กวาซา (Gua Sha ): ศาสตร์บำบัดโบราณสู่เทรนด์ความงามสมัยใหม่


กวาซา (Gua Sha / 刮痧) เป็นศาสตร์การบำบัดที่สืบทอดมาจากแพทย์แผนจีนโบราณ มีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี คำว่า “กวา” (刮) แปลว่า “ขูด” และคำว่า “ซา” (痧) หมายถึง “รอยแดงเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิว” ดังนั้น กวาซาจึงหมายถึง “การขูดเพื่อให้เกิดรอยแดงบนผิว” ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เลือดและพลังงานในร่างกาย หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ชี่” (气) ไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น

ที่มาและประวัติ
การใช้กวาซาเริ่มต้นในประเทศจีนตั้งแต่สมัยโบราณ โดยประชาชนเชื่อว่าเมื่อร่างกายเจ็บป่วยหรือพลังงานติดขัด จะเกิดการสะสมของ “ความเย็น” หรือ “ความร้อน” ในร่างกาย กวาซาจึงถูกนำมาใช้เพื่อขับพิษ ระบายความร้อน และเปิดทางเดินพลังงาน การขูดด้วยเครื่องมือที่ทำจากเขาสัตว์ เหรียญ หรือช้อนโลหะ จะทำให้ร่างกายเกิดรอยแดงเล็ก ๆ ซึ่งเชื่อว่าช่วยฟื้นฟูสมดุลและบรรเทาอาการป่วยได้
ในระยะแรก กวาซาใช้บำบัดอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ไข้ ไอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ หรืออาการเหนื่อยล้า ต่อมาแพทย์จีนแผนโบราณได้พัฒนาเทคนิคนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย จนกลายเป็นวิธีการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในจีนและต่างประเทศ
ประโยชน์ของกวาซา
1.ด้านสุขภาพ
-
กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง
-
บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่
-
ลดอาการปวดหัว และอาการจากความเครียด
-
ช่วยขับพิษและลดการอักเสบตามแนวคิดแพทย์แผนจีน
2.ด้านความงาม
-
ลดอาการบวมบนใบหน้า โดยเฉพาะใต้ตาและแก้ม
-
ช่วยยกกระชับผิวหน้า ทำให้โครงหน้าดูชัดเจนขึ้น
-
กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสุขภาพดี
-
เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสกินแคร์เข้าสู่ผิว
จากการบำบัดโบราณสู่เทรนด์ความงามโลก
แม้กวาซาจะมีจุดกำเนิดในฐานะวิธีการบำบัดโรค แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นหนึ่งในเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในวงการสกินแคร์และสปา เครื่องมือกวาซาสำหรับนวดหน้ามักทำจากหินธรรมชาติ เช่น หยก (Jade) ควอตซ์กุหลาบ (Rose Quartz) หรือออบซิเดียน (Obsidian) ที่ถูกเจียรให้โค้งมนเพื่อให้เหมาะกับสรีระของใบหน้า การใช้กวาซานวดหน้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรดูแลผิวประจำวันของผู้คนจำนวนมาก และถูกยกย่องว่าเป็น “สกินแคร์ธรรมชาติ” ที่ผสมผสานภูมิปัญญาโบราณกับความต้องการด้านความงามในยุคปัจจุบัน
📌 ขั้นตอนการนวดกวาซา

1. เตรียมผิว
-
ล้างหน้าให้สะอาด
-
ทา ออยล์หรือเซรั่ม ให้ทั่วหน้าและลำคอ
2. เริ่มจากคอและกราม
-
วางหินแนบผิวบริเวณโคนคอ
-
ขูดขึ้นด้านบน จากคอขึ้นไปถึงกราม ทำซ้ำ 5–10 ครั้ง
👉 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและระบายน้ำเหลือง
3. แนวกราม (Jawline)
-
ใช้ด้านโค้งของหิน
-
นวดจากคางขึ้นไปตามแนวกรามจนถึงใต้ติ่งหู
👉 ช่วยยกกระชับ ลดความบวมบริเวณกราม
4. แก้ม
-
วางหินแนบผิวที่ข้างปาก
-
ขูดออกด้านข้างขึ้นไปจนถึงโหนกแก้ม / หู
👉 ช่วยให้แก้มกระชับ หน้าเรียวขึ้น
5. รอบดวงตา 👁
-
ใช้ขอบโค้งเล็ก ๆ ของหิน
-
ขูดเบา ๆ จากหัวตาไปหางตา (อย่ากดแรง)
👉 ลดอาการตาบวมและรอยคล้ำ
6. หน้าผาก
-
เริ่มจากระหว่างคิ้ว
-
ขูดขึ้นไปด้านบนจนถึงไรผม
👉 คลายความตึง ลดริ้วรอยหน้าผาก
📌 เคล็ดลับให้เห็นผลชัดเจน
-
ทำอย่าง ต่อเนื่อง 5–10 นาทีต่อวัน
-
ใช้แรงเบา ๆ กำลังพอดี ไม่กดแรงจนผิวแดงช้ำ
-
เก็บหินกวาซาในตู้เย็นก่อนใช้ จะช่วย ลดอาการบวม ได้ดีขึ้น
-
ทำตอนเช้าเพื่อลดอาการหน้าบวม และทำตอนกลางคืนเพื่อคลายความตึง
✨ ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเห็น
-
หลังทำทันที: หน้าจะรู้สึก โล่ง เบา เลือดไหลเวียนดี ใบหน้าดูเฟรช
-
หลังทำต่อเนื่อง 2–4 สัปดาห์: เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดขึ้น เช่น
- หน้าดู กระชับและเรียวขึ้น
- อาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาลดลง
- ผิวดูสดใสและสุขภาพดี
แนะนำสำหรับคุณ
การเลือกซื้อเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า: เพื่อการโกนหนวดที่สะดวก ง่าย และดีกว่าที่เคย
น้ำหอมเครื่องเทศ ตัวเลือกน่าใช้ของคนชอบกลิ่นสุดหรู
เทรนด์ BEAUTY เกาหลีประจำซัมเมอร์ 2025 🔥
แปรงแต่งหน้า อุปกรณ์สำหรับความงาม
ลิปสติก ไอเทมชิ้นเล็กแต่สำคัญมาก
สเปรย์ล็อคเมคอัพ ไอเทมคอมพลีทลุค!
🎀 คู่มือเริ่มต้นเข้าสู่โลกของความสวยงาม ฉบับสาวมือใหม่!
คอนซีลเลอร์: ปฏิวัติความงามสำหรับผู้หญิงยุคใหม่
แนะนำกันแดดใช้ดี กันยูวีไม่ทำร้ายผิว!