่างอาจไม่เหมาะกับการใช้งานใน PC ทั่วไป และคุณสมบัติพิเศษอย่างการรองรับการสั่นสะเทือนในระบบ Multi-Bay ก็จะไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือราคาของฮาร์ดดิสก์ NAS/Surveillance มักจะแพงกว่าฮาร์ดดิสก์ Desktop ในความจุเดียวกันด้วย ถ้าไม่ได้ใช้งานแบบ NAS หรือ Surveillance จริงๆ ซื้อฮาร์ดดิสก์ Desktop ที่ตรงกับการใช้งานและงบประมาณจะคุ้มค่ากว่าครับ
  • Q: ค่า RPM กับ Cache Size สำคัญกับการใช้งานฮาร์ดดิสก์ยังไง?
    A: RPM ย่อมาจาก Revolutions Per Minute คือความเร็วรอบในการหมุนของจานแม่เหล็กในฮาร์ดดิสก์ ยิ่งค่า RPM สูง (เช่น 7200 RPM) การเข้าถึงข้อมูลก็จะยิ่งเร็วขึ้น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลพอสมควร เช่น การเปิดโปรแกรม หรือการย้ายไฟล์ขนาดใหญ่ ส่วนค่า RPM ต่ำ (เช่น 5400 RPM) จะช้ากว่า แต่จะกินไฟน้อยกว่าและเงียบกว่า เหมาะกับการเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องการเข้าถึงบ่อยๆ Cache Size คือขนาดของหน่วยความจำแคชบนฮาร์ดดิสก์ ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่ถูกเข้าถึงบ่อยๆ เพื่อให้เรียกใช้งานครั้งต่อไปได้เร็วขึ้น ยิ่ง Cache Size ใหญ่ ก็ยิ่งช่วยให้ประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูลดีขึ้น โดยเฉพาะกับการทำงานแบบ Multi-tasking หรือการเข้าถึงไฟล์เล็กๆ จำนวนมาก สำหรับการใช้งานทั่วไป ฮาร์ดดิสก์ที่มี 7200 RPM และ Cache Size 64MB ขึ้นไปก็เพียงพอแล้วครับ แต่ถ้าเน้นประสิทธิภาพมากขึ้น รุ่นที่มี Cache Size ใหญ่กว่า (เช่น 256MB หรือ 512MB) ก็จะช่วยได้ครับ.
  • Q: ซื้อฮาร์ดดิสก์ภายในมาแล้ว ติดตั้งเองยากไหม?
    A: การติดตั้งฮาร์ดดิสก์ภายในลงในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปโดยทั่วไปไม่ยากครับ เพียงแค่เปิดเคสคอมพิวเตอร์ หา Bay สำหรับติดตั้งฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว (หรือ 2.5 นิ้ว ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์โน้ตบุ๊กและมี Bay รองรับ หรือใช้อะแดปเตอร์) แล้วเสียบสาย SATA Data และสาย SATA Power เข้ากับเมนบอร์ดและ Power Supply ตามลำดับ จากนั้นก็จัดการเรื่องการแบ่ง Partition และ Format ฮาร์ดดิสก์ใน Windows หรือระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ ถ้าไม่เคยทำมาก่อน สามารถดูวิดีโอสอนการติดตั้งได้ทาง YouTube มีเยอะแยะเลยครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ หรือกลัวจะทำอะไรเสียหาย แนะนำให้ปรึกษาหรือให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยติดตั้งให้จะปลอดภัยกว่าครับ.
  • Q: ทำยังไงให้ฮาร์ดดิสก์ใช้งานได้นานๆ ไม่พังง่าย?
    A: การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์ให้ใช้งานได้นานๆ ไม่ยากเลยครับ อย่างแรกคือ หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ขณะที่ฮาร์ดดิสก์กำลังทำงาน เพราะภายในมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวอยู่ การกระแทกอาจทำให้หัวอ่านไปชนกับจานแม่เหล็กและเกิดความเสียหายได้ อย่างที่สองคือ ดูแลเรื่องอุณหภูมิ ให้คอมพิวเตอร์มีการระบายอากาศที่ดี ไม่ให้อุณหภูมิภายในเคสสูงจนเกินไป อุณหภูมิที่สูงเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อายุการใช้งานของฮาร์ดดิสกส์ั้นลง อย่างที่สามคือ ปิดเครื่องอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงการดึงปลั๊กออกโดยตรง หรือการปิดเครื่องแบบกะทันหัน ควรใช้ฟังก์ชัน Shut Down ของระบบปฏิบัติการเสมอ เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์ได้หยุดการทำงานอย่างสมบูรณ์ อย่างที่สี่คือ ตรวจสอบสุขภาพฮาร์ดดิสก์เป็นประจำ สามารถใช้โปรแกรมต่างๆ ในการเช็กค่า S.M.A.R.T. (Self-Monitoring, Analysis, and Reporting Technology) ของฮาร์ดดิสก์ได้ ค่าเหล่านี้จะบอกสถานะและแนวโน้มการทำงานผิดปกติของฮาร์ดดิสก์ ถ้าพบค่าที่ผิดปกติจะได้เตรียมตัวสำรองข้อมูลและเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ก่อนที่มันจะพังจริงๆ สุดท้ายคือ สำรองข้อมูลสำคัญไว้เสมอ ไม่ว่าจะดูแลฮาร์ดดิสก์ดีแค่ไหน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็มีอายุการใช้งานและมีโอกาสเสียได้เสมอ การสำรองข้อมูลไว้ในที่อื่น เช่น External Hard Drive, Cloud Storage หรือระบบ NAS จะช่วยให้เราไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญไปหากฮาร์ดดิสก์ตัวหลักมีปัญหา.

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีครับสายช้อปออนไลน์ทุกท่าน! ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ไว้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมปี 2025 นี้ บอกเลยว่าตลาดหูฟังเดือดสุดๆ รุ่นใหม่ๆ โผล่มาเพียบ ทั้งดีไซน์ล้ำ เสียงเทพ ฟีเจอร์จัดเต็ม จะสายเปย์ สายประหยัด หรือสายแฟชั่นก็มีให้เลือกครบ วัน
10 Headphone ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ ดีไซน์โดนใจ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เกมเมอร์ชาวไทย! วันนี้มาเจอกับผมในฐานะกูรูนักช้อปออนไลน์เจ้าเก่า ที่จะมาเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์คู่ใจของชาวเรา นั่นก็คือ "หูฟังเกมมิ่ง" นั่นเอง! สำหรับใครที่งบน่ารักๆ ไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากได้หูฟังเสียงชัด แยกทิศ
10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงชัด แยกทิศทางแม่น
สวัสดีครับพี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ผมผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย ขอพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเสียงเพลงแบบสบายกระเป๋า กับหัวข้อที่ว่าด้วย "10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ช
10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ชันครบ

บทความยอดนิยม