10 คีย์บอร์ด iPad ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พิมพ์คล่อง พกสะดวก คู่หูไอแพด

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27 15:51
点赞
10 คีย์บอร์ด iPad ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พิมพ์คล่อง พกสะดวก คู่หูไอแพด

สวัสดีค่ะซิสสสส! ไหนใครเป็นสาย iPad ยกมือขึ้น! 🙋‍♀️ พก iPad ไปไหนมาไหนก็คล่องตัวเนอะ แต่บางทีจะพิมพ์งาน พิมพ์รายงาน หรือจะแชทกับเพื่อนแบบรัวๆ แป้นพิมพ์บนจอก็แอบเมื่อยนิ้วอยู่เหมือนกันใช่ไหมคะ? ยิ่งช่วงเทศกาล งานต้องรีบปั่น เที่ยวก็อยากไป จะให้มานั่งจิ้มทีละตัวก็ไม่ทันใจวัยรุ่น! วันนี้เจ๊มาพร้อมตัวช่วยเด็ดที่จะทำให้ iPad ของคุณทำงานได้เต็มที่เหมือนโน้ตบุ๊กคู่ใจ นั่นก็คือ "คีย์บอร์ด iPad" นั่นเองค่าาา~ ปี 2025 นี้บอกเลยว่ามีคีย์บอร์ดปังๆ เพียบ ทั้งพิมพ์คล่อง พกสะดวก แถมดีไซน์ยังเก๋กู้ด วันนี้เจ๊รวมมาให้แล้ว 10 ยี่ห้อเด็ดที่ชาวเราต้องมี! ไปดูกันเลยค่ะว่ามีตัวไหนน่าสอยบ้าง!

1. Apple - Magic Keyboard

  • ชื่อแบรนด์: Apple
  • ชื่อสินค้า: Magic Keyboard for iPad Pro / iPad Air
  • ราคาสินค้า: เริ่มต้นประมาณ 9,990 - 13,990 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น iPad)
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวตึง ตัวแม่ ตัวยืนหนึ่งของวงการคีย์บอร์ด iPad ต้องยกให้ Magic Keyboard จาก Apple เลยค่ะ ดีไซน์สุดล้ำแบบยกลอย (Floating Cantilever) ที่ปรับมุมมองได้ตามใจชอบ แป้นพิมพ์มาพร้อมไฟ Backlight พิมพ์สบายในที่มืด กลไกแบบ Scissor ให้ฟิลลิ่งการพิมพ์ที่นุ่มนวล แม่นยำ และเงียบ มี Trackpad ในตัวที่รองรับ Multi-Touch Gestures ทำงานได้คล่องเหมือนใช้ MacBook เชื่อมต่อกับ iPad ผ่าน Smart Connector ไม่ต้องชาร์จแบตคีย์บอร์ดให้วุ่นวาย แถมยังเป็นเคสป้องกัน iPad ได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เหมาะกับคนที่เน้นการทำงานจริงจังและอยากได้ประสบการณ์ระดับพรีเมียม
  • จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ยกลอยสุดเก๋, Trackpad ขนาดใหญ่ รองรับ Multi-Touch, แป้นพิมพ์มีไฟ Backlight, เชื่อมต่อผ่าน Smart Connector ไม่ต้องชาร์จ, ฟิลลิ่งการพิมพ์ดีเยี่ยม
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ทำงานเอกสาร พิมพ์งาน: มอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ใกล้เคียงกับการใช้โน้ตบุ๊ก ช่วยให้พิมพ์งาน รายงาน หรืออีเมลได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยแป้นพิมพ์ขนาดมาตรฐานและระยะห่างที่พอเหมาะ ทำให้ลดข้อผิดพลาดในการพิมพ์.
    • ควบคุม iPad ด้วย Trackpad: สามารถใช้คำสั่งนิ้ว Multi-Touch บน Trackpad ในการควบคุม iPadOS ได้อย่างหลากหลาย เช่น การเลื่อน การซูม หรือการสลับแอป ทำให้การใช้งานราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับงานที่ต้องการความละเอียด.
    • ป้องกันและพกพา: ทำหน้าที่เป็นเคสป้องกัน iPad ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเมื่อพับเก็บ ช่วยให้พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัย ดีไซน์บางเบาไม่เพิ่มน้ำหนักมากเกินไป เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษาที่ต้องพิมพ์รายงาน, คนทำงานที่ใช้ iPad แทนโน้ตบุ๊ก, คนที่ต้องการประสบการณ์การใช้งานระดับพรีเมียม, ใช้ทำงานในคาเฟ่ หรือ Co-working Space.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightวัสดุรองรับ Apple Pencil Chargingมุมมองการใช้งาน
Smart ConnectorScissor Mechanismมีมีอลูมิเนียม + วัสดุอื่นๆรองรับ (รุ่นที่รองรับ)ปรับได้อิสระ (แบบยกลอย)

2. Logitech - Combo Touch

  • ชื่อแบรนด์: Logitech
  • ชื่อสินค้า: Combo Touch Keyboard Case with Trackpad
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,000 - 8,990 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น iPad)
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้ามองหาคีย์บอร์ดที่ฟังก์ชันจัดเต็มแต่ราคาสบายกระเป๋าลงมาหน่อย Logitech Combo Touch คือตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ! ตัวนี้มาพร้อมเคสป้องกันรอบด้าน แป้นพิมพ์สามารถถอดแยกออกจากเคสได้ ทำให้ใช้งานได้หลากหลายโหมด ทั้งพิมพ์ วาด ดูหนัง หรืออ่าน มี Trackpad ขนาดใหญ่ที่แม่นยำ รองรับ Multi-Touch Gestures และมีแถวปุ่มลัด iPadOS ครบครัน เชื่อมต่อผ่าน Smart Connector เหมือนกัน สะดวก ไม่ต้องชาร์จแบต แถมวัสดุผ้าแบบใหม่ของ Logitech ก็ให้สัมผัสที่ดี พกพาง่าย น้ำหนักเบา
  • จุดเด่นสินค้า: เคสป้องกันรอบด้าน, แป้นพิมพ์ถอดแยกได้, Trackpad ขนาดใหญ่, แถวปุ่มลัด iPadOS ครบครัน, เชื่อมต่อ Smart Connector
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ใช้งานได้หลากหลายโหมด: ด้วยดีไซน์ที่ถอดแยกได้ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ถึง 4 โหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมดพิมพ์งาน โหมดวาดรูปโดยพับคีย์บอร์ดไปด้านหลัง โหมดตั้งเพื่อดูวิดีโอ หรือโหมดอ่านโดยถอดคีย์บอร์ดออก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน iPad.
    • ควบคุมรวดเร็วด้วยปุ่มลัด: มีแถวปุ่มลัดเฉพาะสำหรับ iPadOS ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว เช่น ปรับความสว่างหน้าจอ ควบคุมสื่อ ค้นหา หรือล็อคหน้าจอ ทำให้การทำงานสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น.
    • ปกป้อง iPad ได้อย่างมั่นใจ: ตัวเคสได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันแรงกระแทก รอยขีดข่วน และละอองน้ำได้ในระดับหนึ่ง ช่วยให้ iPad ของคุณปลอดภัยเมื่อพกพาไปใช้งานในสถานที่ต่างๆ หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษา, คนทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน, คนที่เน้นการปกป้อง iPad, ใช้งานได้ทั้งเรียน ทำงาน และเพื่อความบันเทิง.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightวัสดุเคสการป้องกันโหมดการใช้งาน
Smart ConnectorScissor Mechanismมีมี (ปรับระดับได้)ผ้า + พลาสติกแข็งด้านหน้า, หลัง, มุม (เกรดทหารบางรุ่น)พิมพ์, ดู, วาด, อ่าน

