10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เงียบสงบ โฟกัสทุกการสนทนา

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27 15:42
点赞
10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เงียบสงบ โฟกัสทุกการสนทนา

สวัสดีค่าาา! ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความสงบทางหูและสมาธิอันแน่วแน่! ในยุคที่เสียงรอบตัวถาโถมยิ่งกว่าพายุ ทั้งเสียงรถไฟฟ้า เสียงคนคุยกันในออฟฟิศ เสียงประกาศในสนามบิน หรือแม้แต่เสียงน้องหมาข้างห้องเห่าตอนประชุมออนไลน์เนี่ย ไอเทมที่จะช่วยชีวิตเราได้แบบสุดๆ ก็คือ "หูฟังตัดเสียงรบกวน" หรือที่เรียกกันติดปากว่า Noise Cancelling Headphones นั่นเองค่ะ! ปี 2025 นี้ เทคโนโลยีเค้าไปไกลมาก ตัดเสียงได้เนียนกริบจนบางทีก็แอบตกใจเหมือนกันว่า "เมื่อกี้มีเสียงอะไรดังๆ ด้วยเหรอ?" วันนี้เปรมิกาคนเดิม เพิ่มเติมคือดีกรีความอินเรื่องหูฟัง จะมาเปิดลิสต์ 10 หูฟังตัดเสียงรบกวนตัวท็อป ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง เงียบจริง ฟังชัดทุกการสนทนา แถมฟังเพลงก็เพราะ ดูหนังก็ฟิน จะมีรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยจ้า!

1. Sony WH-1000XM5

  • ชื่อแบรนด์: Sony
  • ชื่อสินค้า: WH-1000XM5 Wireless Noise Cancelling Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 10,990 - 14,990 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในใจหลายๆ คน และเป็นคู่แข่งตลอดกาลของ Bose เลยทีเดียวค่ะ Sony WH-1000XM5 มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ใส่แล้วเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัว ไม่ว่าจะอยู่บนเครื่องบิน รถไฟฟ้า หรือคาเฟ่เสียงดัง ก็ยังได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงสนทนาชัดแจ๋ว คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio พร้อม LDAC ให้รายละเอียดคมชัดทุกย่าน เบสแน่นกำลังดี กลางแหลมเคลียร์ใส แถมดีไซน์ยังใส่สบาย น้ำหนักเบา พกพาสะดวก เป็นหูฟังคู่ใจที่ต้องมีจริงๆ ค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: ระบบตัดเสียงรบกวนดีที่สุดอันดับต้นๆ、คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio、ใส่สบาย น้ำหนักเบา、แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน、ไมโครโฟนรับเสียงพูดชัดเจน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive Noise Cancellation: เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะที่ปรับระดับการตัดเสียงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมรอบข้างโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเปลี่ยนสถานที่ ก็ยังคงความเงียบสงบได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราไม่ต้องคอยปรับตั้งค่าเอง สะดวกสุดๆ ค่ะ
    • Transparency Mode: เปิดรับเสียงรอบข้างให้ได้ยินชัดเจน ไม่ต้องถอดหูฟังออก เหมาะเวลาต้องการฟังประกาศ เดินข้ามถนน หรือคุยกับคนรอบข้าง สามารถเลือกปรับระดับเสียงรอบข้างได้ตามต้องการใช้งานเลยค่ะ
    • Speak-to-Chat: ฟังก์ชันสุดล้ำที่จะหยุดเพลงและเปิดโหมด Transparency ให้อัตโนมัติทันทีที่เราเริ่มพูดสนทนา และจะกลับมาเล่นเพลงต่อเมื่อเราหยุดพูดไปสักพัก สะดวกมากๆ เวลาสั่งกาแฟหรือตอบคำถามคนอื่นค่ะ
    • Multipoint Connection: เชื่อมต่อกับอุปกรณ์พร้อมกันได้สองเครื่อง สลับใช้งานได้อย่างราบรื่น เช่น ฟังเพลงจากโน้ตบุ๊กอยู่ แล้วมีสายเข้าที่มือถือ ก็รับสายคุยได้ทันทีโดยไม่ต้องถอดหรือเชื่อมต่อใหม่
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเดินทาง, ผู้ที่ต้องเดินทางด้วยรถสาธารณะบ่อยๆ, คนทำงานในออฟฟิศที่มีเสียงรบกวน, นักเรียนนักศึกษาที่ต้องการสมาธิ, ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงคุณภาพสูง
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)Codec ที่รองรับไดรเวอร์น้ำหนักการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)Hybrid Adaptive ANC5.2/5.3สูงสุด 30-40 ชั่วโมงSBC, AAC, LDAC40 มม.ประมาณ 250 กรัมUSB-C

