10 เคส Apple Watch ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ปกป้องดีเยี่ยม ดีไซน์สวยหรู

สวัสดีค่ะ พ่อแม่พี่น้องขาช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ดิฉัน, ผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย, ขอเกาะกระแสไอทีที่มาแรงแซงทุกโค้ง นั่นก็คือ Apple Watch! เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีน้องวอชท์คู่ใจใส่ติดข้อมือกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่ของแพงๆ แบบนี้ ถ้าไม่มีเกราะป้องกันดีๆ จะเอาอะไรไปลุยชีวิตประจำวันสุดเหวี่ยงของเราได้ล่ะคะ วันนี้ดิฉันเลยจะมาป้ายยา "10 เคส Apple Watch ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ปกป้องดีเยี่ยม ดีไซน์สวยหรู" ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง โดนใจขาช้อปไทยแน่นอนค่ะ รับรองว่าดูจบแล้วต้องมีเคสใหม่ไปเสริมหล่อน้องวอชท์กันอย่างน้อยคนละอันสองอันแน่นอน เตรียมเงินในกระเป๋าให้พร้อม แล้วตามมาดูกันเลยค่า!

1. Spigen - Rugged Armor Pro

• ชื่อแบรนด์: Spigen
• ชื่อสินค้า: Rugged Armor Pro
• ราคาสินค้า: 890 - 1,290 บาท
• คำอธิบายสินค้า: เคส Spigen Rugged Armor Pro นี่คือสุดยอดบอดี้การ์ดของ Apple Watch เลยค่ะ ดีไซน์มาในลุคเท่ๆ ดุดัน แข็งแกร่ง พร้อมปกป้องน้องวอชท์ของคุณแบบ 360 องศา วัสดุเป็น TPU คุณภาพสูงที่มีความยืดหยุ่นแต่ทนทาน ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม มาพร้อมสายนาฬิกาในตัว ทำให้สวมใส่ได้กระชับ ไม่ต้องกลัวหลุด ไม่ว่าจะใส่ลุยกิจกรรมหนักแค่ไหน เคสตัวนี้ก็เอาอยู่ หน้าจอ สาย และตัวเรือน จะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแน่นอนค่ะ ดีไซน์ก็ไม่ได้เทอะทะอย่างที่คิด ใส่แล้วยังดูดี มีสไตล์ เหมาะกับสายแอคทีฟที่ต้องการการปกป้องขั้นสุดจริงๆ
• จุดเด่นสินค้า: ปกป้องรอบด้าน 360 องศา, วัสดุ TPU คุณภาพสูง, ดีไซน์เท่ แข็งแกร่ง, มีสายในตัว สวมใส่กระชับ, ดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • การป้องกันขั้นสุด: เคสนี้ออกแบบมาเพื่อปกป้อง Apple Watch จากการตกกระแทก รอยขีดข่วน และการกระแทกในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เคสนี้ก็พร้อมเป็นเกราะป้องกันที่ไว้ใจได้
  • สวมใส่และถอดง่าย: แม้จะเป็นเคสที่ปกป้องแน่นหนา แต่การออกแบบก็ยังคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน ทำให้สามารถสวมใส่หรือถอดเคสออกจากตัวเรือน Apple Watch ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงเยอะ หรือกลัวว่าจะทำให้นาฬิกาเป็นรอย
  • เข้าถึงปุ่มและ Digital Crown ได้เต็มที่: เคสถูกออกแบบมาให้มีช่องเว้นว่างสำหรับปุ่มด้านข้างและ Digital Crown อย่างแม่นยำ ทำให้ยังคงใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ของ Apple Watch ได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด รวมถึงการชาร์จแบบไร้สายก็ยังทำได้โดยไม่ต้องถอดเคส
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมลุยๆ, นักกีฬา, คนที่ทำงานหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการกระแทก, หรือคนที่ต้องการการปกป้องสูงสุดให้กับ Apple Watch คู่ใจ

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	มีสายในตัว	น้ำหนัก	ความเข้ากันได้
TPU คุณภาพสูง	เต็มรูปแบบ (Full Body)	กันกระแทก, กันรอยขีดข่วน	มี	ปานกลาง	Apple Watch Series ต่างๆ

