การถ่ายภาพขั้นสูง | หัวขาตั้งกล้องคืออะไร? จะเลือกหัวขาตั้งกล้องที่เหมาะกับฉันได้อย่างไร?

การเลือกหัวขาตั้งกล้องที่เหมาะสมอาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างการถ่ายภาพในฝันกับการถ่ายภาพพลาดเป้าอย่างสิ้นเชิง ขาตั้งกล้องเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพของคุณ ดังนั้นการเลือกหัวขาตั้งกล้องจึงส่งผลต่อความสุขในการใช้งานของคุณเช่นกัน ลองมาดูหัวขาตั้งกล้องแบบต่างๆ เช่น หัวบอล หัวแพน หัวทิลต์ หัวเกียร์ หัวกิมบอล และหัวขาตั้งกล้องแบบด้ามปืน พร้อมพูดคุยถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้ออย่างชาญฉลาด

โปรดทราบว่าขาตั้งกล้องหลายรุ่นมักมีหัวขาตั้งกล้องแถมมาให้ด้วย การรู้ว่าต้องใช้หัวแบบไหนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการซื้อ ดังนั้นหากคุณกำลังอ่านข้อความนี้ก่อนซื้อขาตั้งกล้อง แสดงว่าคุณกำลังตัดสินใจเลือกที่ถูกต้องแล้ว เลือกหัวขาตั้งกล้องที่เหมาะสม แล้วหาหัวขาตั้งกล้องที่มาพร้อมขาตั้งกล้อง หรือซื้อหัวขาตั้งกล้องและขาขาตั้งกล้องแยกกันก็ได้

หัวขาตั้งกล้องคืออะไร?

แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้ว คุณสามารถติดกล้องไว้บนขาตั้งกล้องได้โดยตรง แต่หัวขาตั้งกล้องจะช่วยให้คุณปรับตำแหน่งกล้องได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณสามารถจัดองค์ประกอบภาพตามที่เห็น และถือกล้องให้มั่นคงขณะที่คุณถ่ายภาพ

อย่างที่คุณอาจทราบอยู่แล้วว่า มีวิธีทำกับดักหนูแบบนี้ได้มากกว่าหนึ่งวิธี และหัวขาตั้งกล้องก็มีหลายประเภทในท้องตลาด ลองมาดูบางส่วนกัน

หัวทรงกลม

หัวขาตั้งกล้องที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุด คือ หัวบอล ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ค่อนข้างใหม่ หากคุณไม่ต้องการหัวขาตั้งกล้องแบบเฉพาะ (เช่น เพื่อปรับสมดุลเลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่ หรือสำหรับงานสถาปัตยกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง) หัวบอลที่ใช้งานได้แทบทุกสถานการณ์อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา

หัวบอลบรรจุอยู่ในตัวเรือนที่มีปุ่มสำหรับยึดตัวเรือนเข้ากับหัวบอล โดยล็อคหัวบอล (และตัวกล้องที่ติดตั้งอยู่บนหัวบอล) ให้อยู่กับที่ หัวบอลทุกแบบมีปุ่มล็อกหลัก แต่บางรุ่นมีปุ่มเพิ่มเติมที่ควบคุมการทำงานต่างๆ ของหัวบอล หัวบอลบางรุ่นมีฐานแพนกล้องพร้อมปุ่มแยกต่างหากสำหรับควบคุมและล็อกการเคลื่อนที่แบบแพนกล้อง หัวบอลบางรุ่นมีปุ่มสำหรับปรับแรงเสียดทาน

หัวบอลส่วนใหญ่ (หรือเกือบทั้งหมด) มีช่องเจาะที่ตัวเรือนกล้อง ซึ่งช่วยให้สามารถวางกล้องลงได้ 90° จากแนวนอน บางรุ่นยังมีช่องเจาะหลายช่องเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางตำแหน่งอีกด้วย

ข้อได้เปรียบ:

ขนาดค่อนข้างเล็ก

ใช้งานง่าย

ปรับตำแหน่งกล้องอย่างรวดเร็ว

สามารถใช้งานได้กับการถ่ายภาพเกือบทุกประเภท

ข้อบกพร่อง:

ฝุ่นและทรายอาจทำให้เกิดปัญหากับกลไกได้

ความสามารถในการรับน้ำหนักจำกัด

การใช้งานทั่วไป:

การถ่ายภาพทุกประเภทก็ใช้ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็น "ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เชี่ยวชาญสักอย่าง" หัวบอลจะใช้งานได้ดีมากสำหรับช่างภาพส่วนใหญ่ที่ถ่ายภาพหลากหลายประเภท

หัวแพน/เอียงสามทางหรือหัวแพน/เอียงแนวนอน/แนวตั้ง

หัวขาตั้งกล้องสามทาง หรือที่รู้จักกันในชื่อหัวแพน เป็นหัวขาตั้งกล้องแบบดั้งเดิมที่สุด มีแขนควบคุมสามตัวยื่นออกมาจากหัว แต่ละแขนรองรับการปรับตามแกนเดียว ได้แก่ แกนตั้ง แกนนอน และแกนแพน หากต้องการเคลื่อนกล้องไปตามแกนใดแกนหนึ่ง ให้คลายแขน ปรับตำแหน่งกล้อง แล้วจึงขันแขนให้แน่น การทำงานคล้ายกับหัวบอล แต่สามารถปรับได้สามตำแหน่งอิสระ

ข้อได้เปรียบ:

แม่นยำกว่าหัวบอลเพราะปรับแกนได้ครั้งละแกนเดียวเท่านั้น

ข้อบกพร่อง:

ใหญ่กว่าหัวบอลเพราะแขนทั้งสามมักจะยื่นออกมาจากหัวพอสมควร ทำให้ไม่เหมาะกับการเดินทาง

ความเร็วในการวางตำแหน่งจะช้ากว่าหัวบอล

การใช้งานทั่วไป:

การถ่ายภาพทิวทัศน์

การถ่ายภาพในสตูดิโอ

การถ่ายภาพมาโคร

การถ่ายภาพทั่วไป

หัวด้ามปืนพก

หัวจับแบบปืนพก (Pistol Grip Head) เป็นการดัดแปลงที่ชาญฉลาดจากหัวบอลมาตรฐาน แทนที่จะใช้ปุ่มหมุนเพื่อลดแรงเสียดทานบนหัวบอล หัวจับนี้มีคันโยกแบบบีบที่ช่วยให้คุณปรับตำแหน่งของกล้องได้ด้วยการบีบกริป ปล่อยกริป กล้องก็จะอยู่กับที่

ข้อได้เปรียบ:

ปรับตำแหน่งกล้องอย่างรวดเร็ว

ใช้งานง่าย

ข้อบกพร่อง:

ใหญ่กว่าหัวบอลเนื่องจากมีด้ามจับขนาดใหญ่

โดยทั่วไปจะมีความสามารถในการรับน้ำหนักต่ำกว่าลูกบอลที่มีขนาด/ราคาใกล้เคียงกันหรือหัวสามทาง

การใช้งานทั่วไป:

ช่างภาพสัตว์ป่า กีฬา และแอคชั่นที่ใช้เลนส์ที่ไม่ใหญ่มาก

หัวเกียร์

สำหรับช่างภาพที่ต้องการสละความเร็วเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่แม่นยำ หัวขาตั้งกล้องแบบมีเกียร์จึงเหมาะอย่างยิ่ง หัวขาตั้งกล้องแบบมีเกียร์เป็นหัวขาตั้งกล้องแบบที่แตกต่างจากหัวขาตั้งกล้องแบบแนวนอน/แนวตั้ง โดยสามารถปรับแกนทั้งสามได้พร้อมกัน แทนที่จะใช้ปุ่มเพิ่มหรือลดแรงเสียดทาน หัวขาตั้งกล้องแบบมีเกียร์จะใช้เกียร์แทน เพียงแค่หมุนด้ามจับจนกระทั่งกล้องอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ขาตั้งกล้องแบบมีเกียร์หลายรุ่นสามารถปรับได้ทั้งแบบหยาบและแบบละเอียด ช่วยประหยัดเวลาในการตั้งค่า แต่เป้าหมายสูงสุดคือการเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ

ข้อได้เปรียบ:

การวางตำแหน่งกล้องและเลนส์ที่แม่นยำและระมัดระวัง

ข้อบกพร่อง:

โดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าเสื้อยืดที่เปรียบเทียบได้

โดยทั่วไปจะหนักกว่าหัวขาตั้งกล้องอื่นๆ

การใช้งานไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้ใช้งานง่ายเหมือนลูกบอลหรือกิมบอลสามทาง

การวางตำแหน่งกล้องช้า

การใช้งานทั่วไป:

ช่างภาพสถาปัตยกรรมที่ต้องการตำแหน่งกล้องที่แม่นยำ

หัวกิมบอล

แม้ว่าการทำงานจะคล้ายกับอุปกรณ์กันสั่นของกล้องแอคชั่น แต่หัวกันสั่นนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้กับเลนส์เทเลโฟโต้แบบยาว เมื่อติดตั้งเลนส์ไว้ที่ด้านหน้าของกล้อง จุดศูนย์ถ่วงของกล้อง/เลนส์จะเลื่อนออกจากตัวกล้อง จุดศูนย์ถ่วงนี้จะเลื่อนออกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อติดตั้งเลนส์เทเลโฟโต้แบบยาวเข้ากับกล้อง การติดตั้งหัวกันสั่นเข้ากับขาตั้งกล้องของเลนส์ช่วยให้กล้องและเลนส์สามารถเคลื่อนที่รอบจุดศูนย์ถ่วงได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ช่วยให้สามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วด้วยเลนส์เทเลโฟโต้แบบยาวได้

ข้อได้เปรียบ:

สำหรับเลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่จะเหนือกว่าเลนส์ประเภทอื่นๆ

ข้อบกพร่อง:

มีขนาดใหญ่และหนักกว่ากิมบอลประเภทอื่น แต่เนื่องจากใช้กับเลนส์ขนาดใหญ่ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่

โดยทั่วไปไม่เหมาะสำหรับใช้กับเลนส์เทเลโฟโต้ระยะสั้น

การใช้งานทั่วไป:

ช่างภาพกีฬาและสัตว์ป่าที่ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ขนาดใหญ่

กล้องถ่ายภาพพาโนรามาและไทม์แลปส์

แม้ว่าจะไม่ใช่หัวขาตั้งกล้องแบบดั้งเดิม แต่ช่างภาพก็ใช้หัวแบบพาโนรามาและแบบไทม์แลปส์เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวขณะบันทึกภาพต่อเนื่องหลายภาพสำหรับภาพพาโนรามาหรือภาพยนตร์ไทม์แลปส์ หัวบางรุ่นสามารถใช้กับการถ่ายภาพนิ่งแบบดั้งเดิมได้ แต่อาจมีความยืดหยุ่นในการจัดวางตำแหน่งกล้องที่จำกัด

คุณสามารถติดหัวขาตั้งกล้องแบบดั้งเดิมเข้ากับขาตั้งพาโนรามาหรือขาตั้งแบบไทม์แลปส์ได้ ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ของคุณ

บันทึกวิดีโอ

หัวขาตั้งกล้องที่ออกแบบมาสำหรับวิดีโอสามารถใช้ถ่ายภาพนิ่งได้ แต่เนื่องจากออกแบบมาเพื่อการเคลื่อนไหว จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงสูงสุด ในทางกลับกัน หัวบอลและหัวสามทางสามารถใช้ได้ทั้งถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ ในโลกมัลติมีเดียปัจจุบัน หากคุณถ่ายภาพทั้งสองแบบ ควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ทั้งสองนี้เมื่อเลือกหัวขาตั้งกล้อง

Ulanzi OMBRA II Travel Tripod

฿2,699-฿2,699

ซื้อสินค้า