10 ตัวรับสัญญาณบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เชื่อมต่อไร้สาย อัปเกรดเครื่องเสียง

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27 15:30
点赞
10 ตัวรับสัญญาณบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เชื่อมต่อไร้สาย อัปเกรดเครื่องเสียง

สวัสดีค่าาา ชาวเรานักช้อปออนไลน์ที่น่ารักทุกท่าน! เข้าสู่ปี 2025 กันแล้ว เทคโนโลยีก็ก้าวกระโดดไม่หยุดนิ่งจริงจริ๊งงง วันนี้แม่ค้า เอ้ย! ผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปออนไลน์อย่างดิฉัน จะขอมาป้ายยาไอเทมเด็ดที่ต้องมีติดบ้าน ติดรถ หรือติดตัวไว้เลย นั่นก็คือ “ตัวรับสัญญาณบลูทูธ” นั่นเองค่า! บอกเลยว่าเจ้าตัวเล็กๆ นี่แหละ จะมาช่วยอัปเกรดเครื่องเสียงเก่าๆ ของเราให้กลายเป็นสุดยอดเครื่องเสียงไร้สายในพริบตา ไม่ต้องทนกับสายระโยงระยางให้วุ่นวายอีกต่อไป แถมยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยยุคใหม่ที่ชอบความสะดวกสบาย อยากเปิดเพลงโปรดฟังได้ทุกที่ทุกเวลา จะฟังในรถชิลๆ เปิดเพลงตอนทำกับข้าว หรือจะเชื่อมต่อกับลำโพงคู่ใจตอนปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ก็จัดไปอย่าให้เสีย! วันนี้เรารวบรวม 10 ตัวรับสัญญาณบลูทูธน่าสอยในปี 2025 มาให้ดูกันแบบจัดเต็ม พร้อมเทคนิคเลือกซื้อให้โดนใจ รับรองว่าอ่านจบแล้วต้องอยากกดใส่ตะกร้าแน่นอนค่า!

1. UGREEN HiTune Max

  • ชื่อแบรนด์: UGREEN
  • ชื่อสินค้า: HiTune Max (รุ่นสมมติอิงจากผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 700 - 1,200 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: UGREEN HiTune Max เป็นตัวรับสัญญาณบลูทูธที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพเสียงแบบไร้สาย เชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณเข้ากับลำโพงหรือเครื่องเสียงบ้านได้อย่างง่ายดาย รองรับ Bluetooth เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรและส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ให้เสียงคุณภาพคมชัดระดับ Hi-Fi ตัวเครื่องดีไซน์เรียบหรู ขนาดกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะสำหรับใครที่อยากอัปเกรดระบบเสียงเดิมๆ ให้ทันสมัย รองรับการเชื่อมต่อได้หลากหลาย ทั้ง AUX และ RCA ตอบโจทย์ทั้งการฟังเพลง ดูหนัง หรือแม้แต่เล่นเกมแบบไร้สาย บอกเลยว่าตัวนี้คุ้มค่าเกินราคา ได้ยินเสียงดีๆ ชีวิตก็ดีตามไปด้วยนะจ๊ะ
  • จุดเด่นสินค้า: รองรับ Bluetooth 5.3, คุณภาพเสียง Hi-Fi, ดีไซน์มินิมอล, เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน, ติดตั้งง่าย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • อัปเกรดเครื่องเสียงบ้านเก่า: เพียงแค่เสียบ UGREEN HiTune Max เข้ากับช่อง AUX หรือ RCA บนลำโพงหรือเครื่องเสียงรุ่นเก่า ก็สามารถสตรีมเพลงจากมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ผ่านบลูทูธได้ทันที ทำให้เครื่องเสียงตัวโปรดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งโดยไม่ต้องซื้อใหม่ให้เปลืองงบเลย
    • ฟังเพลงในรถให้ฟินขึ้น: สำหรับรถยนต์ที่ไม่มีบลูทูธในตัว สามารถใช้ UGREEN HiTune Max เสียบเข้ากับช่อง AUX ในรถยนต์เพื่อรับสัญญาณบลูทูธจากมือถือ เปิดเพลงโปรดฟังได้ยาวๆ ตลอดการเดินทาง ไม่ต้องง้อสายให้เกะกะ แถมยังรองรับการรับสายโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรีได้อีกด้วย
    • เชื่อมต่อหูฟังมีสายแบบไร้สาย: แปลงหูฟังมีสายตัวเก่งให้กลายเป็นหูฟังบลูทูธได้ง่ายๆ แค่เสียบหูฟังเข้ากับตัวรับสัญญาณ แล้วเชื่อมต่อตัวรับสัญญาณกับมือถือ ทำให้การฟังเพลงหรือดูหนังสะดวกสบายขึ้นเยอะ ไม่มีสายพันกันให้หงุดหงิด
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการอัปเกรดเครื่องเสียงบ้าน/รถยนต์, คนที่ใช้หูฟังมีสาย, ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการฟังเพลงไร้สาย, เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
Bluetooth VersionAudio OutputCodec SupportMulti-PointPower SourceRangeDimensionsWeight
5.33.5mm AUX, 2RCASBC, AAC, aptXYes (2 devices)USB-CUp to 15mเล็กกะทัดรัดเบา

