Insta360 X5 ครบจบในตัวเดียว: กล้อง 360° ที่ทำให้คุณไม่อยากพกอะไรเพิ่มอีกเลย

เชื่อไหมว่า สมัยก่อนเวลาเราออกทริป ต้องพกทั้งกล้องแอคชั่นแคม กล้องถ่ายรูป มือถือ แถมบางทียังอยากมีโดรนไว้เก็บภาพมุมสูงอีก แต่ตอนนี้ผมว่ามันถึงเวลาที่จะปลดภาระนั้นได้แล้ว เพราะมีของที่ “ครบจบในตัวเดียว” จริง ๆ และของนั้นก็คือ Insta360 X5

หลังจากที่ได้ลองเล่นมาหลายวัน ทั้งถ่ายทริป ขี่มอเตอร์ไซค์ เดินถ่าย vlog จนถึงแอบเอาไปลองใต้น้ำ ผมพูดได้เลยว่า นี่คือ “ตัวเปลี่ยนเกม” ของสายคอนเทนต์โดยแท้ โดยเฉพาะคนที่อยากได้คุณภาพระดับโปร แต่ไม่อยากพกอุปกรณ์เยอะ

Insta360 X5 คืออะไร?

ถ้าใครยังไม่คุ้นชื่อ “Insta360” นี่คือแบรนด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกล้อง 360° มานานมากแล้ว จุดเด่นของเค้าคือทำให้ “ทุกคน” ถ่ายวิดีโอ 360° ได้ง่าย ไม่ต้องง้อเทคนิคซับซ้อน และ X5 ก็เป็นรุ่น เรือธงล่าสุดของปี 2025 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

รอบนี้ Insta360 จัดเต็มแบบไม่กั๊ก ทั้งเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ชิป AI สามตัว ความละเอียด 8K และยังคงความเป็นกล้องที่ ถ่ายมุมไหนก็ได้ แล้วค่อยเลือกมุมทีหลัง ซึ่งสำหรับสายครีเอเตอร์ นี่คือความอิสระที่แท้จริง

จุดเปลี่ยนใหญ่: เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ชัดขึ้นทุกสภาพแสง

สิ่งแรกที่ผมรู้สึกตั้งแต่ถ่ายคลิปแรกเลยคือ “ภาพใสขึ้นแบบเห็นได้ชัด”
Insta360 X5 ใช้ เซ็นเซอร์คู่ขนาด 1/1.28 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่น X4 ที่ใช้ 1/2 นิ้วเยอะมาก นั่นหมายความว่ามันเก็บแสงได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย

ผมลองถ่ายตอนค่ำ ๆ ในร้านกาแฟที่ไฟสลัว ๆ ผลคือรายละเอียดของภาพยังคม ไม่เบลอ ไม่แตก และสีสันยังสดอยู่ ต่างจากกล้องแอคชั่นทั่วไปที่มักจะเริ่ม “มืดหม่น” ตอนพระอาทิตย์ตก

ที่สำคัญคือ Insta360 ใส่ ชิป AI มาถึง 3 ตัว ซึ่งช่วยให้กล้องประมวลผลภาพและวิดีโอได้เร็วและฉลาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดนอยส์ (Noise Reduction) การบาลานซ์แสง หรือการกันสั่น ก็ลื่นกว่าที่เคยเห็นในรุ่นก่อน ๆ มาก

วิดีโอ 8K/30fps ที่ดูแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่ามาจากกล้องเล็กแค่นี้

พูดถึงความละเอียด X5 มาพร้อมกับการถ่ายวิดีโอ 360° 8K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และถ้าอยากได้เฟรมเรตสูงขึ้น ก็สามารถลดลงมาที่ 5.7K/60fps ได้ ซึ่งเหมาะมากสำหรับสายแอคชั่นหรือ vlog ที่ต้องการภาพลื่น ๆ

ตอนที่ผมเอาไปถ่ายบนมอเตอร์ไซค์แล้วลองซูมย้อนกลับในแอป Insta360 Studio คือ “ว้าว!” มาก เพราะภาพยังคมแม้จะครอปเยอะ และระบบกันสั่น FlowState Stabilization ก็ทำงานได้เนียนราวกับใช้กิมบอล

