🍫 ดาร์กช็อกโกแลต vs รูบี้ช็อกโกแลต ต่างกันยังไง?


เมื่อพูดถึง “ช็อกโกแลต” หลายคนจะคุ้นเคยกับรสชาติที่แบ่งออกชัดเจน เช่น ดาร์กช็อกโกแลต ที่เข้มข้นและขมเล็กน้อย หรือ มิลค์ช็อกโกแลต ที่หวานละมุน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ช็อกโกแลตหน้าใหม่ที่สร้างกระแสไปทั่วโลกก็คือ รูบี้ช็อกโกแลต (Ruby Chocolate) ที่มีสีชมพูธรรมชาติและรสชาติเปรี้ยวอมหวานสุดยูนีค จนใครๆ ก็อยากลอง
แล้วทั้งสองแบบนี้ต่างกันยังไง? วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกตั้งแต่ วัตถุดิบ วิธีการผลิต รสชาติ ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงการนำไปใช้ในขนมและเบเกอรี่ กันแบบละเอียดครบทุกมุม

1. ที่มาของช็อกโกแลตทั้งสองชนิด
🌑 ดาร์กช็อกโกแลต
-
ถือเป็นช็อกโกแลตดั้งเดิมที่ถูกผลิตขึ้นตั้งแต่ยุคแรกๆ ของอุตสาหกรรมช็อกโกแลต
-
ใช้ เมล็ดโกโก้บด (โกโก้แมส) ผสมกับ โกโก้บัตเตอร์ และ น้ำตาล แต่ ไม่มีนมหรือมีน้อยมาก
-
ความเข้มข้นของโกโก้สูง มักเริ่มตั้งแต่ 50% ไปจนถึง 99%
-
เป็นที่นิยมในหมู่คนที่ชอบรสเข้มขม ช่วยให้ได้กลิ่นรสโกโก้แท้ๆ เต็มๆ
🌸 รูบี้ช็อกโกแลต
-
เปิดตัวครั้งแรกโดยบริษัท Barry Callebaut ในปี 2017
-
ใช้ เมล็ดโกโก้สายพันธุ์พิเศษ Ruby Cacao Bean ซึ่งให้สีชมพูอมแดงโดยธรรมชาติ
-
ไม่ใช่ช็อกโกแลตที่ผสมสีหรือแต่งรส แต่ได้สีและรสชาติ เปรี้ยวอมหวานคล้ายเบอร์รี่ มาจากตัวโกโก้เอง
-
ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ช็อกโกแลตประเภทที่ 4” ต่อจากดาร์ก มิลค์ และไวท์ช็อกโกแลต
2. วัตถุดิบหลัก
ดาร์กช็อกโกแลต
-
โกโก้แมส: บดจากเมล็ดโกโก้คั่ว
-
โกโก้บัตเตอร์: ไขมันธรรมชาติจากโกโก้
-
น้ำตาล: ใส่มากน้อยขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์โกโก้
-
เลซิทิน/วานิลลา (อาจมี): เพื่อความเนียนและกลิ่นหอม
รูบี้ช็อกโกแลต
-
รูบี้โกโก้บีน: สายพันธุ์เฉพาะที่ให้สีชมพู
-
โกโก้บัตเตอร์
-
น้ำตาล
-
นมผง (บางสูตร)
-
ไม่มีการแต่งสีสังเคราะห์ สีทั้งหมดมาจากเมล็ดโกโก้จริงๆ
3. สีสันและลักษณะภายนอก
-
ดาร์กช็อกโกแลต: สีเข้มตั้งแต่น้ำตาลเข้มไปจนถึงดำ ขึ้นกับเปอร์เซ็นต์โกโก้
-
รูบี้ช็อกโกแลต: สีชมพูหรือแดงอมม่วง ดูหวานละมุน และเป็นเอกลักษณ์มาก