2. 1Mii DS220 Pro LDAC

  • ชื่อแบรนด์: 1Mii
  • ชื่อสินค้า: DS220 Pro LDAC
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,500 - 4,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: สำหรับสายออดิโอไฟล์ที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับเทพ 1Mii DS220 Pro LDAC คือคำตอบ! ตัวนี้ชูโรงด้วยการรองรับ Codec LDAC ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ Sony ที่สามารถส่งข้อมูลเสียงความละเอียดสูงผ่านบลูทูธได้มากกว่า SBC ถึง 3 เท่า ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงที่คมชัดเหมือนต้นฉบับ มาพร้อมชิป DAC คุณภาพดีในตัว ช่วยแปลงสัญญาณเสียงดิจิทัลเป็นอนาล็อกได้อย่างแม่นยำ เหมาะสำหรับเชื่อมต่อกับชุดเครื่องเสียงบ้านระดับ Hi-Fi เพื่อสตรีมเพลงคุณภาพสูงจากมือถือหรือบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ถ้าเรื่องเสียงคือที่สุด ตัวนี้จัดว่าเด็ด!
  • จุดเด่นสินค้า: รองรับ LDAC, คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio, มีชิป DAC ในตัว, สัญญาณเสถียร, เหมาะกับชุดเครื่องเสียง Hi-Fi
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • สตรีมเพลง Hi-Res ไร้สาย: เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่รองรับ LDAC (เช่น สมาร์ทโฟน Sony หรือ Android บางรุ่น) เพื่อสตรีมไฟล์เพลงความละเอียดสูง (24-bit/96kHz) ไปยังชุดเครื่องเสียงบ้านได้โดยตรง ได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าการเชื่อมต่อบลูทูธแบบปกติอย่างชัดเจน
    • อัปเกรด DAC ให้เครื่องเสียง: ด้วยชิป DAC คุณภาพในตัว (อาจเป็น ESS Sabre หรือ Cirrus Logic ขึ้นอยู่กับรุ่น) ตัวรับสัญญาณนี้ยังทำหน้าที่เป็น DAC ภายนอกช่วยยกระดับคุณภาพเสียงจากแหล่งสัญญาณดิจิทัลอื่นๆ ก่อนส่งไปยังแอมป์หรือลำโพง
    • เชื่อมต่อกับเครื่องเสียงหลากหลาย: มีช่องสัญญาณเอาต์พุตให้เลือกหลากหลาย ทั้ง RCA และ Optical ทำให้เชื่อมต่อกับแอมป์ เครื่องเสียง หรือลำโพง Active ได้เกือบทุกรุ่นในตลาด ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ออดิโอไฟล์, ผู้ที่ใช้ชุดเครื่องเสียงบ้านระดับ Hi-Fi, ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงไร้สายที่ดีที่สุด, เหมาะกับการฟังเพลงแบบจริงจัง
Bluetooth VersionAudio OutputCodec SupportDAC ChipInputRangePower Source
5.12RCA, OpticalLDAC, aptX HD, aptX, AAC, SBCESS Sabre / Cirrus Logic (ตัวอย่าง)BluetoothUp to 10mDC 5V

3. Anker Soundcore Receiver (ชื่อรุ่นสมมติ)

  • ชื่อแบรนด์: Anker (Soundcore)
  • ชื่อสินค้า: Soundcore Flow Audio (รุ่นสมมติอิงจากผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 900 - 1,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Anker Soundcore ขึ้นชื่อเรื่องอุปกรณ์เครื่องเสียงคุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย ตัวรับสัญญาณบลูทูธรุ่นนี้เน้นความสะดวกในการใช้งานและคุณภาพเสียงที่ไว้ใจได้ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ตัวรับสัญญาณที่จบครบในตัวเดียว เชื่อมต่อง่าย เสียงดี และทนทาน ใช้งานได้ทั้งกับเครื่องเสียงบ้าน ลำโพง หรือแม้แต่ในรถยนต์ มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัว ทำให้พกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้สะดวก ไม่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ดีไซน์เรียบง่าย ดูทันสมัย เข้าได้กับทุกมุมของบ้าน หรือจะวางในรถก็ดูดี ไม่เกะกะ เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่มองหาความคุ้มค่าและคุณภาพ
  • จุดเด่นสินค้า: แบตเตอรี่ในตัว, พกพาสะดวก, เสียงดีได้มาตรฐาน, ใช้งานง่าย, ทนทาน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ใช้งานได้ทุกที่โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก: ด้วยแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ในตัว สามารถพกพาไปเชื่อมต่อกับลำโพงพกพา ลำโพงสนาม หรือเครื่องเสียงที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟใกล้เคียงได้สะดวกมากๆ เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้เล็กๆ นอกบ้าน หรือใช้งานในห้องที่ไม่มีปลั๊กไฟว่าง
    • เป็นศูนย์รวมความบันเทิงในรถ: เสียบเข้ากับช่อง AUX ในรถยนต์เพื่อเป็นตัวรับบลูทูธสำหรับสตรีมเพลง พอดแคสต์ หรือใช้เป็น Hand-free รับสายโทรศัพท์ ทำให้รถยนต์รุ่นเก่ากลายเป็นรถยนต์ที่เชื่อมต่อไร้สายได้ทันที เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
    • เชื่อมต่อพร้อมกันสองอุปกรณ์: รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ทำให้สลับการเล่นเพลงระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย ไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อแล้วเชื่อมใหม่ให้เสียเวลา เหมาะสำหรับใช้งานกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัว
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการตัวรับบลูทูธแบบพกพา, ใช้งานในรถยนต์, ใช้งานกับลำโพงพกพา, ปาร์ตี้นอกสถานที่, ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน
Bluetooth VersionAudio OutputBattery LifeCharging PortCodec SupportMulti-Point
5.03.5mm AUXUp to 12 hoursUSB-CSBC, AACYes (2 devices)

