10 เครื่องปริ้นรูป ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สีสวยสดใส พกง่าย ปริ้นได้ทุกที่


สวัสดีค่าา เหล่าผู้รักการถ่ายรูปและสายคอนเทนต์ทั้งหลาย! ยุคนี้ใครๆ ก็ชอบแชะ ชอบแชร์ แต่บางทีแชร์ในจอมันก็ไม่ฟินเท่าจับต้องได้เนอะ ยิ่งเป็นโมเมนต์ดีๆ อยากเก็บเป็นความทรงจำ หรือจะเอาไปตกแต่งไดอารี่ ทำของขวัญสุดคิ้วท์ บอกเลยว่าเครื่องปริ้นรูปพกพานี่แหละคือไอเทมที่ต้องมี! ตัวเล็ก เบาหวิว พกไปไหนก็สะดวก อยากปริ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องง้อร้าน ไม่ต้องรอ! วันนี้เจ๊ในฐานะกูรูเรื่องช้อปปิ้งออนไลน์ตัวแม่ของไทย จะมาป้ายยา 10 เครื่องปริ้นรูปพกพาสีสวยสดใส ที่ฮิตติดลมบนในปี 2025 นี้ พร้อมเคล็ดลับเลือกซื้อให้โดนใจ ตามสไตล์คนไทยที่ชอบของดี ราคาโดน แถมใช้งานง่าย รับรองว่าอ่านจบแล้วเสียเงินแน่นอน เอ้ย! ได้ของดีแน่นอนค่าาา
1. Fujifilm Instax Mini Link 2
- ชื่อแบรนด์: Fujifilm
- ชื่อสินค้า: Instax Mini Link 2 Smartphone Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,890 - 4,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: เจ้าเครื่องปริ้น Instax Mini Link 2 ตัวนี้คือขวัญใจวัยรุ่นสุดๆ ดีไซน์น่ารักปุ๊กปิ๊ก มีหลายสีให้เลือก พกพาสะดวกสุดๆ จุดเด่นคือเชื่อมต่อกับมือถือผ่านแอปฯ Instax mini Link ได้ง่ายม้ากกก สามารถสั่งปริ้นรูปจากในมือถือได้เลย แถมมีฟีเจอร์สนุกๆ เพียบ ทั้งใส่กรอบ ใส่ฟิลเตอร์ ทำคอลลาจ หรือจะใช้โหมด instaxAiR วาดรูปบนอากาศแล้วให้มันไปอยู่บนรูปที่ปริ้นออกมาก็ได้! ปริ้นปุ๊บได้รูปแนวโพลารอยด์เลย สีสวยสดใส เหมาะกับสายชอบถ่ายรูปแล้วอยากได้ฟีลภาพฟิล์มเก๋ๆ เอาไว้ตกแต่ง หรือแชร์ให้เพื่อนทันทีทันใด ไม่มีเอาต์แน่นอนค่า.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์น่ารักพกง่าย, เชื่อมต่อง่ายผ่าน Bluetooth, มีแอปฯ ฟีเจอร์เยอะ, ปริ้นรูปแนวโพลารอยด์, สีสวยสดใส.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน: เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Instax mini Link บน iOS และ Android เพื่อเลือกรูปภาพจากอัลบั้มในมือถือแล้วสั่งพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วทันใจ.
- ฟีเจอร์ตกแต่งภาพ: ในแอปฯ มีลูกเล่นให้เพียบ ทั้งการปรับสี ใส่ฟิลเตอร์ ใส่กรอบรูปน่ารักๆ หรือจะทำภาพแบ่งครึ่งและภาพคอลลาจก็ได้ สร้างสรรค์รูปได้ก่อนพิมพ์จริง.
- โหมดสนุกๆ พิเศษ: มีโหมด Print from Video ให้เลือกปริ้นภาพนิ่งจากวิดีโอสั้นๆ ได้ และโหมด instaxAiR ที่ใช้เครื่องวาดรูปหรือเขียนข้อความบนอากาศแล้วปรากฏบนภาพที่พิมพ์ออกมาได้ด้วย.
- เชื่อมต่อกับกล้อง Instax: สามารถเชื่อมต่อกับกล้องดิจิทัล Instax บางรุ่นได้โดยตรง เช่น FUJIFILM X-S10 เพื่อส่งภาพจากกล้องมาพิมพ์ผ่านเครื่องนี้ได้เลย สะดวกสุดๆ สำหรับคนใช้กล้องฟูจิ.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: วัยรุ่น, นักศึกษา, สายโซเชียล, คนชอบถ่ายรูปด้วยมือถือ/กล้อง Instax, ชอบทำสมุดภาพ DIY, งานปาร์ตี้, ท่องเที่ยว.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ |
---|---|---|---|---|---|---|
3-Color Exposure with OLED | 318 dpi | Instax Mini Film (62 x 46 มม.) | Bluetooth | 90.3 × 34.6 × 124.5 มม. | 209 กรัม | พิมพ์ได้ประมาณ 100 รูปต่อการชาร์จเต็ม |
2. HP Sprocket Select Photo Printer
- ชื่อแบรนด์: HP
- ชื่อสินค้า: Sprocket Select Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,500 - 3,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: HP Sprocket Select มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาแค่ 180 กรัม พกใส่กระเป๋าเสื้อยังได้! รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ ZINK หรือ Zero Ink ที่ไม่ต้องใช้หมึกเลย แค่มีกระดาษ ZINK เฉพาะของ HP ก็ปริ้นได้เลย ง่ายสุดๆ รูปที่ได้สีสันสดใส คมชัดระดับ 321 dpi แถมกระดาษ ZINK ยังเป็นสติกเกอร์ในตัวด้วยนะ ปริ้นเสร็จแกะแปะได้เลย เหมาะกับคนที่ชอบความสะดวกสบาย พกไปเที่ยว ไปคาเฟ่ ปริ้นรูปแชร์เพื่อนๆ หรือเอามาตกแต่งสมุดบันทึกได้เก๋ๆ.
- จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กและเบามาก, ใช้เทคโนโลยี ZINK ไม่ต้องใช้หมึก, กระดาษเป็นสติกเกอร์ในตัว, สีสันสดใสคมชัด, เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ง่าย.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต: เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ HP Sprocket บนมือถือ (iOS และ Android) เพื่อเลือกรูปจากแกลเลอรี่ โซเชียลมีเดีย แล้วสั่งพิมพ์ได้ทันที.
