10 หูฟัง Bone Conduction รุ่นไหนดี ปี 2025 ฟังสบาย ปลอดภัย กันน้ำเยี่ยม

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27 19:02
点赞
10 หูฟัง Bone Conduction รุ่นไหนดี ปี 2025 ฟังสบาย ปลอดภัย กันน้ำเยี่ยม

สวัสดีค่าาา พ่อแม่พี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ที่น่ารักทุกคน! กลับมาอีกแล้วกับดิฉัน คนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือเรื่อง gadget สุดล้ำที่มาแรงแซงโค้งในปี 2025 นี้! วันนี้จะพาไปเจาะลึกเรื่อง "หูฟัง Bone Conduction" ที่บอกเลยว่าใส่สบาย ปลอดภัย กันน้ำเยี่ยม! เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยยุคใหม่สุดๆ ไม่ว่าจะสายออกกำลังกาย สายเดินทาง หรือสายชิลล์ที่อยากฟังเพลงเพลินๆ ไปพร้อมกับรับรู้สิ่งรอบตัว เรามาดูกันว่าทำไมหูฟังแบบนี้ถึงน่าโดน แล้ว 10 รุ่นฮิตติดชาร์ตปีนี้มีอะไรบ้าง ตามมาเล้ยยยย!

หูฟัง Bone Conduction คืออะไร? ทำไมต้องมี?

ก่อนจะไปส่องรุ่นฮิต มาทำความรู้จักกับหูฟัง Bone Conduction แบบบ้านๆ กันก่อน คือปกติเวลาเราฟังเพลง เสียงจะเดินทางผ่านอากาศเข้าสู่รูหูไปที่แก้วหูใช่ไหมคะ แต่เจ้าหูฟัง Bone Conduction เนี่ย เค้าไม่เหมือนใคร! เพราะเค้าจะส่งเสียงผ่านการสั่นสะเทือนเล็กๆ ไปยังกระดูกโหนกแก้ม หรือกระดูกบริเวณใกล้เคียง แล้วเสียงจะตรงเข้าสู่หูชั้นในโดยตรงเลยจ้า ทำให้เราได้ยินเสียงเพลงชัดแจ๋ว ขณะที่รูหูของเรายังว่างอยู่ ได้ยินเสียงรอบข้างครบถ้วน! นี่แหละคือจุดเด่นที่ทำให้ปลอดภัยมากๆ เวลาใช้งานนอกบ้าน ไม่พลาดเสียงแตร เสียงประกาศ หรือเสียงคนเรียกแน่นอน แถมยังใส่สบาย ไม่อึดอัด ไม่ต้องยัดเข้าไปในรูหู ลดปัญหาหูอับชื้น หรือเจ็บหูจากการใส่นานๆ ด้วยนะ

10 หูฟัง Bone Conduction รุ่นเด็ด ปี 2025 ที่ต้องมี!

  • 1. Shokz OpenRun Pro (รุ่นฮิต อัปเกรดความโปร)
  • ชื่อแบรนด์: Shokz (เดิมคือ AfterShokz)
  • ชื่อสินค้า: OpenRun Pro
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 6,690 - 7,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวท็อปจาก Shokz ที่นักกีฬาทั่วโลกวางใจ! OpenRun Pro มาพร้อมเทคโนโลยี Bone Conduction เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่ให้เสียงเบสแน่นขึ้น รายละเอียดเสียงดีขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ใส่สบาย กระชับ ไม่หลุดง่ายแม้จะเคลื่อนไหวหนักแค่ไหน กันน้ำกันเหงื่อระดับ IP55 ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน พร้อมระบบชาร์จเร็วที่ชีวิตขาดไม่ได้ ออกกำลังกาย วิ่ง ปั่น เดินป่า หรือจะใส่ทำงาน ประชุมออนไลน์ ก็เอาอยู่ เหมาะกับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและฟังก์ชันจัดเต็มเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีเยี่ยม เบสแน่นขึ้น、เทคโนโลยี Bone Conduction รุ่นล่าสุด、ใส่กระชับไม่หลุด、กันน้ำ IP55、มีระบบชาร์จเร็ว
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงและ Podcast ขณะออกกำลังกาย: ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงเพลง หรือ Podcast ได้อย่างเต็มที่ โดยที่ยังคงได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น เสียงรถ หรือเสียงคนเตือน เพิ่มความปลอดภัยในการวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
    • สนทนาสายด้วยเสียงคมชัด: มาพร้อมไมโครโฟนคุณภาพดี และเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน ทำให้การคุยโทรศัพท์ชัดเจน ทั้งต้นสายและปลายสาย แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ตอบโจทย์คนทำงานที่ต้องคอลบ่อยๆ หรือนักกีฬาที่รับสายระหว่างซ้อม
    • ควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน: สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ของหูฟังได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน Shokz ในสมาร์ทโฟน ช่วยให้ปรับ EQ เสียง หรือตั้งค่าอื่นๆ ได้ตามความต้องการ ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและปรับให้เข้ากับผู้ใช้ได้มากที่สุด
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬา (วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ฟิตเนส), คนที่เดินทางในที่สาธารณะ, คนทำงานที่ต้องการหูฟังสำหรับประชุม, ผู้ที่ชอบฟังเพลงและต้องการรับรู้เสียงรอบข้าง
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธการชาร์จเทคโนโลยี BC
IP55สูงสุด 10 ชม.29 กรัม5.1ชาร์จเร็ว (5 นาที ใช้ได้ 1.5 ชม.)9th Generation
  • 2. Shokz OpenRun (ตัวขายดี คุ้มค่า)
