10 หูฟังมีสาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ รายละเอียดครบ

user avatar
ZestOfficeSupplies·2025-05-27T03:31Z
点赞
10 หูฟังมีสาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ รายละเอียดครบ

สวัสดีค้าบพี่น้องชาวนักช้อปสาย Gadget! วันนี้ผมมีเรื่องเด็ดๆ มาเมาท์ให้ฟังกันอีกแล้ว โดยเฉพาะคนที่ชอบเสียงเพลง เล่นเกม หรือดูหนังแบบจัดเต็ม แต่ยังอินกับการเชื่อมต่อแบบมีสายที่ให้ความเสถียรไม่มีสะดุด แถมคุณภาพเสียงยังเทพจนขนลุกซู่! เพราะวันนี้เราจะมาเจาะลึก "10 หูฟังมีสาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ รายละเอียดครบ" ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง โดนจริง เหมาะกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานแบบคนไทยแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นสายประหยัด สายเกมเมอร์ หรือสายออดิโอไฟล์ตัวจริง เสียงจริง มาดูกันเลยว่ามีรุ่นไหนน่าสอยบ้าง!

1. HyperX Cloud III

  • ชื่อแบรนด์: HyperX
  • ชื่อสินค้า: Cloud III Gaming Headset
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,890 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: HyperX Cloud III คือหูฟังเกมมิ่งแบบมีสายที่ออกแบบมาเพื่อความสบายและความทนทานขั้นสุด ด้วยไดรเวอร์ขนาด 53 มม. ที่ปรับแต่งมาเพื่อเสียงเกมโดยเฉพาะ ทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงในเกมได้อย่างชัดเจน มาพร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนขนาด 10 มม. พร้อมไฟ LED บอกสถานะ Mute ตัวหูฟังรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง 3.5 มม., USB-C และ USB-A เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการหูฟังคุณภาพดี ใส่สบาย ใช้งานได้ยาวนาน และสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างชัดเจน.
  • จุดเด่นสินค้า: ใส่สบายใช้งานได้นาน, ทนทานแข็งแรง, ไมค์ตัดเสียงรบกวนชัดเจน, คุณภาพเสียงเน้นรายละเอียดในเกม, เชื่อมต่อได้หลากหลายอุปกรณ์
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ระบบเสียงสำหรับเล่นเกม: ไดรเวอร์ขนาด 53 มม. ปรับแต่งมาเพื่อเน้นเสียงไดนามิกในเกม ช่วยให้ระบุตำแหน่งศัตรูหรือฟังเสียงสภาพแวดล้อมในเกมได้อย่างแม่นยำ เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องการรายละเอียดเสียงสูง.
    • ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน: ไมค์ขนาด 10 มม. พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนช่วยให้เสียงพูดของคุณชัดเจน ไม่ว่าจะมีเสียงรบกวนรอบข้างมากแค่ไหน เหมาะสำหรับการสื่อสารในทีมระหว่างเล่นเกมออนไลน์ หรือใช้สำหรับการประชุมออนไลน์.
    • ความเข้ากันได้หลากหลายอุปกรณ์: สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งช่องเสียบ 3.5 มม., USB-C และ USB-A ทำให้ใช้งานได้กับ PC, PlayStation, Xbox, Nintendo Switch และอุปกรณ์มือถือส่วนใหญ่ที่รองรับพอร์ตเหล่านี้.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์, นักแข่ง E-sports, ผู้ที่ต้องประชุมออนไลน์, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่ใส่สบายและทนทาน
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ไมโครโฟนน้ำหนักการรับประกัน
Over-Ear (ครอบหู)3.5 มม., USB-C, USB-A53 มม.10 Hz – 21 kHzตัดเสียงรบกวน (ถอดได้)300 กรัม (ไม่รวมสาย)2 ปี

2. Logitech G333

  • ชื่อแบรนด์: Logitech
  • ชื่อสินค้า: G333 Gaming Earphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,197 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Logitech G333 เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบอินเอียร์ที่มาพร้อมไดรเวอร์คู่ (Dual Drivers) เพื่อให้เสียงที่ทรงพลังและชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ชอบหูฟังขนาดเล็ก พกพาง่าย แต่ยังคงต้องการคุณภาพเสียงที่ดีสำหรับการเล่นเกมและการฟังเพลง ตัวหูฟังมีไมโครโฟนในตัวพร้อมปุ่มควบคุมมัลติมีเดีย ทำให้สะดวกในการรับสายหรือควบคุมเพลง รองรับการเชื่อมต่อผ่านแจ็ค 3.5 มม. และมีอะแดปเตอร์ USB-C มาให้ด้วย.
  • จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กพกพาง่าย, ไดรเวอร์คู่ให้เสียงทรงพลัง, มีไมค์และปุ่มควบคุมในตัว, รองรับการเชื่อมต่อ 3.5 มม. และ USB-C, สวมใส่สบายพอดีหู
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ระบบเสียงไดรเวอร์คู่: ใช้ไดรเวอร์เฉพาะ 2 ตัว แยกสำหรับเสียงสูง/กลาง และเสียงเบส ทำให้ได้เสียงที่คมชัด มีมิติ และเบสที่หนักแน่น เหมาะสำหรับการฟังเพลงหลากหลายแนวและเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกม.
    • ควบคุมสะดวก: มีปุ่มควบคุมบนสายสำหรับเล่น/หยุดเพลง ข้ามเพลง ปรับระดับเสียง และรับ/วางสายโทรศัพท์ ทำให้ควบคุมการใช้งานต่างๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา.
    • ใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม: ด้วยการเชื่อมต่อแบบ 3.5 มม. และอะแดปเตอร์ USB-C ทำให้ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, PC, แล็ปท็อป, และเครื่องเล่นเกมคอนโซลส่วนใหญ่.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์ที่ชอบหูฟังอินเอียร์, ผู้ที่ต้องการหูฟังพกพาง่ายสำหรับเล่นเกมและฟังเพลง, ใช้งานกับมือถือและอุปกรณ์หลากหลาย
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ไมโครโฟนน้ำหนักการรับประกัน
In-Ear (อินเอียร์)3.5 มม., USB-C (ผ่านอะแดปเตอร์)5.8 มม. (แหลม/กลาง) + 9.2 มม. (เบส)20 Hz – 20 kHzในตัวประมาณ 12 กรัม2 ปี