2. OtterBox - Exo Edge

• ชื่อแบรนด์: OtterBox
• ชื่อสินค้า: Exo Edge
• ราคาสินค้า: 490 - 790 บาท
• คำอธิบายสินค้า: OtterBox นี่ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องเคสกันกระแทกค่ะ รุ่น Exo Edge สำหรับ Apple Watch นี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง! เน้นการปกป้องบริเวณขอบและหน้าจอเป็นพิเศษ ด้วยขอบยางที่ยกสูงขึ้นมาช่วยป้องกันหน้าจอจากการกระแทกโดยตรง มีวัสดุที่แข็งแรงทนทาน ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดี มีสีให้เลือกหลากหลาย เพิ่มสีสันให้น้องวอชท์ไม่น่าเบื่อ เคสนี้ออกแบบมาให้เข้ากับรูปทรงของ Apple Watch ได้อย่างลงตัว ทำให้ใส่แล้วไม่รู้สึกเทอะทะ ยังคงความสวยงามของตัวเรือนไว้ได้ เหมาะกับคนที่ต้องการเคสที่เน้นการปกป้องขอบจอเป็นหลัก ในราคาที่เข้าถึงง่าย
• จุดเด่นสินค้า: ปกป้องขอบจอได้ดีเยี่ยม, ขอบยกสูงกันกระแทก, วัสดุทนทาน, มีสีให้เลือกเยอะ, ดีไซน์เรียบง่าย
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ปกป้องหน้าจอจากแรงกระแทก: ด้วยการออกแบบขอบเคสให้ยกสูงกว่าหน้าจอเล็กน้อย ทำให้เมื่อวางนาฬิกาคว่ำหน้า หรือเกิดการกระแทกบริเวณขอบ เคสจะช่วยรองรับแรงกระแทกไว้ ทำให้หน้าจอ Apple Watch ของคุณปลอดภัยจากรอยขีดข่วนหรือการแตกหัก
  • คงความสวยงามของตัวเรือน: เคส Exo Edge ถูกออกแบบมาให้โชว์ดีไซน์และสีสันดั้งเดิมของ Apple Watch ได้อย่างเต็มที่ แม้จะใส่เคสป้องกันอยู่ แต่ก็ยังเห็นความสวยงามของตัวเรือนได้ชัดเจน ไม่บดบังโลโก้หรือรายละเอียดสำคัญ
  • ใช้งานง่าย: เคสมีน้ำหนักเบา ทำให้ไม่เพิ่มภาระให้กับข้อมือเมื่อสวมใส่ และยังสามารถเข้าถึงปุ่มต่างๆ และ Digital Crown ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เหมาะสำหรับคนที่เน้นการปกป้องหน้าจอและขอบ, คนที่ต้องการเคสสีสันสดใส, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	น้ำหนัก	สี	ความเข้ากันได้
TPU, PC	ครอบขอบและหน้าจอ	กันกระแทกขอบ, กันรอยหน้าจอ	เบา	หลากหลาย	Apple Watch Series ต่างๆ (บางรุ่น)

3. Uniq - Legion Watch Case

• ชื่อแบรนด์: Uniq
• ชื่อสินค้า: Legion Watch Case with 9H Tempered Glass
• ราคาสินค้า: 590 - 850 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Uniq Legion ตัวนี้มาพร้อมกระจกนิรภัย 9H ในตัว ปกป้องทั้งตัวเรือนและหน้าจอแบบครบจบในชิ้นเดียว! เป็นเคสแบบ Hybrid ที่รวมความแข็งแรงของ PC เข้ากับความยืดหยุ่นของ TPU ให้การป้องกันที่ดีเยี่ยม แถมยังใสปิ๊ง โชว์สี Apple Watch ได้แบบเต็มๆ ติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก หมดปัญหาเรื่องฟิล์มหน้าจอไม่เข้ากับเคสไปได้เลยค่ะ เหมาะกับคนที่อยากได้เคสที่ป้องกันรอบด้าน พร้อมกระจกกันรอยในตัว ในราคาที่คุ้มค่าสุดๆ
• จุดเด่นสินค้า: มีกระจกนิรภัย 9H ในตัว, ปกป้องรอบด้าน (ตัวเรือน+จอ), วัสดุ Hybrid ทนทาน, ใสปิ๊ง โชว์สีเครื่อง, ติดตั้งง่าย
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ปกป้องหน้าจอระดับสูง: กระจกนิรภัยความแข็งระดับ 9H ที่มาพร้อมกับเคส ช่วยป้องกันหน้าจอ Apple Watch จากรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากของมีคม เช่น กุญแจ หรือเหรียญในกระเป๋า ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าฟิล์มกันรอยทั่วไป
  • ป้องกันการกระแทกรอบตัวเรือน: โครงสร้างแบบ Hybrid ที่ใช้วัสดุ PC แข็งแรงบริเวณด้านหลังและ TPU ยืดหยุ่นบริเวณขอบ ช่วยกระจายแรงกระแทกเมื่อนาฬิกาตกหล่น ปกป้องตัวเรือนอลูมิเนียมหรือสแตนเลสของคุณให้ปลอดภัย
  • ทัชสกรีนลื่นไหล: แม้จะมีกระจกครอบอยู่ แต่พื้นผิวของกระจกนิรภัยก็ยังคงให้สัมผัสที่ลื่นไหล ตอบสนองการทัชสกรีนได้อย่างแม่นยำ ไม่ทำให้การใช้งาน Apple Watch รู้สึกหน่วง หรือติดขัด
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เหมาะกับคนที่ต้องการการปกป้องแบบครบวงจร, คนที่กังวลเรื่องรอยขีดข่วนบนหน้าจอ, การใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	มีกระจกจอ	ความใส	ความเข้ากันได้	ความแข็งกระจก
PC, TPU, Tempered Glass	ครอบทั้งตัวเรือนและจอ	กันกระแทก, กันรอยขีดข่วน	มี (9H)	ใส	Apple Watch Series ต่างๆ	9H