2. Bose QuietComfort Ultra Headphones

  • ชื่อแบรนด์: Bose
  • ชื่อสินค้า: QuietComfort Ultra Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 15,900 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: นี่คืออีกหนึ่งเจ้าพ่อแห่งวงการตัดเสียงรบกวน ที่หลายคนยกให้ว่าตัดเสียงได้เงียบกริบจริงๆ! Bose QuietComfort Ultra Headphones ไม่ได้มีดีแค่ ANC ระดับโลก แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Immersive Audio ที่ให้ประสบการณ์เสียงแบบรอบทิศทาง สมจริงสุดๆ เหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตหรือโรงหนังเลยทีเดียว ดีไซน์พรีเมียม ใส่สบาย ไม่บีบหัว แม้ใส่นานๆ ก็ไม่เมื่อย เป็นหูฟังที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความเงียบและคุณภาพเสียงขั้นสุดค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: ระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุด、เทคโนโลยี Immersive Audio สุดสมจริง、ใส่สบาย ดีไซน์พรีเมียม、คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม、ควบคุมง่ายผ่านปุ่มและแอป
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • World-Class Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bose ที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูง สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างน่าทึ่ง ช่วยให้เราหลุดเข้าสู่โลกส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเสียงดังแค่ไหนค่ะ
    • Immersive Audio: เทคโนโลยีเสียงเชิงพื้นที่ที่สร้างประสบการณ์การฟังแบบสามมิติ ทำให้เสียงดนตรีหรือเสียงจากคอนเทนต์ต่างๆ มีมิติและตำแหน่งที่ชัดเจน เหมือนเสียงมาจากรอบทิศทาง เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงหรือดูหนังได้อย่างยอดเยี่ยมค่ะ
    • Aware Mode: โหมดที่เปิดให้เราได้ยินเสียงรอบข้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องถอดหูฟัง ทำให้เรายังคงรับรู้สภาพแวดล้อมเพื่อความปลอดภัย หรือเพื่อพูดคุยกับผู้อื่นได้อย่างสะดวกสบายค่ะ
    • Adjustable EQ: สามารถปรับแต่ง Equalizer (EQ) ผ่านแอปพลิเคชัน Bose Music เพื่อปรับแนวเสียงให้ตรงกับความชอบส่วนตัว ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ถูกใจที่สุดสำหรับแนวเพลงหรือคอนเทนต์ที่เราฟังค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุด, คนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงและเทคโนโลยีเสียงเชิงพื้นที่, นักเดินทาง, คนทำงานที่ต้องการสมาธิขั้นสูง
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)Immersive Audioการควบคุมน้ำหนักการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)World-Class ANC5.1สูงสุด 24 ชั่วโมงรองรับปุ่มและแอปประมาณ 250 กรัมUSB-C

3. Apple AirPods Max

  • ชื่อแบรนด์: Apple
  • ชื่อสินค้า: AirPods Max
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 18,900 - 19,900 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: สำหรับสาวก Apple นี่คือหูฟังตัดเสียงรบกวนระดับพรีเมียมที่ต้องมี! AirPods Max โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู วัสดุคุณภาพสูง และการตัดเสียงรบกวนที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างลงตัวสุดๆ มี Transparency Mode ที่เป็นธรรมชาติ และ Spatial Audio พร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิกที่ให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางเหมือนดูหนังในโรง คุณภาพเสียงดีเยี่ยมตามสไตล์ Apple ค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: การตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม、คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม、Spatial Audio สุดสมจริง、เชื่อมต่อและใช้งานง่ายใน Ecosystem ของ Apple、ดีไซน์และวัสดุพรีเมียม
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Active Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟที่ทำงานด้วยชิป H1 ในแต่ละข้างของหูฟัง ช่วยตรวจจับเสียงรบกวนภายนอกและสร้างคลื่นเสียงที่ตรงข้ามเพื่อหักล้างเสียงเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราได้ยินแต่เสียงที่เราต้องการฟังเท่านั้นค่ะ
    • Transparency Mode: โหมดฟังเสียงภายนอกที่ให้เสียงเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการได้ยินเสียงรอบตัวเพื่อความปลอดภัยหรือการสื่อสาร ทำให้ไม่ต้องถอดหูฟังออกบ่อยๆ ค่ะ
    • Spatial Audio with Dynamic Head Tracking: สร้างประสบการณ์เสียงแบบโรงภาพยนตร์ ทำให้เสียงเหมือนมาจากทิศทางต่างๆ รอบตัว และเสียงจะยังคงมาจากทิศทางนั้นๆ แม้เราจะขยับศีรษะไปมา เหมาะกับการดูหนังหรือฟังเพลงที่รองรับ ให้ความรู้สึกสมจริงมากๆ ค่ะ
    • Adaptive EQ: ปรับเสียงตามความพอดีและการสวมใส่ของหูฟังในแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและสม่ำเสมอ ทำให้เสียงดนตรีมีความสมดุลและรายละเอียดครบถ้วนตามที่ควรจะเป็นค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ Apple, ผู้ที่ต้องการหูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูงที่ทำงานร่วมกับ iPhone, iPad, Mac ได้ดี, คนที่ชอบดูหนังฟังเพลงแบบ Spatial Audio, ผู้ที่มองหาหูฟังดีไซน์พรีเมียม
ประเภทANCBluetoothชิปSpatial Audioแบตเตอรี่น้ำหนักการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)Active Noise Cancellation5.0Apple H1 (ในแต่ละข้าง)รองรับ (พร้อม Dynamic Head Tracking)สูงสุด 20 ชั่วโมงประมาณ 384.8 กรัมLightning

