Meta เปิดตัวแว่นตา AI ที่ Apple ทำไม่ได้


ในยุคเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน แว่นตาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่กำลังก้าวขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป กำลังก้าวจากแนวคิดสู่ความเป็นจริง และพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์อเนกประสงค์รุ่นต่อไป ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามสร้างความก้าวหน้าในด้านนี้ แต่ล้มเหลว Meta (เดิมชื่อ Facebook) ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะที่ล้ำสมัยหลายรุ่น ด้วยความพยายามและนวัตกรรมที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในงานประชุม Meta Connect 2025 ที่เพิ่งจบลงไป Meta ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สามรุ่น ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดคือแว่นตาอัจฉริยะรุ่นแรกที่มีจอแสดงผล นั่นคือ Meta Ray-Ban Display ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Meta ในด้านแว่นตาอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศถึงการปฏิวัติครั้งใหม่แห่งอนาคตของการประมวลผลอีกด้วย
1. Meta Ray-Ban Display: แว่นตาอัจฉริยะรุ่นแรกที่มีจอแสดงผล
การเปิดตัว Meta Ray-Ban Display ถือเป็นไฮไลท์ของงานอย่างไม่ต้องสงสัย แว่นตาอัจฉริยะคู่นี้ไม่เพียงแต่สืบทอดดีไซน์อันทันสมัยของซีรีส์ Meta Ray-Ban เท่านั้น แต่ยังก้าวกระโดดในด้านการใช้งานอีกด้วย โดยเปิดตัวเทคโนโลยีการแสดงผลแบบ Color Waveguide เป็นครั้งแรก นำเสนอข้อมูลสำคัญโดยตรงสู่สายตาผู้ใช้ผ่าน HUD (Heads-up Display) ขนาดเล็กบนดวงตาขวา การออกแบบนี้ยังคงความสะดวกในการพกพาของแว่นตาอัจฉริยะ พร้อมกับความสามารถในการแสดงข้อมูลอันทรงพลัง
การนำหน้าจอแบบ waveguide มาใช้ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญของ Meta Ray-Ban Display หน้าจอนี้มีอัตราการรีเฟรชที่ปรับได้ 30-90Hz ขนาดภาพรวม 600x600p ความหนาแน่นพิกเซล 42p/องศา และความสว่างสูงสุดมากกว่า 5,000 nits พารามิเตอร์เหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหน้าจอจะยังคงอ่านได้อย่างชัดเจนแม้ในแสงแดดจ้าและสภาพแสงกลางแจ้ง ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ หน้าจอแทบมองไม่เห็นจากด้านหน้า มีเพียงสายไฟที่มองเห็นได้ด้านข้าง ทำให้ได้เอฟเฟกต์การปกปิดที่แทบจะสมบูรณ์แบบ
นอกจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการแสดงผลนี้แล้ว จอแสดงผล Meta Ray-Ban Display ยังมาพร้อมกับสายรัดข้อมือ Meta Neural Band ที่ Meta พัฒนาขึ้นอย่างยาวนาน สายรัดข้อมือนี้สามารถรับรู้สัญญาณไฟฟ้ากล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวของข้อมือ ทำให้สามารถควบคุมจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้สามารถควบคุมอินเทอร์เฟซของแว่นตาได้อย่างง่ายดาย และสั่งงานต่างๆ ด้วยการเคลื่อนไหวนิ้วมือเพียงเล็กน้อย โดยไม่ต้องสัมผัสแว่นตา วิธีการโต้ตอบนี้ไม่เพียงแต่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร แต่ยังสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการใช้งานจริง

