ตอนนี้ปี 2025 แล้ว Xiaomi TV ยังน่าซื้ออยู่ไหม?

ความนิยมของ Xiaomi TV นั้นมีมาอย่างยาวนาน และทั้ง Xiaomi เองและแบรนด์ย่อย Redmi ก็เป็นประเด็นถกเถียงอย่างดุเดือดมาโดยตลอด

Xiaomi มุ่งมั่นที่จะครองตำแหน่งในตลาดทีวีระดับไฮเอนด์ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นนำอย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันก็ได้แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าสูงสุดอันเป็นเอกลักษณ์ ในทางกลับกัน Redmi นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้ภายใต้แนวคิดที่เป็นมิตรกับงบประมาณ ซึ่งสะท้อนถึงความหมายของ "ความคุ้มค่าสูงสุด" ได้อย่างแท้จริง

ปัจจุบัน Xiaomi TV มีผลิตภัณฑ์ทีวีมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีประสิทธิภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ ก็มีทีวี Xiaomi บางรุ่นที่ไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ วันนี้เราจะมาเจาะลึก Xiaomi TV รุ่นที่ไม่คุ้มค่าที่จะซื้อ พร้อมแนะนำทีวี Xiaomi หลายรุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคา

อาจเป็นเพราะคุณภาพของภาพไม่เป็นที่น่าพอใจ หรือการกำหนดค่าฮาร์ดแวร์ค่อนข้างล้าสมัย หรือราคาไม่ได้สมดุลกับประสิทธิภาพ ดังนั้นควรซื้อรุ่นเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองเงิน

Zestbuy คัดกรองผลิตภัณฑ์สำหรับคุณ ช่วยคุณลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการซื้อ และให้ทางเลือกในการซื้อมากมายแก่คุณ!

ทุ่นระเบิดการซื้อทีวี Xiaomi

⚡ทุ่นระเบิด 1: อย่าซื้อรุ่นเล็กและรุ่นล่าง!

Xiaomi มีขนาดให้เลือกหลากหลาย แต่ผมไม่แนะนำขนาดที่เล็กเกินไป ปกติผมแนะนำให้เริ่มจาก 55 นิ้ว แพงกว่าสองสามร้อยดอลลาร์ แต่ดูดีกว่าเยอะ

ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ไม่รองรับเทคโนโลยีช่วงสีกว้าง และประสิทธิภาพสีก็ค่อนข้างจืดชืด ขณะเดียวกัน การไม่มีฟังก์ชันชดเชยการเคลื่อนไหวก็ทำให้เกิดภาพซ้อนและภาพเบลอได้ง่าย ในแง่ของความละเอียด ข้อกำหนด 720p หรือ 1080p นั้นถือว่าล้าหลังมากในยุคปัจจุบันที่หน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูง

ในด้านประสิทธิภาพ การกำหนดค่า SOC ของทีวีเหล่านี้ก็น่าผิดหวังเช่นกัน โดยทั่วไป RAM จะมีเพียง 1GB ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าและความล่าช้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญกว่านั้น CPU ใช้การออกแบบแบบดูอัลคอร์ A53 ซึ่งแน่นอนว่าเก่าเกินไปและด้อยประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับการพัฒนาประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ที่รวดเร็ว

ดังนั้น สำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของภาพและประสิทธิภาพ ทีวีขนาดเล็กจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ชาญฉลาดนัก เว้นแต่ว่าคุณจะมีคุณสมบัติการใช้งานทีวีที่ต่ำมาก และพอใจกับฟังก์ชันการรับชมขั้นพื้นฐานที่สุด และไม่ได้ต้องการคุณภาพและประสิทธิภาพของภาพสูงเกินไป การเลือกรุ่นที่ถูกที่สุดในบรรดารุ่นเหล่านี้อาจเป็นที่ยอมรับได้ แต่หากคุณต้องการประสบการณ์การรับชมที่ดีกว่า ขอแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีคุณภาพภาพที่ดีกว่าและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า

⚡Minefield 2: อย่าซื้อ Xiaomi รุ่น Racing Edition!

ตอนนี้ Xiaomi A Racing Edition กำลังวางจำหน่าย และยังคงได้รับความนิยมอยู่ ส่วนตัวผมแนะนำว่าอย่าซื้อรุ่นนี้เลย อย่างแรกเลย "ความเร็ว" หมายถึงอัตราการรีเฟรชที่ทำได้หลังจากเปิดโหมดความเร็วเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงอัตราการรีเฟรชปกติ อัตราการรีเฟรชปกติอยู่ที่ 60Hz เท่านั้น หลังจากเปิดโหมดความเร็วแล้ว จะมีอาการกระตุกและภาพซ้อน

⚡Minefield 3: อย่าซื้อซีรีส์ Xiaomi EA!