3. Razer Kraken X

  • ชื่อแบรนด์: Razer
  • ชื่อสินค้า: Kraken X Console Gaming Headset
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 990 บาท (รุ่น Console)
  • คำอธิบายสินค้า: Razer Kraken X Console เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบครอบหูราคาเข้าถึงง่าย แต่คุณภาพเสียงไม่ธรรมดา! ให้เสียงคมชัดเต็มอิ่มด้วยระบบเสียงเซอร์ราวด์ 7.1 (จำลอง) ในบางรุ่น ทำให้ระบุทิศทางเสียงในเกมได้ดี ดีไซน์โครงสร้างบางเบา ใส่สบาย ไม่กดศีรษะ มาพร้อมฟองน้ำเมมโมรี่โฟม และไมโครโฟนแบบงอได้พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับเกมเมอร์งบน้อยที่ต้องการหูฟังที่ให้เสียงในการเล่นเกมที่ดีและใส่สบาย.
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาคุ้มค่า, เสียงเซอร์ราวด์ 7.1 (จำลอง), โครงสร้างเบาใส่สบาย, ฟองน้ำเมมโมรี่โฟม, ไมค์ตัดเสียงรบกวนแบบงอได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ระบบเสียงเซอร์ราวด์ 7.1 (จำลอง): มอบประสบการณ์เสียงแบบรอบทิศทาง ช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงจากทิศทางต่างๆ ในเกมได้อย่างสมจริง เหมาะกับเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องการความได้เปรียบด้านเสียง (อาจต้องใช้ซอฟต์แวร์เสริมสำหรับ PC).
    • การออกแบบที่เน้นความสบาย: ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบาและใช้ฟองน้ำเมมโมรี่โฟมที่ครอบหู ทำให้ใส่ได้นานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้าหรือร้อนหู เหมาะสำหรับการเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน.
    • ไมโครโฟนแบบงอได้พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน: ไมค์สามารถปรับตำแหน่งได้ตามต้องการ และมีคุณสมบัติในการลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เสียงพูดในการสื่อสารชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อนร่วมทีมหรือการสตรีมเกม.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์งบจำกัด, ผู้เริ่มต้นเล่นเกม, ใช้งานกับเครื่องคอนโซล (PS, Xbox, Switch) และ PC, ใช้สำหรับการสื่อสารในเกม
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์ระบบเสียงไมโครโฟนน้ำหนักการรับประกัน
Over-Ear (ครอบหู)3.5 มม.40 มม.Stereo, Virtual 7.1 Surround SoundCardioid (ตัดเสียงรบกวน)ประมาณ 230 กรัม2 ปี

4. Audio-Technica ATH-M50x

  • ชื่อแบรนด์: Audio-Technica
  • ชื่อสินค้า: ATH-M50x Professional Monitor Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,000 - 6,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Audio-Technica ATH-M50x เป็นหูฟังแบบครอบหูที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักดนตรี โปรดิวเซอร์ และออดิโอไฟล์ ด้วยคุณภาพเสียงที่เป็นกลาง รายละเอียดชัดเจน เหมาะสำหรับการมอนิเตอร์เสียงในสตูดิโอ การมิกซ์เสียง หรือการฟังเพลงแบบจริงจัง ตัวหูฟังมีความทนทาน ใส่สบาย เอียร์คัพหมุนได้ และมีสายเคเบิลแบบถอดเปลี่ยนได้หลายแบบในแพ็คเกจ.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงเป็นกลางและแม่นยำ, รายละเอียดเสียงดีเยี่ยม, ทนทานและยืดหยุ่น, เอียร์คัพหมุนได้, สายเคเบิลถอดเปลี่ยนได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การมอนิเตอร์เสียงระดับมืออาชีพ: ให้เสียงที่เที่ยงตรง ไม่ปรุงแต่ง เหมาะสำหรับใช้ในสตูดิโอเพื่อมอนิเตอร์การบันทึกเสียง หรือใช้ในการมิกซ์และมาสเตอร์เพลงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เสียงที่เป็นมาตรฐาน.
    • การฟังเพลงแบบออดิโอไฟล์: ด้วยการตอบสนองความถี่ที่กว้างและรายละเอียดเสียงที่ชัดเจน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังเพลงเพื่อเก็บรายละเอียดของเสียงดนตรีแต่ละชิ้นได้อย่างครบถ้วน.
    • การใช้งานที่ยืดหยุ่น: เอียร์คัพที่หมุนได้ทำให้สะดวกในการมอนิเตอร์เสียงแบบข้างเดียว และสายเคเบิลแบบถอดเปลี่ยนได้หลายเส้นในแพ็คเกจทำให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับอุปกรณ์หรือสถานการณ์ต่างๆ.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักดนตรี, โปรดิวเซอร์เพลง, ซาวด์เอนจิเนียร์, ออดิโอไฟล์, ผู้ที่ต้องการหูฟังคุณภาพสูงสำหรับการฟังเพลงแบบจริงจัง
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)สายเคเบิล
Over-Ear (ครอบหู), Closed-back3.5 มม. (พร้อมอะแดปเตอร์ 6.3 มม.)45 มม.15 Hz – 28 kHz38 โอห์ม99 dBถอดเปลี่ยนได้ 3 เส้น (แบบตรง 1.2 ม., แบบตรง 3 ม., แบบขด 1.2-3 ม.)