จอแสดงผล Meta Ray-Ban Display ก็มีฟังก์ชันการใช้งานครบครันเช่นกัน รองรับการแสดงผลคอนเทนต์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่นเพลง ภาพตัวอย่างจากช่องมองภาพของกล้อง การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ และสามารถฉายข้อความตอบกลับของ Live AI ลงบนเลนส์ได้ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดายผ่านแว่นตา โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับการมองโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ขณะค้นหาข้อมูล นอกจากนี้ Live AI ยังรองรับฟังก์ชัน Magic Cue ซึ่งคล้ายกับที่ Google สาธิตในงานเปิดตัว Pixel ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลและการทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ เช่น การสร้างตารางเวลา ระหว่างการสนทนาระหว่างผู้ใช้กับผู้อื่น โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพูดคำสั่งใดๆ
อย่างไรก็ตาม Meta Ray-Ban Display ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากการเพิ่มจอแสดงผลและส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์เข้าไป ทำให้แว่นตารุ่นนี้มีน้ำหนักประมาณ 70 กรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นปกติที่ 50 กรัม สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ประมาณ 6 ชั่วโมง แม้ว่าจะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 30 ชั่วโมงด้วยกล่องชาร์จ แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้ทั่วไป นอกจากนี้ ราคา 799 ดอลลาร์สหรัฐยังถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งสูงกว่าผลิตภัณฑ์แว่นตาอัจฉริยะของ Meta รุ่นปัจจุบันทั้งหมด แต่เมื่อพิจารณาถึงฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและประสิทธิภาพการใช้งานจริงที่ยอดเยี่ยมแล้ว ราคานี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเช่นกัน

Ray-Ban Meta (Gen 2): การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย การปรับปรุงที่สำคัญ
นอกจากแว่นตา HUD ระดับไฮเอนด์แล้ว Meta ยังได้เปิดตัว Ray-Ban Meta (Gen 2) สำหรับตลาดทั่วไปอีกด้วย ด้วยการปรับโฉมเล็กน้อย ทำให้รูปลักษณ์ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และความสามารถในการถ่ายภาพได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างมาก
ในด้านรูปลักษณ์ Ray-Ban Meta (Gen 2) มีสไตล์และกรอบให้เลือกหลากหลายมากขึ้น รวมถึงรุ่นกรอบใสแบบใหม่และเลนส์สองแบบ ได้แก่ สีน้ำตาลทองสะท้อนแสง หรือสีทับทิม ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกสไตล์แว่นตาที่ตรงกับความชอบและความต้องการของตนเองได้
ในด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่ Ray-Ban Meta (Gen 2) โดดเด่นด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงสองเท่า เคสชาร์จของแว่นตาอัจฉริยะสามารถชาร์จแว่นตาได้ถึง 50% ภายใน 20 นาที ซึ่งดีขึ้นเล็กน้อยจาก 22 นาทีก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ เคสชาร์จยังให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอีก 48 ชั่วโมง จากเดิมที่ 32 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นนี้ช่วยให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องชาร์จบ่อยๆ ในระหว่างการใช้งานประจำวัน ทำให้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Ray-Ban Meta (Gen 2) โดดเด่นด้วยความสามารถในการบันทึกภาพที่ดีขึ้น รวมถึงความละเอียด 3K และสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดสามนาทีที่ความละเอียด 3K 30fps, 1440p 30fps และ 1200p 60fps ปลายปีนี้ Meta จะเพิ่มความสามารถในการบันทึกวิดีโอแบบ Super Fast Forward และ Slow Motion อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการสร้างสรรค์วิดีโอมากยิ่งขึ้น

3. Oakley Meta Vanguard: การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างแฟชั่นและกีฬา
ความร่วมมือระหว่าง Meta กับ EssilorLuxottica ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ Ray-Ban เท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงแบรนด์ Oakley ในเครืออีกด้วย แว่นตาอัจฉริยะ Oakley Meta Vanguard ที่เปิดตัวในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรักกีฬาและคนรักเทคโนโลยี