3. Logitech - Slim Folio

  • ชื่อแบรนด์: Logitech
  • ชื่อสินค้า: Slim Folio Keyboard Case
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,000 - 3,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น iPad)
  • คำอธิบายสินค้า: สำหรับใครที่เน้นความบางเบา พกพาสะดวก และอยากได้คีย์บอร์ดพร้อมเคสในราคาที่จับต้องได้ Logitech Slim Folio ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ รุ่นนี้เป็นเคสคีย์บอร์ดแบบ Folio พับได้ มีคีย์บอร์ดติดมากับเคสเลย ดีไซน์เน้นความกะทัดรัด บางเบา ใส่ iPad แล้วยังรู้สึกไม่เทอะทะ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้งานง่าย แบตเตอรี่อยู่ได้นาน มีช่องสำหรับเก็บ Apple Pencil ในตัว เหมาะกับคนที่ใช้งาน iPad ในการพิมพ์บ้างเป็นครั้งคราว และต้องการเคสที่ปกป้องพร้อมคีย์บอร์ดในตัว
  • จุดเด่นสินค้า: บางเบา พกพาสะดวก, ราคาย่อมเยา, มีช่องเก็บ Apple Pencil, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, เป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ด
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานพื้นฐาน: เหมาะสำหรับการพิมพ์งานเอกสารทั่วไป ตอบอีเมล หรือแชท ด้วยคีย์บอร์ดที่มีขนาดใกล้เคียงคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊ก ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วกว่าการใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ iPad มาก ทำให้การทำงานง่ายขึ้นเมื่ออยู่นอกสถานที่.
    • ปกป้องและตั้งวาง: ทำหน้าที่เป็นเคสป้องกัน iPad จากรอยขีดข่วนและแรงกระแทกที่ไม่รุนแรงได้ดี เมื่อกางออกสามารถใช้เป็นฐานตั้ง iPad เพื่อพิมพ์งานหรือดูเนื้อหาต่างๆ ได้ ทำให้มีมุมมองที่สะดวกสบายในการใช้งาน.
    • พกพาไปได้ทุกที่: ด้วยดีไซน์ที่บางและเบา ทำให้ใส่รวมกับ iPad แล้วไม่รู้สึกหนักหรือเทอะทะเกินไป สามารถพกพาใส่กระเป๋าไปเรียน ไปทำงาน หรือเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เป็นคู่หูที่ดีสำหรับการใช้งานนอกบ้าน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษา, คนทำงานที่เดินทางบ่อย, คนที่ต้องการคีย์บอร์ดราคาไม่สูง, ใช้พิมพ์งานทั่วไป นอกสถานที่.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightแบตเตอรี่ช่องเก็บปากกาน้ำหนัก
BluetoothMembrane/Scissor-likeไม่มีไม่มีแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ (ใช้ได้นาน)มีเบา

4. GOOJODOQ - Keyboard Case with Touchpad

  • ชื่อแบรนด์: GOOJODOQ
  • ชื่อสินค้า: Keyboard Case with Touchpad (รุ่นที่รองรับ iPad แต่ละ Gen)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 500 - 2,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น)
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้าเน้นความคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ และราคาเป็นมิตรกับกระเป๋า GOOJODOQ คือแบรนด์ที่หลายคนนึกถึงเลยค่ะ! มีเคสคีย์บอร์ดให้เลือกหลากหลายรุ่น รองรับ iPad หลาย Gen จุดเด่นคือหลายรุ่นมี Touchpad ในตัว ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียง Magic Keyboard แต่ราคาต่างกันเยอะ! บางรุ่นมีไฟ Backlight หลายสีให้เลือก เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ดีไซน์เป็นเคสคลุม iPad ป้องกันรอบด้าน แถมหลายร้านในไทยยังมีโปรโมชั่นดีๆ ให้ช้อปอีกเพียบ
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาคุ้มค่า, หลายรุ่นมี Touchpad, มีไฟ Backlight (บางรุ่น), เป็นเคสป้องกัน iPad, มีโปรโมชั่นเยอะ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานและควบคุมด้วย Touchpad: ช่วยให้พิมพ์งานได้สะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม และ Touchpad ที่มาในบางรุ่นยังช่วยให้ควบคุมเคอร์เซอร์บน iPad ได้เหมือนเมาส์ ทำให้การเลือก ตัด คัดลอก วางข้อความ หรือการใช้งานแอปต่างๆ ทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น.
    • ใช้งานในที่แสงน้อย: สำหรับรุ่นที่มีไฟ Backlight ที่แป้นพิมพ์ ช่วยให้มองเห็นตัวอักษรบนคีย์บอร์ดได้ชัดเจน แม้ใช้งานในที่ที่มีแสงน้อย เช่น ห้องนอนตอนกลางคืน หรือบนเครื่องบิน ทำให้สามารถทำงานหรือพิมพ์ข้อความได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ติดขัด.
    • ปกป้องและเพิ่มสีสัน: ตัวเคสคีย์บอร์ดทำหน้าที่ปกป้อง iPad จากรอยขีดข่วนและการกระแทกได้ดี และยังมีสีสันหรือดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย ทำให้ iPad ของคุณดูมีสไตล์มากขึ้น ไม่จำเจเหมือนเคสทั่วไป.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษาที่มองหาคีย์บอร์ดราคาย่อมเยา, คนที่ต้องการฟังก์ชัน Touchpad ในงบจำกัด, ใช้เรียนออนไลน์ ทำงานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightวัสดุเคสช่องเก็บปากการาคา
BluetoothMembraneมี (บางรุ่น)มี (บางรุ่น)PU Leather + พลาสติกมี (บางรุ่น)ย่อมเยา

