ทารกจะจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วง 7 เดือนแรก

user avatar
Ornicha.M (Kiw)·2025-10-31T06:45Z
点赞
ทารกจะจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วง 7 เดือนแรก

เสียงของแม่...คือเสียงแรกที่ทารกรู้จัก

เคยไหมที่คุณแม่พูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกในท้องฟัง แล้วรู้สึกเหมือนทารกขยับตัวตอบกลับ?
บางคนอาจคิดว่า “ลูกคงยังไม่รู้เรื่อง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตอบสนองเล็ก ๆ นั้นมีความหมายมากกว่าที่คิด

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ทารกสามารถได้ยินเสียงของแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วงประมาณ 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
และที่น่าทึ่งคือ พวกเขา “จดจำเสียงนั้นได้” แม้ยังไม่ลืมตาดูโลก

เสียงของแม่ไม่ใช่แค่เสียงพูดทั่วไป แต่คือ “เสียงแห่งความปลอดภัย ความอบอุ่น และความผูกพันแรกของชีวิต”
เสียงนี้จะเป็นรากฐานของความรู้สึกที่มั่นคงของลูกในอนาคต — ทั้งในด้านอารมณ์และพัฒนาการสมอง

แม่จ๋ารู้มั้ย..อยู่ในท้องหนูรู้สึกอะไรบ้าง 5 เรื่องจริงที่

การได้ยินของทารกเริ่มต้นเมื่อไหร่?

พัฒนาการของระบบการได้ยินในทารกเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์

  • สัปดาห์ที่ 18: หูเริ่มก่อตัวขึ้น

  • สัปดาห์ที่ 24: ทารกเริ่มตอบสนองต่อเสียงความถี่ต่ำ เช่น การเต้นของหัวใจแม่ หรือเสียงไหลเวียนของเลือด

  • สัปดาห์ที่ 27–28: ทารกสามารถ “รับรู้เสียงจากภายนอกครรภ์” ได้แล้ว

  • สัปดาห์ที่ 30 ขึ้นไป: ระบบประสาทการได้ยินเริ่มพัฒนาเต็มที่ สามารถแยกแยะโทนเสียงและจังหวะได้

ดังนั้นในช่วง เดือนที่ 7 ของการตั้งครรภ์ (ประมาณสัปดาห์ที่ 28) คือจุดเริ่มต้นที่ทารกเริ่ม “จดจำเสียง” ได้จริง
และเสียงที่คุ้นเคยที่สุดคือ “เสียงแม่”

ทำไมทารกจึงจดจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์?

1. เพราะเสียงแม่คือเสียงที่ใกล้ชิดที่สุด

ทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งเต็มไปด้วยของเหลว เสียงที่ทะลุผ่านเข้ามาได้ดีที่สุดคือเสียงจากร่างกายของแม่เอง เช่น

  • เสียงหัวใจเต้น

  • เสียงเลือดไหล

  • เสียงการหายใจ

  • และเสียงพูดของแม่ที่สั่นสะเทือนผ่านช่องอกและกระดูก

เสียงเหล่านี้ถูกส่งผ่านโดยตรงถึงลูกในท้อง ทำให้เขา “คุ้นเคย” ตั้งแต่ยังไม่เกิด

2. เพราะสมองของทารกเริ่มจดจำรูปแบบเสียง

สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและความจำ (Temporal Lobe และ Hippocampus) เริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3
เมื่อแม่พูดหรือร้องเพลงซ้ำ ๆ เสียงเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ในสมองของลูกในรูปของ “รูปแบบเสียง” ที่เขาจดจำได้

3. เพราะเสียงแม่มีจังหวะเฉพาะตัว

เสียงของแม่ไม่เหมือนใครในโลก ทั้งในจังหวะ การเน้นคำ และโทนเสียง
สมองของทารกจึงสามารถจดจำและแยกแยะได้แม่นยำกว่าคนอื่น

ไขความลับ เพียง 5 เดือน ลูกน้อยก็ได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ในครรภ์ - BabyGift

วิทยาศาสตร์ยืนยัน: ทารกจำเสียงแม่ได้จริง

มีงานวิจัยมากมายที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ เช่น

  • งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington, 2013) พบว่า
    ทารกแรกเกิดสามารถแยกแยะเสียงพูดของแม่กับเสียงของคนแปลกหน้าได้ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตา

  • การทดลองโดยนักประสาทวิทยาในฝรั่งเศส
    พบว่า เมื่อเปิดเสียงที่แม่เคยพูดหรือร้องเพลงให้ฟังตอนอยู่ในท้อง เด็กทารกจะหยุดร้องและแสดงปฏิกิริยาสงบลงทันที

  • ผลการสแกนสมองทารกแรกเกิดด้วย fMRI
    แสดงให้เห็นว่าสมองของทารกมีการกระตุ้นอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินเสียงของแม่ มากกว่าเสียงของคนอื่นถึงสองเท่า

ทั้งหมดนี้ยืนยันว่า “เสียงของแม่” เป็นสิ่งที่ทารกจดจำได้อย่างลึกซึ้งและเป็นเสียงแรกที่สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกเขา

เสียงของแม่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของทารกอย่างไร?