4. Rhinoshield - CrashGuard NX

• ชื่อแบรนด์: Rhinoshield
• ชื่อสินค้า: CrashGuard NX Case
• ราคาสินค้า: 490 - 690 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Rhinoshield นี่ไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บคอ! ขึ้นชื่อเรื่องเคสกันกระแทกอยู่แล้ว CrashGuard NX สำหรับ Apple Watch ก็เช่นกันค่ะ เน้นการปกป้องบริเวณขอบเป็นพิเศษ ด้วยวัสดุ ShockSpread™ ที่เป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์ ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ถึงระดับหนึ่ง จุดเด่นคือสามารถเปลี่ยนขอบ Rim ได้หลากหลายสีสัน ให้คุณปรับลุค Apple Watch ได้ตามใจชอบ เป็นเคสแบบ Bumper ที่ไม่ปิดด้านหน้าและหลัง ทำให้ยังคงสัมผัสวัสดุของตัวเรือนได้โดยตรง เหมาะกับคนที่ชอบเคสที่เน้นการกันกระแทกที่ขอบ พร้อมลูกเล่นในการปรับแต่งสีสัน
• จุดเด่นสินค้า: กันกระแทกได้ดีเยี่ยม, วัสดุ ShockSpread™, เปลี่ยนขอบ Rim ได้, ดีไซน์ Bumper, เข้าถึงตัวเรือนได้โดยตรง
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ปกป้องจากการตกกระแทก: วัสดุ ShockSpread™ ที่ใช้ทำเคสนี้ มีคุณสมบัติในการดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกัน Apple Watch ของคุณจากความเสียหายเมื่อเกิดการตกหล่นโดยไม่ตั้งใจ
  • ปรับเปลี่ยนสไตล์ได้: ด้วยการออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนขอบ Rim ของเคสได้ ทำให้คุณสามารถ mix & match สีสันของเคสให้เข้ากับสายนาฬิกา หรือชุดที่ใส่ในแต่ละวันได้อย่างสนุกสนาน ไม่จำเจ
  • คงความรู้สึกของตัวเรือน: เคสแบบ Bumper ที่เปิดด้านหน้าและหลัง ทำให้ผู้ใช้ยังคงสามารถสัมผัสถึงวัสดุและดีไซน์ดั้งเดิมของ Apple Watch ได้โดยตรง เหมาะสำหรับคนที่ชอบความรู้สึกของตัวเรือนเปล่าๆ แต่ก็ยังต้องการการป้องกันในระดับหนึ่ง
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่เน้นเคสกันกระแทกที่ขอบ, คนที่ชอบปรับเปลี่ยนสีสัน, การใช้งานทั่วไปถึงกิจกรรมกึ่งหนัก

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	เปลี่ยน Rim ได้	น้ำหนัก	ความเข้ากันได้	สี Rim
ShockSpread™ (Proprietary Polymer)	Bumper (ครอบขอบ)	กันกระแทก	ได้	เบา	Apple Watch Series ต่างๆ	หลากหลาย

5. Pitaka - Air Case

• ชื่อแบรนด์: Pitaka
• ชื่อสินค้า: Air Case
• ราคาสินค้า: 1,290 - 1,890 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Pitaka Air Case นี่คือสายมินิมอลต้องร้องกรี๊ด! จุดเด่นคือความบางและเบาสุดๆ ผลิตจากวัสดุ Aramid Fiber เกรดพรีเมียม ที่แข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ ให้ฟีลลิ่งเหมือนไม่ได้ใส่เคส ดีไซน์บางเฉียบ แนบสนิทกับตัวเรือน ป้องกันรอยขีดข่วนและรอยขนแมวได้ดีเยี่ยม แต่ไม่ได้เน้นการกันกระแทกหนักๆ นะคะ เหมาะกับคนที่ต้องการเคสที่บางเบา โชว์ความสวยงามของ Apple Watch และเน้นป้องกันรอยขีดข่วนระดับพื้นฐาน
• จุดเด่นสินค้า: บางและเบาสุดๆ, วัสดุ Aramid Fiber, ดีไซน์มินิมอล, ป้องกันรอยขีดข่วน, แนบสนิทตัวเรือน
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • บางเบาเหมือนไม่ได้ใส่: ด้วยความบางเพียง 0.85 มม. และน้ำหนักที่เบามาก ทำให้เมื่อใส่เคส Pitaka Air แล้ว จะไม่รู้สึกว่านาฬิกาหนาขึ้นหรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ยังคงความสบายในการสวมใส่ได้ตลอดวัน
  • ป้องกันรอยขีดข่วน: วัสดุ Aramid Fiber ที่ใช้ทำเคสมีความแข็งแรงและทนทานต่อการขีดข่วนได้ดี ช่วยปกป้องพื้นผิวของ Apple Watch จากรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน
  • คงความสวยงามของดีไซน์: เคสออกแบบมาให้แนบสนิทกับตัวเรือน Apple Watch อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ยังคงเห็นดีไซน์ดั้งเดิมที่สวยงามของนาฬิกาได้อย่างชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบโชว์เครื่องเปล่าๆ แต่ก็อยากได้การป้องกันเล็กน้อย
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบความบางเบา, สายมินิมอล, คนที่เน้นป้องกันรอยขีดข่วนทั่วไป, การใช้งานในชีวิตประจำวันแบบไม่สมบุกสมบัน

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	ความหนา	น้ำหนัก	ความเข้ากันได้	พื้นผิว
Aramid Fiber	ครอบรอบตัวเรือน	กันรอยขีดข่วน	บางเฉียบ (~0.85 มม.)	เบามาก	Apple Watch Series ต่างๆ	Smooth หรือ Textured