5. Sennheiser HD 600

  • ชื่อแบรนด์: Sennheiser
  • ชื่อสินค้า: HD 600 Open-Back Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 9,000 - 12,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sennheiser HD 600 คือหูฟังแบบ Open-Back ระดับตำนานที่นักฟังเพลงและออดิโอไฟล์ทั่วโลกยอมรับในคุณภาพเสียงที่โปร่งสบาย เป็นธรรมชาติ และให้รายละเอียดที่แม่นยำ ด้วยการออกแบบแบบเปิดทำให้ได้ Soundstage ที่กว้าง ฟังสบาย ไม่อึดอัด เหมาะสำหรับการฟังเพลงที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและรายละเอียดสูง ตัวหูฟังมีความทนทาน ใส่สบาย ออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาวนาน.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงเป็นธรรมชาติและโปร่งใส, Soundstage กว้าง, รายละเอียดเสียงแม่นยำ, สวมใส่สบายมาก, ทนทานสำหรับการใช้งานระยะยาว
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การฟังเพลงแบบ Analytical: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิเคราะห์เสียงดนตรีแต่ละชิ้นอย่างละเอียด ได้ยินข้อผิดพลาดหรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในบันทึกเสียง เหมาะกับเพลงแนวคลาสสิก แจ๊ส หรืออะคูสติก.
    • Soundstage ที่สมจริง: การออกแบบแบบ Open-Back ทำให้เสียงที่ได้มีความโปร่ง กว้าง เหมือนกำลังนั่งฟังดนตรีสดในฮอลล์คอนเสิร์ต ไม่รู้สึกว่าเสียงอุดอู้หรือคับแคบอยู่ในหัว.
    • ความสบายในการสวมใส่: ด้วยน้ำหนักที่ไม่มากเกินไปและแพดหูที่นุ่ม ทำให้สามารถใส่ฟังเพลงได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟังเพลง.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ออดิโอไฟล์, นักฟังเพลงจริงจัง, ผู้ที่ทำงานด้านเสียง (มิกซ์/มาสเตอร์), ฟังเพลงในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ (ไม่ใช่ในที่สาธารณะ)
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อหลักการทำงานการตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)สายเคเบิลน้ำหนัก
Over-Ear (ครอบหู), Open-back3.5 มม. (พร้อมอะแดปเตอร์ 6.3 มม.)Dynamic12 Hz – 39.5 kHz300 โอห์ม97 dBถอดเปลี่ยนได้ 3 ม.ประมาณ 260 กรัม (ไม่รวมสาย)

6. Sony MDR-7506

  • ชื่อแบรนด์: Sony
  • ชื่อสินค้า: MDR-7506 Professional Large Diaphragm Headphone
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,500 - 3,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sony MDR-7506 คือหูฟังมอนิเตอร์แบบมีสายที่ถือเป็นมาตรฐานในวงการสตูดิโอและงานด้านเสียง ด้วยคุณภาพเสียงที่เที่ยงตรง รายละเอียดครบถ้วน เหมาะสำหรับการบันทึกเสียง การมอนิเตอร์ และการมิกซ์เสียง การออกแบบที่พับเก็บได้ทำให้สะดวกในการพกพา เอียร์แพดนุ่มใส่สบาย และสายเคเบิลแบบขดทำให้ไม่เกะกะในการใช้งานระยะใกล้ เป็นหูฟังที่คุ้มค่าเกินราคาและทนทานสำหรับการใช้งานหนัก.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงเที่ยงตรงระดับสตูดิโอ, รายละเอียดเสียงครบถ้วน, พับเก็บได้พกพาสะดวก, สายเคเบิลแบบขดไม่เกะกะ, ทนทานสำหรับการใช้งานมืออาชีพ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การมอนิเตอร์เสียงในสตูดิโอ: ให้เสียงที่ไม่ปรุงแต่ง ทำให้ได้ยินเสียงต้นฉบับอย่างที่ควรจะเป็น เหมาะสำหรับใช้ในห้องอัดเสียงเพื่อมอนิเตอร์เสียงร้องหรือเสียงดนตรีระหว่างการบันทึก.
    • การใช้งานภาคสนาม: ด้วยการออกแบบที่พับเก็บได้และทนทาน ทำให้เหมาะสำหรับช่างเสียงที่ต้องทำงานนอกสถานที่ หรือใช้ในการถ่ายวิดีโอเพื่อมอนิเตอร์เสียงที่กำลังบันทึก.
    • การฟังเพลงเพื่อการวิเคราะห์: แม้จะไม่ใช่หูฟังสำหรับออดิโอไฟล์จ๋าๆ แต่ก็ให้รายละเอียดเสียงที่ดีเยี่ยม ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังเพลงเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ ในเพลง.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ซาวด์เอนจิเนียร์, ช่างเสียง, นักข่าว, ผู้ที่ทำงานด้านวิดีโอ, ผู้ที่ต้องการหูฟังมอนิเตอร์ราคาคุ้มค่า
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)สายเคเบิลการออกแบบ
Over-Ear (ครอบหู), Closed-back3.5 มม. (พร้อมอะแดปเตอร์ 6.3 มม.)40 มม.10 Hz – 20 kHz63 โอห์ม106 dBแบบขด (ยาวสูงสุดประมาณ 3 ม.)พับเก็บได้