โหมดใหม่ที่ทำให้ชีวิตครีเอเตอร์ง่ายขึ้นกว่าเดิม

PureVideo Mode – ถ่ายกลางคืนไม่ต้องกลัวมืด

นี่คือโหมดที่ผมตกหลุมรักที่สุด PureVideo จะเปิดการทำงานของ AI เพื่อปรับค่าแสงให้อัตโนมัติในที่มืด ภาพออกมาสว่างขึ้นโดยไม่เสียรายละเอียด ลองถ่ายเดินในตลาดกลางคืน ภาพยังคมแบบดูได้จริง ไม่ต้องแต่งเพิ่ม

InstaFrame Mode – ถ่าย 360° และวิดีโอแบนพร้อมกัน

อันนี้เจ๋งมากสำหรับคนทำคอนเทนต์ลงหลายแพลตฟอร์ม เช่น YouTube กับ TikTok เพราะ X5 สามารถถ่ายวิดีโอ 360° ไปพร้อมกับ “เฟรมแบบแบน” (Flat Video) ได้ในครั้งเดียว ไม่ต้องเลือกก่อนว่าจะถ่ายแนวไหน แค่กดครั้งเดียว ได้ครบทั้งสองฟอร์แมต

ดีไซน์และการใช้งาน: แข็งแรง เรียบหรู และ “เปลี่ยนเลนส์ได้!”

ถ้าเคยใช้รุ่นก่อน ๆ จะรู้ว่าปัญหาคือ “เลนส์โดนขีดข่วนแล้วต้องส่งศูนย์” แต่ X5 มาพร้อมกับ เลนส์ที่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่ผู้ใช้รอคอยมานาน เพราะเวลาเดินทาง ถ้าพลาดทำหล่นก็แค่เปลี่ยนเลนส์ใหม่ ไม่ต้องรอซ่อม

วัสดุตัวกล้องแข็งแรงกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้ น้ำหนักเพียง 200 กรัม ถือถ่ายนาน ๆ ไม่เมื่อย และยัง กันน้ำลึกได้ถึง 15 เมตร โดยไม่ต้องใส่เคสเพิ่ม เหมาะกับสายดำน้ำ สายสระน้ำ หรือถ่ายคลิปเที่ยวทะเล

แบตเตอรี่และความทนทาน: ใช้งานได้นานสุดถึง 185 นาที

แบตเตอรี่ขนาด 2400mAh ถือว่าใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อน และใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 185 นาที ในโหมดประหยัดพลังงานที่ 5.7K/24fps ซึ่งจากที่ผมลองจริง เดินถ่าย vlog ครึ่งวันเต็มยังเหลือไฟ

อีกจุดที่ Insta360 ทำได้ดีคือ “ระบบระบายความร้อน” ตัวกล้องไม่ร้อนเร็วแม้ถ่าย 8K ต่อเนื่อง และยังมี ระบบกันเสียงลมในตัว ที่ใช้ตาข่ายเหล็กหลายชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดีขึ้นมากโดยไม่ต้องพึ่งไมค์แยกในบางสถานการณ์

จุดเด่นเมื่อเทียบกับ Insta360 X4

จากตารางจะเห็นชัดว่า X5 ไม่ได้เป็นแค่รุ่น “อัปเกรดเล็ก ๆ” แต่คือการเปลี่ยนรุ่นใหม่เต็มตัว ทั้งด้านคุณภาพภาพ วิดีโอ การกันสั่น ไปจนถึงความทนทานของฮาร์ดแวร์

ระบบกันสั่น FlowState Stabilization: นิ่งกว่ากิมบอลในบางจังหวะ

ระบบกันสั่นของ Insta360 เป็นจุดแข็งมาตลอด และใน X5 ก็พัฒนาไปอีกขั้นด้วย AI ใหม่ที่ช่วยคำนวณการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ ทำให้ฟุตเทจนิ่งแม้ถือวิ่ง ถือขี่จักรยาน หรือแม้แต่ติดบนหมวกกันน็อกตอนขับบิ๊กไบค์