- ตกแต่งภาพก่อนพิมพ์: ในแอปฯ มีเครื่องมือแก้ไขและตกแต่งภาพให้เลือกใช้ ทั้งเพิ่มข้อความ ใส่กรอบ ใส่สติกเกอร์ หรือฟิลเตอร์ต่างๆ ทำให้รูปออกมาไม่ซ้ำใคร.
- พิมพ์ภาพขนาดเล็ก: รองรับการพิมพ์บนกระดาษ HP ZINK Photo Paper ขนาด 2x3 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของเครื่องปริ้นพกพาส่วนใหญ่ ได้รูปเล็กๆ น่ารักๆ เอาไปใช้งานได้หลากหลาย.
- พิมพ์ภาพคุณภาพดีด้วย ZINK: เทคโนโลยี ZINK ให้ภาพที่ทนทาน กันน้ำ กันรอยเปื้อน สีไม่ซีดจางง่าย คุณภาพดี เหมาะสำหรับเก็บเป็นที่ระลึกหรือนำไปตกแต่ง.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบพกพา gadget, ชอบตกแต่งไดอารี่/ Scrapbook, สายท่องเที่ยว, ชอบปริ้นรูปเป็นของที่ระลึกเล็กๆ, ทุกเพศทุกวัย.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | ความเร็วในการพิมพ์ |
---|---|---|---|---|---|---|
ZINK (Zero Ink) | 321 dpi | 2x3 นิ้ว (50 x 76 มม.) | Bluetooth | 88 x 130.4 x 17.5 มม. | 180 กรัม | ประมาณ 30 วินาที/แผ่น |
3. Canon Mini Photo Printer INSPiC [P] PV-123
- ชื่อแบรนด์: Canon
- ชื่อสินค้า: Mini Photo Printer INSPiC [P] PV-123
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,290 - 3,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าพูดถึงกล้องแล้วไม่พูดถึง Canon ก็คงไม่ได้! เครื่องปริ้นพกพา Canon INSPiC PV-123 ตัวนี้ก็ฮิตไม่แพ้กัน ขนาดเล็ก พกง่าย มีหลายสีให้เลือก แถมยังปริ้นรูปได้ไว สีสวยสดใส คุณภาพดีตามสไตล์ Canon เลย ใช้กระดาษ ZINK เหมือนกัน ไม่ต้องเติมหมึกให้วุ่นวาย เชื่อมต่อกับมือถือผ่านแอปฯ Canon Mini Print ได้ง่ายสุดๆ มีฟีเจอร์สนุกๆ ให้แต่งรูปก่อนปริ้นเพียบ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ กรอบรูป หรือจะใส่ข้อความน่ารักๆ ก็ได้ เหมาะกับคนที่ชอบปริ้นรูปไซส์มินิ คุณภาพดี เอาไว้ติดกระเป๋า หรือทำของ DIY.
- จุดเด่นสินค้า: แบรนด์น่าเชื่อถือ, ขนาดเล็กพกพาง่าย, ใช้เทคโนโลยี ZINK, คุณภาพการพิมพ์ดี, แอปฯ ใช้งานง่าย.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน/โซเชียลมีเดีย: เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Canon Mini Print เพื่อดึงรูปภาพจากในเครื่อง หรือจากโซเชียลมีเดียต่างๆ มาสั่งพิมพ์ได้สะดวก.
- แก้ไขและปรับแต่งรูปภาพ: ในแอปฯ Canon Mini Print มีเครื่องมือสำหรับแก้ไขภาพพื้นฐาน เช่น การครอบตัด การหมุนภาพ รวมถึงการปรับสี ใส่ฟิลเตอร์ และเพิ่มองค์ประกอบน่ารักๆ ได้.
- พิมพ์ภาพขนาด 2x3 นิ้ว: รองรับการพิมพ์บนกระดาษ Canon ZINK Photo Paper ขนาด 2x3 นิ้ว ที่เป็นสติกเกอร์ในตัว สามารถลอกแล้วแปะได้เลย.
- ทำภาพคอลลาจ/แบ่งภาพ: สามารถเลือกพิมพ์ภาพหลายๆ ภาพรวมกันในแผ่นเดียว หรือจะแบ่งภาพใหญ่ๆ เป็นหลายๆ ส่วนเพื่อพิมพ์ออกมาต่อกันเป็นภาพใหญ่ขึ้นก็ได้.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ใช้กล้อง Canon อยู่แล้ว, คนที่ชอบปริ้นรูปไซส์เล็กคุณภาพดี, ชอบตกแต่งของใช้/สมุด, งานอีเวนต์, ปาร์ตี้.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ | ความเร็วในการพิมพ์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ZINK (Zero Ink) | 314 x 400 dpi | 2x3 นิ้ว (50 x 76 มม.) | Bluetooth | 105 x 140 x 34 มม. | 160 กรัม | 500mAh (พิมพ์ได้ประมาณ 20 แผ่น) | ประมาณ 50 วินาที/แผ่น |
4. Kodak Mini 2 Retro
- ชื่อแบรนด์: Kodak
- ชื่อสินค้า: Mini 2 Retro Portable Mobile Instant Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,500 - 3,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: สายวินเทจต้องกรี๊ด! Kodak Mini 2 Retro มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิก ย้อนยุคหน่อยๆ แต่ฟังก์ชันทันสมัยสุดๆ ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 4Pass ซึ่งเป็นระบบ Dye-sublimation ให้ภาพที่สีสวย คมชัด ติดทนนาน เค้าเคลมว่ากันน้ำ กันรอยนิ้วมือ อยู่ได้นานเป็นร้อยปีเลยนะ! เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth ใช้งานง่ายผ่านแอปฯ Kodak Photo Printer มีฟีเจอร์แต่งรูปเพียบ แถมยังเลือกได้ว่าจะพิมพ์แบบมีขอบสไตล์โพลารอยด์ หรือพิมพ์แบบไร้ขอบก็ได้ เหมาะกับคนที่ชอบรูปคุณภาพดี สีสวย ติดทน อยากได้เครื่องปริ้นดีไซน์เก๋ๆ ไม่เหมือนใคร.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Retro สวยคลาสสิก, เทคโนโลยี 4Pass ให้ภาพคุณภาพดี สีสวย ติดทน, กันน้ำ กันรอยนิ้วมือ, มีแอปฯ ใช้งานง่าย, เลือกพิมพ์มีขอบ/ไร้ขอบได้.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพคุณภาพสูง: ใช้เทคโนโลยี Dye-sublimation (4Pass) ในการพิมพ์ ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัด สีสันสดใส ไล่เฉดสีได้เนียนตา คุณภาพใกล้เคียงภาพต้นฉบับ และมีความทนทานสูง.