7. Beyerdynamic DT 770 Pro

  • ชื่อแบรนด์: Beyerdynamic
  • ชื่อสินค้า: DT 770 Pro Studio Headphones
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,000 - 7,000 บาท (ขึ้นอยู่กับค่า Impedance)
  • คำอธิบายสินค้า: Beyerdynamic DT 770 Pro เป็นหูฟังสตูดิโอแบบ Closed-Back ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสบายในการสวมใส่และคุณภาพเสียงที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการมอนิเตอร์ การมิกซ์เสียง และการทำงานในสตูดิโอที่ต้องการการป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก มีหลายรุ่นให้เลือกตามค่า Impedance เพื่อให้เข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ จุดเด่นคือเสียงเบสที่แน่น รายละเอียดดี และความสบายในการสวมใส่ที่ทำให้ทำงานได้นาน.
  • จุดเด่นสินค้า: สวมใส่สบายเป็นพิเศษ, คุณภาพเสียงแม่นยำพร้อมเบสที่ดี, ป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดี, ทนทานสำหรับการใช้งานสตูดิโอ, มีหลายค่า Impedance ให้เลือก
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การทำงานในสตูดิโอ: การออกแบบแบบ Closed-Back ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกเข้ามาในหู และป้องกันเสียงจากหูฟังเล็ดลอดออกไป เหมาะสำหรับใช้ในห้องอัดขณะบันทึกเสียง หรือในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน.
    • การมิกซ์และมาสเตอร์เพลง: ให้เสียงที่เป็นกลางพร้อมรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจด้านเสียงในการมิกซ์และมาสเตอร์เพลง โดยเฉพาะเสียงเบสที่ให้รายละเอียดและความชัดเจนที่ดี.
    • การฟังเพลงเพื่อความเพลิดเพลิน: แม้จะเป็นหูฟังสตูดิโอ แต่หลายคนก็ชื่นชอบคุณภาพเสียงสำหรับการฟังเพลงทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเสียงเบสที่ชัดเจนและมีอิมแพ็ค.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักดนตรี, ซาวด์เอนจิเนียร์, ดีเจ, ผู้ที่ต้องการหูฟังสำหรับทำงานในสตูดิโอ, ผู้ที่ชอบหูฟังที่ใส่สบายเป็นพิเศษ
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อหลักการทำงานการตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)สายเคเบิลการป้องกันเสียงรบกวน
Over-Ear (ครอบหู), Closed-back3.5 มม. (พร้อมอะแดปเตอร์ 6.3 มม.)Dynamic5 Hz – 35 kHz32, 80, 250 โอห์ม96 dB (สำหรับ 250 โอห์ม)แบบตรง (32 โอห์ม), แบบขด (80, 250 โอห์ม)ดีเยี่ยม

8. FiiO FD3 / FD3 Pro

  • ชื่อแบรนด์: FiiO
  • ชื่อสินค้า: FD3 / FD3 Pro In-Ear Monitors
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,000 - 4,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: FiiO FD3 และ FD3 Pro เป็นหูฟัง In-Ear Monitor (IEM) แบบมีสายที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้เริ่มต้นเข้าสู่วงการออดิโอไฟล์และผู้ที่มองหาหูฟัง IEM คุณภาพดีในราคาไม่สูงเกินไป ใช้ไดรเวอร์ Dynamic ขนาดใหญ่ให้เสียงที่ทรงพลัง รายละเอียดดี และปรับแต่งเสียงได้ด้วยจุกหูฟังแบบต่างๆ รุ่น Pro จะมาพร้อมสายเคเบิลที่อัปเกรดคุณภาพดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟัง IEM คุณภาพเสียงดี พกพาง่าย และปรับแต่งเสียงได้.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีคุ้มราคา, ใช้ไดรเวอร์ Dynamic ขนาดใหญ่, ปรับแต่งเสียงได้ด้วยจุกหูฟัง, การออกแบบสวยงาม, สายเคเบิลอัปเกรดได้ (รุ่น Pro)
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การฟังเพลงคุณภาพสูงแบบพกพา: ด้วยขนาดที่เล็กและสวมใส่สบาย ทำให้เหมาะสำหรับการฟังเพลงคุณภาพสูงระหว่างเดินทาง หรือใช้งานนอกบ้าน โดยยังคงได้รายละเอียดเสียงที่ดีเยี่ยม.
    • ปรับแต่งเสียงตามความชอบ: มาพร้อมจุกหูฟังหลากหลายชนิดที่ให้คาแรคเตอร์เสียงแตกต่างกัน ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนเพื่อปรับแนวเสียงให้เข้ากับเพลงที่ฟังหรือความชอบส่วนตัวได้.
    • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นออดิโอไฟล์: ให้คุณภาพเสียงที่ดีในระดับที่น่าประทับใจในราคาที่เข้าถึงได้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลองสัมผัสประสบการณ์การฟังเพลงแบบออดิโอไฟล์ด้วยหูฟัง IEM.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้เริ่มต้นออดิโอไฟล์, ผู้ที่ต้องการหูฟัง IEM คุณภาพดีราคาไม่แพง, ฟังเพลงระหว่างเดินทาง, ใช้กับเครื่องเล่นเพลงพกพา
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)สายเคเบิลขั้วเชื่อมต่อหูฟัง
In-Ear Monitor (IEM)3.5 มม.12 มม. Beryllium-plated Dynamic10 Hz – 40 kHz32 โอห์ม111 dBถอดเปลี่ยนได้ (มาพร้อมสาย 8 เส้นทองแดงชุบเงินสำหรับ FD3 Pro)MMCX

