จับตาศึกใหญ่ เครื่องจักรประสิทธิภาพกลาง ใครจะเฉือนชนะ

MVP ของตลาดเครื่องจักร mid-range อยู่ที่ใคร ?

ในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน ตลาดสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพระดับกลางเป็นสมรภูมิรบที่แบรนด์ต่างๆ แข่งขันกันอย่างดุเดือดมาโดยตลอด การเปิดตัว Realme Neo7 Turbo เมื่อไม่นานมานี้ เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ ได้ก่อให้เกิดกระแสคลื่นลูกใหม่ ยิ่งตอกย้ำให้ตลาดสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพระดับกลางที่กำลังคึกคักอยู่แล้ว และสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับคู่แข่ง

สโลแกนส่งเสริมการขายของ realme Neo7 Turbo คือ "Powerful Little Transparent" และดีไซน์ "little transparent" นี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีให้เลือกทั้งสีเทาใสและสีดำใส ซึ่งได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการว่า "Transparent New Design" ด้านหลังตัวเครื่องเป็นแผ่นหลังใสดุจคริสตัล ใต้ฝาหลังมีดีไซน์พิเศษสลักลวดลายต่างๆ สอดคล้องกับตำแหน่งของส่วนประกอบภายใน เช่น ลวดลายสกรู 6 ตัวที่มุมเครื่องตรงกับตำแหน่งของสกรูยึด โมดูลสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนโลโก้ "NFC" ข้างเลนส์ตรงกับตำแหน่งของกล้องหน้า และ "IR" ในรูปแบบสามเหลี่ยมมุมมนที่มุมขวาบน ระบุตำแหน่งของรีโมทคอนโทรลอินฟราเรด ด้านล่างยังมีสัญลักษณ์ลวดลายสำหรับซิมการ์ด ลำโพง พอร์ต Type-C ไมโครโฟน และอื่นๆ อีกมากมาย ดีไซน์นี้ไม่เพียงแต่โดดเด่นสะดุดตา แต่ยังเพิ่มสัมผัสแห่งเทคโนโลยีและความสนุกสนานให้กับตัวเครื่องอีกด้วย

แม้ว่าจะยังคงใช้กรอบพลาสติกแบบเดียวกับรุ่นดั้งเดิมของซีรีส์ แต่ realme Neo7 Turbo ก็ประสบความสำเร็จในด้านการป้องกันขั้นสูงสุด โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำ IP69, IP68 และ IP66 เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ "ครบครัน" ในมาตรฐานการป้องกันปัจจุบัน มอบการปกป้องที่เชื่อถือได้ยิ่งขึ้นในการใช้งานในชีวิตประจำวัน

Realme หนึ่งในตัวเลือกที่น่าลองใช้

ในด้านประสิทธิภาพ realme Neo7 Turbo ก็ไม่ใช่รองใคร มาพร้อมโปรเซสเซอร์ Dimensity 9400e ที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิต 4 นาโนเมตรของ TSMC และสถาปัตยกรรม CPU แบบ All-Large-Core ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุดอยู่ที่ 3.4GHz และคะแนนทดสอบประสิทธิภาพ Entertainment Rabbit สูงกว่า 245W ซึ่งดีกว่าคะแนน 240W ของ Snapdragon 8s Gen 4 ของคู่แข่งเล็กน้อย สำหรับการระบายความร้อน realme Neo7 Turbo มาพร้อมห้องระบายความร้อนขนาดใหญ่เช่นเดียวกับรุ่นเรือธง GT7 และช่องระบายความร้อนแบบเซลล์เดียวขนาด 7,700 ตร.มม. ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่เสถียรแม้ในช่วงการเล่นเกมที่ยาวนาน

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น realme ได้ปรับแต่งสถาปัตยกรรมพื้นฐานของชิปให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยให้สามารถเล่นเกมด้วยความเร็วแบบ Super-Frame ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปกราฟิกแยก เกมอย่าง CF Mobile, Naruto Mobile และ Call of Duty Mobile ล้วนรองรับเฟรมเรต 144 FPS อยู่แล้ว ช่วยให้เกมเมอร์ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลและลื่นไหลยิ่งขึ้น

Realme Note 60x

฿2,899-฿2,899

ซื้อสินค้า

realme Neo7 Turbo ยังมอบประสิทธิภาพหน้าจออันน่าประทับใจ ด้วยหน้าจอแนวตั้งความละเอียด 1.5K ที่ใช้วัสดุเรืองแสง BOE Q10 รุ่นล่าสุด รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz ความสว่างสูงสุด 6500nits และความสว่างแบบ Global Excitation ที่ 1800nits ให้ประสิทธิภาพความสว่างที่ยอดเยี่ยม ขอบด้านบน ซ้าย และขวาถูกบีบอัดให้เหลือเพียง 1.3 มม. และขอบหน้าจอที่กว้างขึ้นเล็กน้อย แต่ขอบสีดำโดยรวมได้รับการควบคุมอย่างดี มอบประสบการณ์การรับชมที่เพลิดเพลินยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น หน้าจอนี้ยังรองรับการหรี่แสง PWM ความถี่สูงพิเศษ 4608Hz ถือเป็นเทคโนโลยีการหรี่แสงความถี่สูงชั้นนำ ช่วยลดการกระพริบของหน้าจอได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยปกป้องดวงตาของผู้ใช้