แม้ว่าร้านค้าอย่างเป็นทางการจะเลิกจำหน่ายซีรีส์ EA แล้ว แต่ร้านค้าปลีกบางแห่งยังคงมีสินค้าในสต็อกและยังคงจำหน่ายต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำว่าผมไม่แนะนำให้ซื้อทีวีจากช่องทางอย่างเป็นทางการที่ไม่ใช่ของแท้ เนื่องจากการซื้อดังกล่าวมักมีความเสี่ยงสูง รวมถึงปัญหาต่างๆ เช่น ไม่สามารถรับประกันคุณภาพของสินค้าได้ และยากต่อการให้บริการหลังการขาย

ในด้านคุณภาพของภาพ ประสิทธิภาพของซีรีส์ Xiaomi EA ก็ยังไม่น่าพอใจเช่นกัน ยังคงรักษารูปแบบการใช้งานของรุ่นราคาประหยัดไว้ได้ ไม่รองรับเทคโนโลยีช่วงสีที่กว้าง และไม่มีฟังก์ชันชดเชยการเคลื่อนไหว ซึ่งแน่นอนว่าจำกัดการแสดงผลของเอฟเฟกต์ภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสิทธิภาพของ SOC ยังไม่สูงพอ

ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือซีรีส์ Xiaomi EA ก็ประสบปัญหาหน้าจอหลุดอัตโนมัติเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Xiaomi EA70 หน้าจอของทีวีรุ่นนี้ไม่ได้ติดกาวอย่างแน่นหนา และไม่มีขอบจอที่ออกแบบมา ทำให้หน้าจอถูกแขวนไว้กับตัวเครื่องอย่างแน่นหนา ซึ่งเสี่ยงต่อการหลุดร่วง

⚡Minefield 1: อย่าซื้อซีรีส์ ES!

ซีรีส์ ES ก็วางจำหน่ายบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเช่นกัน แต่เป็นรุ่นเก่าตั้งแต่ปี 2021 แม้ว่าจะมีคนแนะนำรุ่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้ไม่แนะนำแล้ว เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว รุ่นผลิตภัณฑ์ทีวีจึงได้รับการอัปเดตเกือบทุกปี ทีวีเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ยึดหลัก "ซื้อใหม่ ไม่ใช่ซื้อเก่า" มากที่สุด

ทีวี Xiaomi สุดเจ๋ง

Redmi A รุ่นประหยัดพลังงาน (50-55-65-70-75-85 นิ้ว)

ระดับทีวี: ทีวีระดับล่าง + ทีวีที่ไม่ใช่เกม

Redmi A Energy Saving Edition ให้ความสว่างสูงสุด 300nits ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ผสานกับความถี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าที่ 120Hz คุณภาพของภาพโดยรวมจึงราบรื่นและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะรับชมกีฬาหรือภาพยนตร์แอคชั่น ก็มอบประสบการณ์การรับชมที่ดียิ่งขึ้น

ในด้านประสิทธิภาพ Redmi A Energy Saving Edition ซีรีส์นี้มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ A35 Quad-core และ RAM 2GB การกำหนดค่านี้เพียงพอที่จะรับประกันการทำงานที่ราบรื่นของทีวี ไม่ว่าจะเป็นการสลับแอปพลิเคชันหรือการโหลดเนื้อหา ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดอาการหน่วง ประสิทธิภาพเช่นนี้ค่อนข้างหายากสำหรับเครื่องระดับล่าง

Redmi A Energy Saving Edition ซีรีส์นี้มีราคาค่อนข้างเอื้อมถึง ส่วนตัวผมคิดว่าคุณสามารถซื้อได้เพราะราคาถูกกว่าเล็กน้อย

Redmi A Pro (43-50-55-65-70-75 นิ้ว)

ระดับทีวี: ทีวีระดับกลาง + ทีวีสำหรับเล่นเกมระดับเริ่มต้น

ซีรีส์ Redmi A Pro มีขนาดให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 43 นิ้วถึง 75 นิ้ว มอบตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน นับเป็นรุ่นใหม่ที่ครองตลาดมายาวนานถึง 25 ปี หนึ่งในนั้นก็คือรุ่นเล็กระดับกลางที่หาได้ยากของ Xiaomi ซึ่งทำให้โดดเด่นเป็นพิเศษในตลาด