5. ZAGG - Pro Keys

  • ชื่อแบรนด์: ZAGG
  • ชื่อสินค้า: Pro Keys Wireless Keyboard + Case
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น iPad)
  • คำอธิบายสินค้า: ZAGG Pro Keys เป็นอีกหนึ่งแบรนด์คีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยม จุดเด่นคือความทนทานแข็งแรงและการป้องกันที่ดีเยี่ยม บางรุ่นมาพร้อมมาตรฐานการป้องกันระดับ Military Grade กันตกกันกระแทกได้สบายๆ แป้นพิมพ์มีไฟ Backlight หลายสีให้เลือก ปรับความสว่างได้ การพิมพ์ทำได้ดี ให้ฟิลลิ่งใกล้เคียงคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊ก มี Trackpad ในตัว (สำหรับรุ่น Pro Keys with Trackpad) เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน เหมาะกับคนที่เน้นความทนทาน พกพาไปใช้งานแบบสมบุกสมบันหน่อย
  • จุดเด่นสินค้า: เคสทนทาน ป้องกันระดับ Military Grade, แป้นพิมพ์มีไฟ Backlight หลายสี, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, มี Trackpad (บางรุ่น), การพิมพ์ทำได้ดี
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ปกป้อง iPad ขั้นสุด: เคสถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูง สามารถป้องกัน iPad จากการตกกระแทก รอยขีดข่วน และฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้ว่า iPad ของคุณจะปลอดภัยแม้ต้องพกพาไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจมีความเสี่ยง.
    • พิมพ์งานได้ทุกสภาพแสง: แป้นพิมพ์มีไฟ Backlight ที่สามารถปรับสีและความสว่างได้ ช่วยให้มองเห็นตัวอักษรบนคีย์บอร์ดได้ชัดเจนไม่ว่าคุณจะใช้งานในที่มืดหรือที่แสงน้อย ทำให้การพิมพ์งานสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
    • ใช้งานหลากหลายรูปแบบ: ด้วยคีย์บอร์ดที่ถอดแยกได้ (บางรุ่น) และขาตั้งที่ปรับมุมมองได้ ทำให้สามารถใช้งาน iPad ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งาน การวาดรูป การดูวิดีโอ หรือการนำเสนองาน ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่เน้นความทนทาน การป้องกัน iPad, คนที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่อาจมีการกระแทก, ใช้ทำงานนอกสถานที่ เดินทางบ่อย.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightแบตเตอรี่การป้องกันน้ำหนัก
BluetoothScissor Mechanismมี (บางรุ่น)มี (ปรับสี/ความสว่างได้)แบตเตอรี่ในตัว (ชาร์จ USB-C/Micro USB)Military Grade (บางรุ่น)ปานกลาง

6. AppleSheep - Propad Keyboard

  • ชื่อแบรนด์: AppleSheep
  • ชื่อสินค้า: Propad Keyboard / Multi Keyboard Case
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 790 - 1,290 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น)
  • คำอธิบายสินค้า: แบรนด์ไทยที่น่ารักโดนใจวัยรุ่นอย่าง AppleSheep ก็มีคีย์บอร์ด iPad คุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่ายนะ! รุ่น Propad Keyboard เค้าเน้นความบางเบา พกพาสะดวก การพิมพ์ทำได้ดี มี Trackpad ในตัว (บางรุ่น) เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ดีไซน์น่ารัก มีลายหรือสีสันให้เลือกเยอะ เข้ากับสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังเป็นเคสป้องกัน iPad ได้ด้วย อีกรุ่นคือ Multi Keyboard Case ที่เป็นเคสพร้อมคีย์บอร์ดในตัว รองรับหลายรุ่น มีช่องเก็บปากกาด้วยนะ
  • จุดเด่นสินค้า: แบรนด์ไทย ราคาน่ารัก, ดีไซน์สวย มีลายให้เลือกเยอะ, บางเบา พกพาง่าย, มี Trackpad (บางรุ่น), เป็นเคสป้องกัน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานและสร้างสรรค์: คีย์บอร์ดออกแบบมาให้พิมพ์ได้สะดวก เหมาะสำหรับการทำงานเอกสาร พิมพ์รายงาน หรือการสร้างคอนเทนต์ต่างๆ และรุ่นที่มี Trackpad ยิ่งช่วยให้การแก้ไขงาน หรือการใช้แอปที่ต้องมีการควบคุมเคอร์เซอร์ ทำได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น.
    • พกพาไปเรียน/ทำงาน: ด้วยน้ำหนักที่เบาและดีไซน์ที่บาง ทำให้พกพาใส่กระเป๋าไปเรียนหรือไปทำงานได้อย่างสบาย ไม่เป็นภาระ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องเดินทางไปหลายๆ ที่ในวันเดียว.
    • แสดงความเป็นตัวเอง: มีดีไซน์ สีสัน และลายให้เลือกหลากหลาย ทั้งลายลิขสิทธิ์การ์ตูนน่ารักๆ หรือสีพาสเทลสดใส ช่วยให้คุณสามารถเลือกคีย์บอร์ดที่ตรงกับสไตล์และความชอบของตัวเองได้ ไม่เหมือนใคร.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษา, คนที่ชอบดีไซน์น่ารัก มีสไตล์, คนที่มองหาคีย์บอร์ดราคาย่อมเยา, ใช้เรียน ทำงาน แชท เล่นโซเชียล.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightดีไซน์ช่องเก็บปากการาคา
BluetoothMembraneมี (บางรุ่น)ไม่มีสวยงาม มีลายให้เลือกมี (บางรุ่น)ย่อมเยา - ปานกลาง

