ตู้เย็น Side by Side คืออะไร? ทำไมถึงกลายเป็นไอเท็มคู่ครัวของยุคใหม่

เคยไหม...เวลาจะเก็บของเข้าตู้เย็นทีไร รู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม “เรียงของให้พอดีช่อง”
โดยเฉพาะบ้านที่มีสมาชิกหลายคน ของเต็มแน่นตู้เย็นทุกชั้น ทั้งเครื่องดื่ม อาหารสด ขนมแช่แข็ง ไปจนถึงกล่องอาหารเดลิเวอรี — พอเปิดตู้ทีไรคือหาของไม่เจอ ของเก่าถูกลืม ของใหม่ยัดเข้าไม่พอ สุดท้ายอาหารก็เน่าเสียก่อนเวลาอันควร
นี่คือเหตุผลที่ “ตู้เย็น Side by Side” กลายมาเป็นคำตอบของคนยุคใหม่ที่ต้องการ พื้นที่จัดเก็บมากขึ้น ระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพ และดีไซน์ที่ดูหรูหราเข้ากับบ้านสมัยใหม่
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักตู้เย็น Side by Side แบบละเอียด — ตั้งแต่ความหมาย ประโยชน์ วิธีเลือกซื้อ ไปจนถึงการแนะนำรุ่นยอดนิยมที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้
ตู้เย็น Side by Side คืออะไร?
ตู้เย็น Side by Side (อ่านว่า “ไซด์-บาย-ไซด์”) คือ ตู้เย็นที่มีประตูเปิดสองบานซ้าย–ขวา โดยทั่วไปฝั่งหนึ่งจะเป็นช่องแช่เย็น (Refrigerator) และอีกฝั่งจะเป็นช่องแช่แข็ง (Freezer) ซึ่งแตกต่างจากตู้เย็นแบบทั่วไปที่ช่องฟรีซอยู่ด้านบนหรือด้านล่าง
ลักษณะ “สองบานคู่กัน” ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดดูของได้สะดวก แยกโซนเก็บของเป็นสัดส่วน และมักมีขนาดใหญ่ ความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 400–600 ลิตรขึ้นไป เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่
จุดเด่นของตู้เย็น Side by Side
-
พื้นที่เก็บของกว้างขวาง ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง และของแช่แข็ง
-
ดีไซน์หรูหรา ทันสมัย เพิ่มความพรีเมียมให้กับห้องครัว
-
เทคโนโลยี Inverter ประหยัดพลังงาน
-
ระบบกระจายความเย็นทั่วถึง รักษาความสดของอาหารได้ดีกว่าตู้เย็นทั่วไป
-
ช่องเก็บเฉพาะทาง เช่น ช่องผักผลไม้, ช่องเครื่องดื่ม, หรือช่องเนื้อสัตว์
เหมาะกับใครบ้าง?
-
ครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน
-
คนที่ชอบทำอาหาร ซื้อของเข้าบ้านครั้งละมาก ๆ
-
เจ้าของบ้าน/คอนโดที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าดีไซน์หรู
-
ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและความสะอาดของอาหาร
เหตุผลที่ควรเลือกใช้ “ตู้เย็น Side by Side”
หลายคนอาจสงสัยว่า…ตู้เย็น 2 ประตูธรรมดาก็เก็บของได้ แล้วทำไมต้อง “Side by Side”?