6. UAG - Scout / Pathfinder

• ชื่อแบรนด์: UAG (Urban Armor Gear)
• ชื่อสินค้า: Scout Case / Pathfinder Case
• ราคาสินค้า: 890 - 1,590 บาท
• คำอธิบายสินค้า: UAG นี่คือตัวพ่อเรื่องความถึก ความทน! เคส Apple Watch รุ่น Scout และ Pathfinder ก็มาพร้อม DNA เดียวกันค่ะ ดีไซน์แข็งแกร่ง ได้มาตรฐานการกันกระแทกระดับ Military Standard (บางรุ่น) ผลิตจากวัสดุที่ทนทานมากๆ พร้อมลุยไปกับคุณในทุกสถานการณ์ แม้จะดูบึกบึน แต่ก็ยังคงความคล่องตัวในการใช้งานไว้ได้ เหมาะกับสายลุยตัวจริง ที่ต้องการเคสที่ทนทาน ปกป้องได้อย่างมั่นใจ และมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
• จุดเด่นสินค้า: ทนทาน แข็งแกร่ง, มาตรฐาน Military Standard (บางรุ่น), ดีไซน์บึกบึน เป็นเอกลักษณ์, ปกป้องได้ดีเยี่ยม, วัสดุคุณภาพ
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ทนทานต่อการกระแทกและการตกหล่น: วัสดุและโครงสร้างที่แข็งแรงของเคส UAG ทำให้สามารถทนทานต่อแรงกระแทกและการตกหล่นจากที่สูงได้ในระดับหนึ่ง มอบความปลอดภัยให้กับ Apple Watch ของคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • พร้อมลุยทุกสภาพแวดล้อม: ด้วยคุณสมบัติที่ทนทานต่อสภาพอากาศและปัจจัยภายนอก ทำให้เคส UAG เหมาะสำหรับการใช้งานในกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินป่า ปีนเขา หรือขี่จักรยาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหาย
  • ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ: แม้ดีไซน์จะดูบึกบึน แต่เคสก็ยังคงเว้นช่องสำหรับปุ่ม Digital Crown และเซ็นเซอร์ต่างๆ อย่างแม่นยำ ทำให้ยังสามารถใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดของ Apple Watch ได้อย่างไม่มีปัญหา
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายลุย, นักผจญภัย, คนที่ทำงานภาคสนาม, ผู้ที่ต้องการเคสที่มีความทนทานสูง

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	มาตรฐาน	ดีไซน์	ความเข้ากันได้	น้ำหนัก
TPU, Composite	ครอบรอบตัวเรือน	กันกระแทกสูง	Military Standard (บางรุ่น)	แข็งแกร่ง, บึกบึน	Apple Watch Series ต่างๆ	ปานกลางถึงหนัก

7. Ringke - Slim Case

• ชื่อแบรนด์: Ringke
• ชื่อสินค้า: Slim Case
• ราคาสินค้า: 290 - 450 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Ringke Slim Case เป็นเคสสำหรับ Apple Watch ที่เน้นความบางเบาและเรียบง่าย ผลิตจากวัสดุ PC คุณภาพดี ที่มีความแข็งแรงพอสมควร ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและรอยขนแมวได้ดี จุดเด่นคือในแพ็คเกจมักจะมาพร้อมเคส 2 ชิ้น คือสีใสและสีทึบ ให้คุณเลือกเปลี่ยนได้ตามชอบ ดีไซน์บางเฉียบ ไม่เพิ่มความหนาให้กับตัวเรือน ทำให้ยังคงความรู้สึกของ Apple Watch ได้ดี เหมาะกับคนที่ชอบเคสที่บางเบา เน้นป้องกันรอยขีดข่วน และเปลี่ยนสีเคสได้ในราคาที่จับต้องได้
• จุดเด่นสินค้า: บางและเบา, ป้องกันรอยขีดข่วน, มาพร้อมเคส 2 สีในแพ็ค, ราคาจับต้องได้, วัสดุ PC ทนทาน
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ป้องกันรอยขนแมว: วัสดุ PC ที่ใช้ทำเคสมีความแข็งพอที่จะป้องกันพื้นผิวของ Apple Watch จากรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือสิ่งของในชีวิตประจำวัน
  • เปลี่ยนลุคได้ง่าย: การที่มาพร้อมเคส 2 สีในแพ็คเดียว ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับเปลี่ยนสีเคสได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวัน หรือปรับเปลี่ยนบรรยากาศให้นาฬิกาดูไม่น่าเบื่อ
  • เข้าถึงฟังก์ชันได้ครบ: เคสออกแบบมาให้พอดีกับตัวเรือน Apple Watch และมีช่องเว้นสำหรับปุ่ม Digital Crown และลำโพงต่างๆ อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดของนาฬิกาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่เน้นความบางเบา, งบประมาณจำกัด, คนที่ชอบเปลี่ยนสีเคสบ่อยๆ, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	จำนวนเคสในแพ็ค	น้ำหนัก	ความเข้ากันได้	สี
Polycarbonate (PC)	ครอบรอบตัวเรือน	กันรอยขีดข่วน	2 ชิ้น (ใส+สีทึบ)	เบา	Apple Watch Series ต่างๆ	ใส, ดำด้าน (ส่วนใหญ่)

8. Skinarma - Saido

• ชื่อแบรนด์: Skinarma
• ชื่อสินค้า: Saido Case + Band (รวมเคสและสาย)
• ราคาสินค้า: 890 - 1,290 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Skinarma Saido เป็นเคสพร้อมสายดีไซน์สุดเก๋ ไม่เหมือนใคร! มาในรูปแบบที่รวมเคสและสายเข้าไว้ด้วยกันเป็นชิ้นเดียว ทำให้สวมใส่ได้กระชับ และดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วัสดุทำจาก TPU คุณภาพดี ที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน ดีไซน์โดดเด่น มีลวดลายและสีสันให้เลือกเยอะมากกกก เหมาะกับสายแฟชั่นที่อยากให้น้องวอชท์เป็นส่วนหนึ่งของลุค ให้การปกป้องที่ดีในระดับหนึ่ง พร้อมความสะดวกสบายในการใช้งาน
• จุดเด่นสินค้า: รวมเคสและสายในตัว, ดีไซน์แฟชั่น เก๋ไก๋, มีลวดลาย/สีสันให้เลือกเยอะ, วัสดุ TPU ยืดหยุ่น, สวมใส่กระชับ
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • เปลี่ยนลุคนาฬิกาได้ง่าย: การที่เคสและสายมาในรูปแบบชิ้นเดียว ทำให้การเปลี่ยนลุค Apple Watch ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแค่ถอดของเดิมออก แล้วใส่ Skinarma Saido เข้าไป ก็ได้นาฬิกาเรือนใหม่ในทันที
  • สวมใส่สบาย: วัสดุ TPU ที่ใช้มีความนุ่มและยืดหยุ่น ทำให้สวมใส่สบายตลอดวัน ไม่ระคายเคืองผิว และยังทนทานต่อเหงื่อ เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศประเทศไทย
  • ป้องกันรอยขีดข่วนและการกระแทกเล็กน้อย: เคสช่วยปกป้องตัวเรือน Apple Watch จากรอยขีดข่วนในชีวิตประจำวัน และยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการกระแทกเล็กๆ น้อยๆ ได้ในระดับหนึ่ง เพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายแฟชั่น, คนที่ชอบดีไซน์ไม่ซ้ำใคร, คนที่ชอบความสะดวกในการเปลี่ยนสาย/เคส, การใช้งานในชีวิตประจำวัน