- เคลือบภาพป้องกัน: ระบบ 4Pass มีการเคลือบฟิล์มใสบนภาพ ทำให้ภาพที่พิมพ์ออกมาสามารถกันน้ำ กันรอยนิ้วมือ และแสง UV ได้ ช่วยยืดอายุภาพให้เก็บไว้ได้นาน.
- พิมพ์ภาพจากมือถือ/แอปฯ: เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Kodak Photo Printer บนสมาร์ทโฟน เพื่อเลือกและแก้ไขรูปภาพก่อนสั่งพิมพ์ได้ตามต้องการ.
- เลือกรูปแบบการพิมพ์: สามารถเลือกพิมพ์ภาพได้ทั้งแบบเต็มใบ (ไร้ขอบ) หรือแบบมีขอบสีขาวด้านล่างเพื่อให้ได้ลุคแบบภาพถ่ายโพลารอยด์สุดคลาสสิก.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายวินเทจ Retro, คนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความทนทานของภาพ, ชอบทำของขวัญ DIY, นักเดินทาง, ครอบครัว.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | ความเร็วในการพิมพ์ |
---|---|---|---|---|---|---|
Dye-sublimation (4Pass) | ระบุในแอปฯ (คุณภาพสูง) | 2.1x3.4 นิ้ว (54x86 มม.) | Bluetooth | รอข้อมูล | รอข้อมูล | ประมาณ 50 วินาที/แผ่น |
5. Xiaomi Mi Portable Photo Printer
- ชื่อแบรนด์: Xiaomi
- ชื่อสินค้า: Mi Portable Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1,900 - 2,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Xiaomi ไม่ได้มีดีแค่มือถือนะจ๊ะ! เครื่องปริ้นรูปพกพาของ Xiaomi ก็ฮิตไม่เบา ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย คุณภาพดีเกินคาด ดีไซน์เรียบง่าย มินิมอล สไตล์ Xiaomi ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวกมากๆ ใช้เทคโนโลยี ZINK ไม่ต้องใช้หมึก เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth และแอปฯ Mi Home ได้ง่ายสุดๆ จุดเด่นคือสามารถพิมพ์ภาพ AR ที่รูปภาพจะขยับได้เมื่อสแกนด้วยมือถือ! เหมาะกับคนที่มองหาเครื่องปริ้นพกพาราคาเป็นมิตร ฟังก์ชันครบ พกง่าย แถมมีลูกเล่น AR เจ๋งๆ.
- จุดเด่นสินค้า: ราคาดี เข้าถึงง่าย, ดีไซน์มินิมอล พกง่าย, ใช้เทคโนโลยี ZINK ไร้หมึก, พิมพ์ภาพ AR ได้, เชื่อมต่อ Bluetooth ผ่านแอปฯ Mi Home.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน: เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Mi Home หรือ Mi Photo Printer บนมือถือ เพื่อเลือกรูปภาพในเครื่องแล้วสั่งพิมพ์ได้ทันที ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก.
- พิมพ์ภาพ AR (Augmented Reality): สามารถเลือกวิดีโอสั้นๆ หรือภาพที่มีเสียงมาแปลงเป็นภาพ AR ได้ โดยเมื่อนำมือถือสแกนรูปที่พิมพ์ออกมาผ่านแอปฯ รูปนั้นก็จะเล่นวิดีโอหรือเสียงขึ้นมาได้ เป็นลูกเล่นที่ว้าวมากๆ.
- ตกแต่งและแก้ไขภาพ: ในแอปฯ มีฟังก์ชันพื้นฐานในการแก้ไขภาพ เช่น ครอบตัด หมุน ปรับสี รวมถึงการเพิ่มฟิลเตอร์ กรอบรูป และข้อความต่างๆ ลงไปบนภาพได้ก่อนพิมพ์.
- พิมพ์ภาพขนาด 2x3 นิ้ว: รองรับการใช้กระดาษ Xiaomi Pocket Photo Printer Paper ที่เป็นกระดาษ ZINK ขนาด 2x3 นิ้ว ซึ่งเป็นสติกเกอร์ในตัว พิมพ์เสร็จลอกแล้วแปะได้เลย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่มองหาเครื่องปริ้นพกพาราคาประหยัด, สาวก Xiaomi, ชอบลูกเล่น AR, นักเรียนนักศึกษา, ทำสมุดบันทึก DIY, พกไปเที่ยว.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ | ความเร็วในการพิมพ์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ZINK (Zero Ink) | 313 x 400 dpi | 2x3 นิ้ว (50 x 76 มม.) | Bluetooth | รอข้อมูล | 181 กรัม | 500mAh (พิมพ์ได้ประมาณ 20 แผ่น) | ประมาณ 45 วินาที/แผ่น |
6. Canon SELPHY SQUARE QX10
- ชื่อแบรนด์: Canon
- ชื่อสินค้า: SELPHY SQUARE QX10 Mobile Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,500 - 5,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: มาอีกตัวจาก Canon แต่ตัวนี้ไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงคอนเซ็ปต์พกพาได้สบายๆ จุดเด่นคือใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Dye-sublimation ให้ภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกำลังดี สีสวย คมชัด ติดทนมากๆ เหมือนอัดรูปจากร้านเลย! กระดาษเป็นสติกเกอร์ในตัว มีขอบขาวให้เขียนแคปชันเก๋ๆ ได้ด้วยนะ เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Wi-Fi และแอปฯ SELPHY Photo Layout ได้ง่ายสุดๆ ฟีเจอร์แต่งรูปก็จัดเต็ม เหมาะกับคนที่ชอบภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส คุณภาพระดับพรีเมียม เก็บไว้ได้นานๆ หรือเอาไปตกแต่งแนวอาร์ตๆ.
- จุดเด่นสินค้า: พิมพ์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส, คุณภาพการพิมพ์ Dye-sublimation คมชัด สีสด ติดทน, กระดาษเป็นสติกเกอร์ มีขอบให้เขียน, เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้, มีแอปฯ แต่งรูปครบวงจร.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส: เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ ที่พิมพ์ภาพออกมาในขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสกำลังดี พร้อมขอบสีขาวให้เขียนบันทึกหรือแคปชันเพิ่มเติมได้ เหมาะกับภาพจาก Instagram.
