10 MIDI Keyboard แนะนำ ปี 2025 สร้างสรรค์เพลงไร้ขีดจำกัด ฟังก์ชันเพียบ


สวัสดีค่า สายทำเพลงออนไลน์ สายบีทเมคเกอร์ หรือใครที่ฝันอยากสร้างสรรค์ดนตรีเป็นของตัวเอง มาทางนี้ด่วนๆ เลยจ้า! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันเรื่อง Gadget คู่ใจที่ต้องมี นั่นก็คือ "MIDI Keyboard" หรือที่บางคนเรียกว่า "คีย์บอร์ดใบ้" นั่นเองค่ะ บอกเลยว่าเจ้าสิ่งนี้แหละที่จะปลดล็อกพลังสร้างสรรค์ทางดนตรีให้คุณแบบไร้ขีดจำกัด! ไม่ต้องเป็นนักเปียโนโปรฯ ก็ใช้ได้ เพราะมันคือตัวช่วยเชื่อมไอเดียในหัวคุณเข้ากับโปรแกรมทำเพลงในคอมฯ หรือมือถือ ให้กลายเป็นเสียงดนตรีสุดปัง! ปี 2025 นี้เค้ามีรุ่นเด็ดๆ ฟังก์ชันจัดเต็มออกมาเพียบ วันนี้เราเลยคัดมาเน้นๆ 10 ตัว ที่รับรองว่าโดนใจคนไทยสายดนตรีแน่นอน พร้อมเคล็ดลับเลือกซื้อแบบเข้าใจง่าย สไตล์คนกันเอง ตามมาดูกันเลย!
1. Akai Professional MPK Mini MK3
- ชื่อแบรนด์: Akai Professional
- ชื่อสินค้า: MPK Mini MK3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,xxx - 4,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: เจ้า Akai MPK Mini MK3 นี่คือตัวจิ๋วแต่แจ๋ว ขวัญใจสายทำเพลงพกพาและมือใหม่หัดบีทเลยค่ะ ด้วยขนาดที่กระทัดรัดพกใส่กระเป๋าไปได้ทุกที่ แต่ฟังก์ชันมาเต็มเกินตัว ทั้งคีย์มินิ 25 คีย์ที่ปรับปรุงใหม่ให้กดสนุกมือขึ้น แป้น MPC Style Pads 8 แป้นที่ตอบสนองดีงาม เอาไว้เคาะบีทหรือ Trigger เสียงต่างๆ ได้มันส์สุดๆ แถมยังมี Knobs ให้หมุนๆ ปรับค่าต่างๆ ได้อีก 8 ตัว และ Joystick 4 ทิศทางเอาไว้ควบคุม Pitch/Mod บอกเลยว่าครบเครื่องในขนาดที่น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ เหมาะกับสายทำเพลงนอกสถานที่ หรือมีพื้นที่จำกัดก็เอาอยู่หมัดจริงๆ ค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กพกพาง่าย, แป้น Pads คุณภาพดีมาก, ฟังก์ชันหลากหลายในขนาดเล็ก, เหมาะสำหรับมือใหม่และ beatmakers, แถม Software เพียบ
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม Software ดนตรี (DAW): เชื่อมต่อผ่าน USB เข้าคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป เพื่อใช้เล่น Virtual Instruments หรือควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ในโปรแกรมทำเพลงที่คุณใช้ได้อย่างลื่นไหล ไม่ต้องจิ้มเมาส์ให้เมื่อยมืออีกต่อไป ช่วยให้การทำเพลงของคุณเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- สร้างสรรค์จังหวะและเสียงกลอง: ด้วย MPC Style Pads ทั้ง 8 แป้นที่ไวต่อแรงกด คุณสามารถใช้นิ้วเคาะสร้างแพทเทิร์นกลอง หรือ Trigger Samples เสียงต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องดนตรีจริงๆ
- ควบคุม Effect และ Parameter ต่างๆ: มี Knobs และ Joystick ที่ตั้งค่าได้ ช่วยให้คุณปรับ Filter, Reverb, Delay หรือ Parameter อื่นๆ ใน Software Synth หรือ Effect Plugins ได้แบบ Real-time เพิ่มความ Dynamic และลูกเล่นให้กับเพลงของคุณ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: มือใหม่หัดทำเพลง, Beatmakers, นักดนตรีที่ต้องการ Keyboard พกพา, คนที่มีพื้นที่ใน Studio จำกัด, คนที่ชอบทำเพลงนอกสถานที่
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|
25 คีย์ | Mini-key (Velocity-sensitive) | 8 (Backlit, Velocity-sensitive, MPC Style) | 8 (Assignable) | USB B Port | USB Bus Power | MPC Beats, Virtual Instruments, อื่นๆ |
2. Novation Launchkey Mini MK3
- ชื่อแบรนด์: Novation
- ชื่อสินค้า: Launchkey Mini MK3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,xxx - 4,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Novation Launchkey Mini MK3 เป็นอีกตัวเลือกยอดฮิตในกลุ่ม MIDI Keyboard ขนาดเล็ก โดยเฉพาะสายที่ใช้โปรแกรม Ableton Live เพราะมันถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ Ableton ได้อย่างราบรื่นสุดๆ แต่ก็ใช้กับ DAW อื่นๆ ได้ไม่มีปัญหา มาพร้อมคีย์มินิ 25 คีย์ที่เล่นสนุก แป้น Pads 16 แป้นที่คุณภาพดีไม่แพ้ใคร แถมยังมี Arpeggiator และ Chord Mode ให้มาด้วย เหมาะกับการสร้างสรรค์ไอเดียทำเพลงอย่างรวดเร็ว พกพาก็สะดวกสบาย จะทำเพลงที่บ้านหรือพกไปทำงานนอกบ้านก็คล่องตัวสุดๆ ค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: Integration กับ Ableton Live ดีเยี่ยม, แป้น Pads 16 แป้น, มี Arpeggiator และ Chord Mode, ขนาดเล็กพกพาง่าย, Software Bundle ดี
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุมและเล่นดนตรีใน DAW: เชื่อมต่อผ่าน USB เพื่อเล่น Virtual Instruments และควบคุมฟังก์ชันพื้นฐานของโปรแกรมทำเพลงที่คุณใช้ มีปุ่มควบคุม Transport (เล่น, หยุด, บันทึก) ให้ด้วย ทำให้การทำงานง่ายขึ้นเยอะ