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	รวมสาย	ดีไซน์	ความเข้ากันได้	สี/ลวดลาย
TPU	รวมเคสและสาย	กันรอยขีดข่วน, กันกระแทกเล็กน้อย	มี	แฟชั่น, เป็นเอกลักษณ์	Apple Watch Series ต่างๆ	หลากหลาย

9. Richman - Carbon Luxury / Rubber Model

• ชื่อแบรนด์: Richman (แบรนด์ไทย)
• ชื่อสินค้า: Carbon Luxury / Rubber Model
• ราคาสินค้า: 3,590 - 9,900 บาท (ขึ้นอยู่กับวัสดุ)
• คำอธิบายสินค้า: มาถึงแบรนด์ไทยสุดปังอย่าง Richman กันบ้างค่ะ! Richman ขึ้นชื่อเรื่องเคส Apple Watch วัสดุพรีเมียม ดีไซน์หรูหราอลังการ มีให้เลือกทั้งวัสดุ Carbon Fiber, Titanium, หรือ Rubber คุณภาพสูง ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาหรู ทำให้ Apple Watch ของคุณดูแพงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เป็นเคสที่เน้นทั้งความสวยงาม การปกป้อง และความหรูหรา เหมาะกับคนที่ต้องการเคสที่โดดเด่น มีสไตล์ และใช้วัสดุระดับพรีเมียม
• จุดเด่นสินค้า: แบรนด์ไทย คุณภาพพรีเมียม, วัสดุหรูหรา (Carbon Fiber, Titanium), ดีไซน์คล้ายนาฬิกาหรู, ปกป้องดี, เพิ่มความหรูหราให้ Apple Watch
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ยกระดับความหรูหรา: ด้วยวัสดุระดับพรีเมียมและการออกแบบที่ประณีต ทำให้เคส Richman ช่วยยกระดับรูปลักษณ์ของ Apple Watch ให้ดูมีความหรูหราและโดดเด่นมากขึ้น เหมาะกับการใส่ไปงานสังคม หรือในโอกาสที่ต้องการความภูมิฐาน
  • ปกป้องตัวเรือนอย่างมั่นใจ: วัสดุคุณภาพสูงที่ใช้ทำเคส มีความแข็งแรงและทนทาน ช่วยปกป้อง Apple Watch จากรอยขีดข่วนและการกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • สวมใส่สบายและทนทาน: แม้จะใช้วัสดุพรีเมียม แต่เคสก็ยังคงคำนึงถึงความสบายในการสวมใส่ วัสดุบางประเภท เช่น Rubber ก็ให้ความรู้สึกนุ่มสบายข้อมือ ในขณะที่ยังคงความทนทานใช้งานได้ยาวนาน
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชื่นชอบความหรูหรา, นักธุรกิจ, ใส่ไปงานสังคม, คนที่ต้องการเคสดีไซน์โดดเด่น วัสดุพรีเมียม, สะสมเคสแฟชั่น

วัสดุหลัก	รูปแบบ	การป้องกัน	ดีไซน์	น้ำหนัก	ความเข้ากันได้	ราคา
Carbon Fiber, Titanium, Rubber	ครอบรอบตัวเรือน	กันกระแทก, กันรอยขีดข่วน	หรูหรา, คล้ายนาฬิกาหรู	ปานกลางถึงหนัก (ขึ้นกับวัสดุ)	Apple Watch Series ต่างๆ	สูง