  • ชื่อแบรนด์: Shokz
  • ชื่อสินค้า: OpenRun (เดิมคือ Aeropex)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: รุ่นยอดนิยมตลอดกาลที่ถูกเปลี่ยนชื่อมาจาก Aeropex ความโดดเด่นคือความเบา ใส่สบาย จนแทบไม่รู้สึกว่าใส่อยู่ คุณภาพเสียงดีใช้ได้สำหรับหูฟัง Bone Conduction ได้ยินเสียงรอบข้างชัดเจน กันน้ำระดับ IP67 ซึ่งกันน้ำได้ดีกว่า OpenRun Pro เล็กน้อย เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือใส่ออกกำลังกายที่ไม่หนักหน่วงมากนัก เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากลองใช้หูฟัง Bone Conduction คุณภาพดีจากแบรนด์ชั้นนำ
  • จุดเด่นสินค้า: น้ำหนักเบา ใส่สบายมาก、กันน้ำและฝุ่น IP67、คุณภาพเสียงดีสำหรับ BC、แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน、ราคาเข้าถึงง่ายกว่ารุ่น Pro
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงและ Podcast ระหว่างทำกิจกรรม: ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น ทำสวน ทำงานบ้าน หรือเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็สามารถฟังเพลงหรือ Podcast ได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่พลาดเสียงประกาศสถานี หรือเสียงรอบข้างที่สำคัญ เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
    • รองรับการโทรศัพท์ที่ชัดเจน: มีไมโครโฟนในตัวที่ช่วยให้การสนทนาโทรศัพท์ชัดเจน สามารถคุยสายสำคัญได้โดยที่ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เหมาะกับคนที่ไม่สะดวกถือโทรศัพท์ขณะทำกิจกรรมต่างๆ
    • ทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำ: ด้วยมาตรฐาน IP67 ทำให้หูฟังรุ่นนี้สามารถทนทานต่อเหงื่อจากการออกกำลังกาย หรือละอองฝนได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะเสียหายเมื่อใช้งานในสภาพอากาศที่หลากหลาย หรือในการออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกเยอะ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน, นักกีฬาที่ไม่เน้นการใช้งานหนัก, คนที่ต้องการหูฟังที่ใส่สบายและปลอดภัย, ผู้ที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธการชาร์จเทคโนโลยี BCหน่วยความจำภายใน
IP67สูงสุด 8 ชม.26 กรัม5.0ชาร์จเร็ว8th Generationไม่มี
  • 3. Shokz OpenSwim (สำหรับสายว่ายน้ำโดยเฉพาะ)
  • ชื่อแบรนด์: Shokz
  • ชื่อสินค้า: OpenSwim (เดิมคือ Xtrainerz)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวนี้มาเพื่อสายว่ายน้ำโดยเฉพาะ! ออกแบบมาให้กันน้ำได้ถึงระดับ IP68 สามารถดำน้ำลึกได้สูงสุด 2 เมตร และใช้งานใต้น้ำได้จริง จุดเด่นคือมีหน่วยความจำภายใน ไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์ขณะว่ายน้ำให้ยุ่งยาก แค่โหลดเพลงลงไปก็พอ คุณภาพเสียงใต้น้ำดีเยี่ยมกว่าบนบกพอสมควร เหมาะกับนักว่ายน้ำ หรือคนที่ชอบทำกิจกรรมทางน้ำที่ต้องการฟังเพลงไปด้วย
  • จุดเด่นสินค้า: กันน้ำ IP68 ใช้งานใต้น้ำได้จริง、มีหน่วยความจำภายใน (ไม่ต้องใช้บลูทูธ)、ออกแบบมาเพื่อการว่ายน้ำโดยเฉพาะ、คุณภาพเสียงใต้น้ำดี
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงขณะว่ายน้ำหรือดำน้ำตื้น: ด้วยมาตรฐานการกันน้ำสูงสุด และการมีเครื่องเล่น MP3 ในตัว ทำให้สามารถฟังเพลงโปรดขณะว่ายน้ำ ออกกำลังกายในสระ หรือทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลเรื่องโทรศัพท์หรือการเชื่อมต่อ
    • ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นได้เต็มที่: ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งตากฝน เล่นกีฬาทางน้ำ หรือใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หูฟังรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้อย่างดีเยี่ยม มอบความบันเทิงได้ทุกสถานการณ์
    • ดาวน์โหลดและจัดการเพลงได้ง่าย: การถ่ายโอนไฟล์เพลงจากคอมพิวเตอร์ลงในหน่วยความจำภายในทำได้ง่ายดาย รองรับไฟล์เสียงหลายรูปแบบ ทำให้คุณสามารถจัดเพลย์ลิสต์สำหรับการออกกำลังกายใต้น้ำได้ตามใจชอบ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักว่ายน้ำ, ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำ (ดำน้ำตื้น, พายเรือ), คนที่ต้องการหูฟังกันน้ำขั้นสุด
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธหน่วยความจำภายในรองรับไฟล์
IP68สูงสุด 8 ชม.30 กรัมไม่มี (MP3 ในตัว)4 GBMP3, WMA, WAV, FLAC, AAC
  • 4. Shokz OpenMove (เริ่มต้นง่ายๆ ในงบสบายกระเป๋า)
  • ชื่อแบรนด์: Shokz
  • ชื่อสินค้า: OpenMove