7. ESR - Rebound Magnetic Keyboard Case

  • ชื่อแบรนด์: ESR
  • ชื่อสินค้า: Rebound Magnetic Keyboard Case / Ascend Keyboard Case
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,000 - 4,000 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นและโปรโมชั่น)
  • คำอธิบายสินค้า: ESR เป็นอีกแบรนด์ที่ทำเคสและอุปกรณ์เสริม iPad ได้ดีเยี่ยม คีย์บอร์ดของเค้าก็เช่นกันค่ะ รุ่น Rebound Magnetic Keyboard Case เน้นการเชื่อมต่อแบบแม่เหล็กที่แข็งแรง ยึดติดกับ iPad ได้มั่นคง มี Trackpad ขนาดใหญ่ รองรับ Multi-Touch แป้นพิมพ์มีการตอบสนองที่ดี พิมพ์สบาย บางรุ่นมีไฟ Backlight เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ดีไซน์บางเบา พกพาสะดวก ส่วนรุ่น Ascend Keyboard Case Lite จะเน้นความบางเบาเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเพิ่มน้ำหนักให้ iPad มากนัก
  • จุดเด่นสินค้า: การเชื่อมต่อแม่เหล็กแข็งแรง, มี Trackpad ขนาดใหญ่, ดีไซน์บางเบา พกพาง่าย, แป้นพิมพ์พิมพ์สบาย, มีไฟ Backlight (บางรุ่น)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ทำงานคล่องด้วยแม่เหล็กและ Trackpad: การเชื่อมต่อแบบแม่เหล็กช่วยให้ติดตั้งและถอดคีย์บอร์ดได้ง่ายและรวดเร็ว พร้อมการยึดเกาะที่มั่นคง เมื่อรวมกับ Trackpad ขนาดใหญ่ ทำให้การทำงานบน iPad มีความคล่องตัวและแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะพิมพ์งานหรือใช้งานแอปต่างๆ.
    • พกพาสะดวกทุกการเดินทาง: ด้วยดีไซน์ที่เน้นความบางและน้ำหนักเบา ทำให้เมื่อประกอบเข้ากับ iPad แล้ว ยังคงสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกสบาย ใส่กระเป๋าได้ง่าย เหมาะสำหรับการทำงานหรือเรียนนอกสถานที่ การเดินทาง หรือ Work From Cafe.
    • ปรับมุมมองการใช้งาน: สามารถปรับมุมในการตั้งวาง iPad ได้หลายระดับ ทำให้หาตำแหน่งที่เหมาะสมกับการพิมพ์ การดูวิดีโอ หรือการนำเสนอได้ง่าย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการก้มมองจอเป็นเวลานาน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่เน้นความสะดวกในการประกอบ/ถอดคีย์บอร์ด, คนที่ต้องการ Trackpad ในราคาที่เข้าถึงง่าย, ใช้ทำงาน เรียน หรือเพื่อความบันเทิงนอกบ้าน.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightการยึดติดน้ำหนักราคา
BluetoothMembrane/Scissor-likeมีมี (บางรุ่น)แม่เหล็กบางเบาปานกลาง

8. MOFii - Bluetooth Keyboard

  • ชื่อแบรนด์: MOFii
  • ชื่อสินค้า: Cotton Candy / Waffle Multi-Device Bluetooth Keyboard
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 500 - 1,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้าชอบคีย์บอร์ดดีไซน์มุ้งมิ้ง สีสันพาสเทลน่ารักๆ MOFii คือคำตอบ! แบรนด์นี้ดังเรื่องคีย์บอร์ดบลูทูธดีไซน์เก๋ๆ รุ่น Cotton Candy หรือ Waffle คือฮิตมากกก แป้นพิมพ์เป็นทรงกลม พิมพ์สนุก เสียงเป็นเอกลักษณ์ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์ ไม่ใช่แค่ iPad สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันหลายเครื่อง สลับใช้งานได้ง่ายๆ ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก แต่ส่วนใหญ่ไม่มี Trackpad ในตัวนะ เหมาะกับคนที่เน้นดีไซน์และใช้งานพิมพ์อย่างเดียว
  • จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์น่ารัก สีสันสดใส, แป้นพิมพ์ทรงกลม พิมพ์สนุก, เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์, ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย, ราคาเป็นมิตร
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานและแชทบนหลากหลายอุปกรณ์: สามารถเชื่อมต่อกับ iPad, iPhone, สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android, รวมถึงคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac ได้พร้อมกันหลายเครื่อง และสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้สะดวกมากสำหรับคนที่ใช้งานหลายดีไวซ์พร้อมกัน.
    • เพิ่มความสนุกให้การพิมพ์: ด้วยดีไซน์แป้นพิมพ์ทรงกลมและเสียงคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้การพิมพ์ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศสนุกๆ ในการทำงานหรือแชท เป็นคีย์บอร์ดที่ไม่ได้แค่ใช้งานได้ดี แต่ยังเป็นของแต่งโต๊ะที่น่ารักอีกด้วย.
    • พกพาใส่กระเป๋าได้สบาย: ขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา ทำให้สามารถพกพาคีย์บอร์ด MOFii ใส่กระเป๋าเป้ กระเป๋าถือ หรือแม้แต่กระเป๋าใบเล็กๆ ได้อย่างสบาย ไม่กินพื้นที่ เหมาะกับการพกไปใช้ในคาเฟ่ ห้องสมุด หรือระหว่างเดินทาง.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบดีไซน์น่ารักๆ, นักเรียน นักศึกษา, คนที่ใช้งานหลายอุปกรณ์, ใช้พิมพ์งาน แชท หรือตกแต่งโต๊ะ.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightแบตเตอรี่รองรับหลายอุปกรณ์ดีไซน์
BluetoothMembrane (ทรงกลม)ไม่มีไม่มีใช้ถ่าน AAA/AAรองรับ (สูงสุด 3 อุปกรณ์)น่ารัก สีสันสดใส