- คุณภาพการพิมพ์สูงด้วย Dye-sublimation: เทคโนโลยีนี้ให้ภาพที่มีความละเอียดสูง สีสันสดใสเป็นธรรมชาติ และมีการเคลือบฟิล์มป้องกันภาพ ทำให้ภาพที่พิมพ์ออกมาทนทาน กันน้ำ กันรอย และสีไม่ซีดจางง่าย.
- เชื่อมต่อไร้สายสะดวก: เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตผ่าน Wi-Fi โดยตรง หรือผ่านแอปฯ SELPHY Photo Layout เพื่อสั่งพิมพ์และจัดการรูปภาพได้ง่ายและรวดเร็ว.
- ปรับแต่งและออกแบบเลย์เอาต์: ในแอปฯ มีเครื่องมือให้ปรับแต่งรูปภาพมากมาย เช่น ฟิลเตอร์ สติกเกอร์ ข้อความ รวมถึงสามารถออกแบบเลย์เอาต์ของภาพก่อนพิมพ์ได้หลากหลายรูปแบบ.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส, เน้นคุณภาพและความทนทานของภาพ, ชอบตกแต่งสมุดภาพ/ Scrapbook แนวอาร์ตๆ, งานอีเวนต์ที่ต้องการปริ้นรูปคุณภาพดี.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ |
---|---|---|---|---|---|---|
Dye-sublimation | 287 x 287 dpi | 2.8 x 2.8 นิ้ว (72 x 85 มม.) | Wi-Fi | 147 x 104 x 31 มม. | 445 กรัม | พิมพ์ได้ประมาณ 20 แผ่นต่อการชาร์จเต็ม |
7. Fujifilm Instax Link WIDE
- ชื่อแบรนด์: Fujifilm
- ชื่อสินค้า: Instax Link WIDE Smartphone Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,500 - 6,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้า Instax Mini มันเล็กไป ลองมาดู Instax Link WIDE ตัวนี้เลย! จุดเด่นคือพิมพ์รูปบนฟิล์ม Instax WIDE ที่มีขนาดใหญ่กว่า Instax Mini เกือบสองเท่า ทำให้ได้รูปเต็มตา เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน เหมาะกับรูปวิว รูปหมู่ หรือรูปที่อยากให้เห็นชัดๆ สีสวยสดใสสไตล์ Instax พิมพ์ไว เชื่อมต่อมือถือผ่าน Bluetooth ด้วยแอปฯ Instax Link WIDE มีฟีเจอร์ให้แต่งรูปและใส่ข้อความได้เหมือนกัน เหมาะกับคนที่ชอบรูปโพลารอยด์ไซส์ใหญ่ หรืออยากได้รูปที่ดูชัดเจนขึ้น.
- จุดเด่นสินค้า: พิมพ์รูปบนฟิล์ม Instax WIDE ขนาดใหญ่, สีสวยสดใสตามสไตล์ Instax, เชื่อมต่อ Bluetooth ง่าย, มีแอปฯ แต่งรูปและใส่ข้อความ, พิมพ์ไว.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพบนฟิล์ม WIDE: เป็นเครื่องปริ้น Instax พกพาที่รองรับฟิล์มขนาดใหญ่ Instax WIDE ทำให้ได้รูปขนาด 62 x 99 มม. ซึ่งใหญ่กว่าฟิล์ม Instax Mini ทั่วไป เหมาะกับการพิมพ์ภาพวิว หรือภาพที่มีคนหลายๆ คน.
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน: เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Instax Link WIDE บน iOS และ Android เพื่อเลือกรูปภาพจากอัลบั้มแล้วส่งพิมพ์ได้ทันที.
- เพิ่มข้อความ/ตกแต่ง: ในแอปฯ มีฟังก์ชันให้เพิ่มข้อความลงบนรูปภาพ เลือกฟอนต์และสีได้หลากหลาย รวมถึงมีสติกเกอร์และกรอบรูปให้เลือกตกแต่งภาพก่อนพิมพ์.
- สร้างสรรค์คอลลาจ: สามารถเลือกหลายๆ รูปมาจัดวางในเลย์เอาต์เดียวเพื่อพิมพ์เป็นภาพคอลลาจบนฟิล์ม WIDE ได้.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบฟิล์ม Instax WIDE, ชอบถ่ายรูปวิว/รูปหมู่, อยากได้รูปโพลารอยด์ขนาดใหญ่ขึ้น, งานท่องเที่ยว, ปาร์ตี้.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ |
---|---|---|---|---|---|---|
3-Color Exposure with OLED | 318 dpi | Instax WIDE Film (62 x 99 มม.) | Bluetooth | 139 × 127.5 × 33.7 มม. | 340 กรัม | พิมพ์ได้ประมาณ 100 รูปต่อการชาร์จเต็ม |
8. Kodak Mini 3 Retro
- ชื่อแบรนด์: Kodak
- ชื่อสินค้า: Mini 3 Retro Portable Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,000 - 4,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: เอาใจสาย Retro อีกรุ่นกับ Kodak Mini 3 Retro ตัวนี้คล้ายกับ Mini 2 Retro แต่เปลี่ยนมาพิมพ์ภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัสแทน! ยังคงใช้เทคโนโลยี 4Pass ที่ให้ภาพคุณภาพดี สีสวยสด คมชัด ติดทน กันน้ำ กันรอยเหมือนเดิม เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth และแอปฯ Kodak Photo Printer ได้ง่ายๆ มีฟีเจอร์แต่งรูปเพียบ จะพิมพ์แบบมีขอบขาวสไตล์ Instagram หรือไร้ขอบก็ได้ เหมาะกับคนที่ชอบภาพสี่เหลี่ยมสไตล์วินเทจ คุณภาพดีๆ เก็บไว้นานๆ.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Retro, พิมพ์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส, เทคโนโลยี 4Pass คุณภาพสูง, ภาพทนทาน กันน้ำ, เชื่อมต่อ Bluetooth ง่าย.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพสี่เหลี่ยมคุณภาพสูง: ใช้เทคโนโลยี Dye-sublimation (4Pass) ในการพิมพ์ ให้ภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 3x3 นิ้ว ที่มีความคมชัดและสีสันสดใส พร้อมการเคลือบป้องกันภาพ.
- ภาพทนทาน เก็บได้นาน: ด้วยระบบเคลือบภาพแบบ 4Pass ทำให้ภาพที่พิมพ์ออกมามีความทนทานต่อความชื้น รอยนิ้วมือ และแสงแดด สามารถเก็บรักษาภาพไว้ได้ยาวนาน.