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,xxx - 3,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้าเพิ่งเข้าวงการ Bone Conduction หรืออยากได้หูฟังดีๆ ในงบที่ไม่แรงเกินไป OpenMove คือคำตอบ! เป็นรุ่น Entry-level ของ Shokz ที่ยังคงคุณภาพมาตรฐานไว้ได้ดี ให้เสียงชัดเจน ได้ยินเสียงรอบข้างสบายๆ ใส่กระชับพอดี เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ออกกำลังกายเบาๆ หรือใช้เดินทางทั่วไป กันน้ำระดับ IP55 ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสุดๆ สำหรับคนที่ไม่ต้องการฟังก์ชันหวือหวา แต่เน้นความเสถียรและปลอดภัยในราคาเป็นมิตร
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย、คุณภาพมาตรฐาน Shokz、ใส่กระชับพอดี、กันน้ำ IP55、เหมาะสำหรับเริ่มต้นใช้งาน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงและ Podcast ในชีวิตประจำวัน: เหมาะสำหรับใช้งานขณะเดินทางไปทำงาน เดินเล่นในสวน หรือทำงานบ้าน ช่วยให้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์เสียงต่างๆ ได้โดยไม่ตัดขาดจากโลกภายนอก เพิ่มความตระหนักรู้ถึงสภาพแวดล้อม
    • เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย: รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย ใช้งานได้สะดวกกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีบลูทูธ ทำให้เป็นหูฟังคู่ใจได้ทุกที่ทุกเวลา
    • ทนทานต่อเหงื่อและละอองฝน: ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP55 ทำให้สามารถใช้งานขณะออกกำลังกายที่มีเหงื่อออก หรือในวันที่ฝนตกปรอยๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของอุปกรณ์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยที่เจอสภาพอากาศหลากหลาย
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้เริ่มต้นใช้ Bone Conduction, คนที่มองหาหูฟังคุ้มค่า, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ออกกำลังกายเบาๆ, เดินทาง
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธโหมดเสียงพอร์ตชาร์จวัสดุ
IP55สูงสุด 6 ชม.29 กรัม5.12 โหมด (ทั่วไป, Vocal)USB-CTitanium Alloy
  • 5. Philips TAA7607 (มีไฟ LED เพื่อความปลอดภัย)
  • ชื่อแบรนด์: Philips
  • ชื่อสินค้า: TAA7607
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,xxx - 6,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Philips ก็มีหูฟัง Bone Conduction ที่น่าสนใจนะ รุ่น TAA7607 โดดเด่นด้วยไฟ LED ที่ด้านหลัง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้งานในที่มืด หรือช่วงพลบค่ำ/เช้ามืด ดีไซน์สวยงามตามสไตล์ Philips คุณภาพเสียงใช้ได้สำหรับการฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ กันน้ำระดับ IP66 เหมาะกับสายออกกำลังกายที่เน้นความปลอดภัยเป็นพิเศษ หรือคนที่ชอบออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านตอนกลางคืน
  • จุดเด่นสินค้า: มีไฟ LED เพิ่มความปลอดภัย、กันน้ำและฝุ่น IP66、คุณภาพเสียงคมชัดสำหรับการโทร、ใส่สบายสำหรับออกกำลังกายตอนกลางคืน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในที่มืด: ไฟ LED ที่ติดตั้งมาช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อใช้งานในสภาพแสงน้อย เช่น การวิ่งหรือปั่นจักรยานในเวลากลางคืน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความมั่นใจในการออกกำลังกายยามค่ำคืน
    • ทนทานต่อสภาพอากาศและเหงื่อ: มาตรฐาน IP66 ทำให้หูฟังสามารถทนต่อฝุ่นและละอองน้ำ หรือเหงื่อจากการออกกำลังกายได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ต้องกังวลหากต้องใช้งานในวันที่ฝนตก หรือในการออกกำลังกายที่หนักหน่วง
    • สื่อสารชัดเจนด้วยไมโครโฟนคุณภาพ: ไมโครโฟนที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้การสนทนาโทรศัพท์ชัดเจน ไม่ติดขัด แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ริมถนน หรือในสวนสาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายออกกำลังกายตอนกลางคืน, นักวิ่ง/นักปั่นที่เน้นความปลอดภัย, คนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งช่วงพลบค่ำ, คนที่ต้องการหูฟังกันน้ำกันฝุ่นดีๆ
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธไฟ LEDไมโครโฟนการเชื่อมต่อ
IP66สูงสุด 9 ชม.ไม่ระบุ (แต่ใส่สบาย)5.2มี (ควบคุมผ่านแอป/ปุ่ม)AI noise reductionMultipoint connection
  • 6. Sony Float Run (ดีไซน์ล้ำ ไม่เข้าหูโดยตรง)
  • ชื่อแบรนด์: Sony
