เหนื่อยจากการเลี้ยงลูกใช่ไหม? มาดูสาเหตุที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอ่อนเพลียอยู่เสมอ


พ่อแม่ยุคใหม่กับความเหนื่อยที่มองไม่เห็น
ในชีวิตครอบครัวยุคนี้ หลายคนบอกว่าการเลี้ยงลูกก็ไม่ต่างจากการลงสนามแข่งที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ความต้องการที่แทบจะไม่สิ้นสุด ทั้งกิน ดื่ม นอน ร้องไห้ และขับถ่าย ทำให้พ่อแม่แทบไม่มีเวลาพักผ่อน บางคนถึงขั้นบ่นว่า “ดูแลลูกเหนื่อยกว่าทำงานเสียอีก”
และเมื่อคิดว่าลูกโตขึ้นแล้วน่าจะผ่อนคลายได้บ้าง ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะแม้แต่การเล่น วาดรูป หรืออยู่เฉย ๆ กับลูก ก็ยังทำให้พ่อแม่รู้สึกหมดแรงในตอนท้ายวัน
ภาระที่ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่คืออารมณ์
ความเหนื่อยของพ่อแม่ไม่ได้มาจากการออกแรงเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการ “เปลี่ยนโหมดอารมณ์” ตลอดเวลา เช่น แม่ที่เพิ่งหงุดหงิดกับตะหลิวไหม้ แต่พอลูกเรียกก็ต้องรีบเปลี่ยนเสียงให้หวานอ่อนโยน หรือพ่อที่เพิ่งเจอลูกค้าบ่นจนหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นลูกยกภาพวาดมาอวด ก็ต้องยิ้มและชมให้ลูกภูมิใจ
การกดซ่อนอารมณ์ลบแล้วแสดงด้านสดใสต่อหน้าลูกอย่างต่อเนื่อง คือสิ่งที่นักจิตวิทยาเรียกว่า ภาระทางอารมณ์ (emotional labor) แม้มันเต็มไปด้วยความรักและการปกป้อง แต่ก็ทำให้พ่อแม่สะสมความเหนื่อยล้าโดยไม่รู้ตัว และยิ่งกว่าความเหนื่อยทางกายเสียอีก

โหมด “โค้ช” ที่ทำให้หมดแรงกว่าเดิม
อีกสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่เหนื่อยใจคือ การเผลอเล่นบท “โค้ช” แทนที่จะเป็น “เพื่อนเล่น” ตัวอย่างเช่น พ่ออยากสอนลูกเล่นแบดมินตันอย่างจริงจัง แต่ลูกกลับวิ่งไปไล่จับผีเสื้อ หรือแม่อยากสอนวาดรูปเป็นระเบียบ แต่ลูกกลับสนุกกับการขีดเขียนอิสระ
ความคาดหวังที่ไม่ตรงกันนี่เอง ที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียด งานวิจัยด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ยืนยันว่า การสลับบทบาทระหว่าง “ผู้สอน” และ “ผู้เล่น” ตลอดเวลา จะทำให้พลังงานทางจิตใจลดลงอย่างมาก พ่อแม่จึงรู้สึกหมดแรงโดยไม่รู้ตัว

ความจริงที่พ่อแม่มักลืม
หลายครั้งพ่อแม่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก จนเผลอกดดันตัวเอง เช่น อยากให้ลูกวาดรูปเป็นสวย ๆ ต่อเลโก้ให้มั่นคง หรือเล่นกีฬาอย่างถูกต้อง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ลูกต้องการมากกว่าคือ “การมีเราอยู่ด้วย” ไม่ใช่ผลงานที่สมบูรณ์แบบ
การเลี้ยงลูกไม่ใช่การแข่งขันว่าใครสอนเก่ง หรือใครเป็นพ่อแม่ตัวอย่าง แต่คือการค่อย ๆ เติบโตไปด้วยกัน พ่อแม่เองก็เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบได้เช่นเดียวกับลูก
วิธีผ่อนคลายสำหรับพ่อแม่
-
อย่าฝืนจนเกินไป – บอกลูกตรง ๆ ได้ว่า “แม่ขอนั่งพักตรงนี้นะ ลูกเล่นเองสักพักก็ได้”
-
ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ – เวลาเล่นไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบเสมอไป ถ้าลูกอยากไล่จับหมามากกว่าตีแบด ก็ปล่อยให้สนุกตามใจ
-
หาคนช่วยแบ่งเบา – ฝากลูกให้ญาติหรือเพื่อนเล่นบ้าง เพื่อให้พ่อแม่ได้มีเวลาพักใจจริง ๆ
-
ดูแลใจตัวเอง – การดูแลลูกให้ดี เริ่มจากพ่อแม่ที่มีพลังงานบวกและสุขภาพใจแข็งแรง
บทสรุป
การใช้เวลากับลูกไม่จำเป็นต้องเป็นการสอนหรือทำกิจกรรมที่เป็นระบบเสมอไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือการ “อยู่กับเขาอย่างมีใจ” บางครั้งแค่เล่นด้วย อ่านหนังสือภาพ หรือแม้แต่นั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เด็กก็รับรู้ถึงความรักและการดูแลได้
เมื่อพ่อแม่อนุญาตให้ตัวเองพักบ้าง และปล่อยให้เวลาเล่นเป็นเพียงช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ใช่การบ้านที่ต้องทำให้สมบูรณ์ ทุกวันก็จะกลายเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและน่าจดจำสำหรับทั้งพ่อแม่และลูก
แนะนำสำหรับคุณ
คนเก็บตัวเข้ามหาวิทยาลัย: ทำยังไงถึงจะมีเพื่อน?
พัดลมพกพายี่ห้อไหนเหมาะกับเรา มาดูวิธีการเลือกพัดลมพกพากันว่าต้องเลือกยังไงบ้าง
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กสำหรับทำงาน เรียน ลอง Macbook ดูนะสิ!
ชุดไทยประยุกต์ แต่งยังไงให้ดูดีทุกวัน ทำงานก็ได้ ทำบุญก็เริ่ด
รสดีเมนู: มีติดครัวไว้ อร่อยได้ทุกเมนูไม่ต้องปรุงเพิ่ม!
เรียนรู้“30 วันที่ดีที่สุดในการการลดน้ำหนักอย่างสุขภาพดี