- เชื่อมต่อและใช้งานง่าย: เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth และสั่งงานผ่านแอปฯ Kodak Photo Printer ที่มีฟังก์ชันการแก้ไขและตกแต่งภาพให้เลือกใช้.
- เลือกสไตล์การพิมพ์: สามารถเลือกพิมพ์ภาพแบบเต็มใบไร้ขอบ หรือพิมพ์แบบมีขอบสีขาวเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเขียนข้อความ หรือให้ได้ลุคแบบภาพถ่ายคลาสสิก.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สาย Retro, คนชอบภาพสี่เหลี่ยมสไตล์ Instagram, เน้นคุณภาพและความทนทานของภาพ, ทำของขวัญ DIY, เก็บความทรงจำ.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | ความเร็วในการพิมพ์ |
---|---|---|---|---|---|---|
Dye-sublimation (4Pass) | ระบุในแอปฯ (คุณภาพสูง) | 3x3 นิ้ว (76x76 มม.) | Bluetooth | รอข้อมูล | รอข้อมูล | ประมาณ 50 วินาที/แผ่น |
9. Huawei CV80 Pocket Photo Printer
- ชื่อแบรนด์: Huawei
- ชื่อสินค้า: CV80 Pocket Photo Printer
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1,900 - 2,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Huawei ก็มีเครื่องปริ้นพกพาเหมือนกันนะ! รุ่น CV80 ตัวนี้ดีไซน์เรียบๆ น่าใช้ ขนาดเล็กพอดีมือ น้ำหนักเบา พกพาสะดวกสุดๆ ใช้เทคโนโลยี ZINK ไม่ต้องใช้หมึกเหมือนกัน เชื่อมต่อกับมือถือ Huawei หรือ Android/iOS อื่นๆ ผ่าน Bluetooth ได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ Huawei Health หรือ Huawei AI Life ก็ได้ ปริ้นรูปไว สีสวยสดใส มีฟังก์ชันแต่งรูปพื้นฐานในแอปฯ กระดาษ ZINK เป็นสติกเกอร์ในตัว เหมาะกับคนที่ใช้มือถือ Huawei หรือมองหาเครื่องปริ้นพกพาราคาดี ใช้งานง่าย.
- จุดเด่นสินค้า: ราคาเข้าถึงง่าย, ขนาดเล็ก พกพาสะดวก, ใช้เทคโนโลยี ZINK ไร้หมึก, เชื่อมต่อ Bluetooth ง่าย, ปริ้นรูปไว.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ภาพจากสมาร์ทโฟน: เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ ของ Huawei เพื่อเลือกรูปภาพจากในมือถือและสั่งพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว.
- พิมพ์ภาพแบบไร้หมึกด้วย ZINK: ใช้เทคโนโลยี ZINK Photo Paper ในการพิมพ์ ซึ่งไม่ต้องใช้ตลับหมึก ทำให้สะดวกในการพกพาและดูแลรักษา.
- กระดาษสติกเกอร์ในตัว: กระดาษ ZINK ที่ใช้เป็นแบบมีกาวในตัว สามารถลอกกระดาษด้านหลังออกแล้วนำรูปที่พิมพ์ได้ไปแปะได้เลย.
- รองรับการตกแต่งภาพ: ในแอปพลิเคชันมีเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการแก้ไขและตกแต่งภาพ เช่น การปรับขนาด การหมุน หรือการเพิ่มฟิลเตอร์.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Huawei, คนที่มองหาเครื่องปริ้นพกพาราคาประหยัด, ชอบความสะดวกแบบไร้หมึก, นักเดินทาง.
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ขนาดรูปที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ |
---|---|---|---|---|---|---|
ZINK (Zero Ink) | 313 dpi | 2x3 นิ้ว (50 x 76 มม.) | Bluetooth | รอข้อมูล | 195 กรัม | รอข้อมูล |
10. Peripage A6
- ชื่อแบรนด์: Peripage
- ชื่อสินค้า: Peripage Mini Printer A6
- ราคาสินค้า: ประมาณ 700 - 1,200 บาท
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับใครที่งบน้อย แต่อยากได้เครื่องปริ้นพกพาไว้ปริ้นรูปเล่น หรือปริ้นใบปะหน้าพัสดุ Peripage A6 คือตัวเลือกที่น่าสนใจสุดๆ! ราคาเป็นมิตรมากๆ ดีไซน์น่ารัก มีให้เลือกหลายสี ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ น้ำหนักเบา ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Thermal คือใช้ความร้อน ไม่ต้องใช้หมึกเลย! ปริ้นออกมาเป็นขาวดำนะจ๊ะ แต่ก็คมชัดดี ใช้ได้ทั้งปริ้นรูป ปริ้นข้อความ ปริ้นฉลากต่างๆ เชื่อมต่อกับมือถือผ่าน Bluetooth และแอปฯ Peripage ใช้งานง่ายมาก เหมาะกับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ นักเรียน หรือคนที่อยากได้เครื่องปริ้นพกพาราคาเบาๆ ไว้ใช้งานทั่วไป.
- จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมากๆ, ขนาดเล็กและเบามาก, ใช้เทคโนโลยี Thermal ไม่ต้องใช้หมึก, ใช้งานง่ายผ่านแอปฯ, เหมาะกับปริ้นฉลาก/ข้อความ/รูปขาวดำ.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- พิมพ์ขาวดำจากสมาร์ทโฟน: เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับแอปฯ Peripage บนมือถือ (iOS และ Android) เพื่อพิมพ์ข้อความ รูปภาพขาวดำ หรือฉลากต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว.
- พิมพ์ใบปะหน้า/ฉลากสินค้า: เหมาะสำหรับแม่ค้าออนไลน์ สามารถใช้พิมพ์ใบปะหน้าพัสดุ หรือฉลากสินค้าต่างๆ ได้โดยตรง ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความเป็นมืออาชีพ.
- พิมพ์รูปภาพขาวดำ: แม้จะเป็นการพิมพ์ขาวดำ แต่ก็สามารถพิมพ์รูปภาพจากมือถือได้ ให้ภาพที่มีความละเอียดและคมชัดในโทนขาวดำ เหมาะกับภาพแนวอาร์ตๆ หรือภาพที่ไม่เน้นสี.
- พิมพ์ข้อความ/Memo: ใช้งานได้เหมือนเครื่องพิมพ์ใบเสร็จขนาดเล็ก สามารถพิมพ์ข้อความ บันทึกช่วยจำ หรือรายการต่างๆ ได้ สะดวกสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: แม่ค้าออนไลน์มือใหม่, นักเรียนนักศึกษา, คนที่มองหาเครื่องปริ้นพกพาราคาประหยัด, ใช้งานทั่วไป (พิมพ์ข้อความ/ฉลาก/รูปขาวดำ).