1. พัฒนาโครงสร้างสมอง

เสียงที่แม่พูดอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนการได้ยิน ทำให้ทารกเรียนรู้จังหวะและเสียงพูดตั้งแต่ยังไม่เกิด

2. เสริมสร้างความผูกพันทางอารมณ์ (Bonding)

เสียงของแม่คือ “ภาษารักแรกในชีวิตลูก”
เมื่อทารกได้ยินเสียงนี้ซ้ำ ๆ จะเกิดความรู้สึกไว้วางใจ ความสงบ และความผูกพัน แม้ยังไม่เห็นหน้า

3. ช่วยควบคุมอารมณ์ทารกหลังคลอด

เด็กทารกมักสงบลงเมื่อได้ยินเสียงของแม่ เพราะเสียงนั้นเชื่อมโยงกับความรู้สึกปลอดภัยในครรภ์

4. ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา

การที่แม่พูดคุยกับลูกในท้องบ่อย ๆ ช่วยให้ทารกเรียนรู้จังหวะเสียงสูงต่ำและโครงสร้างประโยค
ซึ่งเป็นรากฐานของ “การพัฒนาภาษา” หลังคลอด

พูดคุยกับลูกในท้องอย่างไรให้ได้ผล?

เสียงของแม่ไม่จำเป็นต้องเพราะหรือถูกต้องตามหลักภาษา
สิ่งสำคัญคือ “น้ำเสียงและอารมณ์” ที่ส่งไปถึงลูก

1. พูดคุยกับลูกอย่างเป็นธรรมชาติ

เล่าเรื่องในชีวิตประจำวันให้ฟัง เช่น

“วันนี้แม่ไปเดินตลาดมา เห็นชุดเด็กน่ารักมากเลย”
“ลูกจ๋า วันนี้อากาศดี แม่รู้สึกสดชื่นมาก”

การพูดแบบนี้ช่วยให้ทารกรับรู้ถึงอารมณ์เชิงบวกของแม่ได้

2. ใช้เสียงนุ่มและจังหวะสม่ำเสมอ

สมองทารกตอบสนองต่อเสียงที่มีความถี่คงที่ เช่น เสียงพูดเบา ๆ หรือการร้องเพลงกล่อม

3. ร้องเพลงหรือเปิดเพลงเบา ๆ

เลือกเพลงจังหวะช้า เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงคลาสสิก หรือเสียงธรรมชาติ เสียงเหล่านี้ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของสมองทารกและทำให้เขารู้สึกสงบ

4. ให้คุณพ่อมีส่วนร่วมด้วย

ไม่ใช่แค่เสียงแม่เท่านั้นที่ลูกจดจำได้ หากคุณพ่อพูดกับลูกบ่อย ๆ เสียงนั้นก็จะกลายเป็นเสียงคุ้นเคยเช่นกัน
เด็กหลายคนหลังคลอดสามารถจำเสียงพ่อได้ เพราะได้ยินมาตั้งแต่ในท้อง

พ่อเล่นกับลูกในท้อง กระตุ้นพัฒนาการ เสริมความฉลาดให้ลูก

เคล็ดลับการพูดและสื่อสารกับลูกในท้อง

  1. เลือกเวลาที่สงบและผ่อนคลาย
    เช่น ก่อนนอนหรือหลังตื่นนอน เพราะช่วงนี้ร่างกายแม่สงบและจิตใจเปิดรับมากที่สุด

  2. ตั้งใจฟังเสียงหัวใจลูกขณะอัลตราซาวด์
    การได้ยินเสียงหัวใจของลูกเต้นคือการเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง

  3. จับหน้าท้องเบา ๆ ขณะพูดคุย
    การสัมผัสช่วยเสริมพลังความรู้สึกของลูกและทำให้เขารับรู้ถึงการสื่อสารได้ชัดเจนขึ้น