ในด้านคุณภาพของภาพ Redmi A Pro ซีรีส์มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นเป็นพิเศษ รองรับช่วงสีที่กว้างถึง DCI-P3 (94%) ซึ่งสามารถแสดงสีสันที่เข้มข้นขึ้นและทำให้ภาพดูสดใสและสมจริงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังรองรับเทคโนโลยีชดเชยการเคลื่อนไหวซึ่งช่วยลดรอยเปื้อนและความเบลอของหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับประสบการณ์การรับชม เมื่อเทียบกับ Redmi A ซีรีส์ที่มีขนาดเท่ากัน Redmi A Pro มีการปรับปรุงคุณภาพของภาพอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ซีรีส์นี้ยังใช้การออกแบบหน้าจอที่นุ่มนวลซึ่งช่วยลดแสงสะท้อนและแสงจ้าของหน้าจอ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการรับชม แม้ว่าจะไม่มีหน้าจออัตราการรีเฟรชที่สูง แต่เทคโนโลยี DLG ความถี่สองเท่า 144Hz ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ 25 ปี สามารถเพิ่มความต่อเนื่องของภาพได้

ในด้านประสิทธิภาพ Redmi A Pro ซีรีส์นี้ก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน มาพร้อมหน่วยประมวลผล A55 Quad-core และ RAM 3GB ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทีวีที่ราบรื่นและเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเล่นวิดีโอความละเอียดสูง การใช้งานแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ หรือการสลับใช้งานหลายๆ อย่าง ก็ทำได้อย่างง่ายดาย

Xiaomi TV A Pro 65 2025

฿12,990-฿12,990

ซื้อสินค้า

สรุปแล้ว หากคุณกำลังมองหาทีวีระดับกลางที่ให้คุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพที่เสถียร และราคาที่เข้าถึงได้ ซีรีส์ Redmi A Pro ถือเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ซีรีส์นี้ก็มอบประสบการณ์การรับชมที่น่าพึงพอใจให้กับคุณ

ตัวนี้คือตัวเลือกแรกในราคาถูก และสีสันสดใสก็ทำให้คุ้มค่าแก่การเลือกมากขึ้น

S มินิ LED (55-65-75-85 นิ้ว)

ระดับทีวี: คุณภาพของภาพระดับไฮเอนด์ + ทีวีสำหรับเล่นเกมไฮเอนด์

นี่คือทีวี Mini LED ที่ผสานรวมทีวีระดับไฮเอนด์เข้ากับทีวีสำหรับเล่นเกมระดับไฮเอนด์ คุณภาพของภาพที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ด้วยเทคโนโลยี Mini LED แม้แต่คุณภาพภาพที่ต่ำกว่าก็ยังเหนือกว่าทีวี LCD ส่วนใหญ่ ความสว่างที่น่าทึ่งถึง 1200 นิต ช่วยยกระดับความสว่างและรายละเอียดภาพไปอีกขั้น มอบประสบการณ์การรับชมที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น

ในส่วนของการแบ่งส่วนแบ็คไลท์ ทีวี Mini LED รุ่นนี้ก็ได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมากเช่นกัน ทีวีทั้งสี่ขนาด ได้แก่ S55, S65, S75 และ S85 มาพร้อมกับแผงแบ็คไลท์แบบกระดานหมากรุกจำนวน 308, 392, 512 และ 640 แผงตามลำดับ การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความคมชัดและชั้นของภาพได้อย่างมาก แต่ยังช่วยลดแสงสะท้อนและแสงรั่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพมีความคมชัดและละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น

ในด้านประสิทธิภาพ ทีวี LED มินิรุ่นนี้ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน มาพร้อมโปรเซสเซอร์ A73 Quad-core 1.3GHz, RAM 3GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 32GB การกำหนดค่านี้เพียงพอต่อการใช้งานทีวีที่ราบรื่นและเสถียร ไม่ว่าจะเป็นการเล่นวิดีโอความละเอียดสูง การใช้งานแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ หรือการสลับใช้งานหลายๆ อย่างพร้อมกัน

สิ่งสำคัญที่สุดคือราคาของ Mini LED TV รุ่นนี้ไม่ได้สูงมากนัก เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทีวีอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามาก เรียกได้ว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าที่สุด สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการซื้อ Mini LED TV แต่มีงบจำกัด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม S MniLED TV รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการด้านคุณภาพของภาพและประสิทธิภาพการใช้งานระดับสูงเท่านั้น แต่ยังให้ความจริงใจในด้านราคาอีกด้วย