10. Generic - Clear TPU Case

• ชื่อแบรนด์: Generic / No Brand (แบรนด์ทั่วไปในตลาด)
• ชื่อสินค้า: Clear TPU Protection Case
• ราคาสินค้า: 79 - 250 บาท
• คำอธิบายสินค้า: ปิดท้ายกันที่เคสสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้ง่ายมากๆ ทั่วไปตลาดออนไลน์นั่นก็คือ เคสใส TPU นั่นเองค่ะ! แม้จะไม่มีแบรนด์ดัง แต่ก็เป็นที่นิยมสุดๆ เพราะราคาถูก หาซื้อง่าย และให้การปกป้อง Apple Watch จากรอยขีดข่วนและฝุ่นละอองได้ดีในระดับหนึ่ง วัสดุ TPU มีความยืดหยุ่น ใสปิ๊ง โชว์สีเครื่องได้แบบไม่กั๊ก บางรุ่นอาจมีขอบยกสูงเล็กน้อยช่วยกันรอยหน้าจอ เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ Apple Watch อยากได้เคสใส่ง่าย ราคาเบาๆ หรือซื้อไว้เปลี่ยนบ่อยๆ ค่ะ
• จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก, หาซื้อง่าย, วัสดุ TPU ยืดหยุ่น, ใส โชว์สีเครื่อง, ป้องกันรอยขีดข่วน/ฝุ่น
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ปกป้องพื้นฐาน: เคสใส TPU ให้การปกป้อง Apple Watch จากรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การเสียดสีกับโต๊ะ หรือเสื้อผ้า รวมถึงป้องกันฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปสะสมบริเวณเซ็นเซอร์
  • คงความสวยงามของเครื่อง: ด้วยความที่เป็นเคสใส ทำให้ยังคงมองเห็นดีไซน์และสีสันดั้งเดิมของ Apple Watch ได้อย่างชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบโชว์เครื่อง หรือไม่ต้องการให้เคสมาบดบังความสวยงามของนาฬิกา
  • คุ้มค่าคุ้มราคา: ด้วยราคาที่ถูกมากๆ ทำให้เคสประเภทนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการการปกป้องเบื้องต้นโดยใช้งบประมาณจำกัด หรือต้องการซื้อหลายๆ ชิ้นไว้สลับใช้
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้เริ่มต้นใช้ Apple Watch, คนงบประมาณจำกัด, คนที่ต้องการเคสสำรอง, การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันแบบไม่สมบุกสมบัน

วัสดุ	รูปแบบ	การป้องกัน	ความใส	ราคา	ความเข้ากันได้	ความยืดหยุ่น
TPU (Thermoplastic Polyurethane)	ครอบรอบตัวเรือน	กันรอยขีดข่วน, กันฝุ่น	ใส	ถูกมาก	Apple Watch Series ต่างๆ	สูง