9. KZ ZS10 Pro

  • ชื่อแบรนด์: Knowledge Zenith (KZ)
  • ชื่อสินค้า: ZS10 Pro In-Ear Monitor
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 800 - 1,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: KZ ZS10 Pro เป็นหูฟัง IEM แบบมีสายที่โด่งดังในเรื่องคุณภาพเสียงที่เกินราคาอย่างมาก! ด้วยไดรเวอร์ถึง 5 ตัวต่อข้าง (4 Balanced Armature + 1 Dynamic) ทำให้ได้เสียงที่ครบถ้วนทุกย่าน รายละเอียดดี เบสสนุก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังคุณภาพเสียงดีมากๆ ในงบที่จำกัด เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักฟังเพลงและนักดนตรีที่ใช้เป็น In-Ear Monitor บนเวที.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีเยี่ยมเกินราคา, ใช้ไดรเวอร์หลายตัว (Hybrid), รายละเอียดเสียงดี เบสสนุก, ใส่สบายกระชับหู, สายเคเบิลถอดเปลี่ยนได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การฟังเพลงคุณภาพสูงราคาประหยัด: มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่ให้รายละเอียดและอิมแพ็คของเสียงที่ดี ในราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการอัปเกรดคุณภาพเสียงโดยใช้งบไม่มาก.
    • In-Ear Monitor สำหรับนักดนตรี: ด้วยการแยกเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้ดีและให้เสียงที่ชัดเจน ทำให้เป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับนักดนตรีที่ใช้เป็น In-Ear Monitor บนเวทีเพื่อฟังเสียงตัวเองและเพื่อนร่วมวง.
    • ปรับเปลี่ยนสายเพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น: รองรับการเปลี่ยนสายหูฟัง ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรดสายหูฟังเพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้นไปอีกได้ในอนาคต.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้เริ่มต้นออดิโอไฟล์งบประหยัด, นักเรียนนักศึกษา, นักดนตรี (สำหรับ In-Ear Monitor บนเวที), ฟังเพลงหลากหลายแนว
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อประเภทไดรเวอร์จำนวนไดรเวอร์ต่อข้างการตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)ขั้วเชื่อมต่อหูฟัง
In-Ear Monitor (IEM)3.5 มม.Hybrid (Dynamic + Balanced Armature)5 (1DD + 4BA)7 Hz – 40 kHz30 โอห์ม111 dB2-pin (0.75 มม.)

10. Moondrop Aria

  • ชื่อแบรนด์: Moondrop
  • ชื่อสินค้า: Aria High Performance Dynamic Earphone
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,000 - 3,500 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Moondrop Aria คือหูฟัง IEM แบบมีสายที่ได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ รายละเอียดดี และการจูนเสียงที่เน้นความเป็นดนตรี ให้เสียงร้องที่ชัดเจนและย่านเสียงต่างๆ ที่สมดุล เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้องหรือเพลงที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ ตัวหูฟังออกแบบสวยงาม วัสดุดี และสวมใส่สบาย เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มหูฟัง IEM ระดับกลาง.
  • จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงเป็นธรรมชาติ, เน้นเสียงร้องและรายละเอียด, การจูนเสียงสมดุล, วัสดุและการออกแบบดี, สวมใส่สบาย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การฟังเพลงที่เน้นคุณภาพเสียงร้อง: การจูนเสียงที่โดดเด่นของ Moondrop Aria ทำให้เสียงร้องมีความชัดเจน เป็นธรรมชาติ และมีอิมเมจที่ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงแนว Vocal, Pop หรือ Acoustic.
    • การฟังเพลงหลากหลายแนว: แม้จะโดดเด่นเรื่องเสียงร้อง แต่การจูนเสียงที่สมดุลก็ทำให้ Moondrop Aria สามารถใช้ฟังเพลงได้หลากหลายแนว โดยยังคงให้รายละเอียดและความเป็นดนตรีที่ดี.
    • หูฟังพกพาคุณภาพสูง: ด้วยขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา พร้อมคุณภาพเสียงที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นหูฟังพกพาสำหรับฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงพกพาหรือสมาร์ทโฟน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้อง, นักฟังเพลงที่ชอบเสียงเป็นธรรมชาติ, ผู้ที่ต้องการหูฟัง IEM ที่มีดีไซน์สวยงามและวัสดุดี, ใช้ฟังเพลงระหว่างเดินทาง
ประเภทหูฟังการเชื่อมต่อประเภทไดรเวอร์ขนาดไดรเวอร์การตอบสนองความถี่ค่า Impedanceความไว (Sensitivity)ขั้วเชื่อมต่อหูฟัง
In-Ear Monitor (IEM)3.5 มม.Dynamic (LCP Diaphragm)10 มม.20 Hz – 20 kHz32 โอห์ม122 dB/Vrms (@1kHz)2-pin (0.78 มม.)