9. QPLUS - Keyboard Case

  • ชื่อแบรนด์: QPLUS
  • ชื่อสินค้า: Keyboard Case (สำหรับ iPad Gen ต่างๆ)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,000 - 2,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: QPLUS เป็นอีกแบรนด์ทางเลือกที่มีเคสคีย์บอร์ดสำหรับ iPad หลายรุ่นในราคาที่เข้าถึงง่าย ดีไซน์เป็นเคสคลุม iPad ป้องกันรอบด้าน บางรุ่นมีแป้นพิมพ์ทรงกลมที่กำลังฮิต รองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth มีช่องสำหรับเก็บ Apple Pencil ในตัว บางรุ่นคีย์บอร์ดสามารถถอดแยกจากเคสได้ด้วย ทำให้ยืดหยุ่นในการใช้งาน เหมาะกับคนที่มองหาคีย์บอร์ดพร้อมเคสในงบที่ไม่สูงมากนัก
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาไม่แพง, เป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ด, รองรับภาษาไทย, มีช่องเก็บ Apple Pencil, คีย์บอร์ดถอดแยกได้ (บางรุ่น)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานและป้องกัน iPad: ช่วยให้การพิมพ์งานบน iPad สะดวกสบายขึ้นสำหรับงานเอกสารทั่วไป การตอบอีเมล หรือการพิมพ์ข้อความยาวๆ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นเคสที่ช่วยปกป้อง iPad จากรอยขีดข่วนและแรงกระแทกเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน.
    • พกพาอุปกรณ์ครบชุด: ด้วยช่องสำหรับจัดเก็บ Apple Pencil ทำให้สามารถพกพา iPad คีย์บอร์ด และ Apple Pencil ไปพร้อมกันได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกลัวปากกาหาย เหมาะสำหรับนักเรียนหรือคนทำงานที่ต้องใช้ Apple Pencil ในการจดโน้ตหรือวาดรูป.
    • ปรับเปลี่ยนการใช้งานตามต้องการ: สำหรับรุ่นที่คีย์บอร์ดสามารถถอดแยกจากเคสได้ ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ จะใช้เฉพาะ iPad กับเคสอย่างเดียว หรือจะประกอบคีย์บอร์ดเพื่อพิมพ์งานก็ได้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน นักศึกษา, คนที่ต้องการเคสคีย์บอร์ดในงบจำกัด, คนที่ใช้ Apple Pencil ร่วมด้วย, ใช้เรียนออนไลน์ ทำงานทั่วไป.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightวัสดุเคสช่องเก็บปากกาคีย์บอร์ดแยกได้
BluetoothMembrane (บางรุ่นทรงกลม)ไม่มีไม่มีTPU + วัสดุอื่นๆมีมี (บางรุ่น)

10. WRoof - Keyboard Folio

  • ชื่อแบรนด์: WRoof
  • ชื่อสินค้า: Keyboard Folio (สำหรับ iPad Air / Pro รุ่นต่างๆ)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,500 - 3,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: WRoof เป็นอีกแบรนด์ที่ทำเคสคีย์บอร์ดดีไซน์สวยงาม คุณภาพดี ฟังก์ชันครบ รุ่น Keyboard Folio เน้นดีไซน์แบบพับได้ ปกป้อง iPad ได้รอบด้าน บางรุ่นมี Trackpad ในตัว รองรับ Multi-Touch เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth แป้นพิมพ์พิมพ์สบาย มี Auto Wake/Sleep Function เมื่อเปิด/ปิดเคส มีช่องสำหรับเก็บ Apple Pencil ด้วย ดีไซน์เน้นความเรียบหรู ดูดี เหมาะกับคนที่มองหาคีย์บอร์ดที่ฟังก์ชันครบ พิมพ์คล่อง และดีไซน์สวยงาม
  • จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์สวย เรียบหรู, มี Trackpad (บางรุ่น), มี Auto Wake/Sleep, มีช่องเก็บ Apple Pencil, เป็นเคสป้องกัน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พิมพ์งานและควบคุมด้วย Trackpad: มอบประสบการณ์การพิมพ์ที่ดีสำหรับการทำงานเอกสาร การเขียน หรือการตอบอีเมล และสำหรับรุ่นที่มี Trackpad ช่วยให้สามารถควบคุม iPad ได้อย่างแม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการรองรับคำสั่งนิ้ว Multi-Touch.
    • ประหยัดพลังงานอัตโนมัติ: ด้วยฟังก์ชัน Auto Wake/Sleep ตัวคีย์บอร์ดจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อกางเคสออก และปิดเมื่อพับเก็บ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ทั้งของคีย์บอร์ด (ในกรณีที่เป็น Bluetooth) และของ iPad ทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดไว.
    • พกพาครบจบในเคสเดียว: ออกแบบมาให้เป็นทั้งเคสป้องกัน คีย์บอร์ด และมีช่องสำหรับเก็บ Apple Pencil ทำให้สามารถพกพาสามอุปกรณ์หลักสำหรับการทำงานหรือเรียนไปพร้อมกันได้อย่างเป็นระเบียบและปลอดภัย เหมาะสำหรับการใช้งานนอกสถานที่.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบดีไซน์เรียบหรู ดูดี, คนที่ต้องการ Trackpad ในงบปานกลาง, ใช้ทำงาน เรียน หรืองานสร้างสรรค์.
การเชื่อมต่อประเภทแป้นพิมพ์มี Trackpadไฟ Backlightวัสดุเคสช่องเก็บปากกาฟังก์ชันพิเศษ
BluetoothMembrane/Scissor-likeมี (บางรุ่น)ไม่มีPU Leather + วัสดุอื่นๆมีAuto Wake/Sleep

เคล็ดลับเลือกคีย์บอร์ด iPad คู่ใจ ปี 2025 ฉบับสายเปย์ออนไลน์!

  • 1. เช็กให้ชัวร์ว่าน้องเข้ากันได้กับ iPad ของเรามั้ยนะ?
    อันดับแรกที่ต้องดูก่อนกดใส่ตะกร้าคือ "รุ่นที่รองรับ" ค่ะซิส! iPad มีหลายรุ่น หลายขนาด แล้วคีย์บอร์ดแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นก็ออกแบบมาให้ใช้กับ iPad เฉพาะรุ่น หรือเฉพาะช่วง Gen เท่านั้นนะ อย่าเห็นแก่ของถูก หรือดีไซน์สวยจนลืมเช็ก! ลองพลิกหลัง iPad ดูก่อนว่ารุ่นอะไร ปีไหน หน้าจอขนาดกี่นิ้ว แล้วเอาข้อมูลนี้ไปเทียบกับรายละเอียดสินค้าของคีย์บอร์ดที่เราสนใจให้เป๊ะๆ ค่ะ บางรุ่นอาจจะใช้การเชื่อมต่อแบบ Smart Connector ซึ่งจะมีขั้วแม่เหล็ก 3 จุดอยู่ด้านข้าง iPad อันนี้ก็ต้องใช้กับคีย์บอร์ดที่รองรับ Smart Connector เท่านั้น ข้อดีคือเชื่อมต่อง่าย ไม่ต้องจับคู่ ไม่ต้องชาร์จแบตคีย์บอร์ด ใช้ไฟจาก iPad เลย แต่ราคาก็จะสูงหน่อย ส่วนใหญ่คีย์บอร์ดทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Apple มักจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth อันนี้ก็จะยืดหยุ่นกว่า ใช้ได้กับ iPad หลายรุ่นหน่อย ขอแค่มี Bluetooth แต่ข้อจำกัดคือต้องคอยชาร์จแบตคีย์บอร์ด และบางทีการเชื่อมต่ออาจมีดีเลย์บ้างเล็กน้อย เวลาเลือกซื้อออนไลน์ให้อ่านรายละเอียดสินค้าให้ละเอียดมากๆ นะคะ บางทีผู้ขายจะระบุรุ่น iPad ที่รองรับไว้อย่างชัดเจน หรือถ้าไม่แน่ใจ ทักแชทไปถามผู้ขายเลยค่ะ เพื่อความสบายใจและไม่เสียเวลาคืนสินค้าทีหลัง การเลือกคีย์บอร์ดที่เข้ากันได้พอดี นอกจากจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยป้องกันตัวเครื่อง iPad ของเราไม่ให้เสียหายด้วยนะ เช่น บางรุ่นเคสอาจจะหลวมหรือแน่นเกินไปจนทำให้ขอบเครื่องเป็นรอยได้ ถ้าเลือกผิดชีวิตเปลี่ยนนะบอกเลย!
  • 2. สัมผัสการพิมพ์และ Trackpad ฟิลลิ่งใช่หรือเปล่า?
    เรื่องฟิลลิ่งการพิมพ์นี่เป็นเรื่องส่วนบุคคลมากๆ ค่ะ บางคนชอบแป้นพิมพ์แบบตื้นๆ นุ่มๆ เงียบๆ เหมือน Magic Keyboard ของ Apple ที่ใช้กลไกแบบ Scissor Mechanism พิมพ์ได้รัวๆ เสียงไม่ดังรบกวนคนอื่น เหมาะกับการทำงานในห้องสมุด คาเฟ่ หรือออฟฟิศ แต่บางคนอาจจะชอบแป้นพิมพ์แบบมีระยะกดลึกหน่อย มีเสียงคลิกๆ ให้ได้ยินเหมือนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กตัวใหญ่ๆ อันนี้ก็ต้องลองดูรายละเอียดสินค้า หรืออ่านรีวิวจากผู้ใช้คนอื่นๆ ค่ะ บางยี่ห้อ โดยเฉพาะคีย์บอร์ด Bluetooth ราคาประหยัดหน่อย อาจจะใช้แป้นพิมพ์แบบ Membrane ที่ฟิลลิ่งการกดอาจจะไม่ดีเท่าแบบ Scissor แต่ก็แลกมากับราคาที่ถูกกว่า ถ้าเป็นไปได้ก่อนตัดสินใจซื้อออนไลน์ ลองแวะไปดูที่ร้านที่ขายคีย์บอร์ดรุ่นนั้นๆ หรือรุ่นที่ใกล้เคียงกันดูก่อนก็ได้ค่ะ จะได้ลองสัมผัส ลองพิมพ์ดูว่าชอบฟิลลิ่งแบบไหน ส่วนเรื่อง Trackpad ถ้าต้องใช้งานที่ต้องมีการลาก ครอบคลุมข้อความ หรือทำงานกราฟิกเล็กๆ น้อยๆ การมี Trackpad ในตัวจะช่วยได้เยอะมากค่ะ โดยเฉพาะ Trackpad ขนาดใหญ่ที่รองรับ Multi-Touch Gestures จะทำให้การควบคุม iPadOS สะดวกสบายเหมือนใช้เมาส์บนคอมพิวเตอร์เลย แต่ถ้าเน้นพิมพ์อย่างเดียว ไม่ได้ใช้เคอร์เซอร์บ่อยๆ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมี Trackpad ก็ได้นะ ช่วยประหยัดงบไปได้อีกหน่อย ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ให้ลองคิดถึงลักษณะงานหรือการใช้งานหลักของเราดูค่ะ ว่าต้องการความสะดวกสบายในการพิมพ์มากแค่ไหน และ Trackpad จำเป็นกับเราจริงๆ หรือเปล่า จะได้เลือกได้ตรงใจที่สุดค่ะ
  • 3. น้ำหนักและดีไซน์ พกพาสะดวก โชว์แล้วปังไหม?
    อีกเรื่องที่สำคัญสุดๆ สำหรับสายพกพาก็คือ "น้ำหนัก" และ "ดีไซน์" นี่แหละค่ะ! บางทีคีย์บอร์ดบางรุ่นฟังก์ชันครบครันก็จริง แต่พอประกอบกับ iPad แล้วน้ำหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ! พกไปไหนมาไหนอาจจะแอบเมื่อยไหล่ได้ ถ้าเน้นพกพาสะดวกสุดๆ ควรเลือกคีย์บอร์ดที่ทำจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา หรือเป็นดีไซน์แบบบางเฉียบไปเลย คีย์บอร์ดแบบ Bluetooth ที่เป็นแค่แผ่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว (ไม่มีเคส) ก็จะเบามากๆ เหมาะกับการพกไปใช้กับ iPad ที่มีเคสป้องกันอยู่แล้ว ส่วนดีไซน์ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ! ไหนๆ ก็จะซื้อมาเป็นคู่หู iPad แล้ว ก็ต้องเลือกแบบที่ชอบ ดีไซน์สวยงาม เข้ากับสไตล์ของเราหน่อย บางแบรนด์มีสีสันสดใส ลายน่ารักๆ ให้เลือกเพียบ หรือบางแบรนด์ก็เน้นดีไซน์เรียบหรู ดูโปรเฟสชันแนล ลองดูว่าเราชอบแบบไหน จะเน้นความมินิมอล หรือจะเน้นความคิ้วท์ๆ ก็จัดไปเลยค่ะ! นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ดีไซน์ของเคสคีย์บอร์ดก็มีผลกับการใช้งานด้วยนะ บางรุ่นเป็นแบบ Folio พับปิดได้เลย เป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ดในตัว บางรุ่นคีย์บอร์ดกับเคสแยกกันได้ แบบไหนสะดวกกับการใช้งานของเรามากกว่ากัน ก็เลือกแบบนั้นเลยค่ะ อย่าลืมดูเรื่องช่องเก็บ Apple Pencil ด้วยนะ ถ้าใครใช้ปากกาด้วย การมีช่องเก็บในตัวเคสจะช่วยให้พกพาง่ายและปลอดภัยมากๆ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่เราจะได้คีย์บอร์ดที่ไม่ได้แค่ใช้งานได้ดี แต่ยังเป็นแฟชั่นไอเท็มคู่ใจที่พกไปไหนก็มั่นใจ โชว์แล้วเพื่อนทักว่าของมันต้องมี!
  • 4. แบตเตอรี่และการชาร์จ ไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง!
    สำหรับคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เรื่องแบตเตอรี่นี่สำคัญมากๆ เลยค่ะ! ไม่มีใครอยากแบตหมดตอนกำลังปั่นงานไฟไหม้แน่นอนเนอะ! ลองดูสเปคเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ว่าอยู่ได้นานแค่ไหนต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง บางรุ่นสามารถใช้งานได้นานเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว อันนี้ก็จะสะดวกมากๆ ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ นอกจากนี้ก็ดูเรื่องประเภทของแบตเตอรี่ด้วยค่ะ บางรุ่นใช้แบตเตอรี่ในตัวที่ต้องชาร์จผ่านสาย USB-C หรือ Micro USB บางรุ่นใช้ถ่าน AAA หรือ AA ที่สามารถเปลี่ยนได้ แบบไหนสะดวกกับไลฟ์สไตล์ของเรามากกว่ากันก็เลือกแบบนั้นเลยค่ะ ส่วนเรื่องการชาร์จ ดูว่าใช้อะแดปเตอร์แบบไหน ชาร์จเต็มเร็วไหม บางรุ่นที่เชื่อมต่อด้วย Smart Connector ของ Apple อันนี้จะสะดวกสุดๆ เพราะใช้ไฟจาก iPad เลย ไม่ต้องชาร์จคีย์บอร์ดแยก แต่ก็ต้องแลกมากับราคาที่สูงกว่านะคะ ถ้าเลือกคีย์บอร์ด Bluetooth ให้มองหารุ่นที่แบตเตอรี่อึดๆ ไว้ก่อนค่ะ จะได้ใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องมานั่งหาปลั๊กชาร์จระหว่างวัน โดยเฉพาะช่วงที่เราต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ หรือเดินทางบ่อยๆ แบตเตอรี่ที่อึดจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะซิส! อย่าปล่อยให้เรื่องแบตเตอรี่มาเป็นอุปสรรคในการทำงานของเรานะ!
  • 5. งบประมาณและความคุ้มค่า จ่ายแล้วสบายใจ เงินไม่ปลิว!
    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรื่อง "งบประมาณ" นี่แหละค่ะที่ทำให้เราต้องคิดหนัก! 😂 คีย์บอร์ด iPad มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว ก่อนอื่นต้องกำหนดงบในใจก่อนค่ะว่าเราพร้อมจ่ายได้เท่าไหร่ แล้วค่อยมาดูว่าในงบที่เราตั้งไว้ มีคีย์บอร์ดรุ่นไหน ยี่ห้อไหนที่ฟังก์ชันตรงกับความต้องการของเราบ้าง อย่าเพิ่งตัดสินใจจากราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียวนะคะ ให้ดูเรื่องคุณภาพ วัสดุ ฟังก์ชัน และการรับประกันด้วย บางทีจ่ายแพงกว่านิดหน่อย แต่อาจจะได้คีย์บอร์ดที่ทนทาน ใช้งานได้ยาวนานกว่า มีฟังก์ชันที่เราต้องการครบถ้วน ก็อาจจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาวก็ได้ค่ะ ลองเปรียบเทียบสเปคและราคาของหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อดู อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ทั้งรีวิวในแอปช้อปปิ้งออนไลน์ เว็บบอร์ด หรือช่อง YouTube จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสินค้าได้ดีขึ้น บางทีคีย์บอร์ดราคาไม่สูงมาก แต่ฟังก์ชันครบครัน การพิมพ์ดี ก็มีเหมือนกันนะ โดยเฉพาะแบรนด์ทางเลือกที่มีให้เลือกเยอะมากๆ ในตลาดออนไลน์ ที่สำคัญอย่าลืมมองหาโปรโมชั่น หรือโค้ดส่วนลดต่างๆ ด้วยนะคะ! ช่วงเทศกาล หรือช่วง Double Date (เช่น 11.11, 12.12) นี่แหละโอกาสทองในการช้อปของลดราคา! การซื้อออนไลน์ช่วยให้เราเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้านได้ง่ายกว่าการเดินหาเองด้วยนะ เลือกคีย์บอร์ดที่ใช่ ในราคาที่ชอบ จ่ายแล้วสบายใจ ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง เงินไม่ปลิวแน่นอนค่า!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับคีย์บอร์ด iPad