คำแนะนำในการเลือกซื้อเคส Apple Watch ฉบับขาช้อปตัวจริง

• 1. รู้จักไลฟ์สไตล์ตัวเอง สำคัญที่สุดค่ะ!
  ก่อนจะพุ่งตัวไปกดสั่งเคสสวยๆ มาให้น้องวอชท์ สิ่งแรกที่ต้องถามใจตัวเองเลยก็คือ "ชีวิตประจำวันฉันเป็นแบบไหน?" ค่ะ ถ้าคุณเป็นสายลุยตัวจริง เสียงจริง ชอบทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ หรือทำงานที่ต้องเจอความสมบุกสมบันบ่อยๆ เช่น วิศวกรที่ต้องลงพื้นที่ ช่างฝีมือ หรือเป็นนักกีฬาที่ต้องออกกำลังกายหนักๆ เคสที่เหมาะกับคุณก็ต้องเป็นเคสที่เน้นการปกป้องขั้นสูงสุดเลยค่ะ มองหาพวกเคสแนว Rugged หรือ Military Standard ไปเลยค่ะพวกนี้จะผลิตจากวัสดุที่ทนทานมากๆ เช่น TPU หนาๆ หรือมีโครงสร้างเสริมที่เป็น PC หรือโลหะ บางแบรนด์อย่าง UAG หรือ Spigen รุ่น Rugged Armor Pro ก็ตอบโจทย์เลยค่ะ เคสพวกนี้มักจะคลุมรอบตัวเรือนและอาจจะมีสายในตัวเพื่อความกระชับ ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีมาก ลดความเสี่ยงที่ Apple Watch ราคาหลักหมื่นของคุณจะบุบสลายหรือหน้าจอแตกจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เยอะเลยค่ะ แต่ถ้าชีวิตคุณส่วนใหญ่อยู่ในออฟฟิศ นั่งทำงานสบายๆ หรือออกกำลังกายเบาๆ ในฟิตเนส ไม่ได้ไปปีนเขาหรือดำน้ำ เคสที่เน้นการปกป้องขั้นสุดก็อาจจะดูเกินความจำเป็นไปหน่อยค่ะ อาจจะเลือกเคสที่เน้นป้องกันรอยขีดข่วนทั่วไป หรือเคสใสบางๆ ที่โชว์ความสวยงามของเครื่องได้ก็พอ พวกเคส TPU ใส หรือเคสบางๆ จาก Pitaka หรือ Ringke ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ราคาไม่แรงด้วยค่ะ การเลือกเคสให้ตรงกับไลฟ์สไตล์นอกจากจะช่วยให้ปกป้องได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยให้คุณใช้งาน Apple Watch ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยพะวงว่าจะไปกระแทกโดนอะไรหรือเปล่าด้วยค่ะ จำไว้ว่าเคสที่ดีคือเคสที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่เคสที่สวยที่สุดหรือแพงที่สุดนะคะ
• 2. วัสดุและดีไซน์ เลือกที่ใช่ เข้ากับสไตล์เรา!
  พอรู้แล้วว่าต้องการการปกป้องระดับไหน ต่อมาก็มาเลือกเรื่องวัสดุและดีไซน์กันต่อเลยค่ะ เรื่องนี้สำคัญไม่แพ้กันเพราะเคส Apple Watch ก็เป็นเหมือนแฟชั่นไอเท็มอย่างหนึ่งบนข้อมือเราเหมือนกันค่ะ วัสดุเคสก็มีหลากหลายมากๆ ค่ะ ตั้งแต่ TPU, PC, Silicone, Leather, Carbon Fiber ไปจนถึง Metal แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปค่ะ ถ้าเน้นกันกระแทกดีๆ ก็ต้องพวก TPU หนาๆ หรือมีโครงสร้าง Hybrid ผสม PC ค่ะ พวกนี้จะมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยซับแรงกระแทกได้ดี แต่บางทีอาจจะดูหนาเทอะทะไปหน่อย ถ้าชอบความบางเบา โชว์เครื่องสวยๆ ก็ต้องเคสใส TPU บางๆ หรือเคส PC ใสค่ะ พวกนี้จะบางกว่า น้ำหนักเบากว่า แต่การป้องกันแรงกระแทกอาจจะไม่เท่าพวกเคสหนาๆ นะคะ ถ้าชอบความพรีเมียม ดูหรูหรา ก็ต้องมองหาเคสวัสดุพิเศษอย่าง Carbon Fiber หรือ Metal ค่ะ อย่างแบรนด์ Richman ของไทยเรานี่ก็มีเคสวัสดุระดับพรีเมียม ดีไซน์คล้ายนาฬิกาหรูให้เลือกเยอะเลยค่ะ ส่วนเรื่องดีไซน์ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวเลยค่ะ มีตั้งแต่ดีไซน์เรียบๆ มินิมอล ดีไซน์สปอร์ต ดีไซน์แฟชั่นเก๋ๆ ไปจนถึงดีไซน์บึกบึนแบบสายลุย ลองดูว่าปกติคุณแต่งตัวสไตล์ไหน ชอบนาฬิกาแนวไหน แล้วก็เลือกเคสที่มีดีไซน์เข้ากับลุคของเราค่ะ บางทีเคสอันเดียวอาจจะไม่พอค่ะ! ขาช้อปตัวจริงอย่างเราก็ต้องมีเคสหลายๆ แบบไว้สลับใช้ตามโอกาสใช่ไหมคะ วันทำงานใส่เคสเรียบๆ วันหยุดไปเที่ยวใส่เคสสีสันสดใส หรือวันไปออกกำลังกายก็ใส่เคสที่เน้นกันกระแทกเป็นพิเศษ เลือกให้สนุกเลยค่ะ! อย่าลืมดูเรื่องการเข้าถึงปุ่มและ Digital Crown ด้วยนะคะ บางเคสดีไซน์สวยแต่อาจจะทำให้กดปุ่มลำบาก หรือหมุน Digital Crown ไม่สะดวก ก็ต้องพิจารณาจุดนี้ด้วยค่ะ
• 3. ความเข้ากันได้กับ Apple Watch และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ต้องเช็คให้ชัวร์!
  เรื่องนี้สำคัญมากๆ ค่ะ ไม่อยากให้เสียเงินฟรีๆ เพราะซื้อเคสมาแล้วใส่ไม่ได้ หรือใส่แล้วมีปัญหา การเลือกเคส Apple Watch ต้องดูให้แน่ใจก่อนเลยว่าเคสที่คุณเล็งไว้นั้นรองรับ Apple Watch Series และขนาดหน้าปัดของคุณหรือเปล่าค่ะ Apple Watch มีหลายซีรีส์หลายขนาดมากๆ ตั้งแต่ 38mm, 40mm, 41mm, 42mm, 44mm, 45mm ไปจนถึง 49mm ในรุ่น Ultra ค่ะ ขนาดเคสแต่ละรุ่นก็ทำมาสำหรับซีรีส์และขนาดหน้าปัดที่แตกต่างกันไป การซื้อเคสผิดขนาดนอกจากจะใส่ไม่ได้แล้ว อาจจะทำให้เคสหลวม ไม่กระชับ หรือแน่นเกินไปจนทำให้นาฬิกาเป็นรอยได้ค่ะ เพราะฉะนั้นเช็คข้อมูลความเข้ากันได้ให้ละเอียดก่อนสั่งซื้อนะคะ นอกจากนี้ยังต้องดูเรื่องความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่คุณใช้อยู่ด้วยค่ะ เช่น คุณติดฟิล์มกันรอยหน้าจอ Apple Watch อยู่หรือเปล่า? ถ้าใช้เคสแบบเต็มหน้าจอที่มีกระจกในตัวแบบ Uniq Legion ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องติดฟิล์มแล้วค่ะ หรือถ้าติดฟิล์มหนาๆ อยู่แล้วไปใส่เคสแบบเต็มจอก็อาจจะดันฟิล์ม ทำให้ขอบฟิล์มเผยอ หรือสัมผัสหน้าจอไม่ลื่นไหลได้ค่ะ บางเคสโดยเฉพาะเคสแบบเต็มตัว หรือเคสที่ใช้วัสดุหนามากๆ อาจจะมีผลกับการชาร์จไร้สายบ้างเล็กน้อยค่ะ ควรเช็คข้อมูลจากผู้ขายหรือรีวิวของผู้ใช้คนอื่นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ สุดท้ายคือความเข้ากันได้กับสายนาฬิกาที่คุณใช้ค่ะ เคสบางประเภทโดยเฉพาะเคสแบบเต็มตัวที่มีสายในตัวอย่าง Skinarma Saido หรือเคสดีไซน์เฉพาะอย่าง Richman อาจจะจำกัดการใช้งานร่วมกับสายนาฬิกาทั่วไปค่ะ แต่เคสแบบ Bumper หรือเคสที่ครอบเฉพาะตัวเรือนส่วนใหญ่จะยังคงสามารถใช้ร่วมกับสาย Apple Watch มาตรฐานได้ตามปกติค่ะ การตรวจสอบความเข้ากันได้เหล่านี้จะช่วยให้คุณได้เคสที่ใช้งานได้จริง ไม่มีปัญหาจุกจิก และเข้ากับอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่แล้วค่ะ

คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเคส Apple Watch

• Q: เคส Apple Watch ใส่แล้วมีผลกับการทัชสกรีนหรือการทำงานของปุ่มต่างๆ ไหม?
  A: ส่วนใหญ่เคส Apple Watch คุณภาพดี จะถูกออกแบบมาให้มีช่องเว้นสำหรับปุ่มด้านข้างและ Digital Crown อย่างแม่นยำ ทำให้ยังคงใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้ตามปกติค่ะ สำหรับเคสแบบเต็มหน้าจอที่มีกระจกในตัว คุณภาพของกระจกมีผลกับการทัชสกรีนโดยตรงค่ะ เคสคุณภาพดีจะใช้กระจกที่ทัชลื่น ตอบสนองได้ไว แต่เคสราคาถูกมากๆ อาจจะทำให้ทัชยากขึ้น หรือต้องออกแรงกดมากขึ้นเล็กน้อยค่ะ ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หรืออ่านรีวิวจากผู้ใช้คนอื่นๆ ก่อนตัดสินใจค่ะ
• Q: เคส Apple Watch กันน้ำได้ไหม?
  A: โดยตัว Apple Watch เองมีคุณสมบัติกันน้ำอยู่แล้วในระดับหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับซีรีส์) แต่เคสส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มคุณสมบัติการกันน้ำให้กับตัวนาฬิกาค่ะ เคสจะช่วยป้องกันน้ำกระเด็น หรือน้ำเข้าสู่ตัวเรือนได้ในระดับหนึ่ง เช่น จากเหงื่อหรือละอองฝน แต่ไม่แนะนำให้ใส่เคสลงไปดำน้ำ หรือใช้งานใต้น้ำเป็นเวลานานนะคะ เพราะน้ำอาจจะเข้าไปขังอยู่ระหว่างเคสกับตัวเครื่องได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วน หรือมีปัญหาความชื้นสะสมได้ค่ะ ถ้าต้องการเคสที่เน้นการกันน้ำ อาจจะต้องมองหาเคสเฉพาะทางที่ระบุว่ามีคุณสมบัติกันน้ำโดยเฉพาะค่ะ
• Q: เคส Apple Watch ทำความสะอาดยากไหม?
  A: การทำความสะอาดเคส Apple Watch ส่วนใหญ่ทำได้ง่ายค่ะ ถ้าเป็นเคสวัสดุ TPU, PC หรือ Silicone สามารถถอดออกมาเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือน้ำสบู่อ่อนๆ ได้เลยค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าเคสและตัว Apple Watch แห้งสนิทก่อนนำมาประกอบกลับเข้าไปใหม่ค่ะ สำหรับเคสแบบเต็มตัว อาจจะต้องถอดออกมาทำความสะอาดบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมอยู่ข้างใน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยกับตัวเรือนได้ค่ะ เคสวัสดุพิเศษอย่าง Carbon Fiber หรือ Metal อาจจะต้องใช้วิธีการทำความสะอาดที่แตกต่างกันไป ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตค่ะ
• Q: จำเป็นต้องใส่เคส Apple Watch ทุกครั้งไหม?
  A: อันนี้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการใช้งานและความกังวลส่วนบุคคลเลยค่ะ Apple Watch ถูกออกแบบมาให้มีความทนทานในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และวัสดุตัวเรือนอย่างสแตนเลสสตีลหรือไทเทเนียมก็ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าอลูมิเนียม แต่ถ้าคุณมีไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยงต่อการกระแทกบ่อยๆ หรือเป็นคนที่กังวลเรื่องรอยขีดข่วนมากๆ การใส่เคสก็จะช่วยเพิ่มความสบายใจและปกป้องนาฬิกาของคุณได้ดีค่ะ บางคนเลือกที่จะใส่เคสเฉพาะเวลาออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมลุยๆ และถอดออกเวลาใช้งานทั่วไป เพื่อคงความสวยงามของตัวเรือนเดิมๆ ไว้ค่ะ ลองประเมินความเสี่ยงของตัวเองดู แล้วตัดสินใจว่าการใส่เคสตอบโจทย์ความต้องการของคุณหรือไม่ค่ะ
• Q: เคส Apple Watch มีผลกับการชาร์จไร้สายไหม?
  A: เคส Apple Watch ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้รองรับการชาร์จไร้สายได้ตามปกติค่ะ การเว้นช่องสำหรับ MagSafe Charger มักจะทำมาอย่างเหมาะสม ทำให้สามารถวางนาฬิกาบนแท่นชาร์จได้โดยไม่ต้องถอดเคส อย่างไรก็ตาม เคสบางประเภทโดยเฉพาะเคสที่หนามากๆ หรือใช้วัสดุที่เป็นโลหะในปริมาณมาก อาจจะทำให้การชาร์จมีประสิทธิภาพลดลง หรืออาจจะต้องจัดวางตำแหน่งบนแท่นชาร์จให้แม่นยำขึ้นเล็กน้อยค่ะ หากไม่แน่ใจ ควรสอบถามผู้ขาย หรืออ่านรีวิวสินค้าก่อนซื้อค่ะ

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รวมเคสและสาย Apple Watch รุ่นไหนดี เลือกแบบไหน ให้เหมาะสมกับ ...
• เคส Apple Watch ซื้อตัวไหนดี? | 425° มีคำตอบ
• Vgadz | เคส Apple Watch Series 10 (46 mm) สาย Slim ที่มีความ ...
• Vgadz Best of Apple Watch Casesเคส Apple Watch ตัวฮอต ...
• รีวิวเคส Apple Watch Series 10 ที่คุณควรมี!