- สร้างสรรค์ Melody และ Chord ได้ง่าย: มีโหมด Scale และ Chord ที่ช่วยให้คุณเล่น Melody หรือสร้าง Chord ที่ซับซ้อนได้ง่ายๆ แม้จะไม่เก่งทฤษฎีดนตรีมากนัก เหมาะสำหรับจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ในการทำเพลง
- ควบคุม Ableton Live ได้ลึกซึ้ง: สำหรับผู้ใช้ Ableton Live จะได้รับประสบการณ์พิเศษ เพราะ Launchkey Mini MK3 มีฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อควบคุม Session View, Mixer, Device Macros และอื่นๆ ใน Ableton ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ Workflow เร็วขึ้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้ Ableton Live, Beatmakers, นักดนตรีอิเล็กทรอนิกส์, คนที่ต้องการ Keyboard พกพา, มือใหม่ที่อยากได้ตัวช่วยสร้างสรรค์ไอเดีย
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|
25 คีย์ | Mini-key (Velocity-sensitive) | 16 (Velocity-sensitive, Backlit RGB) | 8 (Rotary Encoders) | USB B Port, 3.5mm TRS MIDI Out | USB Bus Power | Ableton Live Lite, Splice Sounds, AAS Session Bundle, อื่นๆ |
3. M-Audio Keystation 49 MK3
- ชื่อแบรนด์: M-Audio
- ชื่อสินค้า: Keystation 49 MK3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าคุณกำลังมองหา MIDI Keyboard ที่มีจำนวนคีย์มากขึ้นมาหน่อย แต่ยังอยู่ในงบที่ไม่แรงเกินไป M-Audio Keystation 49 MK3 คือตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ มาพร้อมคีย์ Full-size 49 คีย์ที่เล่นได้ถนัดมือมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเล่น Chord หรือ Melody ที่ซับซ้อนขึ้น หรือคนที่พื้นฐานเปียโนมาบ้าง มี Pitch Bend และ Modulation Wheel ครบครัน รวมถึงปุ่มควบคุม Transport ต่างๆ การใช้งานเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่เน้นการเล่นคีย์เป็นหลัก และอยากได้ Keyboard คุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย
- จุดเด่นสินค้า: คีย์ Full-size 49 คีย์, ราคาไม่แพง, ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน, มี Pitch/Mod Wheel, น้ำหนักเบาพอสมควร
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม Virtual Instruments: ใช้เล่นเสียง Synthesizer, Piano, Strings หรือเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ จาก Software ในคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยคีย์ Full-size ทำให้การวางนิ้วและการเล่นใกล้เคียงกับการเล่น Piano จริงมากขึ้น
- ควบคุม DAW พื้นฐาน: มีปุ่ม Transport Controls ให้มาครบครัน ช่วยให้คุณควบคุมการเล่น, หยุด, บันทึก, และไปยังจุดต่างๆ ในโปรแกรมทำเพลงได้โดยตรงจาก Keyboard เพิ่มความสะดวกในการทำงาน
- เพิ่มมิติให้กับการเล่น: ด้วย Pitch Bend และ Modulation Wheel คุณสามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับเสียงดนตรีได้ เช่น การบิดเสียง Synthesizer หรือการใส่ Vibrato ให้กับเสียงเครื่องสาย ทำให้การเล่นของคุณมีความเป็นธรรมชาติและแสดงอารมณ์ได้มากขึ้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: มือใหม่ที่อยากได้คีย์ Full-size, นักเรียนดนตรี, คนที่เน้นการเล่นคีย์, ใช้ใน Home Studio, ผู้ที่ต้องการ Keyboard คุณภาพดีในงบจำกัด
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | Pitch Wheel | Modulation Wheel | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม | ปุ่ม Transport |
---|---|---|---|---|---|---|---|
49 คีย์ | Full-size (Velocity-sensitive) | มี | มี | USB B Port | USB Bus Power | MPC Beats Free, Ableton Live Lite, Virtual Instruments, อื่นๆ | มี |
4. Native Instruments Komplete Kontrol M32
- ชื่อแบรนด์: Native Instruments
- ชื่อสินค้า: Komplete Kontrol M32
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับใครที่ใช้ Software ของ Native Instruments หรืออยากเริ่มต้นเข้าสู่โลกของ NI เจ้า Komplete Kontrol M32 คือประตูบานแรกที่ดีมากๆ ค่ะ เป็น MIDI Keyboard ขนาดกะทัดรัดพร้อมคีย์มินิ 32 คีย์ แต่จุดเด่นอยู่ที่การทำงานร่วมกับ Software Komplete Kontrol ได้อย่างลงตัว ทำให้การ Browse และควบคุมเสียง Virtual Instruments จาก NI ทำได้ง่ายมากๆ มีหน้าจอ OLED เล็กๆ บอกข้อมูล มี Touch Strips สำหรับ Pitch/Mod และมี Knobs 8 ตัวที่ Mapping มาให้แล้วกับ Software ของ NI เป็น Keyboard ที่ฉลาดและเหมาะกับสายโปรดิวเซอร์ยุคใหม่สุดๆ
- จุดเด่นสินค้า: ทำงานร่วมกับ Software NI ได้ดีเยี่ยม, มีหน้าจอ OLED, ขนาดกะทัดรัดพกพาง่าย, มี Touch Strips, แถม Software Komplete Select
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม Software Komplete Kontrol: สามารถ Browse หาเสียง Preset จาก Virtual Instruments ของ Native Instruments และ Partners ใน Software Komplete Kontrol ได้โดยตรงจาก Keyboard มี Knobs ที่ Mapping มาให้แล้ว ทำให้ปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องมองหน้าจอคอมฯ ตลอดเวลา
