ทารกจะจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วง 7 เดือนแรก

เสียงของแม่...คือเสียงแรกที่ทารกรู้จัก
เคยไหมที่คุณแม่พูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกในท้องฟัง แล้วรู้สึกเหมือนทารกขยับตัวตอบกลับ?
บางคนอาจคิดว่า “ลูกคงยังไม่รู้เรื่อง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตอบสนองเล็ก ๆ นั้นมีความหมายมากกว่าที่คิด
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ทารกสามารถได้ยินเสียงของแม่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วงประมาณ 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
และที่น่าทึ่งคือ พวกเขา “จดจำเสียงนั้นได้” แม้ยังไม่ลืมตาดูโลก
เสียงของแม่ไม่ใช่แค่เสียงพูดทั่วไป แต่คือ “เสียงแห่งความปลอดภัย ความอบอุ่น และความผูกพันแรกของชีวิต”
เสียงนี้จะเป็นรากฐานของความรู้สึกที่มั่นคงของลูกในอนาคต — ทั้งในด้านอารมณ์และพัฒนาการสมอง
การได้ยินของทารกเริ่มต้นเมื่อไหร่?
พัฒนาการของระบบการได้ยินในทารกเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์
- 
สัปดาห์ที่ 18: หูเริ่มก่อตัวขึ้น
 - 
สัปดาห์ที่ 24: ทารกเริ่มตอบสนองต่อเสียงความถี่ต่ำ เช่น การเต้นของหัวใจแม่ หรือเสียงไหลเวียนของเลือด
 - 
สัปดาห์ที่ 27–28: ทารกสามารถ “รับรู้เสียงจากภายนอกครรภ์” ได้แล้ว
 - 
สัปดาห์ที่ 30 ขึ้นไป: ระบบประสาทการได้ยินเริ่มพัฒนาเต็มที่ สามารถแยกแยะโทนเสียงและจังหวะได้
 
ดังนั้นในช่วง เดือนที่ 7 ของการตั้งครรภ์ (ประมาณสัปดาห์ที่ 28) คือจุดเริ่มต้นที่ทารกเริ่ม “จดจำเสียง” ได้จริง
และเสียงที่คุ้นเคยที่สุดคือ “เสียงแม่”
ทำไมทารกจึงจดจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์?
1. เพราะเสียงแม่คือเสียงที่ใกล้ชิดที่สุด
ทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งเต็มไปด้วยของเหลว เสียงที่ทะลุผ่านเข้ามาได้ดีที่สุดคือเสียงจากร่างกายของแม่เอง เช่น
- 
เสียงหัวใจเต้น
 - 
เสียงเลือดไหล
 - 
เสียงการหายใจ
 - 
และเสียงพูดของแม่ที่สั่นสะเทือนผ่านช่องอกและกระดูก
 