Oakley Meta Vanguard โดดเด่นด้วยดีไซน์แว่นสปอร์ต โดยกล้องถูกจัดวางตำแหน่งไว้ตรงกลางสันจมูก แทนที่จะวางไว้ด้านข้างของกรอบแว่น ดีไซน์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มสไตล์และความมีชีวิตชีวาให้กับแว่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความเสถียรและความคมชัดของภาพอีกด้วย ในส่วนของสเปคกล้องนั้น กล้องมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 122° ที่สามารถจับภาพได้กว้างขึ้นและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น
Oakley Meta Vanguard โดดเด่นด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 9 ชั่วโมง หรือเล่นเพลงต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ระดับนี้เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายที่ยาวนาน เช่น การวิ่งมาราธอนสองครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเคสชาร์จ แว่นตาอัจฉริยะนี้ยังให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอีก 36 ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องอายุการใช้งานแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งานประจำวัน
ในแง่ของการบูรณาการระบบนิเวศ Oakley Meta Vanguard ประสบความสำเร็จในการซิงโครไนซ์ข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด ผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับแพลตฟอร์มกีฬาอย่าง Strava และ Garmin ผู้ใช้สามารถซิงค์ข้อมูลบันทึกไปยังแพลตฟอร์ม Strava ได้ด้วยคลิกเดียว และด้วยความสามารถในการวิเคราะห์อัจฉริยะของ Meta AI ผู้ใช้สามารถเรียกดูประวัติการฝึกซ้อมส่วนตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมให้คำแนะนำการฝึกซ้อมที่เป็นวิทยาศาสตร์และเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น

วิสัยทัศน์ของ Meta: แว่นตาอัจฉริยะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ทั่วไปรุ่นต่อไป
งานเปิดตัว Meta Connect 2025 ที่ประสบความสำเร็จนี้ ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของ Meta ในวงการแว่นตาอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในอนาคตของวงการคอมพิวเตอร์อีกด้วย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแว่นตาอัจฉริยะมีศักยภาพที่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์อเนกประสงค์รุ่นต่อไป ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสามรายการที่เปิดตัวในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ Meta ในการบรรลุเป้าหมายนี้
ด้วยแนวทางสองทางของ AI และฮาร์ดแวร์ Meta มุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุม ซึ่งบริษัทอื่นๆ ยากที่จะเลียนแบบได้ ในขณะที่จอแสดงผลแบบสวมศีรษะ (HMD) ยังคงทำหน้าที่เป็นพื้นที่ทดสอบประสบการณ์แบบดื่มด่ำ แว่นตาอัจฉริยะกำลังถูกผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่แถวหน้า ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการ "พกพาสะดวก" เมื่อผสานกับความก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งของ AI แล้ว Meta ก็พร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งยุคคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่กำลังจะมาถึง
ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและตลาดที่กำลังขยายตัว คาดว่าแว่นตาอัจฉริยะจะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คน แว่นตาอัจฉริยะไม่เพียงแต่จะมอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงข้อมูลและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบันทึกชีวิตและแบ่งปันความสุขของเราอีกด้วย ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านแว่นตาอัจฉริยะ Meta จะยังคงเป็นผู้นำเทรนด์นี้ต่อไป พร้อมมอบความประหลาดใจและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับเรา
แนะนำสำหรับคุณ
Digital Trends กำลังมาแรง | การแข่งขัน Valorant Champions Tournament ปี 2025 กำลังดำเนินอยู่! เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอีสปอร์ตใช้อุปกรณ์ 4K อะไรบ้าง? มาดูกัน!
หัวข้อพิเศษเดือนกันยายน|ก้าวสู่อนาคต: การประชุมของ Apple ในเครื่องนี้จะมีคุณสมบัติเด่นอะไรเป็นหลักงการรับรู้อัจฉริยะของเรา?
Active Life|HD เก็บทุกความหลงใหลของคุณด้วย Action camera
Marshall Major V : Headphone สำหรับชาวร็อค
Bluetooth Earphone|ปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัด: พร้อมฟังเสียงที่ไร้ขอบเขตในทุกการเดินทาง
SKECHERS 2025 Hot 5 แนะนำ: รองเท้าวิ่งน้ำหนักเบาและสวมใส่สบายสำหรับนักเดินทางและนักกีฬา