AirPods Pro 3 น่าซื้อมั้ย?

Apple มักจะเป็นแบรนด์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุปกรณ์ไอทีเสมอ และหูฟังตระกูล AirPods Pro ถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาดหูฟังไร้สายพรีเมียม หลังจากที่ AirPods Pro 2 ได้สร้างชื่อไว้กับระบบตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยมและคุณภาพเสียงที่ดีแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาของ AirPods Pro 3 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
รุ่นใหม่นี้มีการปรับปรุงในหลายจุด ตั้งแต่ ดีไซน์ที่เล็กลงและสวมใส่สบายขึ้น, การตัดเสียงรบกวนที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม, ไปจนถึง ฟีเจอร์ใหม่อย่างเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ทั้งหมดนี้มาใน ราคาเดิมที่ 249 ดอลลาร์สหรัฐ
ดีไซน์: เล็กลง กระชับขึ้น พอดีหูมากกว่าเดิม
AirPods Pro 3 ยังคงรักษาดีไซน์โดยรวมของ AirPods Pro เอาไว้ แต่มีการปรับปรุงในรายละเอียดหลายจุด
-
ขนาดเล็กลงเล็กน้อย → ทำให้สวมใส่ได้แนบเนียนมากขึ้น ดูไม่เทอะทะ
-
การออกแบบจุกหูฟังใหม่ → ภายนอกยังคงเป็นซิลิโคน แต่ภายในเพิ่ม เมมโมรี่โฟม ที่ช่วยให้เข้ารูปกับช่องหูของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
-
มีให้เลือก 5 ขนาด → รวมถึงจุกหูฟังขนาดเล็กพิเศษ (XS) ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่มีช่องหูเล็ก ซึ่งช่วยแก้ปัญหาที่บางคนสวมใส่ AirPods Pro รุ่นก่อนแล้วไม่พอดี
-
การเปลี่ยนมุมของจุกหูฟัง → ทำให้การสวมใส่แน่นหนาขึ้น ซึ่งสำคัญต่อการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียง
อย่างไรก็ตาม จุกหูฟังรุ่นใหม่นี้ ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ AirPods Pro รุ่นก่อน ได้ ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่ผู้ใช้เก่าควรทราบ
คุณภาพเสียง: ไดรเวอร์ใหม่ เบสดีขึ้น รายละเอียดชัดเจนกว่าเดิม
AirPods Pro 3 มาพร้อมกับ ไดรเวอร์ใหม่ขนาด 10.7 มม. และสถาปัตยกรรมอะคูสติกแบบหลายพอร์ตที่ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศดีขึ้น ทำให้ได้เสียงที่มีมิติและสมจริงมากขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนคือ:
-
เสียงเบส → หนักแน่นและลึกกว่าเดิม โดยไม่กลบเสียงกลางและเสียงสูง
-
เสียงกลาง → ชัดเจน ทำให้การฟังเพลงแนว Vocal, Acoustic หรือ Pop ฟังสนุกยิ่งขึ้น
-
เสียงสูง → คมชัด มีความใสกว่า AirPods Pro 2 เล็กน้อย
Apple ยังได้อัปเกรด ไมโครโฟน ภายใน ทำให้เสียงสนทนาชัดเจนขึ้น และเมื่อรวมกับระบบตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ คุณภาพการโทรก็ได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด
ระบบตัดเสียงรบกวน: ดีขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
หนึ่งในจุดขายหลักของ AirPods Pro ทุกเจเนอเรชันคือ Active Noise Cancellation (ANC) และในรุ่นใหม่นี้ Apple อ้างว่า ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่า AirPods Pro 2 ถึง 2 เท่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AirPods Pro 3 สามารถตัดเสียงในย่าน ความถี่กลางและสูง ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเสียงที่หูฟัง ANC ส่วนใหญ่จัดการได้ยาก เช่น เสียงพูดคุยในร้านกาแฟ หรือเสียงเครื่องจักรในที่ทำงาน
นอกจากนี้ โหมด Transparency ก็ได้รับการปรับปรุงให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่หูฟังอยู่ แต่ยังได้ยินเสียงรอบข้างอย่างชัดเจน
ฟีเจอร์ใหม่: วัดอัตราการเต้นของหัวใจ & การแปลภาษาแบบเรียลไทม์
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
นี่คือฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน AirPods Pro 3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพได้ในขณะฟังเพลงหรือออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้คล้ายกับที่เคยมีใน Beats PowerBeats Pro 2
แม้ว่า Apple Watch จะยังคงเป็นอุปกรณ์หลักในการติดตามสุขภาพ แต่การมีเซ็นเซอร์นี้ใน AirPods Pro ก็ถือว่าเป็น การเสริมประสบการณ์การใช้งาน โดยเฉพาะในผู้ที่ชอบออกกำลังกายและไม่อยากใส่อุปกรณ์หลายชิ้นพร้อมกัน
ฟีเจอร์การแปลภาษาแบบเรียลไทม์
Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์แปลภาษาใหม่ที่สามารถทำงานแบบเรียลไทม์ผ่าน AirPods Pro 3 ได้ โดยจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ที่เดินทางท่องเที่ยว ทำงานกับชาวต่างชาติ หรือเรียนภาษา
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้รองรับเฉพาะบน iPhone ที่ใช้ Apple Intelligence เท่านั้น เช่น iPhone 15 Pro, iPhone 16 และ iPhone 17 เป็นต้น
แบตเตอรี่และการใช้งาน
AirPods Pro 3 สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม
-
สูงสุด 8 ชั่วโมง เมื่อเปิดระบบตัดเสียงรบกวน
-
สูงสุด 10 ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมด Transparency และฟีเจอร์เครื่องช่วยฟัง
-
เมื่อรวมกับ เคสชาร์จ จะใช้งานได้ต่อเนื่องหลายวันโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
นอกจากนี้ AirPods Pro 3 ยังมี มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP57 ซึ่งเหนือกว่า AirPods Pro 2 ที่เป็นเพียง IPX4 ทำให้ใช้งานได้สบายใจขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ฝนตก หรือระหว่างออกกำลังกายกลางแจ้ง
เคสชาร์จ: เพิ่มความแม่นยำในการค้นหาด้วยชิป U2
แม้ดีไซน์เคสจะยังคงคล้ายเดิม แต่ AirPods Pro 3 มาพร้อม ชิป U2 ที่ช่วยให้ระบบ Find My ของ Apple มีความแม่นยำมากขึ้น
ผู้ใช้สามารถหาตำแหน่งเคสที่หายไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก เพราะหลายคนมีประสบการณ์ “หาเคส AirPods ไม่เจอ” อยู่บ่อยครั้ง
ราคาและการวางจำหน่าย
AirPods Pro 3 เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วในราคา 249 ดอลลาร์สหรัฐ (เท่าเดิมกับ AirPods Pro 2 ตอนเปิดตัว) และจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2025 เป็นต้นไป
สรุป: คุ้มค่าหรือไม่?
AirPods Pro 3 ถือเป็นการอัปเกรดที่ ไม่พลิกโฉมแบบก้าวกระโดด แต่เพิ่มฟีเจอร์สำคัญหลายอย่างที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งาน
จุดเด่น
-
ตัดเสียงรบกวนดีขึ้นกว่าเดิม
-
ดีไซน์เล็กลง ใส่กระชับกว่า
-
คุณภาพเสียงพัฒนา เบสชัด รายละเอียดดี
-
ฟีเจอร์ใหม่: วัดอัตราการเต้นหัวใจ + แปลภาษาเรียลไทม์
-
กันน้ำฝุ่น IP57 แข็งแรงขึ้น
-
แบตเตอรี่ใช้งานนานขึ้น
จุดสังเกต
-
ยังใช้ชิป H2 ไม่ใช่ H3 ตามที่หลายคนคาดหวัง
-
จุกหูฟังใหม่ไม่สามารถใช้กับรุ่นก่อนหน้าได้
-
ฟีเจอร์แปลภาษาใช้ได้เฉพาะ iPhone รุ่นใหม่ที่รองรับ Apple Intelligence
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ คุณสมบัติการแปลแบบเรียลไทม์นั้นมีให้ใช้เฉพาะบน iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence เท่านั้น รวมถึงรุ่น iPhone 15 Pro ตลอดจนรุ่น iPhone 16 และ iPhone 17 ทุกรุ่น
เหมาะสำหรับ:
-
ผู้ที่ยังไม่ได้ใช้ AirPods Pro 2 และกำลังหาหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนคุณภาพสูง
-
ผู้ใช้ iPhone ที่ต้องการหูฟังที่เข้ากับ Ecosystem ของ Apple ได้ดีที่สุด
-
คนที่อยากได้ฟีเจอร์สุขภาพเสริม เช่น วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
สรุปแล้ว AirPods Pro 3 คือ การอัปเกรดที่คุ้มค่าและมีเหตุผล โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นผู้ใช้ iPhone และต้องการหูฟังที่ ครบเครื่องทั้งเสียง ตัดเสียงรบกวน และฟีเจอร์เสริม ในราคาเท่าเดิมกับรุ่นก่อนหน้า
แนะนำสำหรับคุณ
ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าขณะเล่น CS:GO ใช่ไหม? นั่นเพราะคุณเลือกหูฟังผิด!
นี่คือวงดนตรีอังกฤษที่คุณควรฟังสด ถ้าคุณยังไม่รู้จักพวกเขา ลองเข้าไปดูที่ Spotify ได้ เลย
ผู้กำกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น 2 | มาร์ติน สกอร์เซซี: วิญญาณอันธพาล ความศรัทธายังคงมีอยู่
หูฟังสำหรับเล่นกีฬาแบบคล้องคอ 3 รุ่นแนะนำในปี 2025
Sennheiser ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก 🎧 แต่คุ้มค่าแก่เวลาเรียนรู้
🔥🔥🔥🔥🔥Apple iPhone 17 ซีรีส์ : เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ปลายปีนี้❗️
👋อุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone ที่สำคัญที่สุด…ไม่ใช่ที่ชาร์จ แต่เป็น AirPods จริงหรือ?
คู่มือผู้ซื้อหูฟังปี 2025: ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างคุณภาพเสียง การตัดเสียงรบกวน และความสบาย
Marshall Major V : Headphone สำหรับชาวร็อค