4. TP-Link HA100

  • ชื่อแบรนด์: TP-Link
  • ชื่อสินค้า: HA100 Bluetooth Music Receiver
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 500 - 800 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: TP-Link HA100 เป็นตัวรับสัญญาณบลูทูธที่เน้นความง่ายในการใช้งานและความเสถียรของสัญญาณ เหมาะสำหรับใครที่อยากอัปเกรดเครื่องเสียงบ้านแบบเดิมๆ ให้รองรับบลูทูธโดยใช้งบน้อยที่สุด ตัวนี้ติดตั้งง่ายมากๆ แค่เสียบสายแล้วจับคู่บลูทูธก็ใช้งานได้เลย สัญญาณครอบคลุมพื้นที่ได้ดีพอสมควรภายในบ้าน รองรับ NFC ทำให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่รองรับทำได้เพียงแค่แตะ เหมาะกับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัยที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับบ้านที่ต้องการเพิ่มความสามารถไร้สายให้กับระบบเสียงเดิม
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด, ใช้งานง่ายมาก, รองรับ NFC, สัญญาณเสถียร, เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ (บันทึกประวัติ)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เปลี่ยนลำโพงธรรมดาให้เป็นลำโพงบลูทูธ: แค่เสียบ HA100 เข้ากับช่อง AUX ของลำโพงหรือเครื่องเสียงชุดเก่า เท่านี้ลำโพงตัวโปรดก็พร้อมรับสัญญาณบลูทูธจากมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ตได้ทันที เพลิดเพลินกับการฟังเพลงแบบไร้สายได้ง่ายสุดๆ
    • เชื่อมต่อง่ายด้วย NFC (แค่แตะก็เชื่อมต่อ): สำหรับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีฟังก์ชัน NFC สามารถแตะอุปกรณ์เข้ากับตัวรับสัญญาณ HA100 เพื่อจับคู่และเชื่อมต่อบลูทูธได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าในเมนูบลูทูธให้วุ่นวาย สะดวกสุดๆ สำหรับผู้ใช้งานที่เน้นความรวดเร็ว
    • บันทึกอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อได้หลายเครื่อง: ตัว HA100 สามารถจดจำอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อด้วยบลูทูธได้สูงสุดถึง 8 เครื่อง ทำให้การเชื่อมต่อครั้งต่อไปทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องจับคู่ใหม่ทุกครั้งที่ใช้งาน เหมาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคนและต้องการสลับกันใช้งาน
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการอัปเกรดเครื่องเสียงบ้านด้วยงบจำกัด, ผู้สูงอายุที่ต้องการอุปกรณ์ใช้งานง่าย, บ้านที่มีอุปกรณ์บลูทูธหลายเครื่อง, ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับ NFC
Bluetooth VersionAudio OutputConnectivityRangePower SourceSpecial Feature
4.13.5mm AUX, RCABluetooth, NFCUp to 20mUSB 5V/1AMemorize 8 devices

5. UGREEN CM122

  • ชื่อแบรนด์: UGREEN
  • ชื่อสินค้า: CM122 Wireless Bluetooth Receiver
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 600 - 900 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: UGREEN CM122 เป็นตัวรับสัญญาณบลูทูธขนาดเล็กกะทัดรัด เน้นการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะในรถยนต์และกับหูฟังมีสาย ด้วยดีไซน์ที่เล็ก ทำให้เสียบใช้งานได้โดยไม่เกะกะ รองรับ Bluetooth 5.0 เพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียร มีไมโครโฟนในตัวสำหรับใช้เป็น Hand-free ในรถได้ด้วย แบตเตอรี่ในตัวใช้งานได้ยาวนานพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่ใช้เวลาเดินทางในรถเยอะๆ หรืออยากแปลงหูฟังมีสายตัวโปรดให้ใช้งานแบบไร้สายได้สะดวกมากขึ้น เป็นไอเทมเล็กๆ ที่เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้เยอะเลย
  • จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กมาก, มีไมโครโฟนในตัว, เหมาะสำหรับใช้ในรถ/หูฟัง, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, คุณภาพเสียงดีตามมาตรฐาน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ตัวแปลงบลูทูธสำหรับรถยนต์: เสียบเข้ากับช่อง AUX ในรถยนต์ที่มีอยู่แล้ว เปลี่ยนเครื่องเสียงรถธรรมดาให้รับสัญญาณบลูทูธจากมือถือได้ทันที สามารถฟังเพลงโปรดจากแอปต่างๆ และรับสายโทรศัพท์ผ่านระบบเสียงรถยนต์ได้เลย ไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนเครื่องเสียงใหม่
    • รับสายโทรศัพท์แบบ Hand-free: มีไมโครโฟนในตัวคุณภาพดี ทำให้สามารถรับสายและพูดคุยโทรศัพท์ผ่านตัวรับสัญญาณนี้ได้โดยตรง เสียงคมชัด ปลอดภัย ไม่ต้องถือโทรศัพท์ขณะขับรถ ตอบโจทย์การใช้งานในรถยนต์อย่างยิ่ง
    • ใช้งานกับหูฟังมีสาย: เสียบหูฟังมีสายเข้ากับตัว CM122 แล้วเชื่อมต่อ CM122 กับสมาร์ทโฟน ก็จะได้หูฟังบลูทูธทันที ทำให้การฟังเพลงหรือดูหนังสะดวกขึ้น เหมาะสำหรับหูฟังที่ไม่มีฟังก์ชันบลูทูธในตัว
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการตัวรับบลูทูธในรถยนต์, ผู้ที่ใช้หูฟังมีสายเป็นประจำ, ผู้ที่ต้องการฟังก์ชัน Hand-free ในรถ, การเดินทาง, การใช้งานส่วนตัว
Bluetooth VersionAudio OutputBuilt-in MicBattery LifeCharging PortSize
5.03.5mm AUXYesUp to 8 hoursMicro USBUltra-compact