- เล่น Virtual Instruments: ใช้เล่นเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ จาก Software ในคอมพิวเตอร์ ด้วยคีย์มินิ 32 คีย์ที่เล่นง่าย เหมาะกับการสร้าง Melody, Chord หรือ Bassline สำหรับเพลงแนวต่างๆ
- ควบคุม Parameter และ Effects: มี Knobs ทั้ง 8 ตัวที่สามารถ Assign เพื่อควบคุม Parameter หรือ Effects ต่างๆ ใน DAW หรือ Plugins อื่นๆ ได้ ทำให้คุณมี Hardware Control ในการ Mix หรือปรับแต่งเสียงได้อย่างยืดหยุ่น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้ Software Native Instruments, โปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์, คนที่ต้องการ Keyboard ฉลาดๆ, ใช้ใน Home Studio หรือพกพาขนาดเล็ก, คนที่ต้องการ Software คุณภาพสูงแถมมาด้วย
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | หน้าจอ | Touch Strips | Knobs | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|---|
32 คีย์ | Mini-key (Velocity-sensitive) | OLED Display | Pitch และ Modulation | 8 (Assignable) | USB B Port | USB Bus Power | Komplete Select, Ableton Live Lite, Traktor LE 3, E-vouchers, อื่นๆ |
5. Arturia MiniLab 3
- ชื่อแบรนด์: Arturia
- ชื่อสินค้า: MiniLab 3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Arturia MiniLab 3 เป็น MIDI Keyboard ขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมดีไซน์สวยงามและฟังก์ชันที่หลากหลายมากๆ ค่ะ เค้าว่ากันว่าเป็น "Universal Controller" เลยนะ เพราะออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ DAW ได้หลากหลายค่าย แถมยังมี Software ดีๆ พ่วงมาให้อีกเพียบ ตัวคีย์มินิ 25 คีย์ให้สัมผัสที่ดี แป้น Pads 8 แป้นคุณภาพเยี่ยม มี Knobs 8 ตัว และ Faders 4 ตัว ที่ตั้งค่าได้อิสระ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ Keyboard ตัวเล็กแต่ควบคุมอะไรต่อมิอะไรใน Software ได้เยอะๆ และชอบ Software Instruments คุณภาพดีที่แถมมาให้
- จุดเด่นสินค้า: ทำงานกับ DAW ได้หลากหลาย, มี Faders ให้, ดีไซน์สวยงาม, Software Bundle สุดคุ้ม, คีย์และ Pads คุณภาพดี
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม DAW และ Plugin: มีการ Mapping มาให้แล้วสำหรับ DAW ยอดนิยมหลายตัว ทำให้คุณควบคุม Transport, Mixer, Pan, Send หรือ Parameter ต่างๆ ใน Plugin ได้อย่างสะดวกสบายด้วย Knobs และ Faders ที่มีมาให้
- เล่น Virtual Instruments: ใช้เล่นเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ จาก Software ที่แถมมาให้ เช่น Analog Lab V (Lite), Ableton Live Lite, UVI Model D Grand Piano และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้คุณมีคลังเสียงขนาดใหญ่ไว้ใช้งานได้ทันที
- สร้างสรรค์ไอเดียเพลง: มี Arpeggiator, Chord Mode และ Hold Function ที่ช่วยให้คุณสร้าง Melody, Chord Progressions หรือ Texture เสียงแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เหมาะสำหรับจุดประกายไอเดียในการทำเพลงใหม่ๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ใช้ DAW หลากหลาย, โปรดิวเซอร์เพลง, นักดนตรีที่ต้องการควบคุม Hardware เยอะๆ, ใช้ใน Home Studio หรือพกพา, คนที่ต้องการ Software Instruments คุณภาพสูง
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | Faders | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|---|
25 คีย์ | Mini-key (Velocity-sensitive) | 8 (Velocity-sensitive, Backlit RGB) | 8 (Assignable) | 4 (Assignable) | USB C Port, MIDI Out (TRS) | USB Bus Power | Analog Lab V (Lite), Ableton Live Lite, UVI Model D, The Gentleman, Loopcloud, Melodics |
6. Novation Launchkey 49 MK3
- ชื่อแบรนด์: Novation
- ชื่อสินค้า: Launchkey 49 MK3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 7,xxx - 8,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ขยับมาที่ขนาดใหญ่ขึ้นหน่อย Novation Launchkey 49 MK3 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ต้องการคีย์จำนวนมากขึ้น และยังคงความสามารถในการทำงานร่วมกับ DAW ได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะ Ableton Live ค่ะ มาพร้อมคีย์ Semi-weighted 49 คีย์ที่ให้สัมผัสดีเยี่ยม เล่นได้สนุก แป้น Pads 16 แป้นคุณภาพสูง มี Knobs 8 ตัว, Faders 9 ตัว, และปุ่มควบคุม Transport ครบครัน ทำให้ควบคุม DAW ได้เกือบทั้งหมดจากตัว Keyboard เลย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ Keyboard ตัวเดียวที่ครบเครื่อง ทั้งการเล่นคีย์ การทำบีท และการควบคุม Software
- จุดเด่นสินค้า: คีย์ Semi-weighted 49 คีย์, ควบคุม DAW ได้หลากหลาย (เน้น Ableton), มี Faders เยอะ, แป้น Pads คุณภาพเยี่ยม, มี Arpeggiator และ Chord Modes