4. รสชาติและกลิ่น
-
ดาร์กช็อกโกแลต: เข้มข้น ขมเล็กน้อย บางครั้งมีรสฝาด รสชาติขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์โกโก้ ยิ่งโกโก้สูงจะยิ่งขมและหวานน้อย
-
รูบี้ช็อกโกแลต: รสเปรี้ยวอมหวาน คล้ายราสเบอร์รี่หรือเบอร์รี่แดง โดยไม่ต้องใส่ผลไม้เลย
5. ประโยชน์ต่อสุขภาพ
🌑 ดาร์กช็อกโกแลต
-
มีสาร ฟลาโวนอยด์ สูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
-
ลดความดันโลหิตและดีต่อระบบหัวใจ
-
กระตุ้นอารมณ์ ทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน
-
ควรกินในปริมาณพอดี เพราะยังมีแคลอรีและน้ำตาล

🌸 รูบี้ช็อกโกแลต
-
ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่เข้มข้นเท่าดาร์ก
-
จุดเด่นคือ มีรสชาติใหม่ๆ ทำให้การทานขนมสนุกและหลากหลายขึ้น
-
ยังมีงานวิจัยไม่มากเมื่อเทียบกับดาร์กช็อกโกแลต
6. การนำไปใช้ในขนมและเบเกอรี่
ดาร์กช็อกโกแลต
-
นิยมใช้ทำ เค้กช็อกโกแลตเข้มข้น, บราวนี่, ช็อกโกแลตแท่ง, ไส้ขนม, และดิปผลไม้
-
รสเข้มช่วยตัดความหวานของขนมอื่นๆ
รูบี้ช็อกโกแลต
-
เหมาะกับ มาการอง, ทรัฟเฟิล, เค้กสวยๆ, ไอศกรีม, ช็อกโกแลตแท่งพรีเมียม
-
ใช้ตกแต่งได้สวยงามเพราะสีชมพูโดดเด่น
-
เหมาะกับคนที่อยากได้รสชาติ “เปรี้ยวหวาน” แบบไม่เหมือนใคร
7. ความนิยมและการตลาด
-
ดาร์กช็อกโกแลต: ได้รับความนิยมทั่วโลกมานาน เหมาะกับคนรักสุขภาพและคนที่ชอบรสเข้ม
-
รูบี้ช็อกโกแลต: แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่กลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสายขนมหวานและของฝากพรีเมียม
สรุป
-
ดาร์กช็อกโกแลต = รสเข้ม ขมเล็กน้อย สุขภาพดีเพราะสารต้านอนุมูลอิสระสูง
-
รูบี้ช็อกโกแลต = สีชมพูธรรมชาติ รสเปรี้ยวหวานคล้ายเบอร์รี่ สายหวานหรือคนชอบลองอะไรใหม่ต้องโดน
ทั้งคู่ต่างมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ถ้าอยากได้ความเข้มข้นแบบคลาสสิก → เลือก ดาร์กช็อกโกแลต
แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์รสชาติใหม่ สีสวยชวนถ่ายรูป → ต้องลอง รูบี้ช็อกโกแลต เลยค่ะ 🍫💗
แนะนำสำหรับคุณ
คนเก็บตัวเข้ามหาวิทยาลัย: ทำยังไงถึงจะมีเพื่อน?
แมวอ้วนน่ารักจัง? ระวัง! โรคอ้วนไม่ใช่ความรัก แต่มันคืออันตราย
พัดลมพกพายี่ห้อไหนเหมาะกับเรา มาดูวิธีการเลือกพัดลมพกพากันว่าต้องเลือกยังไงบ้าง
ประวัติของหม้อทอดไร้น้ำมัน: จากของเล่น สู่ไอเท็มครัวประจำบ้าน
ASMR คืออะไร? ทำไมคนถึงหลงรัก ASMR กันมากขึ้น?
รีวิวโปรเจ็กเตอร์ Magcubic: เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงหนังส่วนตัว