  • ชื่อสินค้า: Float Run (WI-OE610)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sony มาพร้อมแนวคิดที่แตกต่าง! Float Run ไม่ใช่ Bone Conduction 100% แต่เป็นหูฟังแบบ Open-ear ที่วางอยู่เหนือกกหู แล้วส่งเสียงผ่านอากาศเข้าหูโดยตรง (แต่ไม่ยัดเข้าช่องหู) ทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างชัดเจนเหมือน Bone Conduction แต่ให้คุณภาพเสียงที่กว้างและเป็นธรรมชาติกว่าในบางแง่ ใส่สบายมาก ไม่กดทับหู ดีไซน์ล้ำไม่เหมือนใคร เหมาะกับคนที่อยากได้หูฟัง Open-ear คุณภาพเสียงดี เน้นความสบาย และความปลอดภัยในการรับรู้สภาพแวดล้อม
  • จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Open-ear ไม่เข้าหู、ใส่สบาย ไม่กดทับ、ได้ยินเสียงรอบข้างชัดเจน、คุณภาพเสียงเป็นธรรมชาติ、น้ำหนักเบา
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รับฟังเสียงรอบข้างได้อย่างเต็มที่: การออกแบบแบบ Open-ear ที่วางอยู่เหนือกกหู ทำให้ไม่มีอะไรอุดตันช่องหู คุณจึงได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติสูงสุด เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่ต้องการความตื่นตัวตลอดเวลา
    • มอบประสบการณ์การฟังที่สบายเป็นพิเศษ: ด้วยน้ำหนักที่เบาและการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่วางบนหูอย่างนุ่มนวล ทำให้สามารถสวมใส่ได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า หรือระคายเคืองหู เหมาะสำหรับคนที่ต้องใส่หูฟังตลอดวัน
    • คุณภาพเสียงที่สมดุลและเป็นธรรมชาติ: แม้จะไม่ใช่ Bone Conduction แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Sony ทำให้ Float Run ให้คุณภาพเสียงที่สมดุล รายละเอียดชัดเจน เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนว ให้ประสบการณ์การฟังที่น่าพอใจในรูปแบบ Open-ear
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่เน้นความสบายในการใส่หูฟังนานๆ, ผู้ที่เดินทางในเมือง, คนที่ต้องการหูฟังที่รับรู้เสียงรอบข้างได้ดีมาก, คนที่อยากได้หูฟังดีไซน์ล้ำไม่เหมือนใคร
ประเภทหูฟังแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธมาตรฐานกันน้ำวิธีชาร์จ
Open-ear (ไม่ใช่ BC 100%)สูงสุด 10 ชม.ประมาณ 33 กรัม5.0IPX4USB-C
  • 7. Creative Outlier Free+ (มี MP3 ในตัว ราคาเป็นมิตร)
  • ชื่อแบรนด์: Creative
  • ชื่อสินค้า: Outlier Free+
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,xxx - 3,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Creative ก็มีหูฟัง Bone Conduction ที่น่าสนใจและราคาเข้าถึงง่าย รุ่น Outlier Free+ มาพร้อมจุดเด่นคือมีหน่วยความจำภายในสำหรับเล่นไฟล์ MP3 ได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบพกพามือถือ หรือคนที่ชอบฟังเพลงในที่ที่สัญญาณบลูทูธอาจไม่เสถียร กันน้ำระดับ IPX5 ใช้ใส่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดี คุณภาพเสียงใช้ได้คุ้มราคา
  • จุดเด่นสินค้า: มีหน่วยความจำ MP3 ในตัว、ราคาสมเหตุสมผล、กันน้ำ IPX5、ใส่สบาย、ใช้งานได้หลากหลาย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงแบบ Standalone ด้วยหน่วยความจำภายใน: สามารถดาวน์โหลดไฟล์เพลง MP3 ลงในหูฟังได้โดยตรง ทำให้ฟังเพลงได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์มือถือ เหมาะมากสำหรับคนที่ออกกำลังกายโดยไม่พกโทรศัพท์ หรือใช้งานในพื้นที่ที่สัญญาณไม่ดี
    • ใช้งานขณะออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้ง: ด้วยมาตรฐานการกันน้ำระดับ IPX5 ทำให้หูฟังรุ่นนี้สามารถทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์การใช้งานขณะวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง
    • รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับการใช้งานทั่วไป: นอกจากโหมด MP3 แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth ได้ตามปกติ เพื่อใช้ฟังเพลง ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์ ทำให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นในหลากหลายสถานการณ์
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬาที่ไม่ชอบพกโทรศัพท์, คนที่ต้องการหูฟังพร้อมเครื่องเล่น MP3 ในตัว, คนที่มองหา Bone Conduction ราคาสบายกระเป๋า, ใช้งานออกกำลังกายทั่วไป
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธหน่วยความจำภายในพอร์ตชาร์จเวลาชาร์จ
IPX5สูงสุด 8 ชม. (Bluetooth), 6 ชม. (MP3)ไม่ระบุ (น้ำหนักเบา)5.38 GBMagneticประมาณ 2 ชม.