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม DAW อย่างครอบคลุม: มีปุ่มและ Faders จำนวนมากที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ในโปรแกรมทำเพลงยอดนิยมได้อย่างลื่นไหล เช่น Mixer, Effects, Instruments, Transport Controls ช่วยให้ Workflow การทำเพลงของคุณรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- เล่นและสร้างสรรค์ดนตรี: ด้วยคีย์ Semi-weighted 49 คีย์ คุณสามารถเล่น Melody, Chord Progressions หรือ Bassline ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มี Arpeggiator และ Chord Modes เป็นตัวช่วยในการสร้างสรรค์ไอเดียเพลงใหม่ๆ ได้ไม่รู้จบ
- ทำ Beat และ Trigger Samples: แป้น Pads ทั้ง 16 แป้นไวต่อแรงกดและมีไฟ Backlit RGB สามารถใช้เคาะจังหวะกลอง Trigger Samples หรือใช้ Launch Clips ใน Ableton Live ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: โปรดิวเซอร์เพลง, นักดนตรีอิเล็กทรอนิกส์, ผู้ใช้ Ableton Live, ใช้ใน Home Studio ที่ต้องการ Keyboard ครบวงจร, คนที่ต้องการคีย์จำนวนมากขึ้นพร้อม Hardware Control เยอะๆ
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | Faders | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|---|
49 คีย์ | Semi-weighted (Velocity-sensitive) | 16 (Velocity-sensitive, Backlit RGB, Polyphonic Aftertouch) | 8 (Assignable) | 9 (Assignable) | USB B Port, MIDI Out (5-pin DIN) | USB Bus Power | Ableton Live Lite, Software Instruments, Effects Plugins, อื่นๆ |
7. Arturia KeyLab Essential 49
- ชื่อแบรนด์: Arturia
- ชื่อสินค้า: KeyLab Essential 49
- ราคาสินค้า: ประมาณ 7,xxx - 8,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Arturia KeyLab Essential 49 เป็นอีกหนึ่ง MIDI Keyboard 49 คีย์ที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ เน้นความครบถ้วนของฟังก์ชันในราคาที่จับต้องได้ มาพร้อมคีย์ Synth-action 49 คีย์ที่เล่นสนุก มี Pads 8 แป้น, Knobs 9 ตัว, Faders 9 ตัว และปุ่มควบคุม DAW อีกมากมาย ที่สำคัญคือเค้า Bundle Software คุณภาพเยี่ยมมาให้แบบจัดเต็มมากๆ โดยเฉพาะ Analog Lab V ที่มีเสียง Synth และ Keyboard Classic ให้เลือกเยอะแยะไปหมด เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ Hardware Control เยอะๆ และต้องการคลังเสียง Virtual Instruments คุณภาพสูงมาใช้งานทันที
- จุดเด่นสินค้า: Hardware Control เยอะ, Software Bundle สุดคุ้ม (Analog Lab V), ทำงานกับ DAW ได้ดี, ดีไซน์สวยงาม, ราคาเข้าถึงง่าย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม DAW และ Plugin: มีการ Mapping มาให้แล้วสำหรับ DAW ยอดนิยม พร้อม Knobs และ Faders จำนวนมากที่ช่วยให้คุณควบคุม Mixer, Pan, Send, Device Parameters และฟังก์ชันอื่นๆ ในโปรแกรมทำเพลงได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
- เล่นและควบคุม Analog Lab V: ทำงานร่วมกับ Software Analog Lab V ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถ Browse หาเสียง Preset ได้โดยตรงจาก Keyboard พร้อม Knobs และ Faders ที่ถูก Pre-assigned มาให้แล้ว ทำให้ปรับแต่งเสียง Synth Classic ได้อย่างสนุกสนาน
- ทำ Beat และ Trigger Samples: แป้น Pads ทั้ง 8 แป้นสามารถใช้เคาะจังหวะกลอง หรือ Trigger Samples เสียงต่างๆ ได้อย่างสะดวก เพิ่มลูกเล่นในการสร้างสรรค์จังหวะและ Layering เสียง
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ใช้ Software Arturia, โปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์, คนที่ต้องการ Hardware Control เยอะๆ, ใช้ใน Home Studio, คนที่ต้องการ Software Instruments คุณภาพสูงและหลากหลาย
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | Faders | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Software แถม |
---|---|---|---|---|---|---|---|
49 คีย์ | Synth-action (Velocity-sensitive) | 8 (Velocity-sensitive, Backlit) | 9 (Assignable) | 9 (Assignable) | USB B Port, MIDI Out (5-pin DIN) | USB Bus Power | Analog Lab V, Ableton Live Lite, UVI Model D, อื่นๆ |
8. M-Audio Oxygen Pro 61
- ชื่อแบรนด์: M-Audio
- ชื่อสินค้า: Oxygen Pro 61
- ราคาสินค้า: ประมาณ 9,xxx - 1x,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: M-Audio Oxygen Pro 61 เป็น MIDI Keyboard 61 คีย์ที่จัดเต็มฟังก์ชันสำหรับโปรดิวเซอร์ตัวจริงค่ะ มาพร้อมคีย์ Semi-weighted 61 คีย์ที่ให้สัมผัสการเล่นที่ดีเยี่ยม มีแป้น Pads 16 แป้นที่ไวต่อแรงกดและมีไฟ RGB สวยงาม Knobs 8 ตัว และ Faders 9 ตัว พร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้ควบคุม DAW และ Plugin ต่างๆ ได้ง่ายมากๆ มี Smart Controls อย่าง Smart Chord และ Smart Scale ช่วยให้สร้างสรรค์ Melody และ Chord ได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ Keyboard ตัวเดียวที่ควบคุมได้เกือบทุกอย่างใน Studio