คำตอบคือ “มันมากกว่าแค่ความจุ” เพราะตู้เย็นชนิดนี้ตอบโจทย์ ทั้งเรื่องฟังก์ชัน ประสิทธิภาพ และไลฟ์สไตล์ ได้ครบในเครื่องเดียว
1. ความจุเยอะ จัดระเบียบง่าย
ช่องเก็บของแยกฝั่งซ้าย–ขวา ทำให้คุณแยกของได้เป็นหมวดหมู่ เช่น
ฝั่งหนึ่งเก็บอาหารสด อีกฝั่งเก็บเครื่องดื่มหรือขนม ขนาดความจุ 500–600 ลิตร สามารถใส่ของได้ทั้งของสดรายสัปดาห์ เครื่องดื่มหลายแพ็ก และอาหารสำเร็จรูปโดยไม่อัดแน่น
2. ประหยัดไฟด้วยระบบ Inverter
ตู้เย็น Side by Side ส่วนใหญ่ใช้ เทคโนโลยี Inverter Compressor ที่ช่วยให้มอเตอร์ทำงานตามความต้องการจริงของตู้เย็น ลดการใช้พลังงานโดยไม่ต้องเปิด–ปิดแรงเหมือนระบบเดิม ผลคือเงียบกว่าและอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
3. ระบบกระจายความเย็นรอบทิศทาง
ด้วยระบบ Multi Air Flow / Twin Inverter / Surround Cooling
อากาศเย็นจะกระจายทั่วทั้งตู้ ทำให้ของที่อยู่ด้านบน–ล่าง หรือซ้าย–ขวา มีอุณหภูมิเท่ากันหมด อาหารจึงสดนานกว่า และไม่เกิดจุดเย็นจัดจนเป็นน้ำแข็ง
4. ดีไซน์หรู ดูแพงแต่เข้ากับบ้านทุกสไตล์
โทนสีเงิน ดำด้าน หรือสแตนเลสของตู้เย็น Side by Side ช่วยเพิ่มความโมเดิร์นให้ครัว เหมาะกับบ้านยุคใหม่ที่เน้นความเรียบหรู และยังช่วยให้ห้องครัวดูสะอาด เป็นระเบียบ
5. ฟีเจอร์ล้ำสมัย
เช่น
-
หน้าจอสัมผัสควบคุมอุณหภูมิ
-
ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ
-
ประตูดูดสุญญากาศ
-
ระบบกรองกลิ่น
-
และบางรุ่นยังรองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันผ่าน Wi-Fi
วิธีเลือกซื้อตู้เย็น Side by Side ที่เหมาะกับบ้านคุณ
เลือกตู้เย็นไม่ได้ดูแค่ความสวย แต่ควรมองหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ “คุ้ม” ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
1. ขนาดและความจุ
-
ครอบครัว 2–3 คน → 400–500 ลิตร
-
ครอบครัว 4–6 คน → 500–600 ลิตร
-
ครอบครัวใหญ่หรือบ้านที่ชอบตุนของ → 600 ลิตรขึ้นไป
เคล็ดลับ: วัดขนาดพื้นที่ที่จะตั้งตู้เย็นล่วงหน้า โดยเผื่อด้านหลังและข้างไว้ประมาณ 5–10 ซม. เพื่อระบายความร้อน
2. ระบบทำความเย็น
เลือกระบบ Multi Air Flow หรือ Twin Inverter เพราะช่วยกระจายความเย็นทั่วตู้ ป้องกันอาหารเสียเร็ว
3. ประหยัดพลังงาน (Energy Label No.5)
อย่าลืมดูฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือเทคโนโลยี Inverter ที่ช่วยลดค่าไฟได้หลายร้อยบาทต่อปี
4. ฟังก์ชันเสริม
-
ระบบกรองกลิ่น
-
ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (No Frost)
-
ช่องแช่ผักผลไม้แบบควบคุมความชื้น
-
หน้าจอควบคุมแบบดิจิทัล
5. ดีไซน์และวัสดุ
เลือกสีและผิววัสดุที่เข้ากับห้องครัว เช่น สแตนเลส / ดำด้าน / เงินเงา เพื่อให้ครัวดูพรีเมียม
6. แบรนด์และบริการหลังการขาย
เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น Haier, Hisense, TCL, LG, Samsung, Hitachi และมีศูนย์บริการในไทย เพื่อความอุ่นใจหากเกิดปัญหาในอนาคต
🌟 TOP 3 ตู้เย็น Side by Side แนะนำ (คัดเน้นคุ้มค่า ดีไซน์สวย ใช้งานคุ้ม)
🧊 1. Haier ตู้เย็น Side by Side รุ่น EHRS567ONL (20.1 คิว / 569 ลิตร)
จุดเด่น:
-
ระบบ Twin Inverter ทำงานเงียบ ประหยัดไฟ
-
Multi Air Flow ความเย็นกระจายรอบทิศ
-
ดีไซน์ทันสมัย สีเทาเข้มพรีเมียม
-
ฟังก์ชัน Holiday Mode สำหรับลดพลังงานเมื่อไม่ได้ใช้งาน
-
ประตูเปิดนุ่ม ล็อกแน่น ป้องกันการรั่วของอุณหภูมิ
เหมาะสำหรับ: บ้านที่มีสมาชิก 4–6 คน หรือผู้ที่ชอบเก็บของแช่แข็งจำนวนมาก
🧊 2. Hisense ตู้เย็น Side by Side รุ่น ERS558B (19.8 คิว / 560 ลิตร)
จุดเด่น:
-
ระบบ Total No Frost ไม่ต้องละลายน้ำแข็งเอง
-
ควบคุมอุณหภูมิแยกได้ทั้งช่องแช่เย็น–แช่แข็ง
-
ระบบ Multi Air Flow ทำความเย็นทั่วถึงทุกชั้น
-
ประตูดีไซน์ Flat Door เรียบหรู เหมาะกับครัวมินิมอล
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวขนาดกลางที่เน้นความสะดวกและดีไซน์เรียบง่าย
🧊 3. TCL ตู้เย็น Side by Side รุ่น P505SBN/SBG (17.5 คิว / 505 ลิตร)
จุดเด่น:
-
ระบบ Inverter Compressor เงียบและประหยัดไฟ
-
Auto Defrost ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ
-
LED Touch Control Panel ตั้งค่าได้ง่าย
-
ดีไซน์ทันสมัย เหมาะกับบ้านทุกสไตล์
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวเล็กถึงขนาดกลาง หรือบ้านคอนโดที่ต้องการตู้เย็นใหญ่แต่ขนาดไม่เทอะทะ
💬 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: ตู้เย็น Side by Side กินไฟไหม?