  • Q: คีย์บอร์ด iPad เชื่อมต่อยังไงบ้าง?
    A: คีย์บอร์ด iPad หลักๆ จะมีวิธีเชื่อมต่ออยู่ 2 แบบค่ะ คือ แบบแรกคือเชื่อมต่อผ่าน Smart Connector ที่เป็นขั้วแม่เหล็ก 3 จุด แค่นำ iPad ไปวางให้ตรงกับขั้วบนคีย์บอร์ด ก็เชื่อมต่อและใช้งานได้ทันที ไม่ต้องจับคู่ Bluetooth ไม่ต้องชาร์จแบตคีย์บอร์ด ใช้พลังงานจาก iPad เลยค่ะ สะดวกมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะมีในคีย์บอร์ดของ Apple เองและบางรุ่นของ Logitech ส่วนแบบที่สองคือเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth อันนี้คีย์บอร์ดจะมีแบตเตอรี่ในตัว ต้องทำการจับคู่ Bluetooth กับ iPad ก่อนใช้งานในครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะเชื่อมต่อให้อัตโนมัติค่ะ ข้อดีคือใช้ได้กับ iPad หลายรุ่นที่มี Bluetooth แต่ต้องคอยชาร์จแบตคีย์บอร์ดนะ และบางทีอาจมีดีเลย์เล็กน้อยในการพิมพ์ค่ะ
  • Q: คีย์บอร์ด iPad พิมพ์ภาษาไทยได้ไหม?
    A: ได้แน่นอนค่ะ! คีย์บอร์ด iPad ส่วนใหญ่ที่ขายในไทยจะมี Layout ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่แล้วค่ะ บางรุ่นอาจจะสกรีนตัวอักษรไทย-อังกฤษมาให้เลยบนแป้นพิมพ์ บางรุ่นอาจจะมีแค่ Layout ภาษาอังกฤษ แต่เราสามารถตั้งค่าใน iPad ให้พิมพ์ภาษาไทยได้ค่ะ เวลาเลือกซื้อออนไลน์ ให้สังเกตดูรายละเอียดสินค้า หรือสอบถามผู้ขายว่าคีย์บอร์ดรุ่นนั้นรองรับภาษาไทยหรือไม่ เพื่อความชัวร์ค่ะ การสลับภาษาบนคีย์บอร์ดก็ง่ายมากๆ ค่ะ เหมือนกับการใช้บนโน้ตบุ๊กเลย ส่วนใหญ่จะกดที่ปุ่ม Caps Lock หรือปุ่มรูปโลกก็ได้ค่ะ
  • Q: คีย์บอร์ด iPad มี Trackpad จำเป็นไหม?
    A: อันนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของคุณเลยค่ะ! ถ้าหลักๆ ใช้ iPad แค่พิมพ์งานเอกสาร พิมพ์แชท ตอบอีเมล ไม่ได้มีการเลือกข้อความ ลากวาง หรือใช้แอปที่ต้องควบคุมเคอร์เซอร์บ่อยๆ การมี Trackpad ก็อาจจะไม่จำเป็นค่ะ ช่วยประหยัดงบไปได้ด้วยนะ แต่ถ้าคุณใช้ iPad ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เช่น การแก้ไขเอกสาร การทำงานกราฟิก การตัดต่อวิดีโอ หรือใช้แอปที่ต้องมีการควบคุมที่แม่นยำ การมี Trackpad จะช่วยให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้นเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะ Trackpad ที่รองรับ Multi-Touch Gestures จะทำให้การควบคุม iPadOS ลื่นไหลมากๆ เหมือนได้ฟิลลิ่งการใช้เมาส์บนคอมพิวเตอร์เลยค่ะ ดังนั้นลองพิจารณาดูว่าการใช้งานของคุณจำเป็นต้องใช้ Trackpad มากน้อยแค่ไหนค่ะ
  • Q: คีย์บอร์ด iPad ใช้กับ iPad ได้ทุกรุ่นไหม?
    A: ไม่ได้ใช้ได้ทุกรุ่นนะคะ! คีย์บอร์ด iPad แต่ละรุ่นออกแบบมาให้รองรับกับ iPad เฉพาะรุ่น หรือเฉพาะกลุ่ม Gen เท่านั้นค่ะ เช่น Magic Keyboard บางรุ่นออกแบบมาสำหรับ iPad Pro หรือ iPad Air รุ่นใหม่ๆ ที่มี Smart Connector ส่วนคีย์บอร์ด Bluetooth บางรุ่นอาจจะใช้ได้กับ iPad หลายรุ่นหน่อย แต่ก็ต้องเช็กเรื่องขนาดหน้าจอและความเข้ากันได้ของระบบปฏิบัติการ (iPadOS) ด้วยค่ะ ก่อนซื้อทุกครั้ง ต้องตรวจสอบรุ่น iPad ของเรา และดูรายละเอียดสินค้าของคีย์บอร์ดที่สนใจให้ดีว่ารองรับกันหรือไม่ ไม่อย่างนั้นอาจจะซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ เสียเงิน เสียเวลาค่ะ ถ้าไม่แน่ใจ ทักไปถามผู้ขายก่อนสั่งซื้อได้เลยค่ะ เพื่อความถูกต้องที่สุด!
  • Q: คีย์บอร์ด iPad แบบไหนเหมาะกับการพกพา?
    A: ถ้าเน้นพกพาสะดวกมากๆ ควรเลือกคีย์บอร์ดที่มีน้ำหนักเบาและดีไซน์ที่บางกะทัดรัดค่ะ คีย์บอร์ดแบบที่เป็นเคสในตัว (Folio) ก็สะดวกในการพกพา เพราะเป็นทั้งเคสป้องกันและคีย์บอร์ดไปพร้อมกัน แต่บางรุ่นอาจจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาบ้างนะคะ ถ้าอยากได้เบาที่สุด อาจจะเลือกคีย์บอร์ดแบบ Bluetooth ที่เป็นแค่แผ่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว (ไม่มีเคส) ก็ได้ค่ะ อันนี้จะเบามากๆ แต่ก็ต้องมีเคสป้องกัน iPad แยกต่างหากนะ ลองดูพวกคีย์บอร์ด Bluetooth ไซส์ Mini หรือ Slim ที่ออกแบบมาเพื่อการพกพาโดยเฉพาะก็ได้ค่ะ ขนาดจะเล็กกว่าคีย์บอร์ดปกติหน่อย แต่ก็แลกมากับความสะดวกในการใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนค่ะ อย่าลืมดูเรื่องความทนทานด้วยนะ ถ้าต้องพกไปใช้งานแบบสมบุกสมบันหน่อย อาจจะเลือกเคสคีย์บอร์ดที่วัสดุแข็งแรงทนทานหน่อยก็ได้ค่ะ