  4. อย่ากังวลเรื่องคำพูดหรือสำเนียง
    ลูกไม่ได้ฟังเพื่อเข้าใจภาษา แต่ฟัง “น้ำเสียงและอารมณ์” ของแม่ต่างหาก

  5. สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ
    พูดคุยวันละไม่กี่นาทีก็เพียงพอ เพราะความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญของความคุ้นเคย

ผลลัพธ์ที่เห็นหลังคลอด

หลังคลอด ทารกที่ได้ยินเสียงแม่บ่อยในครรภ์มักมีพฤติกรรมที่สังเกตได้ชัด เช่น

  • หันศีรษะตามเสียงแม่ตั้งแต่แรกเกิด

  • หยุดร้องเมื่อแม่พูดหรือร้องเพลง

  • นอนหลับง่ายเมื่อได้ยินเสียงแม่คุย

  • มีอารมณ์สงบและผูกพันกับแม่มากกว่ากับคนแปลกหน้า

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่า ทารกกลุ่มนี้มักพัฒนาทักษะภาษาเร็วกว่าเด็กทั่วไปในระยะ 1–2 ปีแรกอีกด้วย

พลังของเสียงแม่ในมุมจิตวิทยา

ในทางจิตวิทยาพัฒนาการ เสียงของแม่ถือเป็น “พื้นฐานของความรู้สึกปลอดภัย (Secure Base)”
เสียงที่ทารกได้ยินบ่อยในท้องจะกลายเป็น “เสียงที่ทำให้ใจสงบ” ในภายหลัง

เมื่อเด็กโตขึ้น เขาจะตอบสนองต่อเสียงของแม่ในลักษณะ “ความเชื่อใจ”
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลาเด็กกลัวหรือร้องไห้ แค่แม่พูดเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นไรนะ” ก็ทำให้หยุดร้องได้ทันที

เสียงของแม่จึงไม่ใช่เพียงเสียงพูด แต่เป็นเสียงที่บอกว่า “ลูกปลอดภัยแล้ว”

สรุป: เสียงแม่...คือเพลงแรกในชีวิตลูก

  • ทารกสามารถ ได้ยินและจดจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่ประมาณ 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์

  • เสียงนี้ช่วยพัฒนา สมอง อารมณ์ และความผูกพันทางใจ

  • การพูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกฟังทุกวัน แม้เพียงไม่กี่นาที คือการสร้างพื้นฐานของความรักและความมั่นคงทางอารมณ์

เพราะสำหรับทารกในครรภ์ เสียงแม่ไม่ใช่แค่เสียงพูดธรรมดา แต่คือเสียงของบ้าน เสียงของความรัก และเสียงของชีวิต

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

เลี้ยงลูกให้รู้คุณค่าเงิน แต่ไม่กลัวที่จะใช้มันหลายบ้านคงมีภาพจำคล้าย ๆ กันเวลาไปห้างแล้วลูกชี้ของเล่นหรือขนมที่อยากได้ ผู้ใหญ่ก็มักจะตอบว่า“ไม่ได้ลูก มันแพง” หรือ “อย่าซื้อของฟุ่มเฟือย”พูดไปด้วยความหวังดี อยากให้ลูกรู้จักประหยัดและเห็นค่าข
สอนลูกให้เป็นคนประหยัดยังไงให้ไม่เป็นโรคกลัวการใช้เงิน
เวลาอาบน้ำลูกน้อยคือช่วงเวลาพิเศษเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยประสบกับความท้าทายตอนอาบน้ำลูกน้อย ทั้งความกังวลว่าจะลื่น ตกน้ำ หรืออุณหภูมิไม่พอดี แต่ในขณะเดียวกัน การอาบน้ำก็เป็นช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นสำหรับคุณและลูกน้อยการอาบน้ำให้ลูกอย่างถ
วิธีอาบน้ำลูกน้อยให้ปลอดภัย: เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
จาก “มือเล็ก ๆ” สู่ “สมองที่พร้อมเรียนรู้”ลองนึกภาพเด็กวัยหัดจับช้อน พยายามตักข้าวเข้าปาก แม้จะทำหกเลอะเทอะไปบ้าง แต่เบื้องหลังความพยายามนั้นคือ “การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่” ของกล้ามเนื้อมัดเล็กและสมองของเขาสิ่งเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนธรรมดาอย่างการป
กิจกรรมเสริมพัฒนาการสมองและกล้ามเนื้อมัดเล็ก ที่พ่อแม่ควรรู้ เพื่อเสริมทักษะลูกให้พร้อมเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้