4. Sennheiser Momentum 4 Wireless

  • ชื่อแบรนด์: Sennheiser
  • ชื่อสินค้า: Momentum 4 Wireless
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 11,990 - 14,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sennheiser เป็นอีกแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียง และ Momentum 4 Wireless ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ โดดเด่นด้วยคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sennheiser ที่หลายคนชื่นชอบ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Adaptive ที่ทำงานได้ดีเยี่ยม อีกหนึ่งจุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานมากๆ สูงสุดถึง 60 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ เหมาะกับการเดินทางไกล หรือคนที่ใช้งานหูฟังตลอดวันค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Sennheiser、แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสุดๆ、ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Adaptive、ใส่สบาย ปรับขนาดได้ง่าย、รองรับ Codec คุณภาพสูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนที่สามารถปรับระดับการตัดเสียงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมรอบตัวโดยอัตโนมัติ ช่วยลดเสียงรบกวนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับเสียงเพลงหรือคอนเทนต์ที่ฟังได้อย่างเต็มที่ค่ะ
    • Transparency Mode: โหมดที่ให้เราฟังเสียงรอบข้างได้ชัดเจนโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการรับรู้สถานการณ์รอบตัว เช่น ฟังประกาศ หรือพูดคุยกับผู้อื่นได้อย่างสะดวกค่ะ
    • Sound Personalization: ปรับแต่งโปรไฟล์เสียงให้เข้ากับรสนิยมการฟังส่วนตัวของเราได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Sennheiser Smart Control ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและถูกใจเรามากที่สุดสำหรับแนวเพลงต่างๆ ค่ะ
    • 60-Hour Battery Life: อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานโดดเด่นเป็นพิเศษ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 60 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เหมาะกับการเดินทางไกล หรือใช้งานตลอดวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: Audiophile ที่ต้องการหูฟังตัดเสียงรบกวนพร้อมคุณภาพเสียงดีเยี่ยม, นักเดินทางบ่อยๆ ที่ต้องการแบตเตอรี่อึดๆ, ผู้ที่ใช้งานหูฟังเป็นเวลานานตลอดวัน
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)ไดรเวอร์Codec ที่รองรับน้ำหนักการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)Adaptive Noise Cancellation5.2สูงสุด 60 ชั่วโมง42 มม.SBC, AAC, aptX, aptX Adaptiveประมาณ 293 กรัมUSB-C

5. Anker Soundcore Space Q45

  • ชื่อแบรนด์: Anker Soundcore
  • ชื่อสินค้า: Space Q45 Adaptive Noise Cancelling Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,445 - 5,490 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ใครว่าหูฟัง ANC ดีๆ ต้องราคาแพงเสมอไป? Anker Soundcore Space Q45 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ค่ะ ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Adaptive ที่ Anker เคลมว่าลดเสียงได้สูงสุดถึง 98% พร้อมแบตเตอรี่ที่อึดสุดๆ ฟังได้ยาวนานถึง 50 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC แถมยังรองรับ Hi-Res Audio Wireless ด้วย LDAC ให้เสียงคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงง่าย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาหูฟัง ANC ฟังก์ชันครบในงบที่เป็นมิตรค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: ระบบตัดเสียงรบกวนดีเยี่ยมในราคาย่อมเยา、แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมาก、รองรับ Hi-Res Audio Wireless (LDAC)、ใส่สบาย、ปรับแต่งผ่านแอปพลิเคชันได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับได้ที่สามารถลดเสียงรบกวนได้หลากหลายย่านความถี่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์ เสียงคนคุย หรือเสียงรบกวนอื่นๆ ช่วยสร้างความเงียบสงบเพื่อให้คุณโฟกัสกับการฟังเพลงหรือทำงานได้อย่างเต็มที่ค่ะ
    • Up to 50 Hours Playtime (with ANC): มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูงที่ให้เวลาฟังเพลงได้ยาวนานถึง 50 ชั่วโมงเมื่อเปิดใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน และสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 65 ชั่วโมงเมื่อปิด ANC ตอบโจทย์การใช้งานต่อเนื่องตลอดวันหรือระหว่างเดินทางไกลค่ะ
    • Hi-Res Audio Wireless with LDAC: รองรับการส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายคุณภาพสูงผ่าน Codec LDAC ทำให้สามารถฟังเพลงในระดับ Hi-Res Audio ได้แบบไร้สาย ให้รายละเอียดเสียงที่คมชัดและสมจริงมากขึ้นค่ะ
    • Multipoint Connection: สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์พร้อมกันได้สองเครื่อง เช่น โทรศัพท์มือถือและโน้ตบุ๊ก ทำให้สลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก ไม่ต้องคอยตัดการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อใหม่ค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่มองหาหูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพดีในงบประมาณที่จำกัด, นักเดินทางที่ต้องการแบตเตอรี่อึดๆ, ผู้ที่ต้องการหูฟังฟังก์ชันครบครันในราคาคุ้มค่า
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)ไดรเวอร์Codec ที่รองรับการเชื่อมต่อการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)Adaptive Noise Cancellation5.3สูงสุด 50 ชั่วโมง40 มม.SBC, AAC, LDACMultipointUSB-C

6. Technics EAH-A800

  • ชื่อแบรนด์: Technics
  • ชื่อสินค้า: EAH-A800 Wireless Noise Cancelling Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 10,191 - 11,990 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Technics กลับมาพร้อมหูฟังที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ EAH-A800 เป็นหูฟังแบบครอบหูที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนคุณภาพดี จุดเด่นคือคุณภาพเสียงที่ชัดเจน รายละเอียดดีเยี่ยม และไมโครโฟนสำหรับการโทรที่คมชัดมากๆ คุยงาน ประชุมออนไลน์ หรือคุยโทรศัพท์ก็ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวน แถมแบตเตอรี่ก็อึดใช้ได้นานถึง 50 ชั่วโมง เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่เน้นการใช้งานแบบครบวงจร ทั้งฟังเพลง ทำงาน และสื่อสารค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: ไมโครโฟนคุณภาพดีมากสำหรับการโทร、ระบบตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพ、คุณภาพเสียงชัดเจน รายละเอียดดี、แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน、ใส่สบาย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Dual Hybrid Noise Cancelling: ใช้เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบ Dual Hybrid ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของ Feedforward ANC และ Feedback ANC เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนสูงสุด ครอบคลุมเสียงรบกวนได้หลากหลายความถี่ ทำให้ได้ความเงียบที่น่าพอใจค่ะ
    • Excellent Call Quality: มาพร้อมไมโครโฟนคุณภาพสูงหลายตัวและเทคโนโลยีตรวจจับเสียงพูด ทำให้สามารถรับเสียงพูดได้อย่างคมชัด พร้อมลดเสียงรบกวนรอบข้างระหว่างการโทรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการสนทนาทางโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์มากๆ ค่ะ
    • Transparency Mode: โหมดเปิดรับเสียงภายนอกที่สามารถปรับระดับได้ ช่วยให้เราได้ยินเสียงรอบข้างได้ชัดเจนเมื่อต้องการ เช่น ฟังประกาศที่สนามบิน หรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานโดยไม่ต้องถอดหูฟังค่ะ
    • Long Battery Life: ให้เวลาใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานสูงสุดถึง 50 ชั่วโมงเมื่อเปิดใช้งานระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดวันหรือระหว่างการเดินทางไกลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ต้องการหูฟังสำหรับ Work from Home หรือประชุมออนไลน์บ่อยๆ, ผู้ที่เน้นคุณภาพเสียงและการโทรที่คมชัด, นักเดินทาง
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)ไดรเวอร์Codec ที่รองรับไมโครโฟนการชาร์จ
ครอบหู (Over-ear)Dual Hybrid ANC5.2สูงสุด 50 ชั่วโมง40 มม.SBC, AAC, LDACหลายตัวพร้อมเทคโนโลยีรับเสียงพูดUSB-C