ผมลองเปรียบเทียบกับกล้องแอคชั่นรุ่นดังอีกแบรนด์หนึ่ง พบว่าภาพของ X5 นิ่งกว่าชัดเจน โดยเฉพาะเวลาหันกล้องเร็ว ๆ หรือหมุนรอบตัว 360° ภาพไม่วูบ ไม่เบลอ

ระบบติดตั้งแม่เหล็ก: เปลี่ยนมุมได้ไวกว่าเคย

อีกจุดที่ทำให้ผมชอบคือ “ระบบติดตั้งแบบแม่เหล็ก” ที่ช่วยให้ต่อกับอุปกรณ์เสริมได้ง่ายมาก เช่น ไม้เซลฟี่ล่องหน, ขาจับหมวก, หรือเมาท์จักรยาน แค่ “แปะ” ก็พร้อมถ่าย ไม่ต้องหมุนเกลียวหลายรอบให้เสียเวลา

และพูดถึงไม้เซลฟี่ล่องหน (Invisible Selfie Stick) นี่ก็ยังเป็นเอฟเฟกต์ที่ผมใช้บ่อย เพราะมันให้ภาพเหมือนมีโดรนตามถ่าย ทั้งที่จริง ๆ แค่ถือไม้ไว้เฉย ๆ — คนดูยังทักเลยว่าถ่ายยังไงให้ได้มุมแบบนั้น

ประสบการณ์ใช้งานจริง: จากมุมคนทำคอนเทนต์

หลังจากใช้ Insta360 X5 ถ่ายคลิปหลายแนว ทั้งท่องเที่ยว รีวิวสินค้าจริง ๆ ผมสรุปได้ว่า จุดแข็งของมันคือ ความคล่องตัว กับ คุณภาพระดับโปรที่ไม่ต้องตั้งค่าเยอะ

เปิดกล้อง – กดถ่าย – แล้วไปเลือกมุมทีหลังในแอปได้เลย ไม่ต้องกลัวพลาดช็อตเด็ด
AI ในแอปของ Insta360 ก็ฉลาดขึ้นมาก สามารถ “Auto Frame” หรือเลือกมุมสำคัญให้เอง แทบไม่ต้องแต่งเพิ่มถ้าอยากโพสต์เร็ว ๆ

เคล็ดลับสำหรับมือใหม่: ใช้ Insta360 X5 ให้เต็มประสิทธิภาพ

1. เปิด PureVideo เมื่อถ่ายตอนกลางคืน – ภาพจะสว่างขึ้นโดยไม่ต้องตั้งค่า ISO เอง

2. ใช้โหมด InstaFrame เวลาเดินทาง – จะได้ทั้ง 360° และคลิปพร้อมโพสต์ในครั้งเดียว

3. อย่าลืมทำความสะอาดเลนส์บ่อย ๆ – เพราะเลนส์โค้ง ถ้ามีฝุ่นหรือรอยนิ้วจะเห็นชัด

4. ใช้ไม้เซลฟี่ล่องหนให้คุ้ม – ถ่ายมุมมองบุคคลที่สามได้แบบไม่ต้องพึ่งโดรน

5. พกแบตสำรองไว้ด้วยถ้าถ่าย 8K เยอะ – เพราะ 8K กินพลังงานมากกว่าปกติ

สรุป Insta360 X5 คือกล้อง 360° ที่ “ครบจบ” จริง ๆ

ถ้าคุณเป็นสายคอนเทนต์ ไม่ว่าจะถ่ายท่องเที่ยว รีวิวสินค้า ทำ vlog หรือแค่ชอบเก็บโมเมนต์ในชีวิตประจำวัน Insta360 X5 คือกล้องที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องพกอะไรเพิ่ม

มันเป็นทั้งกล้อง 360°, แอคชั่นแคม, กล้อง vlog, และกล้องใต้น้ำในตัวเดียว
และที่สำคัญคือ ใช้ง่าย สนุก และได้ภาพสวยแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องเป็นมือโปร

เรียกได้ว่า ถ้าต้องเลือกกล้องหนึ่งตัวไว้ติดกระเป๋าเดินทางปีนี้
ผมขอเลือก “Insta360 X5” แบบไม่ต้องคิด

Insta360 X5 Standard/Essentials Bundle

฿16,065-฿21,300

ซื้อสินค้า