  • 8. Edifier Comfo Run (คุ้มค่า ราคาดี เสียงใช้ได้)
  • ชื่อแบรนด์: Edifier
  • ชื่อสินค้า: Comfo Run
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Edifier แบรนด์เครื่องเสียงที่หลายคนคุ้นเคย ก็ส่งหูฟัง Bone Conduction ลงตลาดในราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ รุ่น Comfo Run เน้นความคุ้มค่า ให้คุณภาพเสียงที่เหมาะสมกับราคา ใส่สบายพอดีๆ กันน้ำระดับ IPX5 เหมาะสำหรับคนที่อยากลองใช้ Bone Conduction โดยที่งบประมาณจำกัด หรือใช้เป็นหูฟังสำรองสำหรับออกกำลังกายเบาๆ ในชีวิตประจำวัน
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก คุ้มค่า、คุณภาพเสียงใช้ได้ตามราคา、กันน้ำ IPX5、ใส่สบาย、เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นงบน้อย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงและ Podcast สำหรับกิจกรรมทั่วไป: เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน เล่นกีฬาที่ไม่หนักมาก หรือทำกิจกรรมสบายๆ ที่บ้าน ช่วยให้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์เสียงได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรอบข้าง
    • รองรับการโทรศัพท์พื้นฐาน: สามารถใช้งานคุยโทรศัพท์ได้ตามปกติ ให้เสียงที่ชัดเจนสำหรับการสนทนาทั่วๆ ไป เหมาะสำหรับรับสายระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ
    • ทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำ: ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX5 ทำให้ทนทานต่อเหงื่อจากการออกกำลังกาย หรือละอองน้ำได้ในระดับหนึ่ง ทำให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายสถานการณ์
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด, ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้ Bone Conduction, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ออกกำลังกายเบาๆ
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธไดรเวอร์ENCพอร์ตชาร์จ
IPX5สูงสุด 10 ชม. (รวมเคสชาร์จ)ไม่ระบุ (น้ำหนักเบา)5.316.2 มม.มี (สำหรับโทร)USB-C
  • 9. Lenovo XT80 (ดีไซน์สปอร์ต ราคาโดนใจ)
  • ชื่อแบรนด์: Lenovo
  • ชื่อสินค้า: XT80
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5xx - 1,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: หูฟัง Bone Conduction ดีไซน์สปอร์ตจาก Lenovo ที่มาในราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ! เหมาะกับคนที่มองหาหูฟังออกกำลังกายแบบ Bone Conduction ที่ไม่ต้องจ่ายแพง คุณภาพเสียงใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา ใส่กระชับ เหมาะกับการใส่วิ่ง หรือเล่นกีฬา มีระบบตัดเสียงรบกวน ENC สำหรับการโทรด้วยนะ จัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสายประหยัด
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกสุดๆ、ดีไซน์สปอร์ต、มี ENC สำหรับโทร、ใส่กระชับขณะออกกำลังกาย、คุ้มค่าคุ้มราคา
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ฟังเพลงและออกกำลังกายได้อย่างอิสระ: ด้วยดีไซน์ที่กระชับและน้ำหนักเบา ทำให้เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายต่างๆ เช่น วิ่ง ฟิตเนส หรือเล่นกีฬา ช่วยให้เพลิดเพลินกับเพลงโปรดได้โดยไม่รำคาญ
    • สนทนาชัดเจนขึ้นด้วย ENC: มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ENC ช่วยให้ปลายสายได้ยินเสียงของคุณชัดเจนขึ้นขณะคุยโทรศัพท์ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
    • เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 เสถียร: ใช้เทคโนโลยี Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นล่าสุด ช่วยให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ มีความเสถียร รวดเร็ว และใช้พลังงานน้อยลง มอบประสบการณ์การใช้งานที่ไหลลื่น
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายออกกำลังกายงบน้อย, นักเรียน/นักศึกษา, คนที่ต้องการหูฟัง Bone Conduction ราคาถูก, ใช้งานขณะเล่นกีฬา