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีครับสายช้อปออนไลน์ทุกท่าน! ถ้าคุณกำลังมองหาหูฟังใหม่ไว้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกมปี 2025 นี้ บอกเลยว่าตลาดหูฟังเดือดสุดๆ รุ่นใหม่ๆ โผล่มาเพียบ ทั้งดีไซน์ล้ำ เสียงเทพ ฟีเจอร์จัดเต็ม จะสายเปย์ สายประหยัด หรือสายแฟชั่นก็มีให้เลือกครบ วัน
10 Headphone ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ ดีไซน์โดนใจ
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เกมเมอร์ชาวไทย! วันนี้มาเจอกับผมในฐานะกูรูนักช้อปออนไลน์เจ้าเก่า ที่จะมาเจาะลึกเรื่องอุปกรณ์คู่ใจของชาวเรา นั่นก็คือ "หูฟังเกมมิ่ง" นั่นเอง! สำหรับใครที่งบน่ารักๆ ไม่เกิน 1,000 บาท แต่อยากได้หูฟังเสียงชัด แยกทิศ
10 หูฟังเกมมิ่ง ราคาไม่เกิน 1000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงชัด แยกทิศทางแม่น
สวัสดีครับพี่น้องชาวนักช้อปออนไลน์ทุกท่าน! วันนี้ผมผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวยงของเมืองไทย ขอพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่งเสียงเพลงแบบสบายกระเป๋า กับหัวข้อที่ว่าด้วย "10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ช
10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 2000 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงดีเกินราคา ฟังก์ชันครบ

บทความยอดนิยม