- จุดเด่นสินค้า: คีย์ Semi-weighted 61 คีย์, Hardware Control จัดเต็ม, Smart Controls (Chord/Scale), หน้าจอ OLED ขนาดใหญ่, แป้น Pads 16 แป้นพร้อม RGB
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม DAW และ Plugin ระดับสูง: มี Auto-Mapping สำหรับ DAW ยอดนิยม และมีปุ่มควบคุม, Knobs, Faders จำนวนมากที่ช่วยให้ควบคุม Mixer, Effects, Instruments, Automation และฟังก์ชันซับซ้อนอื่นๆ ในโปรแกรมทำเพลงได้อย่างแม่นยำผ่านหน้าจอ OLED ที่ชัดเจน
- สร้างสรรค์ Melody และ Chord ได้ง่าย: ฟังก์ชัน Smart Chord และ Smart Scale ช่วยให้คุณเล่น Chord หรือ Melody ที่ซับซ้อนใน Scale ที่เลือกได้โดยการกดเพียงปุ่มเดียว ทำให้การแต่งเพลงง่ายขึ้นและเปิดไอเดียใหม่ๆ
- ทำ Beat และ Trigger Samples: แป้น Pads 16 แป้นที่ไวต่อแรงกดและมีไฟ RGB สามารถใช้เคาะจังหวะกลอง สร้าง Beatbox หรือ Trigger Samples/Clips ได้อย่างสนุกสนาน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่น Groove Machine
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: โปรดิวเซอร์เพลง, นักดนตรีที่ใช้ DAW ซับซ้อน, ใช้ใน Home Studio ขนาดกลาง, คนที่ต้องการ Hardware Control ครบวงจร, คนที่ต้องการตัวช่วยในการสร้างสรรค์ Melody/Chord
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | Faders | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | หน้าจอ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
61 คีย์ | Semi-weighted (Velocity-sensitive, Aftertouch) | 16 (Velocity-sensitive, Backlit RGB) | 8 (Assignable) | 9 (Assignable) | USB B Port, MIDI Out (5-pin DIN), Expression Pedal Input, Sustain Pedal Input | USB Bus Power, Optional Power Adapter | OLED Display |
9. Native Instruments Komplete Kontrol S49 MK3
- ชื่อแบรนด์: Native Instruments
- ชื่อสินค้า: Komplete Kontrol S49 MK3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2x,xxx - 3x,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าคุณเป็นสาวก Native Instruments และต้องการ MIDI Keyboard ระดับ Premium เจ้า Komplete Kontrol S49 MK3 คือที่สุดของความลงตัวค่ะ มาพร้อมคีย์ Semi-weighted 49 คีย์คุณภาพสูงพร้อม Polyphonic Aftertouch ที่ให้สัมผัสการเล่นที่เหนือชั้น จุดเด่นคือหน้าจอสีความละเอียดสูงขนาดใหญ่ ที่แสดงผล Software Komplete Kontrol ได้อย่างละเอียด ทำให้ Browse, โหลด, และควบคุม Preset ต่างๆ ได้โดยตรงจาก Keyboard มี Light Guide เหนือคีย์บอกตำแหน่งเสียงต่างๆ ทำงานร่วมกับ Software ของ NI และ NKS Partners ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็น Keyboard ที่ออกแบบมาเพื่อ Music Production ยุคใหม่โดยเฉพาะ
- จุดเด่นสินค้า: หน้าจอสีความละเอียดสูง, คีย์ Semi-weighted พร้อม Polyphonic Aftertouch, Light Guide, Integration กับ NI Software ดีเยี่ยม, วัสดุ Premium
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ควบคุม Software Native Instruments และ NKS Plugins: ทำงานร่วมกับ Software Komplete Kontrol ได้อย่างไร้รอยต่อ สามารถ Browse หาเสียง Preset, Load Instruments/Effects, และควบคุม Parameter ต่างๆ ได้โดยตรงจาก Keyboard ผ่านหน้าจอสีขนาดใหญ่และ Knobs คุณภาพสูง
- เล่นด้วยความรู้สึกระดับมืออาชีพ: คีย์ Semi-weighted พร้อม Polyphonic Aftertouch ช่วยให้การเล่นมีความละเอียดและแสดงอารมณ์ได้มากขึ้น สามารถควบคุม Parameter ต่างๆ ได้ด้วยแรงกดบนแต่ละคีย์แยกกัน เหมาะสำหรับนักดนตรีที่ต้องการการควบคุมที่ซับซ้อน
- สร้างสรรค์ Melody และ Chord ด้วย Light Guide: Light Guide เหนือคีย์จะแสดง Scale, Chord, Arpeggio หรือตำแหน่งสำคัญของเครื่องดนตรี ทำให้คุณเล่นและสร้างสรรค์ Melody/Chord ได้ง่ายขึ้น และมองเห็นภาพรวมของ Scale ได้ทันที
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้ Software Native Instruments ขั้นสูง, โปรดิวเซอร์เพลงมืออาชีพ, นักดนตรีที่ต้องการคีย์คุณภาพสูงและ Polyphonic Aftertouch, ใช้ใน Professional Studio, คนที่ต้องการ Keyboard ที่ Integrate กับ Software ได้อย่างสมบูรณ์
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | หน้าจอ | Knobs | Light Guide | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | Aftertouch |
---|---|---|---|---|---|---|---|
49 คีย์ | Semi-weighted (Velocity-sensitive) | High-Res Color Screen | 8 (Touch-sensitive, Assignable) | RGB Lights Above Keys | USB C Port, MIDI In/Out (5-pin DIN), Expression Pedal Input, Sustain Pedal Input | External Power Supply (Included) | Polyphonic Aftertouch |
