Universal Pictures: ตำนานแห่งแสงและเงาอายุกว่าร้อยปี

ท่ามกลางแสงระยิบระยับของฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม รอยเท้าของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเปรียบเสมือนเส้นเลือดสีทองที่หล่อเลี้ยงประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ผสานความฝัน นวัตกรรม และภูมิปัญญาทางธุรกิจ นับตั้งแต่คาร์ล เลมม์เล ผู้อพยพชาวเยอรมัน ก่อตั้งยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สขึ้นในปี 1912 บริษัทเก่าแก่นับศตวรรษแห่งนี้ได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในมหาสมุทรแห่งภาพยนตร์ด้วยความกล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์อันน่าทึ่ง ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ภาพยนตร์คลาสสิกมากมายนับไม่ถ้วน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวิถีการพัฒนาของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลกอีกด้วย

ภาพยนตร์การเดินทางของนักฝันผู้อพยพ

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ภาพยนตร์ซึ่งเป็นรูปแบบความบันเทิงรูปแบบใหม่ ได้แพร่หลายไปทั่วสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว

ในปี ค.ศ. 1906 คาร์ล เลมม์เล ได้เปิดโรงภาพยนตร์แห่งแรกในชิคาโกด้วยเงินออม 3,000 ดอลลาร์ ในขณะนั้น อุตสาหกรรมการฉายภาพยนตร์มีการแข่งขันสูง และบริษัทสิทธิบัตรฟิล์มของเอดิสัน ร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโกดัก เกือบจะผูกขาดสิทธิบัตรอุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์และการฉายภาพยนตร์ ทำให้บริษัทขนาดเล็กหลายแห่งดำเนินธุรกิจได้ยากลำบาก แต่เลมม์เลก็ไม่ยอมถอย เขาเป็นผู้นำในการโต้กลับ "การผูกขาด" ของเอดิสัน และริเริ่มกลยุทธ์ "สร้างดารา" อย่างสร้างสรรค์

ด้วยการโปรโมตนักแสดงเดี่ยวอย่างแข็งขัน เขาประสบความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียงให้กับ ฟลอเรนซ์ ลอว์ เรนซ์ ดาราภาพยนตร์คนแรก การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เน้นภาพยนตร์เป็นศูนย์กลางเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจของแฟนๆ อีกด้วย ซึ่งช่วยสร้างพลังและมูลค่าเชิงพาณิชย์ใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์

เพื่อกำจัดการกดขี่ของบริษัทสิทธิบัตร ในปี 1912 เลมม์เลได้รวมบริษัทภาพยนตร์อิสระของเขาเข้ากับอีกห้าบริษัทเพื่อก่อตั้งบริษัทยูนิเวอร์แซล ฟิล์ม แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งเป็นบริษัทก่อนหน้าของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส จากนั้นเขานำกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์ไปยังลอสแอนเจลิสและก่อตั้งสตูดิโอภาพยนตร์นอกเมือง ต่อมาพื้นที่นี้ได้กลายเป็นฮอลลีวูดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในปี 1915 เลมม์เลได้ใช้เงินทุนที่สะสมจากการสร้างภาพยนตร์เพื่อสร้างยูนิเวอร์แซล ซิตี้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 0.93 ตารางกิโลเมตรใกล้กับฮอลลีวูด มีฉากถ่ายทำประมาณ 600 ฉาก และเวที 90 เวที เปรียบเสมือนดินแดนในอุดมคติของภาพยนตร์ เลมม์เลยังตัดสินใจอย่างกล้าหาญในการเปิดยูนิเวอร์แซล ซิตี้ให้สาธารณชนเข้าชม เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสความลึกลับเบื้องหลังภาพยนตร์ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์แห่งแรกของโลกจึงถือกำเนิดขึ้น เป็นผู้บุกเบิกการผสมผสานระหว่างภาพยนตร์และสวนสนุก มอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับผู้ชม