คำแนะนำการเลือกซื้อหูฟังมีสายคู่ใจ ปี 2025

  • 1. รู้จักตัวเองและสไตล์การใช้งาน:
    ก่อนจะพุ่งตัวไปช้อปปิ้งเหมือนโดนป้ายยาจากรีวิวต่างๆ สิ่งแรกที่เราต้องทำคือสำรวจตัวเองก่อนเลยครับว่า เราเน้นใช้งานหูฟังไปในทิศทางไหนเป็นหลัก? ถ้าเป็น "สายเกมเมอร์" ที่จริงจังกับการแข่งขัน ต้องการเสียงที่ระบุทิศทางได้แม่นๆ สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมชัดๆ อาจจะต้องมองหาหูฟังเกมมิ่งแบบครอบหู (Over-Ear) ที่มีระบบเสียงจำลอง 7.1 หรือหูฟังอินเอียร์ (In-Ear) ที่มี Game Mode ลดความหน่วงของเสียง และต้องมีไมโครโฟนคุณภาพดีด้วย แต่ถ้าเป็น "สายดนตรี/ทำเพลง" หรือ "สายออดิโอไฟล์" ที่เน้นคุณภาพเสียงแบบดิบๆ เที่ยงตรง ไม่ปรุงแต่ง เพื่อการมอนิเตอร์หรือฟังเพื่อเก็บรายละเอียดเสียง อาจจะต้องไปทางหูฟังมอนิเตอร์แบบมีสาย หรือหูฟัง Open-Back ที่ให้ Soundstage กว้างๆ ส่วนถ้าเป็น "สายฟังเพลงทั่วไป/ดูหนัง" ที่ต้องการความบันเทิง เน้นเบสแน่นๆ เสียงร้องชัดๆ หรือรายละเอียดดีๆ หูฟังแบบ In-Ear หรือ Over-Ear สำหรับฟังเพลงทั่วไปก็มีตัวเลือกเยอะแยะไปหมด การรู้สไตล์การใช้งานของตัวเองจะช่วยจำกัดประเภทของหูฟังให้แคบลง ทำให้เลือกง่ายขึ้นเยอะ เหมือนเวลาเลือกซื้อของในงานกาชาด ต้องรู้ก่อนว่าจะไปโซนไหนถึงจะได้ของที่ต้องการ!
  • 2. คุณภาพเสียง...เรื่องใหญ่ที่ต้องใส่ใจ:
    อันนี้แหละคือหัวใจหลักของหูฟังเลยก็ว่าได้! คุณภาพเสียงมันไม่ใช่แค่ดังหรือไม่ดัง แต่มันคือรายละเอียด มิติ ความสมดุลของเสียงในแต่ละย่าน (เบส กลาง แหลม) และความเที่ยงตรงของเสียงด้วย สำหรับ "สายเบส" ที่ชอบฟังเพลง EDM, Hip-hop หรือ Pop ที่เน้นความตึ้บ อาจจะมองหาหูฟังที่มีไดรเวอร์ขนาดใหญ่หน่อย หรือมีรีวิวที่บอกว่าเบสแน่น แต่ต้องระวังอย่าให้เบสมันไปกลบเสียงย่านอื่นจนฟังไม่รู้เรื่องนะ ถ้าเป็น "สายเสียงร้อง" ที่ชอบฟังเพลง Acoustic, Jazz หรือเพลงไทยช้าๆ ที่เน้นอารมณ์ของเสียงร้อง อาจจะมองหาหูฟังที่ย่านเสียงกลางเด่นๆ เสียงร้องพุ่งๆ หน่อย ส่วน "สายออดิโอไฟล์" หรือ "สายมอนิเตอร์" ก็ต้องเน้นหูฟังที่ให้เสียงเป็นกลางที่สุด เที่ยงตรงที่สุด รายละเอียดครบทุกเม็ด เพื่อให้ได้ยินเสียงจริงๆ แบบที่มันเป็น นอกจากนี้ ลองดูเรื่องการตอบสนองความถี่ (Frequency Response) ด้วย ถ้าช่วงกว้างๆ ก็มีแนวโน้มจะให้รายละเอียดเสียงได้ครบถ้วนกว่า แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะตัดสินคุณภาพเสียงทั้งหมดนะ ทางที่ดีถ้ามีโอกาส **ลองฟังเสียงก่อนซื้อ** ก็จะดีที่สุด เพราะหูแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน เหมือนรสมือแม่ ถึงจะอร่อยแค่ไหนก็อาจจะไม่ถูกปากทุกคน!
  • 3. ความสบายในการสวมใส่...ใส่ได้นานไม่ปวดหู:
    ต่อให้เสียงดีเทพแค่ไหน ถ้าใส่แล้วปวดหูหรือไม่สบาย ก็คงไม่มีใครอยากใช้จริงจังหรอกเนอะ! โดยเฉพาะคนที่ต้องใส่หูฟังเป็นเวลานานๆ อย่างเกมเมอร์ที่เล่นมาราธอน หรือคนที่ทำงานดนตรีในสตูดิโอ ความสบายสำคัญมากๆ เลยครับ ถ้าเป็นหูฟังแบบครอบหู (Over-Ear) ให้ดูที่ขนาดและวัสดุของเอียร์แพดว่านุ่มสบายไหม ไม่บีบหูหรือกดศีรษะแน่นเกินไป น้ำหนักของหูฟังก็มีส่วน ถ้าหนักไปก็จะเมื่อยคอได้ ส่วนหูฟังแบบอินเอียร์ (In-Ear) ให้ดูที่รูปทรงของตัวหูฟังว่าเข้ากับสรีระหูของเราได้ดีไหม และวัสดุของจุกหูฟังว่านุ่มและมีขนาดที่พอดีกับช่องหูของเราหรือเปล่า บางรุ่นอาจมีจุกหูฟังให้เลือกหลายขนาด ก็ลองเปลี่ยนดูขนาดที่ใส่แล้วรู้สึกกระชับและสบายที่สุด การสวมใส่ที่สบายจะช่วยให้เราเพลิดเพลินกับการใช้งานหูฟังได้นานขึ้น โดยไม่ถูกรบกวนจากความไม่สบายตัว เหมือนได้นอนเตียงนุ่มๆ จะฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ก็ฟินยาวๆ ไปเลย!
  • 4. การเชื่อมต่อและฟีเจอร์เสริม...ครบครันตรงใจ:
    หูฟังมีสายส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อผ่านแจ็ค 3.5 มม. ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลาย แต่บางรุ่นก็อาจมีตัวเลือกการเชื่อมต่อแบบอื่น เช่น USB หรือ USB-C ซึ่งมักจะพบในหูฟังเกมมิ่งบางรุ่นที่รองรับระบบเสียงเซอร์ราวด์ หรือมีฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ ตรวจสอบดูว่าอุปกรณ์ที่เราจะนำหูฟังไปใช้มีพอร์ตเชื่อมต่อแบบไหน และหูฟังรุ่นที่เราสนใจรองรับการเชื่อมต่อแบบนั้นหรือไม่ นอกจากนี้ ลองดูฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ เช่น ไมโครโฟนในตัว (สำคัญสำหรับเกมเมอร์หรือคนที่ต้องคุยโทรศัพท์/ประชุม) ปุ่มควบคุมบนสาย (เพิ่มความสะดวกในการควบคุมเพลงหรือรับสาย) ระบบตัดเสียงรบกวน (ช่วยลดเสียงรบกวนภายนอก) หรือความสามารถในการถอดเปลี่ยนสายได้ (ช่วยยืดอายุการใช้งานและเปิดโอกาสให้อัปเกรดสายได้) เลือกหูฟังที่มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราจริงๆ ไม่ต้องมีฟีเจอร์เยอะแยะถ้าไม่ได้ใช้ เพราะบางทีมันก็มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง.