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธENCไดรเวอร์เคสชาร์จ
IPX5สูงสุด 7 ชม. (รวมเคสชาร์จสูงสุด 30 ชม.)ไม่ระบุ (น้ำหนักเบา)5.3มี16.2 มม.มี
  • 10. Decathlon Kiprun BC500 (ตัวเลือกสายกีฬาจากแบรนด์คุณภาพ)
  • ชื่อแบรนด์: Kiprun (แบรนด์ในเครือ Decathlon)
  • ชื่อสินค้า: BC500
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,xxx - 3,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: สำหรับสายกีฬาที่คุ้นเคยกับ Decathlon หูฟัง Bone Conduction รุ่น BC500 จากแบรนด์ Kiprun เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ มาตรฐานดีสำหรับหูฟัง Bone Conduction ในราคานี้ ให้เสียงชัดเจน ได้ยินเสียงรอบข้าง กันน้ำ IPX5 น้ำหนักเบา ใส่สบาย เหมาะกับการใส่วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายต่างๆ เป็นทางเลือกที่ดีนอกเหนือจากแบรนด์ตลาดทั่วไป
  • จุดเด่นสินค้า: แบรนด์กีฬาเชื่อถือได้、ราคาเข้าถึงง่าย、กันน้ำ IPX5、น้ำหนักเบา ใส่สบาย、เหมาะกับการออกกำลังกาย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รองรับการออกกำลังกายหลากหลายประเภท: ออกแบบมาให้ใส่กระชับและทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำได้ดี เหมาะสำหรับกิจกรรมกีฬาต่างๆ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในยิม ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินระหว่างซ้อม
    • ได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย: เทคโนโลยี Bone Conduction ช่วยให้คุณยังคงได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมภายนอกได้อย่างชัดเจนขณะฟังเพลง เพิ่มความปลอดภัยเมื่อออกกำลังกายในที่สาธารณะ หรือใกล้ถนน
    • เชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 ที่เสถียร: ใช้ Bluetooth 5.1 ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้สัญญาณที่เสถียรและเชื่อถือได้สำหรับการฟังเพลงและการโทรศัพท์ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายกีฬาที่ชอบแบรนด์ Decathlon, คนที่มองหา Bone Conduction คุณภาพดีราคาไม่แพง, ใช้งานออกกำลังกายกลางแจ้ง, ผู้เริ่มต้นใช้ Bone Conduction
มาตรฐานกันน้ำแบตเตอรี่น้ำหนักบลูทูธไมโครโฟนวัสดุเฟรมการเชื่อมต่อ
IPX5สูงสุด 6 ชม.29 กรัม5.1Dual DSP micsTPUMultipoint pairing

เลือกซื้อหูฟัง Bone Conduction ยังไงให้โดนใจปี 2025?

  • 1. เช็กมาตรฐานการกันน้ำให้ชัวร์ เหมาะกับไลฟ์สไตล์แค่ไหน?
    จะซื้อหูฟัง Bone Conduction ทั้งที ก็ต้องดูเรื่องกันน้ำกันเหงื่อเป็นหลักเลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่เราซื้อมาใส่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งใช่ไหมคะ? ถ้าเน้นใช้วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือเจอฝนปรอยๆ มาตรฐานกันน้ำระดับ IPX5 หรือ IP55 ก็พอแล้วค่ะ พวกนี้จะทนเหงื่อ ทนละอองน้ำได้สบายๆ แต่ถ้าเป็นสายลุยตัวจริง ชอบทำกิจกรรมทางน้ำ หรืออยากใส่ว่ายน้ำ อันนี้ต้องขยับไปดูที่มาตรฐาน IP67 หรือ IP68 เลยนะจ๊ะ มาตรฐาน IP เนี่ย ตัวเลขข้างหน้าคือการกันฝุ่น ยิ่งเยอะยิ่งดี ส่วนตัวเลขข้างหลังคือการกันน้ำ ยิ่งเยอะยิ่งกันน้ำได้ลึกและนานขึ้น อย่าง IP67 คือกันฝุ่นได้สมบูรณ์และกันน้ำจืดที่ระดับความลึก 1 เมตรได้ 30 นาที ส่วน IP68 คือกันฝุ่นได้สมบูรณ์และกันน้ำที่ความลึกมากกว่า 1 เมตรได้ตามที่ผู้ผลิตระบุเลยค่ะ การเลือกมาตรฐานกันน้ำที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่เราจะใช้จริงๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานหูฟังของเราไปได้อีกนานเลยนะ ไม่ต้องกลัวพังง่ายๆ เวลาเจอเหงื่อหนักๆ หรือเจอฝนระหว่างทาง ถ้าเลือกได้ตรงกับการใช้งาน บอกเลยว่าใช้คุ้มแน่นอน เหมือนได้เพื่อนคู่ใจไปลุยทุกสถานการณ์เลยแหละจ้า
  • 2. คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี Bone Conduction สำคัญไฉน?