6. Creative BT-W5 aptX Adaptive

  • ชื่อแบรนด์: Creative
  • ชื่อสินค้า: BT-W5 Smart Bluetooth Transmitter (เน้นฟังก์ชัน Transmitter/Receiver ได้)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,500 - 2,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Creative BT-W5 ตัวนี้แม้จะเป็น Transmitter เป็นหลัก แต่ก็สามารถใช้งานเป็น Receiver ได้ในบางโหมด (หรือมีรุ่นที่เป็น Receiver แยก) จุดเด่นคือรองรับ Codec aptX Adaptive ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปรับปรุงใหม่ สามารถปรับคุณภาพเสียงและความหน่วงให้เหมาะสมกับการใช้งานแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีและมีความหน่วงต่ำ เหมาะทั้งกับการฟังเพลง ดูหนัง และเล่นเกม นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ทั้ง PC, Mac, PS5, PS4 และ Nintendo Switch เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเกมเมอร์หรือคนที่เน้นความหน่วงต่ำในการใช้งาน
  • จุดเด่นสินค้า: รองรับ aptX Adaptive, ความหน่วงต่ำ, คุณภาพเสียงดี, รองรับหลายแพลตฟอร์ม, สลับอุปกรณ์ง่าย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ประสบการณ์เสียงคมชัด ความหน่วงต่ำ: ด้วย aptX Adaptive ตัวรับสัญญาณนี้สามารถส่งสัญญาณเสียงที่มีความหน่วงต่ำมากๆ ทำให้เสียงตรงกับภาพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดูหนัง เล่นเกม หรือดูวิดีโอออนไลน์ ที่ต้องการความแม่นยำของเสียงและภาพที่ตรงกัน
    • รองรับอุปกรณ์หลากหลาย: สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดเสียงได้หลายประเภท เช่น คอมพิวเตอร์ (PC/Mac), เครื่องเล่นเกมคอนโซล (PS4/PS5, Nintendo Switch) แล้วส่งสัญญาณเสียงไปยังหูฟังหรือลำโพงบลูทูธ ทำให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นกับอุปกรณ์ที่มีอยู่
    • สลับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ง่าย: มีฟังก์ชันช่วยให้สลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์บลูทูธที่จับคู่ไว้แล้วได้ง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่มบนตัวเครื่อง ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าในเมนูให้ยุ่งยาก สะดวกมากๆ หากใช้งานกับหูฟังหรือลำโพงหลายตัว
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์, ผู้ที่เน้นความหน่วงต่ำในการใช้งาน, ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีทั้งฟังเพลงและดูหนัง, ใช้งานกับหลากหลายอุปกรณ์ (PC, Console)
Bluetooth VersionAudio CodecConnectivityPlatform SupportLatencyRange
5.3aptX Adaptive, aptX HD, aptX, SBCUSB-CPC, Mac, PS4, PS5, SwitchLow (with aptX Adaptive)Up to 50m (Transmitter)

7. FiiO BTR5 (ใช้เป็น Receiver Mode ได้)

  • ชื่อแบรนด์: FiiO
  • ชื่อสินค้า: BTR5 2021 (Portable Bluetooth DAC/Amp)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,000 - 5,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: FiiO BTR5 เป็นอุปกรณ์พกพาแบบครบวงจรที่เป็นทั้ง Bluetooth Receiver, DAC และ Headphone Amplifier ในตัวเดียว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกระดับคุณภาพเสียงจากการฟังเพลงด้วยหูฟังอย่างจริงจัง รองรับ Codec คุณภาพสูงครบถ้วน รวมถึง LDAC และ aptX HD มีชิป DAC และ Amp คุณภาพดีแยกต่างหาก ให้กำลังขับสูง สามารถขับหูฟัง Impedance สูงๆ ได้สบายๆ ขนาดเล็ก พกพาง่าย มีคลิปหนีบสำหรับติดกับเสื้อผ้า หรือจะใช้เป็น USB DAC สำหรับคอมพิวเตอร์ก็ได้ เป็นตัวจบสำหรับนักฟังเพลงพกพา
  • จุดเด่นสินค้า: เป็นทั้ง Receiver, DAC, Amp ในตัว, รองรับ LDAC/aptX HD, คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi, พกพาสะดวก, ใช้งานได้หลากหลาย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รับสัญญาณบลูทูธคุณภาพสูงสำหรับหูฟัง: เชื่อมต่อ BTR5 กับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ (รองรับ LDAC/aptX HD) แล้วเสียบหูฟังมีสายเข้ากับ BTR5 เพื่อฟังเพลงคุณภาพสูงแบบไร้สาย สัญญาณเสียงจะถูกประมวลผลด้วย DAC และ Amp คุณภาพดีในตัว ให้เสียงที่ดีกว่าการเสียบหูฟังกับมือถือโดยตรงอย่างชัดเจน
    • ใช้เป็น USB DAC/Amp สำหรับคอมพิวเตอร์: เชื่อมต่อ BTR5 กับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB-C เพื่อใช้งานเป็น DAC และ Headphone Amplifier ภายนอก ช่วยบายพาสชิปเสียงออนบอร์ดคุณภาพต่ำของคอมพิวเตอร์ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น เหมาะสำหรับฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์
    • แปลงหูฟัง Balanced ให้เป็นไร้สาย: รองรับการเชื่อมต่อหูฟังแบบ Balanced (ผ่านช่อง 2.5mm หรือ 4.4mm ขึ้นอยู่กับรุ่นปี) ซึ่งให้คุณภาพเสียงและกำลังขับที่ดีกว่าการเชื่อมต่อแบบ Single-ended ทำให้หูฟัง Balanced ตัวโปรดใช้งานแบบไร้สายได้เต็มประสิทธิภาพ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักฟังเพลงพกพา, ผู้ที่ใช้หูฟังมีสายคุณภาพสูง, ผู้ที่ต้องการ DAC/Amp แบบพกพา, การเดินทาง, ใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์
Bluetooth VersionAudio CodecDAC ChipAmp ChipOutputWired InputBattery LifeSize
5.0LDAC, aptX HD, aptX LL, aptX, AAC, SBCDual ES9218POp-amp TBD3.5mm, 2.5mm (Balanced)USB Type-CUp to 9 hoursCompact Portable