A: หากเป็นรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบ Inverter จะประหยัดไฟมากกว่ารุ่นเก่า 20–30% แม้ขนาดใหญ่แต่เทคโนโลยีช่วยควบคุมการทำงานของมอเตอร์ให้เหมาะสม
Q2: ตู้เย็นแบบนี้ต้องละลายน้ำแข็งเองไหม?
A: ส่วนใหญ่ไม่ต้อง เพราะมาพร้อมระบบ No Frost / Auto Defrost ช่วยป้องกันการเกิดน้ำแข็งเกาะ
Q3: วางในคอนโดได้ไหม?
A: ได้ แต่ควรวัดพื้นที่ก่อน เพราะขนาดจะกว้างกว่าตู้เย็นทั่วไป และต้องมีช่องระบายอากาศด้านหลัง
Q4: เสียงดังไหมเวลาทำงาน?
A: ไม่ครับ ระบบ Inverter ทำให้เสียงเงียบมาก เหมาะกับบ้านที่ครัวติดห้องนั่งเล่น
Q5: ต้องบำรุงรักษายังไงให้ใช้งานได้ยาว?
A: ควรทำความสะอาดคอยล์ด้านหลังทุก 6 เดือน ตรวจยางขอบประตูไม่ให้รั่ว และอย่าเปิด–ปิดบ่อยเกินไป
สรุปส่งท้าย: “ตู้เย็น Side by Side” ลงทุนครั้งเดียว ใช้คุ้มไปนานหลายปี
หากคุณกำลังมองหาตู้เย็นที่ไม่ใช่แค่เก็บของเยอะ แต่ ช่วยจัดระเบียบชีวิตให้สะดวกขึ้น ดูดีขึ้น และประหยัดไฟมากขึ้น
ตู้เย็น Side by Side คือคำตอบที่คุ้มค่ากว่าที่คิด
มันไม่เพียงทำหน้าที่เป็น “เครื่องเก็บอาหาร” แต่ยังกลายเป็น “เฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก” ที่เพิ่มความหรูให้ห้องครัว และสะท้อนสไตล์การใช้ชีวิตของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
ใครที่อยากอัปเกรดครัวในปีนี้ — ลองพิจารณารุ่นยอดนิยมอย่าง
-
Haier EHRS567ONL
-
Hisense ERS558B
-
TCL P505SBN/SBG
ทั้งสามรุ่นนี้ถือว่าคุ้มค่าในงบไม่เกิน 20000 บาท และมาพร้อมเทคโนโลยีประหยัดไฟ ฟังก์ชันครบ ดีไซน์สวย ใช้งานได้จริงทุกครัวเรือน
แนะนำสำหรับคุณ
หนังสยองขวัญน่าดูปี 2025 | คลายร้อนรับซัมเมอร์นี้ 😄
เตาไฟฟ้าช่วยให้คุณได้อาหารอร่อยๆ หลากหลาย เพียงคลิกเดียว
การเลือกซื้อเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า: เพื่อการโกนหนวดที่สะดวก ง่าย และดีกว่าที่เคย
5 นาที แก้หิว! เครื่องทำแซนด์วิช - ให้วันของคุณเต็มไปด้วยพลัง!
รีวิวโปรเจ็กเตอร์ Magcubic: เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงหนังส่วนตัว
ปกป้องสุขภาพจากภัยที่มองไม่เห็น ด้วยเครื่องฟอกอากาศ!