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟังมีสาย

  • Q: หูฟังมีสายให้คุณภาพเสียงดีกว่าหูฟังไร้สายจริงไหม?
    A: โดยทั่วไปแล้ว หูฟังมีสายมักจะให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่าหูฟังไร้สายในระดับราคาที่เท่ากัน เนื่องจากสัญญาณเสียงจะถูกส่งผ่านสายเคเบิลโดยตรงโดยไม่มีการบีบอัดหรือแปลงสัญญาณเหมือนกับการส่งผ่านบลูทูธ ทำให้ได้รายละเอียดและความเที่ยงตรงของเสียงที่ดีกว่า นอกจากนี้ หูฟังมีสายยังไม่ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่และไม่มีปัญหาเรื่องความหน่วงของสัญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบางการใช้งาน เช่น การเล่นเกมหรือการทำงานดนตรี. อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีหูฟังไร้สายก็พัฒนาขึ้นมาก หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ Codec คุณภาพสูงก็สามารถให้เสียงที่ดีใกล้เคียงหูฟังมีสายได้แล้วครับ.
  • Q: หูฟังมีสายเหมาะกับการเล่นเกมมากกว่าหูฟังไร้สายใช่หรือไม่?
    A: สำหรับการเล่นเกม โดยเฉพาะเกมที่ต้องการความแม่นยำของเสียงและการตอบสนองที่รวดเร็ว หูฟังมีสายมักจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากไม่มีปัญหาเรื่องความหน่วงของสัญญาณ (Latency) ที่อาจเกิดขึ้นกับการเชื่อมต่อไร้สาย ความหน่วงที่ต่ำจะช่วยให้เสียงในเกมตรงกับภาพที่เห็น ทำให้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ในเกมได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม หูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นใหม่ๆ ก็มีการพัฒนา Game Mode ที่ช่วยลดความหน่วงลงได้อย่างมาก ทำให้การใช้งานใกล้เคียงกับแบบมีสายมากขึ้นในบางรุ่น.
  • Q: ค่า Impedance ของหูฟังมีสายคืออะไร และสำคัญอย่างไร?
    A: ค่า Impedance (ความต้านทาน) ของหูฟังมีหน่วยเป็นโอห์ม (Ω) คือค่าที่บอกว่าหูฟังต้องการกำลังขับมากน้อยแค่ไหนจากอุปกรณ์ต้นทาง (เช่น โทรศัพท์, เครื่องเล่นเพลง, แอมป์หูฟัง) หูฟังที่มีค่า Impedance ต่ำ (เช่น 16-32 โอห์ม) จะขับง่าย ใช้กับอุปกรณ์พกพาทั่วไปได้ดี แต่หูฟังที่มีค่า Impedance สูง (เช่น 250-300 โอห์ม) จะต้องการกำลังขับที่สูงกว่าเพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด มักจะต้องใช้ร่วมกับแอมป์หูฟังหรืออุปกรณ์ที่มีกำลังขับสูง การเลือกค่า Impedance ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เรามีจะช่วยให้หูฟังแสดงประสิทธิภาพเสียงออกมาได้อย่างเต็มที่ครับ.
  • Q: สามารถเปลี่ยนสายหูฟังมีสายได้หรือไม่ และการเปลี่ยนสายมีผลต่อคุณภาพเสียงไหม?
    A: หูฟังมีสายหลายรุ่น โดยเฉพาะหูฟังประเภท IEM หรือหูฟังมอนิเตอร์บางรุ่น ถูกออกแบบมาให้สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ การเปลี่ยนสายหูฟังสามารถทำได้และอาจมีผลต่อคุณภาพเสียงได้จริง โดยสายหูฟังที่ทำจากวัสดุคุณภาพดีขึ้น หรือมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน อาจช่วยลดสัญญาณรบกวน ปรับปรุงการนำสัญญาณ หรือส่งผลเล็กน้อยต่อสมดุลเสียงในย่านต่างๆ ได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนสายยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหูฟังได้ด้วย หากสายเดิมชำรุดก็สามารถเปลี่ยนเฉพาะสายได้โดยไม่ต้องซื้อหูฟังใหม่.