    หลายคนอาจจะสงสัยว่าหูฟัง Bone Conduction เสียงจะดีเท่าหูฟังปกติไหม? ต้องบอกตามตรงว่าด้วยธรรมชาติของการส่งเสียงผ่านกระดูก คุณภาพเสียงโดยรวม โดยเฉพาะเสียงเบส อาจจะไม่แน่นตึ้บเท่าหูฟังแบบ In-ear หรือ Over-ear ที่อุดหูสนิท แต่เทคโนโลยีมันพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่ะ รุ่นใหม่ๆ อย่าง Shokz OpenRun Pro เนี่ย ก็ทำเสียงเบสออกมาได้ดีขึ้นเยอะมากๆ เวลาเลือกซื้อให้ดูที่เทคโนโลยี Bone Conduction ที่เค้าใช้ อย่างของ Shokz ก็มีตั้งแต่รุ่นเก่าๆ ไปจนถึงเจเนอเรชันที่ 9 แล้ว ยิ่งเทคโนโลยีใหม่ การสั่นสะเทือนก็จะน้อยลง เสียงรั่วไหลน้อยลง และคุณภาพเสียงโดยรวมก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้ บางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันปรับ EQ เสียงมาให้ในแอปพลิเคชัน ก็ช่วยให้เราปรับโทนเสียงให้เข้ากับที่เราชอบได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญของ Bone Conduction คือความปลอดภัยและการได้ยินเสียงรอบข้างนะ อย่าไปคาดหวังว่ามันจะให้คุณภาพเสียงระดับ Audiophile เหมือนหูฟังราคาแพงที่ไม่ได้เน้นเรื่อง Open-ear ค่ะ เลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานหลักของเราดีกว่าเนอะ
  • 3. แบตเตอรี่และการชาร์จ ใช้งานต่อเนื่องได้นานแค่ไหน?
    เรื่องแบตเตอรี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ ยิ่งเราใช้หูฟัง Bone Conduction ตอนทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้าน ก็ต้องมั่นใจว่าแบตจะอยู่ได้นานพอตลอดกิจกรรมนั้นๆ ส่วนใหญ่หูฟัง Bone Conduction จะใช้งานได้ประมาณ 6-10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายส่วนใหญ่ หรือใช้งานระหว่างวันแล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นสายอึด วิ่งมาราธอน หรือทำกิจกรรมยาวๆ ก็อาจจะต้องมองหารุ่นที่แบตอึดเป็นพิเศษ หรือมีฟังก์ชันชาร์จเร็วมาช่วยค่ะ ฟังก์ชันชาร์จเร็วเนี่ยมีประโยชน์มากนะ ถ้าลืมชาร์จก่อนออกจากบ้าน แค่เสียบชาร์จแป๊บเดียวก็ได้แบตมาใช้ได้หลายชั่วโมงแล้ว ชีวิตดี๊ดี! ลองดูว่าไลฟ์สไตล์ของเราต้องการแบตเตอรี่ประมาณไหน แล้วเลือกให้เหมาะสม จะได้ไม่หงุดหงิดกลางคันตอนหูฟังแบตหมดน้า
  • 4. ความสบายและการสวมใส่ พอดีกับรูปหน้าเราไหม?
    หูฟัง Bone Conduction ส่วนใหญ่จะมีดีไซน์แบบคล้องหลังศีรษะและวางตัวส่งเสียงไว้ที่บริเวณโหนกแก้ม การเลือกหูฟังที่ใส่สบายและกระชับพอดีกับรูปหน้าของเราจึงสำคัญมากๆ ค่ะ ถ้าหลวมไปก็อาจจะขยับหลุดได้ง่าย หรือถ้าแน่นไปก็จะรู้สึกบีบรัด ไม่สบายหู โดยเฉพาะเวลาใส่นานๆ หรือใส่ออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวเยอะๆ วัสดุของโครงหูฟังก็มีผลต่อความสบายนะ ส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา เช่น Titanium Alloy ซึ่งช่วยให้ใส่สบาย และทนทานด้วย บางแบรนด์อาจจะมีขนาดให้เลือกด้วย ลองดูว่ามีไซส์ที่เหมาะกับเราไหม หรือถ้าเป็นไปได้ ลองหาโอกาสไปลองสวมดูก่อนตัดสินใจซื้อ ก็จะช่วยให้เราได้หูฟังที่เข้ากับเราจริงๆ ใส่แล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่ไปเลยยิ่งดี!

คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟัง Bone Conduction

  • Q: หูฟัง Bone Conduction เป็นอันตรายต่อการได้ยินไหม?
    A: ไม่เป็นอันตรายค่ะ! ตรงกันข้ามเลย หูฟัง Bone Conduction ถูกออกแบบมาให้ส่งเสียงผ่านกระดูกโดยตรง ไม่ต้องผ่านแก้วหูเหมือนหูฟังทั่วไป ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินจากเสียงดัง (Noise-Induced Hearing Loss - NIHL) ที่อาจเกิดจากการใช้หูฟังแบบเดิมที่อัดเสียงเข้าหูโดยตรงเป็นเวลานาน แถมยังดีกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องหูบางประเภทด้วยนะ
  • Q: ใส่หูฟัง Bone Conduction ว่ายน้ำได้ไหม?