7. Bose QuietComfort Ultra Earbuds

  • ชื่อแบรนด์: Bose
  • ชื่อสินค้า: QuietComfort Ultra Earbuds
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 11,490 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้าชอบความเงียบระดับ Bose แต่พกพาสะดวกแบบ True Wireless Earbuds ต้องตัวนี้เลยค่ะ Bose QuietComfort Ultra Earbuds มอบประสบการณ์ตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้หูฟังแบบครอบหูของแบรนด์ พร้อม Immersive Audio ในขนาดที่เล็กลง ใส่สบาย กระชับหู เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ออกกำลังกาย หรือเดินทาง ที่ต้องการความคล่องตัวแต่ยังคงประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนที่ดีเยี่ยมค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: ระบบตัดเสียงรบกวนดีเยี่ยมในรูปแบบ Earbuds、Immersive Audio ในขนาดเล็ก、ใส่สบาย กระชับหู、โหมดฟังเสียงภายนอกเป็นธรรมชาติ、กันน้ำกันเหงื่อ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • World-Class Noise Cancellation: มอบประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนระดับแนวหน้าในรูปแบบของหูฟังเอียร์บัด ช่วยลดเสียงรบกวนรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังค่ะ
    • Immersive Audio: เทคโนโลยีเสียงเชิงพื้นที่ที่ให้ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางในขนาดที่พกพาสะดวก ทำให้รู้สึกเหมือนเสียงมาจากรอบตัว เพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมได้อย่างสมจริงมากขึ้นค่ะ
    • Aware Mode with ActiveSense™: โหมดฟังเสียงภายนอกที่ให้เสียงรอบตัวเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ และเทคโนโลยี ActiveSense™ จะช่วยลดเสียงดังที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อปกป้องหูของเรา ทำให้ยังคงรับรู้สภาพแวดล้อมได้อย่างปลอดภัยและสบายหูค่ะ
    • CustomTune Technology: เทคโนโลยีที่ปรับเสียงและการตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมกับสรีระของหูแต่ละบุคคลโดยอัตโนมัติ ทำให้ได้คุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้แต่ละคนค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการหูฟังตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดในรูปแบบ Earbuds, คนที่เน้นความสะดวกพกพาและคล่องตัว, ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย (มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ), ผู้ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)แบตเตอรี่ (รวมเคส)กันน้ำ/กันเหงื่อImmersive Audioการชาร์จเคส
True Wireless EarbudsWorld-Class ANC5.3สูงสุด 6 ชั่วโมงสูงสุด 24 ชั่วโมงIPX4รองรับUSB-C, ไร้สาย (Qi)

8. Samsung Galaxy Buds3 Pro

  • ชื่อแบรนด์: Samsung
  • ชื่อสินค้า: Galaxy Buds3 Pro
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 7,490 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: สำหรับผู้ใช้งาน Samsung Galaxy หรือ Android นี่คือตัวเลือก True Wireless ANC ระดับพรีเมียมที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ Galaxy Buds3 Pro มาพร้อม Adaptive ANC ที่ปรับการตัดเสียงตามสภาพแวดล้อม คุณภาพเสียงระดับ Ultimate Hi-Fi 24bit/96kHz ให้รายละเอียดเสียงคมชัด พร้อมระบบเสียง 360 องศาเพื่อประสบการณ์ที่สมจริง ดีไซน์ใหม่ใส่สบายขึ้น ไมโครโฟนรับเสียงพูดได้ดี เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการฟังเพลงคุณภาพสูงค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: Adaptive ANC ที่ปรับได้หลายระดับ、คุณภาพเสียง Hi-Fi 24bit/96kHz、ระบบเสียง 360 องศา、ดีไซน์ใหม่ใส่สบาย、ไมโครโฟนชัดเจนสำหรับการโทร
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive ANC: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับอัตโนมัติที่สามารถเลือกปรับระดับการตัดเสียงได้ถึง 5 ระดับ หรือจะให้ระบบปรับอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมก็ได้ ช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราโฟกัสกับสิ่งที่ฟังได้เต็มที่ค่ะ
    • Ultimate Hi-Fi 24bit/96kHz Audio: รองรับคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอที่ความละเอียด 24bit/96kHz ให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน คมชัด และสมจริงยิ่งกว่าเดิม ทำให้ได้อรรถรสในการฟังเพลงระดับพรีเมียมค่ะ
    • 360 Audio: ระบบเสียงรอบทิศทางที่ให้ประสบการณ์เสียงเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง เสียงจะถูกปรับตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ ทำให้รู้สึกเหมือนเสียงมาจากทิศทางต่างๆ รอบตัว เหมาะกับการดูหนังหรือฟังเพลงที่รองรับค่ะ
    • Ambient Mode: โหมดที่เปิดรับเสียงรอบข้างให้เราได้ยินเสียงจากภายนอก โดยไม่ต้องถอดหูฟัง สามารถปรับระดับเสียงรอบข้างได้ ทำให้เรายังคงรับรู้สภาพแวดล้อมเพื่อความปลอดภัย หรือพูดคุยกับผู้อื่นได้อย่างสะดวกค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy หรือ Android, ผู้ที่ต้องการหูฟัง True Wireless ANC คุณภาพเสียงดี, ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงคุณภาพสูงและระบบเสียง 360 องศา, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)แบตเตอรี่ (รวมเคส)คุณภาพเสียงระบบเสียงกันน้ำ/กันเหงื่อ
True Wireless EarbudsAdaptive ANC (5 ระดับ)5.4สูงสุด 6 ชั่วโมงสูงสุด 24 ชั่วโมงHi-Fi 24bit/96kHz360 AudioIPX2