10. M-Audio Hammer 88 Pro
- ชื่อแบรนด์: M-Audio
- ชื่อสินค้า: Hammer 88 Pro
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1x,xxx - 2x,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับคนที่ต้องการสัมผัสแบบ Piano จริงๆ และต้องการจำนวนคีย์ครบครัน M-Audio Hammer 88 Pro คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ มาพร้อมคีย์ Hammer-action 88 คีย์ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเล่น Grand Piano จริงๆ เหมาะสำหรับนักเปียโนที่ต้องการ MIDI Controller คุณภาพสูง หรือโปรดิวเซอร์ที่ต้องการ Keyboard สำหรับการบันทึกเสียง Piano หรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ต้องการ Dynamics ที่ละเอียดอ่อน มี Pads 16 แป้น, Knobs 8 ตัว, Faders 9 ตัว และหน้าจอ OLED พร้อม Smart Controls ต่างๆ ทำให้เป็น Keyboard ครบวงจรสำหรับ Studio ที่เน้นคุณภาพคีย์และฟังก์ชันการควบคุม
- จุดเด่นสินค้า: คีย์ Hammer-action 88 คีย์, ให้สัมผัสแบบ Piano จริง, Hardware Control ครบวงจร, Smart Controls (Chord/Scale), หน้าจอ OLED
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เล่นด้วยสัมผัสแบบ Piano: คีย์ Hammer-action ทั้ง 88 คีย์ จำลองน้ำหนักและการตอบสนองของคีย์ Piano จริงๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับนักเปียโนใช้ฝึกซ้อม หรือใช้บันทึกเสียง Piano ใน Studio เพื่อให้ได้ Dynamics ที่เป็นธรรมชาติ
- ควบคุม DAW และ Plugins แบบละเอียด: มี Auto-Mapping สำหรับ DAW และ Plugin ต่างๆ ทำให้คุณควบคุม Mixer, Effects, Instruments และ Automation ได้อย่างแม่นยำผ่าน Knobs, Faders, และหน้าจอ OLED ที่มีมาให้
- ทำ Beat และ สร้างสรรค์ Melody: แม้จะเป็น Keyboard 88 คีย์ แต่ก็มี Pads 16 แป้นสำหรับทำ Beat หรือ Trigger Samples และมี Smart Controls ช่วยในการสร้าง Melody และ Chord ได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็น Keyboard ที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายรูปแบบ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเปียโน, นักเรียนดนตรี, โปรดิวเซอร์ที่ต้องการคีย์ Hammer-action, ใช้ใน Home Studio หรือ Professional Studio, คนที่ต้องการ Keyboard ตัวเดียวที่ครอบคลุมการเล่นและควบคุม
จำนวนคีย์ | ประเภทคีย์ | แป้น Pads | Knobs | Faders | การเชื่อมต่อ | แหล่งพลังงาน | น้ำหนักคีย์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
88 คีย์ | Hammer-action (Velocity-sensitive, Aftertouch) | 16 (Velocity-sensitive, Backlit RGB) | 8 (Assignable) | 9 (Assignable) | USB B Port, MIDI In/Out (5-pin DIN), Expression Pedal Input, Sustain Pedal Input (x2) | USB Bus Power, Optional Power Adapter | Weighted Hammer-action |
เคล็ดลับเลือกซื้อ MIDI Keyboard คู่ใจฉบับปี 2025
- 1. ดูจำนวนคีย์กับพื้นที่และสไตล์การเล่นของคุณ
เรื่องจำนวนคีย์นี่เป็นสิ่งแรกๆ ที่ต้องดูก่อนเลยค่ะ เพราะมันสัมพันธ์กับพื้นที่ที่คุณมีในห้องหรือใน Studio ด้วย ถ้าห้องเล็ก โต๊ะทำงานไม่ใหญ่มาก หรือเน้นพกพาไปทำเพลงนอกบ้านบ่อยๆ พวก 25 หรือ 32 คีย์ก็เพียงพอแล้วค่ะ เล็กกะทัดรัด ขนย้ายสะดวก ใส่กระเป๋าเป้ไปไหนมาไหนได้สบายๆ แถมราคาก็เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์มากๆ แต่ถ้าคุณพอมีพื้นที่บ้าง หรืออยากลองหัดเล่น Chord ที่ซับซ้อนขึ้น หรือมีพื้นฐานเปียโนมานิดหน่อย การขยับไปที่ 49 หรือ 61 คีย์ก็จะช่วยให้เล่นได้ถนัดมือมากขึ้น เหมือนได้เล่น Piano หรือ Synthesizer จริงๆ มากขึ้นค่ะ ส่วน 88 คีย์นี่เหมาะกับคนที่จริงจังกับการเล่นแบบ Piano มากๆ หรือเป็นนักเปียโนอยู่แล้ว เพราะจะได้จำนวนคีย์ครบถ้วนเหมือน Piano จริงๆ ค่ะ แต่อย่าลืมว่ายิ่งคีย์เยอะ ขนาดก็จะใหญ่และน้ำหนักก็จะมากตามไปด้วยนะ คิดเผื่อเรื่องการจัดวางและการขนย้ายด้วยค่ะ นอกจากนี้สไตล์เพลงที่คุณทำก็มีผล ถ้าเน้นทำ Beat, Electronic Music หรือ Hip-Hop อาจจะไม่ต้องใช้คีย์เยอะมากก็ได้ แต่ถ้าทำเพลงแนว Pop, Jazz, Classical หรือเพลงที่เน้น Melody เยอะๆ การมีจำนวนคีย์เยอะหน่อยก็จะสะดวกกว่าค่ะ ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ดูนะคะ จะได้เลือกจำนวนคีย์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณจริงๆ ค่ะ บางทีตัวเล็กๆ ฟังก์ชันครบๆ ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่าตัวใหญ่ๆ ก็ได้นะเออ - 2. เลือกประเภทคีย์ให้ตอบโจทย์สัมผัสที่คุณชอบ