เสียงเหล่านี้ถูกส่งผ่านโดยตรงถึงลูกในท้อง ทำให้เขา “คุ้นเคย” ตั้งแต่ยังไม่เกิด
2. เพราะสมองของทารกเริ่มจดจำรูปแบบเสียง
สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและความจำ (Temporal Lobe และ Hippocampus) เริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3
เมื่อแม่พูดหรือร้องเพลงซ้ำ ๆ เสียงเหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้ในสมองของลูกในรูปของ “รูปแบบเสียง” ที่เขาจดจำได้
3. เพราะเสียงแม่มีจังหวะเฉพาะตัว
เสียงของแม่ไม่เหมือนใครในโลก ทั้งในจังหวะ การเน้นคำ และโทนเสียง
สมองของทารกจึงสามารถจดจำและแยกแยะได้แม่นยำกว่าคนอื่น
วิทยาศาสตร์ยืนยัน: ทารกจำเสียงแม่ได้จริง
มีงานวิจัยมากมายที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ เช่น
- 
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington, 2013) พบว่า
ทารกแรกเกิดสามารถแยกแยะเสียงพูดของแม่กับเสียงของคนแปลกหน้าได้ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตา - 
การทดลองโดยนักประสาทวิทยาในฝรั่งเศส
พบว่า เมื่อเปิดเสียงที่แม่เคยพูดหรือร้องเพลงให้ฟังตอนอยู่ในท้อง เด็กทารกจะหยุดร้องและแสดงปฏิกิริยาสงบลงทันที - 
ผลการสแกนสมองทารกแรกเกิดด้วย fMRI
แสดงให้เห็นว่าสมองของทารกมีการกระตุ้นอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินเสียงของแม่ มากกว่าเสียงของคนอื่นถึงสองเท่า 
ทั้งหมดนี้ยืนยันว่า “เสียงของแม่” เป็นสิ่งที่ทารกจดจำได้อย่างลึกซึ้งและเป็นเสียงแรกที่สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกเขา
เสียงของแม่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของทารกอย่างไร?
1. พัฒนาโครงสร้างสมอง
เสียงที่แม่พูดอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนการได้ยิน ทำให้ทารกเรียนรู้จังหวะและเสียงพูดตั้งแต่ยังไม่เกิด
2. เสริมสร้างความผูกพันทางอารมณ์ (Bonding)
เสียงของแม่คือ “ภาษารักแรกในชีวิตลูก”
เมื่อทารกได้ยินเสียงนี้ซ้ำ ๆ จะเกิดความรู้สึกไว้วางใจ ความสงบ และความผูกพัน แม้ยังไม่เห็นหน้า
3. ช่วยควบคุมอารมณ์ทารกหลังคลอด
เด็กทารกมักสงบลงเมื่อได้ยินเสียงของแม่ เพราะเสียงนั้นเชื่อมโยงกับความรู้สึกปลอดภัยในครรภ์
4. ส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษา
การที่แม่พูดคุยกับลูกในท้องบ่อย ๆ ช่วยให้ทารกเรียนรู้จังหวะเสียงสูงต่ำและโครงสร้างประโยค
ซึ่งเป็นรากฐานของ “การพัฒนาภาษา” หลังคลอด
พูดคุยกับลูกในท้องอย่างไรให้ได้ผล?
เสียงของแม่ไม่จำเป็นต้องเพราะหรือถูกต้องตามหลักภาษา
สิ่งสำคัญคือ “น้ำเสียงและอารมณ์” ที่ส่งไปถึงลูก
1. พูดคุยกับลูกอย่างเป็นธรรมชาติ
เล่าเรื่องในชีวิตประจำวันให้ฟัง เช่น
“วันนี้แม่ไปเดินตลาดมา เห็นชุดเด็กน่ารักมากเลย”
“ลูกจ๋า วันนี้อากาศดี แม่รู้สึกสดชื่นมาก”
การพูดแบบนี้ช่วยให้ทารกรับรู้ถึงอารมณ์เชิงบวกของแม่ได้
2. ใช้เสียงนุ่มและจังหวะสม่ำเสมอ
สมองทารกตอบสนองต่อเสียงที่มีความถี่คงที่ เช่น เสียงพูดเบา ๆ หรือการร้องเพลงกล่อม
3. ร้องเพลงหรือเปิดเพลงเบา ๆ
เลือกเพลงจังหวะช้า เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงคลาสสิก หรือเสียงธรรมชาติ เสียงเหล่านี้ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของสมองทารกและทำให้เขารู้สึกสงบ
4. ให้คุณพ่อมีส่วนร่วมด้วย
ไม่ใช่แค่เสียงแม่เท่านั้นที่ลูกจดจำได้ หากคุณพ่อพูดกับลูกบ่อย ๆ เสียงนั้นก็จะกลายเป็นเสียงคุ้นเคยเช่นกัน
เด็กหลายคนหลังคลอดสามารถจำเสียงพ่อได้ เพราะได้ยินมาตั้งแต่ในท้อง
เคล็ดลับการพูดและสื่อสารกับลูกในท้อง
- 
เลือกเวลาที่สงบและผ่อนคลาย
เช่น ก่อนนอนหรือหลังตื่นนอน เพราะช่วงนี้ร่างกายแม่สงบและจิตใจเปิดรับมากที่สุด - 
ตั้งใจฟังเสียงหัวใจลูกขณะอัลตราซาวด์
การได้ยินเสียงหัวใจของลูกเต้นคือการเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง - 
จับหน้าท้องเบา ๆ ขณะพูดคุย
การสัมผัสช่วยเสริมพลังความรู้สึกของลูกและทำให้เขารับรู้ถึงการสื่อสารได้ชัดเจนขึ้น - 
อย่ากังวลเรื่องคำพูดหรือสำเนียง
ลูกไม่ได้ฟังเพื่อเข้าใจภาษา แต่ฟัง “น้ำเสียงและอารมณ์” ของแม่ต่างหาก - 
สื่อสารอย่างสม่ำเสมอ
พูดคุยวันละไม่กี่นาทีก็เพียงพอ เพราะความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญของความคุ้นเคย 
ผลลัพธ์ที่เห็นหลังคลอด
หลังคลอด ทารกที่ได้ยินเสียงแม่บ่อยในครรภ์มักมีพฤติกรรมที่สังเกตได้ชัด เช่น
- 
หันศีรษะตามเสียงแม่ตั้งแต่แรกเกิด
 - 
หยุดร้องเมื่อแม่พูดหรือร้องเพลง
 - 
นอนหลับง่ายเมื่อได้ยินเสียงแม่คุย
 - 
มีอารมณ์สงบและผูกพันกับแม่มากกว่ากับคนแปลกหน้า
 