อายุการใช้งานแบตเตอรี่เป็นข้อกังวลหลักสำหรับผู้ใช้มาโดยตลอด และ Realme Neo7 Turbo ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ ใช้แบตเตอรี่ Titan ความจุ 7200mAh เช่นเดียวกับ GT7 รุ่นเรือธง รองรับการชาร์จแบบมีสาย 100W ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่าชาร์จครึ่งหนึ่งในเวลา 19 นาที และชาร์จเต็มในเวลา 47 นาที สำหรับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เช่นนี้ ความเร็วในการชาร์จนี้ถือว่าน่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น การชาร์จแบบบายพาส ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เกมเมอร์ ได้รับการปรับปรุงใหม่ ขณะชาร์จโทรศัพท์ของคุณ สามารถจ่ายไฟไปยังเมนบอร์ดโดยตรงโดยไม่ผ่านแบตเตอรี่ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องแบตเตอรี่ แต่ยังรองรับสถานการณ์ที่มีการโหลดสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ การนำทาง และการสตรีมสด เมื่อผสานเข้ากับเทคโนโลยีปั๊มชาร์จใหม่ การชาร์จแบบบายพาสยังช่วยลดการสูญเสียและการเกิดความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแบตเตอรี่ความหนาแน่นสูง Neo7 Turbo จึงมีความหนาเพียง 8.59 มม. และหนัก 205 กรัม ถึงแม้จะไม่เบา แต่ก็บางพอที่จะให้จับได้สบายมือ

อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพ สเปคการถ่ายภาพของ Realme Neo7 Turbo ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง กล้องหลักความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX882 (1/1.953 นิ้ว) พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS) ซึ่งเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีเลนส์มุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ OV08D10 (1/4 นิ้ว) ให้ความรู้สึกเหมือนใช้งานจริงมากขึ้น สเปคอื่นๆ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์เชิงเส้นคู่, มอเตอร์เชิงเส้นแกน X, GPS ความถี่คู่, อินฟราเรด และ NFC นอกจากกรอบพลาสติกแล้ว ยังมีข้อบกพร่องที่สำคัญอีกเล็กน้อย ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 บาท (12GB + 256GB) หรือ 1,699 บาทหลังจากหักส่วนลดจากรัฐบาล ถือว่าคุ้มค่ามาก

Realme Neo7 Turbo ไม่ใช่สมาร์ทโฟนเพียงรุ่นเดียวในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางประสิทธิภาพสูง Redmi Turbo 4 Pro ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Snapdragon 8s Gen 4 โดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ความจุ 7550mAh + 90W หน้าจอแบน 1.5K กันน้ำระดับ IP68 ลำโพงคู่ มอเตอร์แกน X GPS ความถี่คู่ และโครงเครื่องทำจากโลหะ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีข้อได้เปรียบที่สำคัญ ราคาเปิดตัวครั้งแรกเท่ากับ Realme แต่ด้วยโปรโมชั่นลดราคาครั้งใหญ่ ส่วนลด และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ทำให้ราคาลดลงเหลือเพียง 1,529 หยวน แม้จะมีคูปองส่วนลด ก็ยังมีราคาต่ำกว่า 1,400 หยวน

Realme C61

฿3,699-฿3,699

ซื้อสินค้า

iQOO Z10 Turbo Pro มาพร้อมกับ Snapdragon 8s Gen 4 และแบตเตอรี่ 7000mAh + 120W ชาร์จเร็วขึ้นและสเปคหน่วยความจำสูงขึ้น รองรับ LPDDR5X Ultra 9600Mbps หน้าจอความละเอียด 1.5K ลำโพงคู่ มอเตอร์แกน X GPS ความถี่คู่ และคุณสมบัติอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำอยู่ที่ IP65 เท่านั้น ราคาปัจจุบันใกล้เคียงกับ Redmi หลังจากหักส่วนลดและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลแล้ว สามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 1,400 บาท

OnePlus Ace5 Racing Edition ซึ่งเป็นคู่แข่งที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นของ Realme มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Dimensity 9400e ซึ่งทรงพลังกว่า Snapdragon 8s Gen 4 เล็กน้อย มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 7100mAh + 80W แต่โดดเด่นด้วยหน้าจอแบนความละเอียด 1080P พร้อมขาตั้งพลาสติก ลำโพงเดี่ยว มอเตอร์โรเตอร์ GPS ความถี่เดียว และกรอบพลาสติก ทำให้อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ราคาเปิดตัวของรุ่นนี้ต่ำที่สุด เริ่มต้นที่ 1,799 ดอลลาร์สหรัฐ (รุ่น 12GB + 256GB) และ 1,529 ดอลลาร์สหรัฐ (หลังหักเงินอุดหนุนจากรัฐบาล) อาจมีการปรับลดราคาหรือส่วนลดในอนาคต