ประเภทของคีย์บน MIDI Keyboard ก็มีผลต่อความรู้สึกในการเล่นมากๆ ค่ะ หลักๆ เลยจะมี 3 แบบ คือ Synth-action, Semi-weighted, และ Hammer-action ค่ะ Synth-action จะเป็นคีย์ที่น้ำหนักเบา สปริงตัวเร็ว เหมาะกับการเล่นเสียง Synthesizer หรือการเล่นเร็วๆ นิ้วพริ้วๆ ค่ะ ถ้าเน้นทำเพลง Electronic, Pop, หรือแนวดนตรีที่ไม่ได้เน้น Dynamics แบบ Piano มากๆ คีย์แบบนี้ก็สบายมือดีค่ะ ราคาโดยทั่วไปก็จะเข้าถึงง่ายกว่าด้วยนะ Semi-weighted จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Synth-action กับ Hammer-action ค่ะ จะมีน้ำหนักและความต้านทานนิดหน่อย ไม่เบาโหวงเหวงเหมือน Synth-action แต่ก็ไม่หนักเท่า Hammer-action เล่นได้หลากหลายแนวเพลงมากขึ้น ทั้ง Synth และ Piano Sample ต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สัมผัสที่ดีขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงความเล่นง่ายและคล่องตัวอยู่ค่ะ ส่วน Hammer-action นี่คือจำลองสัมผัสของคีย์ Piano จริงๆ เลยค่ะ มีน้ำหนักและความต้านทานที่สมจริง เหมาะมากๆ สำหรับนักเปียโน หรือคนที่ต้องการบันทึกเสียง Piano หรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ต้องการ Dynamics ที่ละเอียดมากๆ ค่ะ แต่คีย์ประเภทนี้มักจะมากับ Keyboard ขนาดใหญ่ (88 คีย์) และราคาก็จะสูงตามไปด้วยค่ะ ถ้าคุณเป็นนักเปียโน หรืออยากได้สัมผัสแบบ Piano จริงๆ แล้วมีงบประมาณถึง Hammer-action ก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมค่ะ แต่ถ้าไม่ได้เน้นสัมผัสแบบ Piano จ๋าขนาดนั้น Semi-weighted หรือ Synth-action ก็เพียงพอแล้วค่ะ ลองพิจารณาดูว่าสไตล์การเล่นและประเภทเพลงที่คุณทำเหมาะกับคีย์แบบไหนนะคะ - 3. ตรวจสอบฟังก์ชันเสริมและ Software ที่แถมมา
MIDI Keyboard สมัยใหม่ไม่ได้มีแค่คีย์ให้กดอย่างเดียวนะคะ ฟังก์ชันเสริมต่างๆ นี่แหละที่เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำเพลงเลยค่ะ ลองดูว่ามี แป้น Pads สำหรับทำ Beat หรือ Trigger Samples ไหม? มี Knobs หรือ Faders ให้หมุนๆ ปรับค่าต่างๆ ใน Software หรือควบคุม Mixer ได้หรือเปล่า? มี Pitch Bend และ Modulation Wheel ให้มาเพิ่มความ Expressive ในการเล่นไหม? บางรุ่นยังมีหน้าจอแสดงผลช่วยให้มองเห็นค่า Parameter หรือ Browse หาเสียงได้ง่ายขึ้นด้วยนะ ส่วน Software ที่แถมมาก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ MIDI Keyboard หลายรุ่นจะ Bundle โปรแกรมทำเพลง (DAW) เวอร์ชั่น Lite มาให้ เช่น Ableton Live Lite หรือ MPC Beats รวมถึง Virtual Instruments และ Effect Plugins คุณภาพดีมาให้อีกเพียบเลย Software พวกนี้มีประโยชน์มากๆ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือคนที่อยากได้คลังเสียงใหม่ๆ โดยไม่ต้องไปซื้อเพิ่มค่ะ ลองเช็คดูว่า Software ที่แถมมาตรงกับแนวเพลงหรือ Workflow ของคุณไหม? บางที Software ที่แถมมานี่แหละคือ Deal Breaker เลยนะ! นอกจากนี้บางรุ่นยังมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น Arpeggiator, Chord Mode, หรือ Scale Mode ที่ช่วยให้สร้างสรรค์ Melody และ Chord ได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ลองลิสต์ดูว่าฟังก์ชันเสริมแบบไหนที่คุณต้องการใช้จริงๆ แล้วค่อยมาเปรียบเทียบแต่ละรุ่นดูนะคะ จะได้ Keyboard ที่ตอบโจทย์การทำงานของคุณได้อย่างเต็มที่ค่ะ - 4. การเชื่อมต่อและความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ของคุณ
MIDI Keyboard ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB ซึ่งสะดวกและใช้งานง่ายมากๆ ค่ะ เสียบปุ๊บ ส่วนใหญ่ DAW ก็จะ Recognize ได้เลย (อาจจะต้องลง Driver นิดหน่อยในบางรุ่น) แต่ถ้าคุณมี Hardware Synth หรือ Module เสียงอื่นๆ ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ MIDI เก่า (5-pin DIN) ก็ต้องดูว่า Keyboard รุ่นที่คุณสนใจมีช่อง MIDI Out แบบ 5-pin มาให้ด้วยไหม? นอกจากนี้ ถ้าคุณใช้ Sustain Pedal หรือ Expression Pedal ในการเล่น ก็ต้องดูว่า Keyboard มีช่องสำหรับต่อ Pedal เหล่านี้หรือไม่ค่ะ อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือความเข้ากันได้กับโปรแกรมทำเพลง (DAW) ที่คุณใช้ค่ะ MIDI Keyboard ส่วนใหญ่จะทำงานได้กับ DAW ทั่วไป แต่บางรุ่นอาจจะมีการ Integration ที่ดีเป็นพิเศษกับ DAW บางค่าย เช่น Novation กับ Ableton Live หรือ Native Instruments กับ Software ของตัวเอง ถ้าคุณใช้ DAW ตัวไหนเป็นหลัก ลองเช็คดูว่า Keyboard รุ่นนั้นๆ มีการ Support หรือมี Template สำหรับ DAW ของคุณเป็นพิเศษไหม? จะช่วยให้การ Setup และการใช้งานราบรื่นขึ้นเยอะค่ะ และถ้าคุณวางแผนจะใช้กับ iPad หรือ iPhone ด้วย ก็ลองเช็คดูว่า Keyboard รุ่นนั้น Support iOS หรือไม่ และต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรในการเชื่อมต่อบ้างนะคะ การตรวจสอบเรื่องการเชื่อมต่อและความเข้ากันได้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณใช้งาน Keyboard ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่มีปัญหาจุกจิกตามมาค่ะ
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ MIDI Keyboard
- Q: MIDI Keyboard จำเป็นไหมสำหรับมือใหม่หัดทำเพลง?