    A: ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับว่ายน้ำโดยเฉพาะเท่านั้น! ต้องมีมาตรฐานการกันน้ำระดับ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ดีเยี่ยมและใช้งานใต้น้ำได้จริง รุ่นที่แนะนำก็เช่น Shokz OpenSwim ที่มีเครื่องเล่น MP3 ในตัว ไม่ต้องพึ่งบลูทูธใต้น้ำ หูฟัง Bone Conduction รุ่นทั่วๆ ไปที่มีมาตรฐาน IPX5 หรือ IP55 จะกันได้แค่เหงื่อหรือละอองฝนเท่านั้น เอาลงน้ำไม่ได้นะจ๊ะ พังแน่นอน!
  • Q: คุณภาพเสียงของหูฟัง Bone Conduction ดีเท่าหูฟัง In-ear หรือ Over-ear ไหม?
    A: โดยทั่วไปแล้ว คุณภาพเสียงโดยรวมและเสียงเบสของหูฟัง Bone Conduction อาจจะไม่เทียบเท่าหูฟังแบบ In-ear หรือ Over-ear ที่ให้เสียงแบบเต็มๆ และมีเบสที่หนักแน่นกว่า แต่จุดเด่นของ Bone Conduction อยู่ที่ความปลอดภัยและการได้ยินเสียงรอบข้างต่างหาก ถ้าเน้นคุณภาพเสียงแบบสุดๆ อาจจะต้องมองหาหูฟังประเภทอื่น แต่ถ้ายอมแลกคุณภาพเสียงเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยและความสบายในการใช้งานขณะทำกิจกรรมต่างๆ Bone Conduction คือตัวเลือกที่ดีมากๆ ในปี 2025 เทคโนโลยีด้านเสียงก็พัฒนาขึ้นเยอะ ทำให้รุ่นใหม่ๆ คุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ
  • Q: คนรอบข้างจะได้ยินเสียงเพลงจากหูฟัง Bone Conduction ของเราไหม?
    A: มีโอกาสที่เสียงจะรั่วไหลออกมาได้บ้างค่ะ โดยเฉพาะถ้าเปิดเสียงดังเกินไป เนื่องจากเสียงเกิดจากการสั่นสะเทือน ถ้าเปิดดังมากๆ การสั่นก็ยิ่งแรงจนอาจมีเสียงเล็ดรอดออกมาได้ แต่หูฟัง Bone Conduction รุ่นใหม่ๆ ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีลดเสียงรั่วไหลแล้ว เพื่อความเป็นส่วนตัวและไม่รบกวนคนรอบข้าง แนะนำให้ปรับระดับเสียงให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่ต้องเปิดดังจนสุดค่ะ
  • Q: หูฟัง Bone Conduction เหมาะกับใครบ้าง?
    A: เหมาะกับหลากหลายกลุ่มเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา (นักวิ่ง, นักปั่นจักรยาน, นักกีฬาทางน้ำ) ที่ต้องการได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย คนที่เดินทางในที่สาธารณะ หรือใช้รถสาธารณะ ที่ต้องการฟังเพลงแต่ยังต้องรับรู้เสียงประกาศ หรือเสียงรอบตัว คนที่ทำงานที่ต้องการหูฟังที่ใส่สบาย และยังสามารถโต้ตอบกับเพื่อนร่วมงานได้ หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องหูบางประเภทที่ไม่สะดวกใส่หูฟังแบบปกติ Basically, ใครที่อยากฟังเพลงหรือ Podcast ไปพร้อมๆ กับการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว และต้องการความสบายในการสวมใส่ Bone Conduction คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์เลยจ้า

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีครับสายช้อปออนไลน์ทุกท่าน! ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ไว้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมปี 2025 นี้ บอกเลยว่าตลาดหูฟังเดือดสุดๆ รุ่นใหม่ๆ โผล่มาเพียบ ทั้งดีไซน์ล้ำ เสียงเทพ ฟีเจอร์จัดเต็ม จะสายเปย์ สายประหยัด หรือสายแฟชั่นก็มีให้เลือกครบ วัน
10 Headphone ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ ดีไซน์โดนใจ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เกมเมอร์ชาวไทย! วันนี้มาเจอกับผมในฐานะกูรูนักช้อปออนไลน์เจ้าเก่า ที่จะมาเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์คู่ใจของชาวเรา นั่นก็คือ "หูฟังเกมมิ่ง" นั่นเอง! สำหรับใครที่งบน่ารักๆ ไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากได้หูฟังเสียงชัด แยกทิศ
10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงชัด แยกทิศทางแม่น
สวัสดีครับพี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ผมผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย ขอพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเสียงเพลงแบบสบายกระเป๋า กับหัวข้อที่ว่าด้วย "10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ช
10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ชันครบ

บทความยอดนิยม