เทคโนโลยีการพิมพ์ | ความละเอียด | ประเภทการพิมพ์ | ขนาดกระดาษที่รองรับ | การเชื่อมต่อ | ขนาดตัวเครื่อง | น้ำหนัก | แบตเตอรี่ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Thermal Printing | 203 dpi | ขาวดำ | 57 x 30 มม. (กระดาษความร้อน) | Bluetooth | รอข้อมูล | 160 กรัม | 1000mAh |
คำแนะนำการเลือกซื้อเครื่องปริ้นรูปพกพา
-
1. เลือกจากประเภทของเครื่องปริ้นและเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ใช่
ก่อนจะควักเงินซื้อเครื่องปริ้นรูปพกพาคู่ใจ สิ่งแรกที่ต้องดูก็คือ ประเภทของเครื่องปริ้นและเทคโนโลยีการพิมพ์ เพราะมันมีผลต่อคุณภาพของรูป และค่าใช้จ่ายในระยะยาวเลยนะเออ หลักๆ แล้วเครื่องปริ้นรูปพกพาที่เราเห็นกันบ่อยๆ จะมีอยู่ 2 เทคโนโลยีหลักๆ คือ ZINK (Zero Ink) กับ Dye-sublimation (หรือบางทีเรียกว่า 4Pass).ถ้าเป็นแบบ ZINK เนี่ย คือดีตรงไม่ต้องใช้หมึกเลยจ้ะ ง่ายสุดๆ กระดาษ ZINK เค้าจะมีเลเยอร์ของสีอยู่ข้างใน พอเครื่องพิมพ์ให้ความร้อน สีก็จะปรากฏขึ้นมา ข้อดีคือเครื่องปริ้นจะเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวกมากๆ แถมกระดาษ ZINK ส่วนใหญ่ก็เป็นสติกเกอร์ในตัวด้วยนะ ปริ้นเสร็จแกะแปะได้เลยทันที! แต่ข้อจำกัดคือคุณภาพสีอาจจะไม่ได้สดใสเป๊ะเท่าต้นฉบับเท่าไหร่ และค่ากระดาษ ZINK ก็จะสูงกว่ากระดาษพิมพ์รูปทั่วไปนิดนึง เหมาะกับคนที่เน้นความสะดวก พกพาง่าย ปริ้นรูปเล็กๆ น่ารักๆ เอาไว้ตกแต่ง หรือปริ้นให้เพื่อนทันทีทันใด ไม่ซีเรียสเรื่องความคมชัดระดับโปรมากนัก.
ส่วนแบบ Dye-sublimation (4Pass) อันนี้จะให้คุณภาพของรูปที่ดีกว่ามากๆ สีสวยสด คมชัด ไล่เฉดสีได้เนียนเหมือนอัดรูปจากร้านเลย แถมส่วนใหญ่จะมีฟิล์มเคลือบมาให้ด้วย ทำให้รูปกันน้ำ กันรอยนิ้วมือ และสีไม่ซีดจางง่าย เก็บไว้นานเป็นสิบๆ ปีได้สบายๆ เลย แต่เครื่องปริ้นประเภทนี้อาจจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าแบบ ZINK นิดหน่อย และต้องใช้ตลับฟิล์ม (Ribbon Cartridge) คู่กับกระดาษเฉพาะ ซึ่งฟิล์มนี่แหละที่ทำหน้าที่แทนหมึก ข้อดีคือได้รูปคุณภาพดีมากๆ แต่ข้อจำกัดคือเครื่องและวัสดุสิ้นเปลือง (กระดาษ+ฟิล์ม) จะมีราคาสูงกว่าแบบ ZINK พอสมควร เหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพของรูปเป็นหลัก อยากได้รูปที่สวย คมชัด เก็บเป็นที่ระลึก หรือทำของขวัญสำคัญๆ.
นอกจากสองแบบนี้ ก็มีพวกเครื่องปริ้นพกพาที่เป็นแบบ **Thermal Printing** (ใช้ความร้อน) อันนี้จะพิมพ์ได้แค่ขาวดำ ส่วนใหญ่เอาไว้ปริ้นใบเสร็จ ใบปะหน้าพัสดุ หรือฉลากต่างๆ ซึ่งก็สามารถปริ้นรูปขาวดำได้ด้วยเช่นกัน ข้อดีคือราคาเครื่องและกระดาษถูกมากๆ แต่คุณภาพรูปจะเป็นขาวดำและอาจจะไม่ละเอียดเท่าสองแบบแรก เหมาะกับแม่ค้าออนไลน์ หรือคนที่ต้องการเครื่องปริ้นราคาประหยัดไว้ใช้งานทั่วไป ไม่เน้นรูปสี.
สรุปแล้ว การเลือกประเภทเครื่องปริ้นและเทคโนโลยีการพิมพ์ต้องดูว่าเราเน้นอะไรเป็นหลัก? เน้นพกง่าย สะดวก ราคาเบาๆ + รูปสีเล็กๆ = ZINK, เน้นคุณภาพรูปสีสวย คมชัด ติดทน = Dye-sublimation, เน้นราคาถูก ปริ้นขาวดำได้ = Thermal Printing. ลองพิจารณาจากงบประมาณและการใช้งานจริงของเราดูนะจ๊ะ.
-
2. ตรวจสอบการเชื่อมต่อและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ของเรา
เครื่องปริ้นรูปพกพาสมัยนี้เค้าเน้นความสะดวกเป็นหลัก ดังนั้นการเชื่อมต่อจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เลยนะ! ส่วนใหญ่แล้วเครื่องปริ้นพกพาจะเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของเราได้เลย ซึ่งสะดวกสุดๆ อยากปริ้นรูปไหนก็แค่กดส่งจากแอปฯ บนมือถือไปที่เครื่องปริ้นได้ทันที ไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยาก.แต่บางรุ่นอาจจะมีตัวเลือกการเชื่อมต่ออื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Wi-Fi ซึ่งมักจะเจอในรุ่นที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือรุ่นที่เน้นการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หลากหลาย ตัว Wi-Fi จะช่วยให้การส่งข้อมูลเร็วกว่า Bluetooth เล็กน้อย และอาจจะสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้นด้วย.