A: ไม่ได้จำเป็นต้องมีตั้งแต่แรกค่ะ คุณสามารถเริ่มทำเพลงใน DAW โดยใช้ Mouse คลิกๆ หรือใช้ Keyboard คอมพิวเตอร์เป็นตัวเล่นได้ แต่การมี MIDI Keyboard จะช่วยให้การสร้างสรรค์ Melody, Chord, หรือ Beat เป็นธรรมชาติและสนุกขึ้นเยอะเลยค่ะ มันเหมือนได้เล่นเครื่องดนตรีจริงๆ ทำให้ไอเดียไหลลื่นกว่าการจิ้มๆ ในคอมฯ ค่ะ สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นจากรุ่นเล็กๆ อย่าง 25 หรือ 32 คีย์ดูก่อนก็ได้ค่ะ ราคาไม่แรงมาก ลองใช้ไปสักพักแล้วค่อยขยับขยายถ้าต้องการฟังก์ชันเพิ่ม - Q: MIDI Keyboard แตกต่างจาก Keyboard ไฟฟ้า (Digital Piano/Synthesizer) ยังไง?
A: MIDI Keyboard โดยตัวมันเองจะไม่มีเสียงในตัวค่ะ มันทำหน้าที่แค่ส่งข้อมูล MIDI (Musical Instrument Digital Interface) ไปยังคอมพิวเตอร์, Tablet, หรืออุปกรณ์อื่น เพื่อสั่งให้ Software หรือ Hardware ตัวอื่นสร้างเสียงขึ้นมา ส่วน Keyboard ไฟฟ้ามักจะมีเสียงในตัว สามารถเล่นได้ทันทีโดยไม่ต้องต่อกับคอมฯ และบางรุ่นก็มีลำโพงในตัวด้วยค่ะ Keyboard ไฟฟ้าบางรุ่นก็มีฟังก์ชัน MIDI ด้วย ทำให้สามารถใช้เป็น MIDI Controller ได้เช่นกันค่ะ - Q: ต้องลง Driver หรือ Software อะไรเพิ่มเติมไหมถึงจะใช้งาน MIDI Keyboard ได้?
A: MIDI Keyboard ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นแบบ Class Compliant ค่ะ หมายถึงสามารถเสียบกับคอมพิวเตอร์แล้วใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องลง Driver เพิ่มเติม แต่บางรุ่นอาจจะมี Driver หรือ Software เฉพาะของแบรนด์นั้นๆ ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกับ DAW หรือการตั้งค่าต่างๆ ทำได้สะดวกขึ้นค่ะ ส่วน Software ทำเพลง (DAW) และ Virtual Instruments ก็ต้องติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคุณอยู่แล้วค่ะ บางที Keyboard ที่ซื้อมาก็แถม Software พวกนี้มาให้ด้วย ลองเช็คดูในกล่องหรือเว็บไซต์ของแบรนด์ได้เลยค่ะ - Q: คีย์แบบ Mini-key กับ Full-size แตกต่างกันมากไหมในการใช้งาน?
A: แตกต่างกันที่ขนาดและความรู้สึกในการเล่นค่ะ Mini-key จะเล็กกว่าคีย์เปียโนจริง เหมาะกับคนที่ต้องการความกะทัดรัด พกพาง่าย หรือมีพื้นที่จำกัด อาจจะไม่ถนัดมากสำหรับคนที่เคยเล่นเปียโนมาก่อน แต่ถ้าเน้นทำ Beat หรือเล่น Synth Basslines ก็ใช้ได้สบายๆ ค่ะ Full-size จะมีขนาดเท่าคีย์เปียโนจริง ให้ความรู้สึกในการเล่นที่เป็นธรรมชาติมากกว่า เหมาะสำหรับคนที่อยากหัดเล่นเปียโน หรือต้องการเล่น Chord/Melody ที่ซับซ้อนขึ้นค่ะ การเลือกขึ้นอยู่กับความถนัดและพื้นที่ใช้งานของคุณค่ะ - Q: MIDI Keyboard สามารถต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือ Tablet ได้ไหม?
A: ได้ค่ะ MIDI Keyboard หลายรุ่นในปัจจุบันออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือ Tablet ได้ผ่านสาย USB (อาจจะต้องใช้อะแดปเตอร์แปลง เช่น Camera Connection Kit สำหรับ iOS) หรือบางรุ่นอาจจะรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ค่ะ คุณสามารถใช้ MIDI Keyboard เล่นแอปพลิเคชันทำเพลง (DAW apps) หรือ Virtual Instruments บนมือถือ/Tablet ได้ ทำให้การทำเพลงบน Mobile Device สะดวกสบายยิ่งขึ้นค่ะ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
บทความยอดนิยม
1
2025-06-13 10:34
บทความที่แนะนำ
1
2025-06-13 10:34
2
2025-05-12 16:23
3
2025-05-12 16:23
4
2025-06-11 15:51
5
2025-06-10 14:04