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

รีวิวหูฟัง Sennheiser: รุ่นที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ผมได้ใช้หูฟัง Sennheiser มาแล้วหลายรุ่นและใช้เวลาฟังไปหลายร้อยชั่วโมง วันนี้ผมจึงอยากจะสรุปและรวบรวมรายชื่อหูฟังรุ่นที่ดีที่สุดที่คุณควรพิจารณาในปี 2022 และปีต่อ
Sennheiser ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก 🎧 แต่คุ้มค่าแก่เวลาเรียนรู้
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้ใหม่ที่อยากลองใช้ AirPods หรือกำลังมองหาหูฟังคู่ใหม่แทนรุ่นเดิมที่ชำรุด ก็คงเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมหูฟังของ Apple ถึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา Apple ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำงานร่วมกันได้อย่า
👋อุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone ที่สำคัญที่สุด…ไม่ใช่ที่ชาร์จ แต่เป็น AirPods จริงหรือ?
หลังจากเปิดตัว iPhone 16 การเลือกหูฟังที่เหมาะสมก็ยิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้น แต่ด้วยการตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกไปแล้ว การเลือกหูฟังจึงมีตัวเลือกหลักคือ หูฟังบลูทูธที่สะดวก หรือหูฟัง USB-C แบบมีสายที่ให้คุณภาพเสียงชัดเจน ในคู่ม
รีวิวหูฟังที่เหมาะกับ iPhone 16 ซีรีส์

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

เด็กฝึกงานบนท้องถนนในนิวยอร์กโรเบิร์ต เดอ นีโร ซึ่งนามสกุลแปลว่า "ราตรี" ในภาษาอิตาลี เริ่มต้นอาชีพบนถนนอันแสนทรหดในย่านโลเวอร์อีสต์ไซด์ของนิวยอร์ก ไม่ได้อยู่บนฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม เดอ นีโรเกิดในปี 1943 ในครอบครัวศิลปิน บิดาเป็นนักแสดงแนวแอ็
2025-08-15T08:47Z
ทำความรู้จักกับนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ | Robert De Niro: Method Alchemist
ประมาณสามปีที่แล้ว แทนที่จะซื้อแล็ปท็อป Windows อีกเครื่อง ก็เลยลองเปลี่ยนมาใช้ Mac ตามที่เห็นคนรอบตัวใช้สำหรับผู้ที่ใช้ Windows มานาน การปรับตัวมาใช้ macOS ถือเป็นเรื่องท้าทาย ปัญหาส่วนใหญ่ของ Windows แก้ได้ง่าย แต่บน Mac กลับมีเรื่องใหม่
2025-08-14T10:53Z
เปลี่ยนมาใช้ Mac ต้องรู้! รวมเคล็ดลับฟรีที่ชาว Windows ไม่ควรพลาด
รีวิว HP EliteBook x360 830 G8 – แล็ปท็อปสายองค์กร พรีเมียม เรียบหรู พกง่ายถ้าคุณกำลังมองหาแล็ปท็อปสำหรับใช้งานในองค์กร ที่ทั้งสวยพรีเมียม พกสะดวก และมีความทนทานระดับ Commercial วันนี้เรามีอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาแนะนำกัน นั่นคือ HP EliteBo
HP EliteBook x360 830 G8 น่าซื้อไหม? เจาะลึกสเปกและทดลองใช้ก่อนตัดสินใจ

บทความยอดนิยม