8. Audioengine B1 Bluetooth Music Receiver

  • ชื่อแบรนด์: Audioengine
  • ชื่อสินค้า: B1 Bluetooth Music Receiver
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 7,000 - 9,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Audioengine B1 เป็นตัวรับสัญญาณบลูทูธระดับพรีเมียมที่เน้นคุณภาพเสียงเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับนักฟังเพลงที่ต้องการนำบลูทูธมาใช้กับชุดเครื่องเสียงบ้านระดับ Hi-Fi โดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียง ใช้ชิป DAC คุณภาพสูงจาก AKM รองรับ Codec aptX HD เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่บลูทูธจะทำได้ในปัจจุบัน ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอย่างดี แข็งแรงทนทาน สัญญาณส่งได้ไกลและเสถียรมาก ติดตั้งและใช้งานง่ายมากๆ เป็นตัวจบสำหรับคนรักเสียงเพลงที่อยากได้ความสะดวกสบายแบบไร้สายแต่ยังคงคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม (Audiophile Grade), ใช้ชิป DAC AKM, รองรับ aptX HD, สัญญาณไกลและเสถียร, วัสดุพรีเมียม
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • สตรีมเพลงคุณภาพสูงเข้าชุดเครื่องเสียงบ้าน: เชื่อมต่อ B1 เข้ากับแอมป์หรือเครื่องเสียงบ้านผ่านช่อง RCA เพื่อรับสัญญาณบลูทูธคุณภาพสูงจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ รองรับ Codec aptX HD ทำให้ได้คุณภาพเสียงใกล้เคียงการฟังเพลงผ่านสายมากๆ เหมาะสำหรับยกระดับการฟังเพลงในห้องนั่งเล่น
    • เพิ่มความสะดวกสบายในการฟังเพลง Hi-Fi: ไม่ต้องยุ่งยากกับการเสียบสายระหว่างอุปกรณ์อีกต่อไป แค่เชื่อมต่อผ่านบลูทูธกับ B1 ก็สามารถควบคุมการเล่นเพลงจากระยะไกลได้อย่างอิสระ เพลิดเพลินกับคลังเพลงดิจิทัลคุณภาพสูงได้อย่างไร้ขีดจำกัด
    • สัญญาณครอบคลุมพื้นที่กว้าง: ด้วยการออกแบบและเสาอากาศที่ดี ทำให้ B1 สามารถรับสัญญาณบลูทูธได้ในระยะที่ไกลกว่าตัวรับสัญญาณทั่วไป และมีความเสถียรสูง ทำให้เดินไปมารอบๆ บ้านหรือในพื้นที่กว้างๆ ได้โดยที่เพลงไม่สะดุด
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ออดิโอไฟล์, ผู้ที่ใช้ชุดเครื่องเสียงบ้านระดับ Hi-Fi, ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงไร้สายระดับสูงสุด, การฟังเพลงในบ้าน/พื้นที่กว้าง
Bluetooth VersionAudio OutputCodec SupportDAC ChipRangePower SourceMaterial
5.32RCA, OpticalaptX HD, aptX, AAC, SBCAKM AK4490Up to 30m+DC 5VAluminum

9. UGREEN CM403 (Car Bluetooth Receiver)

  • ชื่อแบรนด์: UGREEN
  • ชื่อสินค้า: CM403 Car Bluetooth Receiver (รุ่นสมมติอิงจากผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 300 - 600 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: UGREEN CM403 เป็นตัวรับสัญญาณบลูทูธที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในรถยนต์โดยเฉพาะ มีขนาดเล็กมาก เสียบเข้ากับช่อง AUX ในรถได้อย่างแนบเนียน ไม่เกะกะ พร้อมสาย USB สำหรับเสียบไฟจากช่อง USB หรือ Car Charger ในรถยนต์ มีไมโครโฟนในตัวสำหรับเป็น Hand-free รับสายโทรศัพท์ขณะขับรถ คุณภาพเสียงที่ได้ดีตามมาตรฐานสำหรับการฟังเพลงในรถยนต์ ติดตั้งง่าย แค่เสียบสายก็พร้อมใช้งาน เหมาะสำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่มีบลูทูธในตัว เป็นไอเทมที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความบันเทิงในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
  • จุดเด่นสินค้า: ออกแบบมาเพื่อรถยนต์, ขนาดเล็กมาก, มีไมโครโฟนในตัว, ใช้ไฟจาก USB ในรถได้, ราคาไม่แพง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เปลี่ยนเครื่องเสียงรถธรรมดาให้เป็นบลูทูธ: เสียบ CM403 เข้ากับช่อง AUX ของเครื่องเสียงรถยนต์ แล้วเสียบสาย USB เข้ากับแหล่งจ่ายไฟในรถ (เช่น ช่อง USB หรือ Car Charger) ก็สามารถเชื่อมต่อบลูทูธจากมือถือเพื่อสตรีมเพลงหรือนำทางผ่านเสียงได้แล้ว
    • สนทนาสายโทรศัพท์แบบ Hand-free: เมื่อมีสายเรียกเข้า สามารถกดปุ่มบนตัวรับสัญญาณเพื่อรับสาย และพูดคุยผ่านไมโครโฟนที่มากับตัว CM403 เสียงจะออกลำโพงรถยนต์ ทำให้คุยโทรศัพท์ได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นขณะขับรถ
    • เปิดเพลงจากมือถือเข้าลำโพงรถได้ง่ายๆ: ไม่ต้องยุ่งยากกับการเสียบสาย AUX หรือใช้แผ่น CD อีกต่อไป แค่เชื่อมต่อมือถือกับ CM403 ผ่านบลูทูธ ก็สามารถเปิดเพลงจากแอป Spotify, Apple Music หรือ YouTube Music ฟังผ่านลำโพงรถยนต์ได้เลย
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เจ้าของรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่มีบลูทูธ, ผู้ที่ต้องการฟังก์ชัน Hand-free ในรถ, การเดินทางด้วยรถยนต์, ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการฟังเพลงในรถ
Bluetooth VersionAudio OutputBuilt-in MicPower SourceSizeConnectivity
5.03.5mm AUXYesUSB 5VNano-sizedBluetooth