9. Sennheiser Momentum True Wireless 4

  • ชื่อแบรนด์: Sennheiser
  • ชื่อสินค้า: Momentum True Wireless 4
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 7,990 - 11,890 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sennheiser Momentum True Wireless 4 คือ True Wireless ระดับเรือธงที่เน้นคุณภาพเสียงตามสไตล์ Sennheiser พร้อม Adaptive ANC ที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น รองรับเทคโนโลยีเสียงใหม่ๆ อย่าง aptX Lossless และ Auracast ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและพร้อมสำหรับอนาคต ดีไซน์พรีเมียม ใส่สบาย แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน และมีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ เหมาะกับคนที่ต้องการ True Wireless ANC คุณภาพเสียงดีเยี่ยม และฟีเจอร์ล้ำๆ ค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับ Audiophile、Adaptive ANC ที่มีประสิทธิภาพ、รองรับ aptX Lossless และ Auracast、ดีไซน์พรีเมียม ใส่สบาย、กันน้ำกันเหงื่อ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับอัตโนมัติที่ปรับระดับการตัดเสียงตามสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดเสียงรบกวนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับเสียงเพลงหรือคอนเทนต์ที่ฟังได้อย่างเต็มที่ค่ะ
    • Transparency Mode: โหมดที่เปิดรับเสียงรอบข้างให้ได้ยินอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยให้เรายังคงรับรู้สภาพแวดล้อมเพื่อความปลอดภัย หรือพูดคุยกับผู้อื่นได้สะดวก โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกค่ะ
    • aptX Lossless & Auracast Support: รองรับ Codec aptX Lossless เพื่อการฟังเพลงแบบไร้สายคุณภาพสูงสุดระดับ Lossless และพร้อมสำหรับเทคโนโลยี Auracast ที่จะปฏิวัติการกระจายเสียงในอนาคต ทำให้หูฟังพร้อมใช้งานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ค่ะ
    • Up to 30 Hours Playtime (with case): ให้เวลาใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 7.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อรวมกับเคสชาร์จสามารถใช้งานได้รวมสูงสุดถึง 30 ชั่วโมง ตอบโจทย์การใช้งานได้ตลอดวันค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: Audiophile ที่ต้องการ True Wireless ANC คุณภาพเสียงดีที่สุด, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีเสียงไร้สายล่าสุด, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ออกกำลังกาย (มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ)
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)แบตเตอรี่ (รวมเคส)Codec ที่รองรับกันน้ำ/กันเหงื่อฟีเจอร์เด่น
True Wireless EarbudsAdaptive Noise Cancellation5.4สูงสุด 7.5 ชั่วโมงสูงสุด 30 ชั่วโมงSBC, AAC, aptX, aptX Adaptive/LosslessIP54Auracast

10. JBL Tour Pro 3

  • ชื่อแบรนด์: JBL
  • ชื่อสินค้า: Tour Pro 3
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 11,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: JBL Tour Pro 3 เป็น True Wireless ANC ที่โดดเด่นด้วยเคสชาร์จแบบ Smart Case ที่มีหน้าจอสัมผัส! สามารถควบคุมการเล่นเพลง ปรับ ANC รับสาย หรือดูการแจ้งเตือนได้จากเคสโดยตรง โดยไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมา พร้อมระบบ Adaptive Noise Cancelling แบบเรียลไทม์ คุณภาพเสียงดีตามสไตล์ JBL และรองรับ Spatial Sound เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบความล้ำสมัยและฟังก์ชันการควบคุมที่แปลกใหม่ค่ะ
  • จุดเด่นสินค้า: Smart Case พร้อมหน้าจอสัมผัส、Adaptive Noise Cancelling แบบเรียลไทม์、คุณภาพเสียง JBL Pro Sound、รองรับ Spatial Sound、แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • Adaptive Noise Cancelling & Smart Ambient: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ที่ปรับตามสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมโหมด Smart Ambient ที่ให้ได้ยินเสียงรอบข้างในระดับที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยค่ะ
    • Smart Case with Touch Display: เคสชาร์จที่มีหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กในตัว ทำให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของหูฟังได้โดยตรงจากเคส เช่น ควบคุมเพลง ปรับ ANC ตั้งค่า หรือดูการแจ้งเตือน สะดวกและล้ำสมัยมากๆ ค่ะ
    • Spatial Sound: สร้างประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง ทำให้รู้สึกเหมือนเสียงมาจากทิศทางต่างๆ รอบตัว เพิ่มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์ที่รองรับได้อย่างเต็มที่ค่ะ
    • JBL Pro Sound: คุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ JBL ให้เสียงเบสที่หนักแน่น รายละเอียดเสียงครบถ้วน สามารถปรับแต่ง EQ ได้ตามความชอบผ่านแอปพลิเคชัน JBL Headphones เพื่อให้ได้เสียงที่ถูกใจที่สุดค่ะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและฟังก์ชันการควบคุมที่ล้ำสมัย, คนที่ต้องการ True Wireless ANC คุณภาพเสียงดี, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ผู้ที่ชอบฟังเพลงเบสหนักๆ
ประเภทANCBluetoothแบตเตอรี่ (ANC On)แบตเตอรี่ (รวมเคส)กันน้ำ/กันเหงื่อฟีเจอร์เด่นการชาร์จเคส
True Wireless EarbudsAdaptive Noise Cancelling5.3สูงสุด 8 ชั่วโมงสูงสุด 30 ชั่วโมงIPX5Smart CaseUSB-C, ไร้สาย (Qi)