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่า ทารกกลุ่มนี้มักพัฒนาทักษะภาษาเร็วกว่าเด็กทั่วไปในระยะ 1–2 ปีแรกอีกด้วย
พลังของเสียงแม่ในมุมจิตวิทยา
ในทางจิตวิทยาพัฒนาการ เสียงของแม่ถือเป็น “พื้นฐานของความรู้สึกปลอดภัย (Secure Base)”
เสียงที่ทารกได้ยินบ่อยในท้องจะกลายเป็น “เสียงที่ทำให้ใจสงบ” ในภายหลัง
เมื่อเด็กโตขึ้น เขาจะตอบสนองต่อเสียงของแม่ในลักษณะ “ความเชื่อใจ”
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลาเด็กกลัวหรือร้องไห้ แค่แม่พูดเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นไรนะ” ก็ทำให้หยุดร้องได้ทันที
เสียงของแม่จึงไม่ใช่เพียงเสียงพูด แต่เป็นเสียงที่บอกว่า “ลูกปลอดภัยแล้ว”
สรุป: เสียงแม่...คือเพลงแรกในชีวิตลูก
- 
ทารกสามารถ ได้ยินและจดจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่ประมาณ 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์
 - 
เสียงนี้ช่วยพัฒนา สมอง อารมณ์ และความผูกพันทางใจ
 - 
การพูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกฟังทุกวัน แม้เพียงไม่กี่นาที คือการสร้างพื้นฐานของความรักและความมั่นคงทางอารมณ์
 
เพราะสำหรับทารกในครรภ์ เสียงแม่ไม่ใช่แค่เสียงพูดธรรมดา แต่คือเสียงของบ้าน เสียงของความรัก และเสียงของชีวิต
แนะนำสำหรับคุณ
🍓 เริ่มต้นเช้าที่ดี ด้วยอาหารง่ายๆ จาก “เครื่องปั่นอเนกประสงค์”
เตาไฟฟ้าช่วยให้คุณได้อาหารอร่อยๆ หลากหลาย เพียงคลิกเดียว
เปิดตัว Apple Watch Ultra 3 ตัวใหม่ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
แปรงแต่งหน้า อุปกรณ์สำหรับความงาม
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กสำหรับทำงาน เรียน ลอง Macbook ดูนะสิ!
ไม่เคยตกกระแส! แนะนำรองเท้า Crocs แบรนด์มีสไตล์ ใส่สบาย