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อก็คือ ความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์เรา! เครื่องปริ้นส่วนใหญ่จะรองรับทั้งระบบ iOS ของ iPhone และ iPad และระบบ Android ของมือถือหรือแท็บเล็ตยี่ห้ออื่นๆ แต่ก็มีบางรุ่นที่อาจจะรองรับเฉพาะระบบใดระบบหนึ่ง หรือทำงานได้ดีเป็นพิเศษกับมือถือแบรนด์เดียวกัน (เช่น เครื่องปริ้น Huawei อาจจะใช้งานกับมือถือ Huawei ได้เต็มฟังก์ชันมากกว่า) ดังนั้น อ่านรายละเอียดสเปคให้ดีๆ ว่าเครื่องปริ้นรุ่นที่เราสนใจรองรับระบบปฏิบัติการของมือถือที่เราใช้อยู่หรือเปล่า จะได้ไม่ซื้อมาแล้วเชื่อมต่อไม่ได้นะจ๊ะ.
และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ แอปพลิเคชันเฉพาะของเครื่องปริ้นแต่ละรุ่น เพราะเราจะต้องใช้งานแอปฯ นี้ในการสั่งพิมพ์ ปรับแต่งรูป หรือตั้งค่าต่างๆ เลยนะ แอปฯ ควรจะใช้งานง่าย หน้าตาเป็นมิตรกับผู้ใช้ มีฟีเจอร์ที่เราต้องการครบถ้วน บางแบรนด์แอปฯ เค้าดีมาก มีลูกเล่นสนุกๆ ให้เลือกเยอะแยะไปหมด ลองหาดูรีวิวแอปฯ ของเครื่องปริ้นรุ่นนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อก็ได้ จะได้เห็นภาพรวมการใช้งานจริง.
การเชื่อมต่อที่ง่ายและเสถียร รวมถึงแอปฯ ที่ใช้งานสะดวก จะช่วยให้ประสบการณ์การใช้เครื่องปริ้นรูปพกพาของเราฟินขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ อย่ามองข้ามจุดนี้เด็ดขาดนะ!
-
3. พิจารณาขนาด น้ำหนัก แบตเตอรี่ และค่าใช้จ่ายของวัสดุสิ้นเปลือง
ไหนๆ ก็เป็นเครื่องปริ้นรูปพกพาแล้ว ขนาดและน้ำหนักนี่แหละคือหัวใจสำคัญ! ถ้าเราตั้งใจจะพกไปใช้งานนอกบ้านบ่อยๆ ก็ต้องเลือกตัวที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใส่กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือใบเล็กๆ ได้สบายๆ เดินถือไปมาไม่เป็นภาระ น้ำหนักไม่ควรเกิน 200-300 กรัมก็จะกำลังดี พกไปเที่ยว ไปคาเฟ่ ไปปาร์ตี้ ได้ทุกที่ทุกเวลา.เรื่อง แบตเตอรี่ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเราจะพกไปใช้นอกสถานที่นี่นา! ต้องดูว่าความจุแบตเตอรี่เท่าไหร่ ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งปริ้นได้ประมาณกี่แผ่น ยิ่งปริ้นได้เยอะต่อรอบการชาร์จยิ่งดี จะได้ไม่ต้องคอยหาที่ชาร์จ หรือพก Power Bank ตลอดเวลา บางรุ่นอาจจะระบุจำนวนแผ่นที่พิมพ์ได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งไว้เลย เช่น 20 แผ่น หรือ 100 แผ่น ก็เอามาพิจารณาได้ หรือบางรุ่นอาจจะรองรับการชาร์จผ่านสาย USB ที่ใช้ร่วมกับ Power Bank ได้ อันนี้ก็สะดวกไปอีกแบบ.
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ค่าใช้จ่ายของวัสดุสิ้นเปลือง อันนี้คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่าเครื่องปริ้นรูปพกพาส่วนใหญ่จะมีค่ากระดาษ (และฟิล์มสำหรับรุ่น Dye-sublimation) ที่ค่อนข้างสูงกว่าการอัดรูปที่ร้านหรือการพิมพ์ด้วยเครื่องปริ้นทั่วไปพอสมควรเลยนะ! ต้องเช็คราคากระดาษ/ฟิล์มของรุ่นนั้นๆ ว่าแพงแค่ไหน หาซื้อง่ายหรือเปล่า บางรุ่นเครื่องถูกมาก แต่กระดาษแพงหูฉี่เลย ถ้าเรากะว่าจะปริ้นเยอะๆ อาจจะต้องมองหารุ่นที่วัสดุสิ้นเปลืองราคาเป็นมิตรหน่อย หรือหาแบรนด์ที่มีโปรโมชั่นขายกระดาษ/ฟิล์มแบบแพ็คใหญ่คุ้มๆ.
อย่าลืมเอาปัจจัยเรื่องขนาด น้ำหนัก แบตเตอรี่ และค่าวัสดุสิ้นเปลืองไปรวมในการตัดสินใจด้วยนะจ๊ะ จะได้เลือกเครื่องปริ้นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของเราจริงๆ ค่า.
-
4. ดูฟังก์ชันเสริมและลูกเล่นต่างๆ ที่ตรงใจ
เครื่องปริ้นรูปพกพาสมัยนี้ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันปริ้นรูปอย่างเดียวแล้วนะ! เค้ามีฟังก์ชันเสริมและลูกเล่นต่างๆ มาให้เลือกเยอะแยะมากมาย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายของเรา ลองดูว่ามีฟังก์ชันไหนที่เราสนใจและจะได้ใช้จริงๆ บ้าง.ฟังก์ชันพื้นฐานที่ส่วนใหญ่มีมาให้ก็คือ **การแก้ไขและตกแต่งภาพในแอปฯ** ก่อนสั่งพิมพ์ อันนี้สำคัญมากนะ! เพราะบางทีรูปที่เราถ่ายมาอาจจะยังไม่เป๊ะ อยากปรับสี ใส่ฟิลเตอร์ ครอบตัด หรือหมุนรูปนิดหน่อย หรืออยากเพิ่มความน่ารักด้วยการใส่กรอบรูป สติกเกอร์ หรือพิมพ์ข้อความลงไปบนรูปก่อนปริ้น ฟังก์ชันพวกนี้จะช่วยให้รูปที่ได้ออกมาถูกใจเรามากยิ่งขึ้น.