10. Generic USB Bluetooth Audio Receiver

  • ชื่อแบรนด์: (สินค้าไม่มียี่ห้อ / แบรนด์ทั่วไป)
  • ชื่อสินค้า: USB Bluetooth Audio Receiver (Type A)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 100 - 300 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวรับสัญญาณบลูทูธแบบ USB ขนาดเล็ก ตัวนี้เน้นความเรียบง่ายและราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ แค่เสียบเข้ากับช่อง USB Type-A ที่รองรับ Audio Output (เช่น ในรถยนต์บางรุ่น, ลำโพงบางรุ่น, หรือเชื่อมต่อผ่าน Adapter) ก็สามารถรับสัญญาณบลูทูธจากมือถือได้เลย ไม่ต้องมีสาย AUX ให้ยุ่งยาก ตัวเล็กมากๆ พกพาง่ายแทบไม่รู้สึก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโซลูชันบลูทูธที่ง่ายที่สุดและถูกที่สุดสำหรับอุปกรณ์ที่มีช่อง USB ที่รองรับเสียง ถึงแม้คุณภาพเสียงอาจจะไม่เท่าตัวท็อปๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับการฟังเพลงทั่วไป หรือใช้ในรถยนต์เพื่อเพิ่มความสะดวก
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก, ขนาดเล็กสุดๆ, ใช้งานง่ายมาก (เสียบ USB), ไม่ต้องใช้สาย AUX เพิ่มเติม, พกพาสะดวก
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • แปลงช่อง USB ให้รับบลูทูธได้: สำหรับอุปกรณ์ที่มีช่อง USB Type-A ที่ออกแบบมาให้รองรับ Audio Output (เช่น เครื่องเสียงรถยนต์บางรุ่น, ลำโพง Active บางตัว) สามารถเสียบตัวรับสัญญาณนี้เข้าไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับสัญญาณบลูทูธจากสมาร์ทโฟนได้ทันที สะดวกมากๆ
    • เพิ่มบลูทูธให้คอมพิวเตอร์ (ในโหมด Receiver): หากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีบลูทูธ สามารถใช้ตัวรับสัญญาณ USB นี้เสียบเข้ากับช่อง USB เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถรับสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์บลูทูธอื่นๆ ได้ (โดยปกติจะเป็น Transmitter แต่บางรุ่นอาจรองรับ Receiver)
    • โซลูชันบลูทูธราคาประหยัด: เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับใครที่ต้องการแค่ฟังก์ชันบลูทูธพื้นฐานเพื่อสตรีมเสียงจากมือถือไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีช่อง USB ที่รองรับเสียง โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ คุณภาพเสียงเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่มองหาตัวรับบลูทูธราคาประหยัดที่สุด, ใช้งานในรถยนต์ที่มีช่อง USB รองรับเสียง, ใช้งานกับลำโพงที่มีช่อง USB รองรับเสียง, ผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งาน
Bluetooth VersionOutput InterfacePower SourceSizeCodec SupportFeature
5.0USB Type-A (Audio)USB PoweredNano USB DongleSBC (ทั่วไป)Plug and Play