เมืองยูนิเวอร์แซล 1915

หลังจากขึ้นและลง ปรับเปลี่ยนความรุ่งโรจน์

การพัฒนาในช่วงแรกของ Universal Pictures นั้นไม่ราบรื่นนัก ในช่วงปลายทศวรรษ 1920 เมื่อภาพยนตร์พูดได้รับความนิยมมากขึ้น Universal City ถูกบังคับให้หยุดรับนักท่องเที่ยวเนื่องจากไม่สามารถทนต่อเสียงรบกวนจากนักท่องเที่ยวได้ ในปี 1929 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างหนัก และ Universal Pictures ก็ประสบปัญหาทางการเงิน โดยขาดทุนมากถึง 1.2 ล้านดอลลาร์ในปี 1932 ในปี 1936 Laemmle ถูกบังคับให้ขายบริษัท และ Universal Pictures ก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างผันผวน

ในช่วงกลางทศวรรษ 1940 อาร์เธอร์ แรนช์ นักธุรกิจชาวอังกฤษ และอินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส ได้ร่วมกันก่อตั้งยูนิเวอร์แซล อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส แต่ภายใต้การแข่งขันของคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างเอ็มจีเอ็มและพาราเมาท์ ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สยังคงประสบปัญหาในการพัฒนา จนกระทั่งปี 1964 บริษัทอเมริกัน มิวสิค คอร์ปอเรชั่น จึงได้เข้าซื้อกิจการยูนิเวอร์แซล อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส และก่อตั้งบริษัทลูกของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ พร้อมกันกับการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์และอุตสาหกรรมโฆษณาสมัยใหม่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์จึงได้เริ่มต้นโครงการพาเหรดขึ้นใหม่ โดยอาศัยอิทธิพลของภาพยนตร์เพื่อดึงดูดแฟนๆ ให้เข้ามาที่สวนสนุก และค่อยๆ พัฒนาไปในทิศทางใหม่

ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 ถึง 1990 ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการฟื้นตัว สตีเวน สปีลเบิร์ก วัยหนุ่มได้เข้าทำงานเป็นพนักงานฝึกงานที่ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ และได้รับการยกย่องจากบริษัทในความสามารถของเขา ในปี 1975 เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่อง "Jaws" ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมทั่วโลกด้วยฉากที่สมจริงและน่าตื่นเต้น สร้างผลงานทำเงินได้อย่างน่าทึ่ง กลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ และทำให้สปีลเบิร์กโด่งดังในชั่วข้ามคืน

สตีเวน สปีลเบิร์ก

นับตั้งแต่นั้นมา เขาได้สร้างผลงานภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายและได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์มากมาย อาทิ ET the Extraterrestrial และ Jurassic Park ซึ่งไม่เพียงแต่คว้ารางวัลออสการ์และรางวัลอื่นๆ มาครองเท่านั้น แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมายังยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์อย่างต่อเนื่อง และเครื่องเล่นธีมที่เกี่ยวข้องก็กลายเป็นเครื่องเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสวนสนุก ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์อย่าง Back to the Future ซึ่งเป็นผลงานการร่วมทุนระหว่างยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และโรเบิร์ต เซเมคคิส และ Apollo 13 ซึ่งกำกับโดยรอน ฮาวเวิร์ด ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นกัน ทำให้ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส กลับมาอยู่ในอันดับบริษัทฮอลลีวูดชั้นนำอีกครั้ง

ผลงานที่ยอดเยี่ยมมักถูกผลิตขึ้นบ่อยครั้ง: การสร้างพระราชวังแห่งความฝันของศิลปะภาพยนตร์

ตลอดระยะเวลาการพัฒนาตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้นำเสนอผลงานชิ้นเอกคลาสสิกมากมายนับไม่ถ้วนสู่สายตาผู้ชม ครอบคลุมหลากหลายแนวภาพยนตร์ ซึ่งแต่ละแนวล้วนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในยุคแรกเริ่ม ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้สร้างชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์ด้วยผลงานภาพยนตร์ระทึกขวัญสยองขวัญแนวกอธิค ภาพยนตร์อย่าง "เจ้าสาวแห่งแฟรงเกนสไตน์" "มนุษย์ล่องหน" และ "แดร็กคิวลา" กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกอมตะ ด้วยบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวอันน่าทึ่ง และเทคนิคพิเศษอันโดดเด่น และสร้างภาพสยองขวัญที่ฝังรากลึกนับไม่ถ้วน ซึ่งมีอิทธิพลต่อสไตล์การสร้างสรรค์ของภาพยนตร์สยองขวัญในยุคหลังๆ

แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ยังคงขยายขอบเขตของเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง Schindler's List ถ่ายทอดความโหดร้ายและความเฉียบแหลมของมนุษยชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในรูปแบบขาวดำ สปีลเบิร์กใช้การเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนและน่าตกใจ เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความทุกข์ทรมานจากสงครามและความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ 7 รางวัล และกลายเป็นอนุสรณ์สถานต่อต้านสงครามตลอดกาลในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์

ในภาพยนตร์เรื่อง "Scent of a Woman" อัล ปาชิโนรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ตาบอด ผู้ถ่ายทอดอารมณ์อันซับซ้อนและความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละครออกมาได้อย่างชัดเจนด้วยทักษะการแสดงอันยอดเยี่ยม การสำรวจธรรมชาติของมนุษย์ ศักดิ์ศรี และความกล้าหาญของภาพยนตร์เรื่องนี้ชวนให้ขบคิด

กลิ่นของผู้หญิง

ในแง่ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เชิงพาณิชย์ ซีรีส์ Fast and Furious ได้ดึงดูดแฟนๆ จำนวนมากทั่วโลกด้วยฉากการแข่งรถที่น่าตื่นเต้นและเนื้อเรื่องหลักเกี่ยวกับความรักของพี่น้อง ซีรีส์นี้กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จสูงสุด และยังส่งเสริมนวัตกรรมและการพัฒนาของภาพยนตร์แอคชั่นอีกด้วย

ซีรีส์ Despicable Me ถือเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยมินเนี่ยนสุดน่ารักและเรื่องราวที่อบอุ่นและน่าสนใจ และทำให้ Universal Pictures มีตำแหน่งสำคัญในตลาดแอนิเมชั่น

ความสำคัญและอารมณ์ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์: พยานแห่งยุคสมัยและผู้ส่งเสริมนวัตกรรม

ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ไม่เพียงแต่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรมภาพยนตร์และเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อีกด้วย นับตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของการสร้างโมเดล "การสร้างดารา" และการก่อตั้งยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ ไปจนถึงการสำรวจความหลากหลายของธีมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกับบุคลากรชั้นนำเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีภาพยนตร์ ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงวงการภาพยนตร์มาโดยตลอด กระบวนการพัฒนาที่ยาวนานนับศตวรรษของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการภาพยนตร์ ตั้งแต่ภาพยนตร์เงียบสู่ภาพยนตร์เสียง จากภาพยนตร์ขาวดำสู่ภาพยนตร์สี และจากการถ่ายทำแบบดั้งเดิมสู่ภาพยนตร์ดิจิทัลสเปเชียลเอฟเฟกต์ ซึ่งล้วนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพัฒนาการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์

ผลงานของ Universal Pictures ถ่ายทอดความทรงจำอันน่าประทับใจของผู้ชมนับไม่ถ้วน ภาพยนตร์เหล่านี้เปรียบเสมือนเพื่อนเก่าที่ร่วมเดินทางไปกับผู้ชมในทุกช่วงวัยของชีวิต โดยใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อกลางในการข้ามพรมแดนทางวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์ เชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายประเทศและภูมิหลัง เพื่อสัมผัสเสน่ห์แห่งศิลปะภาพยนตร์ร่วมกัน กลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของวัฒนธรรมภาพยนตร์ระดับโลก และยังคงสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง

Hot Wheels Culture Speed and Passion Fast

฿318-฿681

ซื้อสินค้า

Universal Studios E.T. & Spaceship Launcher

฿1,287-฿1,287

ซื้อสินค้า