อยากมีปากสวยไร้รอยคล้ำ? มาดูเคล็ดลับเด็ดที่ช่วยแก้ปัญหาปากคล้ำที่ต้นเหตุ

เคล็ดลับลดรอยคล้ำรอบริมฝีปากด้วยโภชนาการและการดูแลประจำวัน

หลายคนที่รักการแต่งหน้าอาจเคยเจอปัญหา “รอยคล้ำรอบริมฝีปาก” ที่ทำให้เมคอัพดูไม่สดใส ผิวไม่เปล่งประกาย และที่สำคัญคือทำให้ความมั่นใจลดลง ปัญหานี้แม้จะสร้างความกังวล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขไม่ได้ หากคุณใส่ใจทั้งการบำรุงจากภายในและการดูแลจากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ผิวรอบริมฝีปากก็จะค่อยๆ ฟื้นฟู กลับมาเรียบเนียน กระจ่างใส และเผยรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์มากขึ้นได้

1. บำรุงจากภายใน: เลือกอาหารที่ช่วยฟื้นฟูผิว

✨ วิตามินซี – ตัวช่วยผิวกระจ่างใส

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญที่ช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน จึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำและทำให้ผิวสว่างขึ้น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น

• ส้ม มะนาว เกรปฟรุต

• กีวี และสตรอว์เบอร์รี

การกินผลไม้เหล่านี้เป็นประจำไม่เพียงช่วยบำรุงผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ขับสารพิษออกจากร่างกาย และทำให้ผิวดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

Dr.Pong: 15C Antioxidant Vitamin C Shake Shake Serum

-60%

฿

399

฿1,000

หมดอายุBoots: วิตามิน ซี ไบร์ทเทนนิ่ง บอดี้ ซีรั่ม

-50%

฿

69

฿139

✨ วิตามินอี – เกราะป้องกันผิวจากความหมองคล้ำ

วิตามินอีช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวแข็งแรงและลดความหมองคล้ำได้ดี แหล่งอาหารที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่

• ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ วอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์

• น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด

การรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณเหมาะสมจะช่วยบำรุงผิวรอบริมฝีปากให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี

Fitwhey: VITAMIN E 400 IU

-79%

฿

130

฿622

Biocap: วิตามินอี ไบโอแคป

-47%

฿

189

฿360

✨ อาหารต้านอนุมูลอิสระสูง

สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานินและโพลีฟีนอล ช่วยลดความเครียดจากออกซิเดชัน ทำให้ผิวหมองคล้ำดูสดใสขึ้น แหล่งอาหารที่ควรเลือก ได้แก่

• บลูเบอร์รี องุ่นม่วง และทับทิม

• ชาเขียว ที่มีโพลีฟีนอลสูงและช่วยลดการอักเสบของผิว

✨ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ผิวคล้ำ

บางพฤติกรรมการกินอาจทำให้รอยคล้ำรอบริมฝีปากชัดขึ้น เช่น

• การดื่มกาแฟหรือชาเข้มข้นมากเกินไป เพราะคาเฟอีนมีผลต่อระบบฮอร์โมน

• อาหารรสจัด เลี่ยน หรือระคายเคืองง่าย เพราะกระตุ้นการอักเสบของผิว

หากอยากให้ผิวฟื้นฟูเร็ว ควรเน้นกินผักผลไม้สด ลดอาหารเหล่านี้ลง

✨ ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำคือกุญแจสำคัญของผิวที่ชุ่มชื้นและสดใส หากร่างกายขาดน้ำ ผิวรอบริมฝีปากจะดูแห้ง หยาบ และหมองคล้ำง่าย ควรดื่มน้ำวันละ 1,500–2,000 มิลลิลิตร และสามารถเสริมด้วยชาสมุนไพร เช่น ชากุหลาบหรือชาเก๊กฮวย เพื่อเพิ่มความสดชื่นและช่วยบำรุงผิวไปพร้อมกัน

Dr. PONG 555 AHA blend Exfoliating body solution

฿979-฿979

ซื้อสินค้า

2. การดูแลภายนอก: ใส่ใจผิวรอบริมฝีปากทุกวัน

🧴 ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน

ผิวรอบริมฝีปากบอบบาง จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงสบู่หรือคลีนเซอร์ที่มีฤทธิ์แรง เวลาล้างเครื่องสำอาง ควรใช้รีมูฟเวอร์เฉพาะดวงตาและริมฝีปาก เช็ดออกเบาๆ เพื่อลดการระคายเคือง

🧴 ขัดผิวเบาๆ เพื่อผลัดเซลล์เก่า

การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วทำให้ริมฝีปากดูหมองคล้ำ ควรขัดผิวอย่างอ่อนโยนสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง โดยเลือกสครับหรือตัวผลัดเซลล์ที่อ่อนโยน เช่น กรดไกลโคลิกหรือกรดซาลิไซลิก อย่าขัดแรงหรือบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองได้

🧴 เติมและล็อกความชุ่มชื้น

หลังล้างหน้าและขัดผิว ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิกแอซิดและเซราไมด์ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ผิวรอบริมฝีปากแห้งแตก

🧴 ป้องกันแดด

รังสียูวีเป็นตัวการหลักที่ทำให้ผิวคล้ำและเกิดจุดด่างดำ อย่าลืมใช้ลิปบาล์มหรือครีมกันแดดที่มี SPF ทาบริเวณริมฝีปากก่อนออกแดด และหากอยู่กลางแจ้งนาน ควรทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมง

3. เคล็ดลับที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง

• กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซีและอีเป็นประจำ

• ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน

• ขัดผิวรอบริมฝีปากอย่างอ่อนโยน ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

• เติมความชุ่มชื้นให้ผิวเสมอ และพกลิปบาล์มติดตัว

• ใช้ครีมกันแดดหรือผลิตภัณฑ์ที่มี SPF เพื่อปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด

สรุป

รอยคล้ำรอบริมฝีปากอาจดูเป็นปัญหากวนใจ แต่การดูแลทั้งจากภายในและภายนอกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยปรับสภาพผิวให้ค่อยๆ ดีขึ้นได้ เพียงใส่ใจโภชนาการ เลือกอาหารที่ดีต่อผิว ดื่มน้ำมากพอ ร่วมกับการทำความสะอาด ขัดผิว เติมความชุ่มชื้น และป้องกันแสงแดดอย่างถูกวิธี คุณก็จะได้ริมฝีปากที่ดูสุขภาพดี เปล่งประกาย และรอยยิ้มที่มั่นใจมากยิ่งขึ้น 🌸