คำแนะนำการเลือกซื้อตัวรับสัญญาณบลูทูธให้โดนใจ

  • 1. เช็กช่องเชื่อมต่อที่มีบนอุปกรณ์ของเราก่อนเลยจ้า!
    อันดับแรกและสำคัญที่สุดก่อนจะเสียเงินซื้อตัวรับสัญญาณบลูทูธ คือต้องกลับไปดูที่เครื่องเสียง ลำโพง หรืออุปกรณ์ที่เราต้องการจะเชื่อมต่อด้วยว่ามันมีช่องสัญญาณเสียงแบบไหนบ้าง? ปกติแล้วที่พบบ่อยก็จะมีช่อง AUX 3.5 มม. (รูเสียบหูฟังนั่นแหละ), ช่อง RCA (ที่เป็นหัวสีขาวกับสีแดงคู่กัน) หรือพวกช่องดิจิทัลอย่าง Optical (Toslink) หรือ Coaxial บางทีก็อาจจะมีช่อง USB ที่รองรับ Audio Output ด้วยนะ ตัวรับสัญญาณบลูทูธแต่ละรุ่นก็จะมีช่องสัญญาณเอาต์พุต (Output) ที่แตกต่างกันไป เราต้องเลือกซื้อตัวที่มีช่องเอาต์พุตตรงกับช่องสัญญาณเข้า (Input) ที่มีอยู่บนอุปกรณ์ของเรา ไม่งั้นซื้อมาแล้วเสียบไม่ได้จะร้องไห้เสียดายเงินเอานะคะสาวๆ/หนุ่มๆ ยุคนี้ตัวรับสัญญาณบลูทูธหลายๆ รุ่นทำมาเป็น 2-in-1 หรือ 3-in-1 รองรับหลายๆ ช่องสัญญาณในตัวเดียวก็มี แต่ก็ต้องดูสเปกดีๆ ว่าช่องไหนเป็น Input ช่องไหนเป็น Output และรองรับพร้อมกันมั้ย ถ้าเรามีเครื่องเสียงหลายตัวที่มีช่องเชื่อมต่อต่างกัน อาจจะต้องพิจารณาเลือกรุ่นที่รองรับได้หลากหลาย หรือซื้อแยกตามการใช้งานไปเลยก็ได้ค่ะ อย่าลืมดูเรื่องสายเชื่อมต่อที่แถมมาในกล่องด้วยนะ ว่ามีครบที่เราต้องใช้มั้ย ถ้าไม่มีจะได้เตรียมซื้อเพิ่มทีเดียวเลย
  • 2. คุณภาพเสียง เรื่องใหญ่ที่ต้องใส่ใจ Codec!
    สำหรับนักฟังเพลง หรือคนที่ซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียง บอกเลยว่าบลูทูธก็ให้เสียงดีระดับ Hi-Fi ได้นะ ถ้าเรารู้จักเลือก! คุณภาพเสียงของบลูทูธจะขึ้นอยู่กับ "Audio Codec" ที่ตัวรับสัญญาณรองรับ ซึ่งเจ้า Codec นี่แหละคือตัวบีบอัดและส่งข้อมูลเสียงผ่านบลูทูธ Codec พื้นฐานที่อุปกรณ์บลูทูธทุกตัวต้องรองรับคือ SBC (Subband Codec) ซึ่งคุณภาพเสียงก็พอฟังได้แหละ แต่ถ้าอยากได้เสียงดีขึ้นมาอีกหน่อย ให้มองหาตัวที่รองรับ AAC (Advanced Audio Coding) ซึ่ง Apple ใช้ในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ คุณภาพจะดีกว่า SBC นิดนึง แต่ถ้าอยากได้เสียงดีแบบจริงจัง ต้องมองหา Codec คุณภาพสูงอย่าง aptX, aptX HD หรือ LDAC (ของ Sony) พวกนี้จะส่งข้อมูลเสียงได้มากกว่า ทำให้เก็บรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน ใกล้เคียงต้นฉบับไฟล์เพลงที่เราเปิดฟัง ยิ่งถ้าปลายทาง (หูฟัง/ลำโพงบลูทูธ หรือมือถือ/เครื่องเล่นเพลงที่เราใช้ส่งสัญญาณ) รองรับ Codec เดียวกันด้วยนะ เสียงจะยิ่งดีขึ้นไปอีกฟินสุดๆ! aptX HD รองรับเสียงคุณภาพระดับ 24-bit/48kHz ส่วน LDAC รองรับสูงสุดถึง 24-bit/96kHz เลยทีเดียว (แต่ต้องใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับ LDAC ทั้งคู่) ส่วน aptX Adaptive เป็น Codec ใหม่ที่ปรับคุณภาพเสียงและความหน่วงให้เหมาะสมอัตโนมัติ เหมาะกับทั้งฟังเพลงและดูหนัง/เล่นเกมที่มีความหน่วงสำคัญ ลองดูสเปกสินค้าว่ารองรับ Codec อะไรบ้าง แล้วเลือกให้ตรงกับความต้องการและอุปกรณ์ที่เรามีนะคะ เสียงดี ชีวิตดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!
  • 3. การใช้งานหลักและฟังก์ชันเสริมที่จำเป็น!
    ก่อนซื้อ ลองคิดดูว่าเราจะเอาตัวรับสัญญาณบลูทูธไปใช้กับอะไรเป็นหลัก? ถ้าใช้ในรถบ่อยๆ ควรเลือกรุ่นที่มีขนาดเล็ก ไม่เกะกะ มีไมโครโฟนในตัวสำหรับ Hand-free (สำคัญมากเพื่อความปลอดภัย!) และใช้ไฟจากช่อง USB ในรถได้สะดวก บางรุ่นสำหรับรถจะมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนด้วยยิ่งดีใหญ่ ถ้าใช้กับเครื่องเสียงบ้านเป็นหลัก ให้ดูรุ่นที่รองรับช่อง RCA หรือ Optical/Coaxial และมีคุณภาพเสียงที่ดี (ดูที่ Codec และชิป DAC ตามข้อ 2) ถ้าอยากพกพาไปใช้นอกสถานที่ หรือใช้กับลำโพงที่ไม่มีปลั๊กไฟใกล้ๆ ก็มองหารุ่นที่มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้นานแค่ไหนก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องดู บางรุ่นมีฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ที่มีประโยชน์ เช่น Multi-point Connection ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธต้นทางได้พร้อมกัน 2 เครื่อง ทำให้สลับใช้งานได้ง่าย (เช่น มือถือกับแท็บเล็ต) ฟังก์ชัน NFC ที่ช่วยให้จับคู่อุปกรณ์ได้รวดเร็วแค่แตะ หรือบางรุ่นเป็นทั้ง Transmitter และ Receiver ในตัวเดียว สลับโหมดใช้งานได้ ซึ่งจะมีประโยชน์มากหากเราต้องการให้ทีวีที่ไม่มีบลูทูธ ส่งเสียงไปยังหูฟังบลูทูธของเราได้ ลองลิสต์ความต้องการหลักๆ ของตัวเองออกมา แล้วเลือกฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุดค่ะ อย่าซื้อตามกระแสอย่างเดียวนะจ๊ะ ต้องซื้อให้ตรงใจและตรงกับการใช้งานจริง!
  • 4. ระยะสัญญาณและความเสถียร สำคัญกว่าที่คิด!
    เคยไหม? เดินออกจากห้องหน่อยเดียว เพลงก็สะดุด เสียงขาดๆ หายๆ น่าหงุดหงิดสุดๆ! ปัญหานี้ส่วนใหญ่มาจากระยะสัญญาณและความเสถียรของตัวรับสัญญาณบลูทูธค่ะ บลูทูธเวอร์ชันใหม่ๆ อย่าง 5.0, 5.1, 5.2, 5.3 หรือล่าสุด 5.4 มักจะให้ระยะสัญญาณที่ไกลขึ้นและมีความเสถียรมากขึ้นกว่าเวอร์ชันเก่าๆ (เช่น 4.0 หรือ 4.2) โดยทั่วไปบลูทูธจะมีระยะทำการมาตรฐานประมาณ 10 เมตรในที่โล่ง แต่ในสภาพแวดล้อมจริงที่มีผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือคลื่นรบกวนอื่นๆ ระยะอาจจะสั้นลงได้ ลองดูสเปกของตัวรับสัญญาณว่าระบุระยะทำการไว้ประมาณเท่าไหร่ เลือกรุ่นที่รองรับ Bluetooth เวอร์ชันใหม่ๆ ไว้ก่อนก็ดี เพราะนอกจากจะได้ระยะที่ไกลขึ้นแล้ว ยังใช้พลังงานน้อยลง และเชื่อมต่อได้รวดเร็วขึ้นด้วยค่ะ บางรุ่นที่มีเสาอากาศภายนอก หรือใช้เทคโนโลยี Class 1 อาจให้ระยะที่ไกลกว่าปกติ (อาจถึง 20 เมตรหรือมากกว่าในที่โล่ง) แต่ก็ต้องดูพื้นที่ใช้งานของเราด้วยว่าจำเป็นต้องใช้ระยะไกลขนาดนั้นมั้ย ถ้าใช้แค่ในห้องเล็กๆ รุ่นพื้นฐานก็เพียงพอแล้วค่ะ ความเสถียรของสัญญาณก็สำคัญไม่แพ้กัน ตัวรับสัญญาณที่ดีควรมีการเชื่อมต่อที่มั่นคง ไม่หลุดบ่อยๆ อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก็ช่วยได้เยอะเลยนะว่ารุ่นไหนสัญญาณดีไม่มีสะดุด!

คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับตัวรับสัญญาณบลูทูธ

  • Q: ตัวรับสัญญาณบลูทูธจะช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นจริงไหม?
    A: ตัวรับสัญญาณบลูทูธหลักๆ แล้วมีหน้าที่รับสัญญาณเสียงแบบไร้สายจากอุปกรณ์ต้นทาง (เช่น มือถือ) แล้วแปลงให้เป็นสัญญาณที่เครื่องเสียงของเราเข้าใจค่ะ คุณภาพเสียงจะดีขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ถ้าเครื่องเสียงหรือลำโพงเดิมของคุณคุณภาพดีอยู่แล้ว และตัวรับสัญญาณบลูทูธรองรับ Codec คุณภาพสูงอย่าง aptX HD หรือ LDAC และอุปกรณ์ต้นทางของคุณก็รองรับ Codec เดียวกันด้วย คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะใกล้เคียงการฟังผ่านสาย AUX คุณภาพดีๆ ค่ะ แต่ถ้าเครื่องเสียงเดิมของคุณคุณภาพไม่ดีมาก หรือตัวรับสัญญาณรองรับแค่ Codec พื้นฐานอย่าง SBC คุณภาพเสียงอาจจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดค่ะ บางรุ่นที่มีชิป DAC (Digital-to-Analog Converter) คุณภาพดีในตัว ก็สามารถช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้นได้บ้างเมื่อเทียบกับการแปลงสัญญาณของอุปกรณ์ต้นทางโดยตรงค่ะ
  • Q: ตัวรับสัญญาณบลูทูธใช้ในรถยนต์ได้ไหม?
    A: ได้แน่นอนค่ะ! ตัวรับสัญญาณบลูทูธหลายรุ่นออกแบบมาเพื่อใช้ในรถยนต์โดยเฉพาะเลย ส่วนใหญ่จะเสียบเข้ากับช่อง AUX 3.5 มม. ที่มีอยู่ในรถยนต์รุ่นเก่าๆ ที่ยังไม่มีบลูทูธในตัว แล้วก็เสียบสาย USB เพื่อรับไฟจากช่อง USB หรือ Car Charger ในรถค่ะ บางรุ่นจะมีไมโครโฟนในตัว ทำให้สามารถใช้เป็น Hand-free รับสายโทรศัพท์ผ่านระบบเสียงรถยนต์ได้เลย สะดวกและปลอดภัยมากๆ ค่ะ ก่อนซื้อก็ดูดีไซน์และขนาดด้วยว่าเหมาะกับการติดตั้งในรถของเรามั้ย และตรวจสอบว่ารถเรามีช่อง AUX และช่อง USB/ที่จุดบุหรี่สำหรับเสียบ Car Charger หรือเปล่า
  • Q: Bluetooth เวอร์ชันใหม่ๆ ดีกว่าเก่าอย่างไร?
    A: โดยทั่วไปแล้ว Bluetooth เวอร์ชันใหม่ๆ จะมีการพัฒนาให้ดีขึ้นในหลายด้านค่ะ เช่น:
    • ความเสถียรของสัญญาณ: การเชื่อมต่อจะนิ่งขึ้น หลุดยากขึ้น
    • ระยะทำการ: ส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น บางรุ่นรองรับระยะได้ถึง 20 เมตรหรือมากกว่าในที่โล่ง
    • ความเร็วในการส่งข้อมูล: รองรับการส่งข้อมูลได้มากขึ้น ทำให้รองรับ Codec คุณภาพสูงได้ดีขึ้น
    • การใช้พลังงาน: ประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์แบบพกพาใช้งานได้นานขึ้น
    • ความสามารถในการเชื่อมต่อ: รองรับฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น Multi-point Connection (เชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน) หรือ LE Audio ใน Bluetooth 5.2 ขึ้นไป ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงและความหน่วง และรองรับการเชื่อมต่อแบบ Broadcast (ส่งสัญญาณเสียงไปยังอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้)ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ การเลือกรุ่นที่รองรับ Bluetooth เวอร์ชันใหม่ๆ (ตั้งแต่ 5.0 ขึ้นไป) ก็จะดีกว่าค่ะ แต่อย่าลืมดู Codec ที่รองรับด้วยนะ อันนี้ส่งผลต่อคุณภาพเสียงโดยตรงเลย
  • Q: ตัวรับสัญญาณบลูทูธแบบไหนเหมาะกับชุดเครื่องเสียง Hi-Fi?
    A: สำหรับชุดเครื่องเสียง Hi-Fi ที่เน้นคุณภาพเสียงระดับสูง ควรเลือกตัวรับสัญญาณบลูทูธที่รองรับ Codec คุณภาพสูงอย่าง LDAC หรือ aptX HD เป็นหลักค่ะ เพราะ Codec เหล่านี้สามารถส่งข้อมูลเสียงความละเอียดสูงได้ ทำให้รายละเอียดเสียงครบถ้วน นอกจากนี้ ควรพิจารณาตัวรับสัญญาณที่มีชิป DAC คุณภาพดีในตัว เพราะ DAC ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อกก่อนส่งเข้าแอมป์หรือลำโพง ซึ่งมีผลอย่างมากต่อคุณภาพเสียงที่ได้ เลือกรุ่นที่มีช่องสัญญาณเอาต์พุตที่ตรงกับแอมป์ของคุณ เช่น RCA หรือ Optical/Coaxial และตัวเครื่องควรมีวัสดุและการออกแบบที่แข็งแรงทนทาน สัญญาณเสถียร เพื่อไม่ให้การฟังเพลงสะดุดค่ะ ตัวรับสัญญาณระดับ Audiophile มักจะมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป แต่ก็ให้คุณภาพเสียงที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนค่ะ

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีครับสายช้อปออนไลน์ทุกท่าน! ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ไว้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมปี 2025 นี้ บอกเลยว่าตลาดหูฟังเดือดสุดๆ รุ่นใหม่ๆ โผล่มาเพียบ ทั้งดีไซน์ล้ำ เสียงเทพ ฟีเจอร์จัดเต็ม จะสายเปย์ สายประหยัด หรือสายแฟชั่นก็มีให้เลือกครบ วัน
10 Headphone ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ ดีไซน์โดนใจ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เกมเมอร์ชาวไทย! วันนี้มาเจอกับผมในฐานะกูรูนักช้อปออนไลน์เจ้าเก่า ที่จะมาเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์คู่ใจของชาวเรา นั่นก็คือ "หูฟังเกมมิ่ง" นั่นเอง! สำหรับใครที่งบน่ารักๆ ไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากได้หูฟังเสียงชัด แยกทิศ
10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงชัด แยกทิศทางแม่น
สวัสดีครับพี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ผมผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย ขอพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเสียงเพลงแบบสบายกระเป๋า กับหัวข้อที่ว่าด้วย "10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ช
10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ชันครบ

บทความยอดนิยม