เคล็ดลับ (ไม่) ลับ! เลือกซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวนให้ถูกใจ ใช่เลย!

  • 1. สไตล์การใช้งานและสถานที่ฟัง สำคัญที่สุด!
    ก่อนจะควักเงินในกระเป๋าจ่ายค่าหูฟังตัดเสียงรบกวนแพงๆ เนี่ย เราต้องมาสำรวจพฤติกรรมตัวเองก่อนค่ะว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะใช้หูฟังที่ไหนและทำอะไรเป็นหลัก? ถ้าคุณเป็นสายเดินทางบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถทัวร์ เครื่องบิน ที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังๆ เสียงคนจอแจเนี่ย หูฟังแบบครอบหู (Over-ear) ที่มีระบบ Active Noise Cancellation (ANC) คุณภาพสูง คือตอบโจทย์ที่สุดค่ะ เพราะตัวหูฟังจะช่วยป้องกันเสียงรบกวนทางกายภาพได้ดีระดับหนึ่งอยู่แล้ว พอผนวกกับเทคโนโลยี ANC ที่จะสร้างคลื่นเสียงมาหักล้างเสียงภายนอกอีกชั้นเนี่ย รับรองว่าความเงียบสงบจะบังเกิดค่ะ คุณจะสามารถฟังเพลง พอดแคสต์ หรือดูหนังได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องเร่งเสียงแข่งกับเสียงรอบข้างให้ปวดแก้วหู ข้อดีอีกอย่างของหูฟังครอบหูคือมักจะมีแบตเตอรี่ที่อึดกว่า ใส่ได้นานต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางคัน แถมยังให้คุณภาพเสียงที่ดี มีมิติ เบสแน่น รายละเอียดครบถ้วนกว่าหูฟังขนาดเล็กด้วยค่ะ แต่ถ้าคุณเป็นสายลุย ชอบออกกำลังกาย หรือต้องการความคล่องตัวสูงสุดในชีวิตประจำวัน เดินไปไหนมาไหนก็สะดวก ไม่เกะกะกระเป๋าเสื้อผ้า หูฟัง True Wireless Earbuds ที่มี ANC คือทางเลือกที่ดีงามค่ะ แม้ประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนอาจจะไม่เท่าแบบครอบหูตัวท็อป แต่ก็ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ทำให้ฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ในที่ที่มีเสียงรบกวนไม่มากถึงปานกลางได้สบายๆ แถมเดี๋ยวนี้ True Wireless ANC รุ่นใหม่ๆ ก็พัฒนาไปมาก ทั้งเรื่องคุณภาพเสียง การใส่สบาย และฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่ฉลาดขึ้น อย่างเช่น Adaptive ANC ที่ปรับตามสภาพแวดล้อมอัตโนมัติ หรือมีโหมดฟังเสียงภายนอกที่ธรรมชาติมากๆ ด้วย นอกจากนี้ อย่าลืมดูเรื่องคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ (IP Rating) ด้วยนะคะ ถ้าเน้นใส่ออกกำลังกาย เลือกที่มีค่า IPX4 ขึ้นไปก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ค่ะ ดังนั้น ลองพิจารณาดูว่าไลฟ์สไตล์แบบไหนที่ใช่สำหรับเรา แล้วค่อยเลือกประเภทหูฟังให้ตอบโจทย์นะคะ จะได้ใช้ประโยชน์จากน้องหูฟังได้อย่างเต็มที่ ไม่มีผิดหวังค่ะ
  • 2. ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) และคุณภาพเสียง ต้องลองฟังก่อนตัดสินใจ
    หัวใจหลักของหูฟังประเภทนี้ก็คือ ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation หรือ ANC) นี่แหละค่ะ แต่เชื่อไหมว่าหูฟัง ANC แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ เนี่ย มีประสิทธิภาพในการตัดเสียงที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ บางรุ่นตัดเสียงความถี่ต่ำๆ อย่างเสียงเครื่องยนต์ เสียงแอร์ เสียงพัดลม ได้ดีมากๆ แต่กับเสียงคนคุยกัน เสียงประกาศ หรือเสียงแหลมๆ อาจจะยังเล็ดลอดเข้ามาได้บ้าง ในขณะที่บางรุ่นก็จัดการกับเสียงรบกวนได้เกือบทุกย่านความถี่เลยค่ะ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ถ้าเป็นไปได้ ควรไปลองฟังของจริงที่ร้านค่ะ! พกเพลย์ลิสต์เพลงโปรดไปเลย ลองเปิดเพลงที่คุ้นเคยในระดับเสียงปกติ แล้วลองเปิดใช้งาน ANC ดูว่าเสียงรอบข้างที่เราไม่ต้องการได้ยินหายไปมากน้อยแค่ไหน ยิ่งลองในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงของเรามากเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ เช่น ถ้ารู้ว่าหลักๆ จะใช้บนรถไฟฟ้า ก็ลองไปหาร้านที่อยู่ใกล้สถานี หรือถ้าในร้านมีเสียงดังๆ ลองใส่แล้วเปิด ANC ดูค่ะ นอกจากเรื่องการตัดเสียงรบกวนแล้ว คุณภาพเสียง ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันนะคะ หูฟังตัดเสียงรบกวนที่ดี ไม่ใช่แค่ตัดเสียงได้เงียบ แต่เสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆ ที่เราฟังต้องยังคงความชัดเจน มีมิติ รายละเอียดครบถ้วน ไม่เพี้ยนไปจากเดิมค่ะ ลองฟังเพลงหลายๆ แนวที่เราชอบ ทั้งแนวที่มีเบสหนักๆ แนวที่เน้นเสียงร้องใสๆ หรือแนวที่มีรายละเอียดเครื่องดนตรีเยอะๆ เพื่อทดสอบว่าหูฟังให้เสียงที่เราชอบหรือเปล่า บางรุ่นอาจจะมีแอปพลิเคชันให้ปรับ Equalizer (EQ) ได้ ซึ่งจะช่วยให้เราปรับแต่งแนวเสียงให้ตรงกับความชอบส่วนตัวได้มากขึ้นค่ะ อย่าลืมลองฟังในระดับเสียงที่เราฟังเป็นประจำด้วยนะคะ เพราะการเปิดเสียงดังเกินไปนอกจากจะเป็นอันตรายต่อการได้ยินแล้ว ยังทำให้คุณภาพเสียงลดลงได้ด้วยค่ะ การลองฟังก่อนซื้อจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าหูฟังตัวนั้นทั้งตัดเสียงได้ดี และให้คุณภาพเสียงที่เราพอใจจริงๆ ค่ะ
  • 3. ฟังก์ชันเสริมอื่นๆ และความคุ้มค่า เกินความจำเป็นหรือไม่?
    นอกจากระบบตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงแล้ว หูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ๆ ในปี 2025 เนี่ย เค้ามีฟังก์ชันเสริมมาให้เยอะแยะมากมายเลยค่ะ ซึ่งบางทีก็อาจจะล่อตาล่อใจจนเราเผลอจ่ายแพงเกินไปโดยที่ฟังก์ชันนั้นๆ เราอาจจะไม่ได้ใช้เลยก็ได้นะ ลองมาดูกันว่ามีฟังก์ชันอะไรบ้างที่เราควรถามใจตัวเองก่อนว่า "จำเป็นกับเราจริงๆ ไหม" เช่น ฟังก์ชัน Transparency Mode หรือโหมดฟังเสียงภายนอก มีประโยชน์มากเวลาที่เราต้องเดินทางแล้วอยากได้ยินเสียงประกาศ หรือเวลาที่ต้องคุยกับคนรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง ถ้าไลฟ์สไตล์ของเราต้องเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ ฟังก์ชันนี้ก็สำคัญค่ะ Multipoint Connection ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์พร้อมกันได้สองเครื่อง ก็สะดวกสำหรับคนที่ใช้ทั้งมือถือและโน้ตบุ๊ก สลับไปมาระหว่างทำงานกับรับสายได้อย่างราบรื่น ถ้าคุณทำงานที่ต้องใช้สองอุปกรณ์พร้อมกัน ฟังก์ชันนี้ก็คุ้มค่าที่จะมองหาค่ะ Spatial Audio หรือระบบเสียงรอบทิศทาง เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังฟังเพลงที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ให้ประสบการณ์ที่สมจริงเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ แต่ถ้าส่วนใหญ่เน้นฟังเพลงทั่วไป อาจจะไม่ใช่ฟังก์ชันที่จำเป็นขนาดนั้นค่ะ คุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อ (IP Rating) ถ้าเป็นคนชอบออกกำลังกาย หรือใช้งานในสภาพอากาศที่อาจจะเจอฝนเจอเหงื่อบ่อยๆ ฟังก์ชันนี้ก็ช่วยให้หูฟังทนทานขึ้นค่ะ สุดท้าย เรื่อง แบตเตอรี่ หูฟังตัดเสียงรบกวนส่วนใหญ่จะใช้พลังงานมากกว่าหูฟังธรรมดา เพราะต้องเลี้ยงระบบ ANC ด้วย ลองดูว่าระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันของเราไหม บางรุ่นมีฟังก์ชันชาร์จเร็ว หรือรองรับการชาร์จไร้สายด้วย ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกได้ค่ะ อย่าลืมดูเรื่อง ไมโครโฟนสำหรับการโทร ด้วยนะคะ ถ้าต้องใช้คุยโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์บ่อยๆ เลือกรุ่นที่ไมโครโฟนคุณภาพดี ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี จะช่วยให้ปลายสายได้ยินเสียงเราชัดเจนค่ะ การพิจารณาฟังก์ชันเสริมเหล่านี้ตามความจำเป็นในการใช้งานจริง จะช่วยให้เราเลือกหูฟังที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุดค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันครบทุกอย่าง แต่ขอให้มีฟังก์ชันที่จำเป็นสำหรับเราจริงๆ เป็นพอค่ะ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟังตัดเสียงรบกวน

  • Q: หูฟังตัดเสียงรบกวนมีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร?
    A: หลักๆ มี 2 ประเภทค่ะ คือ Passive Noise Cancellation (PNC) ที่ใช้การออกแบบทางกายภาพของหูฟัง เช่น วัสดุของจุกหูฟังหรือฟองน้ำที่ครอบหู เพื่อป้องกันเสียงจากภายนอกไม่ให้เข้ามา ซึ่งจะลดเสียงรบกวนได้ระดับหนึ่งโดยเฉพาะเสียงความถี่สูง กับ Active Noise Cancellation (ANC) ที่ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจจับเสียงรบกวนภายนอก แล้วสร้างคลื่นเสียงที่มีเฟสตรงข้ามมาหักล้างกัน ทำให้เสียงรบกวนลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ มักจะจัดการกับเสียงความถี่ต่ำได้ดีกว่าค่ะ หูฟังส่วนใหญ่ที่เราพูดถึงกันในตลาดมักจะมีทั้งสองระบบทำงานร่วมกันเพื่อให้การตัดเสียงมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
  • Q: การใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนอันตรายต่อหูไหม?
    A: โดยทั่วไปแล้ว การใช้หูฟังตัดเสียงรบกวนอย่างเหมาะสมไม่เป็นอันตรายต่อหูค่ะ ในทางกลับกัน อาจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินได้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเสียงรบกวนภายนอกถูกตัดออกไป เราก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆ ดังมากเพื่อกลบเสียงเหล่านั้น ซึ่งการเปิดเสียงดังเกินไปเป็นสาเหตุหลักที่ทำลายเซลล์ขนในหูซึ่งส่งผลต่อการได้ยินค่ะ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ด้วยความระมัดระวังเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต้องรับรู้เสียงรอบตัว เช่น ขณะเดินริมถนน หรือขับขี่ยานพาหนะ เพราะการตัดเสียงรบกวนอาจทำให้ไม่ได้ยินเสียงเตือนหรือเสียงอันตรายได้ค่ะ
  • Q: หูฟังตัดเสียงรบกวนเหมาะกับการใช้คุยโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ไหม?
    A: เหมาะมากๆ เลยค่ะ หูฟังตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะรุ่นที่ดีๆ มักจะมีไมโครโฟนคุณภาพสูงและเทคโนโลยีในการลดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา ทำให้เสียงพูดของเราชัดเจนและปลายสายได้ยินเราอย่างชัดเจน แม้เราจะอยู่ในที่ที่มีเสียงดังค่ะ ระบบตัดเสียงรบกวนจะช่วยลดเสียงรบกวนที่เข้ามาในหูเรา ทำให้เราได้ยินเสียงคู่สนทนาชัดเจนขึ้นด้วยค่ะ
  • Q: หูฟังตัดเสียงรบกวนแพงๆ คุ้มค่ากับการลงทุนไหม?
    A: ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความคาดหวังของคุณค่ะ ถ้าคุณต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูงเป็นประจำ ต้องเดินทางบ่อยๆ หรือต้องการสมาธิในการทำงาน/เรียนสูง การลงทุนกับหูฟังตัดเสียงรบกวนคุณภาพดีก็จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากค่ะ คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ฟังก์ชันเสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวก และความทนทานก็เป็นปัจจัยที่ทำให้หูฟังราคาสูงคุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับบางคนค่ะ แต่ถ้าใช้งานในที่ที่ไม่ค่อยมีเสียงรบกวนมากนัก หรือมีงบจำกัด หูฟังตัดเสียงรบกวนในราคาที่เข้าถึงง่ายลงมาก็มีตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพน่าพอใจเช่นกันค่ะ
  • Q: ควรดูแลรักษาหูฟังตัดเสียงรบกวนอย่างไรให้อยู่กับเราไปนานๆ?
    A: การดูแลรักษาก็เหมือนหูฟังทั่วไปค่ะ ควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำหรือความชื้นโดยตรง (ยกเว้นรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำ), ทำความสะอาดหูฟังและจุกหูฟัง/ฟองน้ำรองหูอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยและป้องกันสิ่งสกปรกอุดตัน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพเสียงและการตัดเสียงรบกวนได้, เก็บหูฟังไว้ในเคสเมื่อไม่ใช้งานเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและความเสียหาย, และชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของผู้ผลิตค่ะ การดูแลรักษาที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหูฟังให้ยาวนานขึ้นค่ะ

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีค่าทุกคน! กลับมาอีกแล้วกับป้ายยา Gadget เด็ดๆ ที่บอกเลยว่าสายฟังเพลง สายพกพา สายตัดเสียงรบกวนต้องเลิฟ! วันนี้เราจะมาเจาะลึกหูฟัง Bose 10 รุ่นเด็ดประจำปี 2025 ที่เค้าว่ากันว่าเสียงระดับโลก แถมตัดเสียงรบกวนเยี่ยมยอดแบบไม่มีใครเกิน จะมีร
10 หูฟัง BOSE รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงระดับโลก ตัดเสียงรบกวนเยี่ยม

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีครับสายช้อปออนไลน์ทุกท่าน! ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ไว้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมปี 2025 นี้ บอกเลยว่าตลาดหูฟังเดือดสุดๆ รุ่นใหม่ๆ โผล่มาเพียบ ทั้งดีไซน์ล้ำ เสียงเทพ ฟีเจอร์จัดเต็ม จะสายเปย์ สายประหยัด หรือสายแฟชั่นก็มีให้เลือกครบ วัน
10 Headphone ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ ดีไซน์โดนใจ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เกมเมอร์ชาวไทย! วันนี้มาเจอกับผมในฐานะกูรูนักช้อปออนไลน์เจ้าเก่า ที่จะมาเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์คู่ใจของชาวเรา นั่นก็คือ "หูฟังเกมมิ่ง" นั่นเอง! สำหรับใครที่งบน่ารักๆ ไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากได้หูฟังเสียงชัด แยกทิศ
10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงชัด แยกทิศทางแม่น
สวัสดีครับพี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ผมผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย ขอพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเสียงเพลงแบบสบายกระเป๋า กับหัวข้อที่ว่าด้วย "10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ช
10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ชันครบ

บทความยอดนิยม