บางรุ่นก็มีฟังก์ชันพิเศษ อย่างเช่น **พิมพ์ภาพ AR** ได้เหมือนของ Xiaomi ที่เอามือถือสแกนแล้วรูปจะขยับได้! หรือของ Instax Mini Link ที่มีโหมด **instaxAiR** ให้วาดรูปบนอากาศแล้วไปปรากฏบนรูปได้ หรือ **Print from Video** ที่เลือกปริ้นช็อตเด็ดจากวิดีโอสั้นๆ ได้เลย ฟังก์ชันเหล่านี้เหมาะกับคนที่ชอบลูกเล่นใหม่ๆ อยากสร้างสรรค์รูปภาพให้น่าสนใจ ไม่เหมือนใคร.
นอกจากนี้ บางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันเกี่ยวกับ **การทำคอลลาจ** หรือ **พิมพ์ภาพแบบแบ่งส่วน** ได้ในแอปฯ ก็สะดวกดีสำหรับคนที่ชอบจัดเลย์เอาต์รูปภาพหลายๆ รูปในแผ่นเดียว หรืออยากพิมพ์ภาพใหญ่ๆ โดยแบ่งเป็นหลายๆ ส่วนแล้วเอามาต่อกันทีหลัง.
สำหรับแม่ค้าออนไลน์ หรือคนที่ต้องการปริ้นฉลากต่างๆ อาจจะมองหารุ่นที่สามารถพิมพ์พวก QR Code หรือ Barcode ได้ด้วย ก็จะช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นมากๆ.
ลองพิจารณาดูว่าฟังก์ชันเสริมหรือลูกเล่นแบบไหนที่เราจะได้ใช้งานจริง และจะช่วยเพิ่มความสนุกหรือความสะดวกในการใช้เครื่องปริ้นของเรา ฟังก์ชันที่ตรงใจจะช่วยให้เราใช้เครื่องปริ้นได้อย่างคุ้มค่าและแฮปปี้มากขึ้นนะจ๊ะ.
-
5. อ่านรีวิวและเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง
ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องปริ้นรูปพกพารุ่นไหนก็ตาม การอ่านรีวิวนี่คือไม้เด็ดเลยจ้า! ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากผู้ใช้งานจริงตามเว็บไซต์ต่างๆ, เว็บบล็อก, YouTube, หรือตามโซเชียลมีเดีย อ่านเยอะๆ ฟังความเห็นจากหลายๆ คน จะได้เห็นภาพรวมว่าเครื่องปริ้นรุ่นนั้นๆ มีข้อดีข้อเสียยังไงในการใช้งานจริง คุณภาพรูปที่ปริ้นออกมาเป็นแบบไหน มีปัญหาจุกจิกอะไรบ้างไหม แบตเตอรี่อึดจริงหรือเปล่า รีวิวจากผู้ใช้งานจริงนี่แหละของจริงที่สุด!นอกจากรีวิวแล้ว การเปรียบเทียบราคาก็สำคัญไม่แพ้กัน! ราคาเครื่องปริ้นรูปพกพาแต่ละรุ่นอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละร้าน หรือแต่ละแพลตฟอร์มออนไลน์ ลองเช็คราคาจากหลายๆ แหล่งดูนะ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ชื่อดังอย่าง Lazada, Shopee หรือตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ บางช่วงอาจจะมีโปรโมชั่นลดราคา โค้ดส่วนลด หรือของแถมพิเศษ ก็จะช่วยให้เราได้เครื่องปริ้นในราคาที่คุ้มค่ามากๆ.
อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจซื้อทันทีที่เจอร้านแรก ลองเปรียบเทียบสเปค ฟังก์ชัน ราคา และอ่านรีวิวให้ชัวร์ก่อน จะได้มั่นใจว่าเราเลือกเครื่องปริ้นรูปพกพาที่คุ้มค่าที่สุด เหมาะกับการใช้งานของเราที่สุด และโดนใจเราที่สุดจริงๆ ค่ะ!
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเครื่องปริ้นรูปพกพา
- Q: เครื่องปริ้นรูปพกพาใช้กระดาษแบบไหน?
A: เครื่องปริ้นรูปพกพาส่วนใหญ่จะใช้กระดาษเฉพาะของแต่ละแบรนด์ค่ะ ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้เทคโนโลยี ZINK จะใช้กระดาษ ZINK Photo Paper ที่ไม่ต้องใช้หมึก ส่วนใหญ่เป็นสติกเกอร์ในตัว ถ้าเป็นแบบ Dye-sublimation จะใช้กระดาษพร้อมตลับฟิล์ม (Ribbon Cartridge) เฉพาะรุ่นค่ะ ส่วนแบบ Thermal จะใช้กระดาษความร้อนทั่วไป. - Q: คุณภาพรูปที่ได้จากเครื่องปริ้นรูปพกพาดีไหม?
A: คุณภาพขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการพิมพ์และรุ่นของเครื่องค่ะ. แบบ Dye-sublimation จะให้คุณภาพดีที่สุด สีสวย คมชัด ทนทานเหมือนอัดรูปจากร้าน. แบบ ZINK คุณภาพจะดีรองลงมา สีสดใส แต่ความคมชัดอาจไม่เท่า Dye-sublimation. ส่วนแบบ Thermal จะเป็นขาวดำค่ะ. - Q: เครื่องปริ้นรูปพกพาชาร์จแบตยังไง?
A: ส่วนใหญ่จะชาร์จผ่านสาย USB ค่ะ สามารถชาร์จกับอะแดปเตอร์มือถือ Power Bank หรือคอมพิวเตอร์ได้ สะดวกมากๆ. - Q: กระดาษสำหรับเครื่องปริ้นรูปพกพาแพงไหม หาซื้อยากหรือเปล่า?
A: ค่ากระดาษค่อนข้างสูงกว่ากระดาษพิมพ์รูปทั่วไปค่ะ ราคาจะแตกต่างกันไปตามแบรนด์และประเภทเทคโนโลยี. ส่วนใหญ่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ หรือร้านขายอุปกรณ์กล้องและปริ้นเตอร์ค่ะ. - Q: เครื่องปริ้นรูปพกพาเหมาะกับใครบ้าง?
A: เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปด้วยมือถือหรือกล้องดิจิทัล แล้วอยากได้รูปออกมาเป็นแผ่นทันทีทันใดค่ะ เช่น วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษาที่ชอบตกแต่งไดอารี่/สมุดภาพ, สายท่องเที่ยวที่อยากปริ้นรูปเก็บความทรงจำทันที, คนที่ชอบทำของขวัญ DIY, หรือแม้แต่แม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการปริ้นฉลากสินค้า/ใบปะหน้าพัสดุค่ะ.