คุณสมบัติใหม่ของ Galaxy: AI ที่เป็นแกนหลัก ปรับเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานมือถือ

ในภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีปี 2025 ซีรีส์ Samsung Galaxy กลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอีกครั้งด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนพับได้รุ่นเรือธงไปจนถึงแท็บเล็ตเพื่อการทำงานและหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ผลิตภัณฑ์ Galaxy รุ่นใหม่นี้ซึ่งมีกลยุทธ์หลักคือ "AI+" ได้ผสานประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์เข้ากับระบบนิเวศอัจฉริยะอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างสรรค์โซลูชันการใช้ชีวิตอัจฉริยะที่ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้ บทความต่อไปนี้จะกล่าวถึงคุณสมบัติหลักและจุดเด่นทางเทคโนโลยีของทั้งสามกลุ่มผลิตภัณฑ์

1. ซีรีส์ Galaxy Tab S11: หน้าจอขนาดใหญ่และบาง กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับประสิทธิภาพการทำงานบนมือถือ

ในฐานะแท็บเล็ตเรือธงที่บางและเบาที่สุดของ Samsung จนถึงปัจจุบัน Galaxy Tab S11 ซีรีส์นี้ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดทางกายภาพด้วยตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 5.1 มม. และขอบจอบางเฉียบเพียง 5.2 มม. หน้าจอ Dynamic AMOLED เจเนอเรชันที่สองขนาด 11 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุด 1600 นิต ให้คุณภาพของภาพที่ละเอียดคมชัดแม้ในแสงแดดจ้า ปรัชญาการออกแบบไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังผสานรวมการแสวงหาประสิทธิภาพขั้นสูงสุดไว้ด้วยกัน:

มัลติทาสกิ้งที่ขับเคลื่อนด้วย AI: ขับเคลื่อนด้วย Samsung One UI 8 และ AI แบบมัลติโหมด Tab S11 สามารถทำงานพร้อมกันได้ 4 พื้นที่ทำงานอิสระ (เช่น ออฟฟิศ ครีเอทีฟ การเรียนรู้ และความบันเทิง) และซิงโครไนซ์จอภาพภายนอกสองจอด้วย Samsung DeX ที่ได้รับการอัพเกรด ผู้ใช้สามารถแก้ไขเอกสารบนหน้าจอหลักขณะเรียกดูบนหน้าจอรอง และแชร์ไฟล์ข้ามหลายหน้าจอได้ด้วยการลากและวาง มอบประสิทธิภาพเทียบเท่าพีซี

S Pen เจเนอเรชั่นใหม่: สร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด: ปลายปากกาเรียวใหม่ช่วยให้ปรับมุมเอียงได้กว้างขึ้น และรูปทรงหกเหลี่ยมช่วยสร้างประสบการณ์การเขียนที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ปากกาเขียนบนกระดาษ โหมดโฮเวอร์ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงทางลัดได้โดยไม่ต้องแตะ และฟีเจอร์ Sticky Notes ช่วยให้ผู้ใช้บันทึกแรงบันดาลใจได้โดยตรงผ่านอินเทอร์เฟซ Samsung Notes โดยไม่ต้องสลับแอป

ผู้ช่วย AI แบบเต็มฉาก:

ผู้ช่วยวาดภาพ: แปลงภาพร่างที่ไม่เรียบร้อยเป็นรูปภาพที่สวยงามและแทรกลงในบันทึกด้วยคลิกเดียว เหมาะสำหรับการระดมความคิดหรือร่างการออกแบบ

ผู้ช่วยการเขียน: ปรับโทนและรูปแบบโดยอัตโนมัติตามบริบทของข้อความ รองรับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับสถานการณ์ต่างๆ เช่น อีเมลและโซเชียลมีเดีย

วงกลมและค้นหา: กดปุ่มหน้าจอค้างไว้เพื่อวงกลมเนื้อหาเพื่อรับข้อมูลและบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น การแปลข้อความบนหน้าจอแบบเรียลไทม์เมื่ออ่านบทความภาษาต่างประเทศ

ตัวอย่างกรณีการใช้งาน: เมื่อนักออกแบบออกไปข้างนอก พวกเขาสามารถใช้ S Pen เพื่อร่างโครงร่างอาคารได้อย่างรวดเร็ว สร้างภาพความละเอียดสูงโดยใช้ผู้ช่วยวาดภาพ เขียนคำอธิบายการออกแบบโดยใช้ผู้ช่วยการเขียน และสุดท้ายซิงค์ผลลัพธ์ไปยังคลาวด์ของทีมโดยใช้โหมด DeX โดยไม่ต้องพกแล็ปท็อป

Samsung Galaxy Tab A9 LTE

฿3,999-฿3,999

ซื้อสินค้า

2. Galaxy Z Flip7: การปฏิวัติหน้าจอพับได้ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ

Galaxy Z Flip7 ยังคงดีไซน์แบบพับแนวตั้งไว้อย่างโดดเด่น ด้วยการใช้โปรเซสเซอร์ 3 นาโนเมตรที่ออกแบบพิเศษ และรองรับ Samsung DeX เป็นครั้งแรก ยกระดับความสะดวกในการพกพาและประสิทธิภาพการทำงานไปอีกขั้น นวัตกรรมหลักๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มุ่งเน้นไปที่สามมิติ:

หน้าจอภายนอกอัจฉริยะแบบกว้างพิเศษ: หน้าจอภายนอกมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30% และรองรับฟังก์ชันหน้าต่างแบบเรียลไทม์ แสดงข้อมูลต่างๆ เช่น เวลาถึงของบริการเรียกรถ สถานะเที่ยวบิน และข้อมูลสุขภาพ ฟังก์ชันสรุปข้อมูลทันทีจะนำเสนอเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละรายตามพฤติกรรมการใช้งาน เช่น การแจ้งเตือนสภาพการจราจรและสรุปตารางเวลา

โหมดอินเทอร์แอคทีฟแนวตั้งที่อัปเกรดใหม่: ระบบถ่ายภาพเรือธง (มุมกว้าง 50MP + มุมกว้างพิเศษ 12MP) ผสานกับระบบ Super-Vision Engine ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยให้คุณถ่ายภาพความละเอียดสูงได้โดยไม่ต้องกางโทรศัพท์ออก ฟังก์ชันซูมอัตโนมัติจะตรวจจับวัตถุและปรับโฟกัส เช่น ซูมเข้าที่ใบหน้าในภาพถ่ายกลุ่มโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนอยู่ในเฟรมได้อย่างชัดเจน

การผสานรวม AI เชิงลึกของ Galaxy:

บริการล่ามและการแปลแบบเรียลไทม์: รองรับการแปล 40 ภาษา ทั้งสองฝ่ายสามารถดูเนื้อหาการแปลได้บนหน้าจอหลักและหน้าจอภายนอกตามลำดับ เหมาะสำหรับการเจรจาธุรกิจข้ามพรมแดนหรือการสื่อสารระหว่างการเดินทาง

แชทด้วยเสียง Bixby: กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้เพื่อปลุก Bixby แชร์เนื้อหาบนหน้าจอ และถามคำถาม เช่น หลังจากจดบันทึกในชั้นเรียน ให้ Bixby ตีความแผนภูมิและสรุปประเด็นสำคัญ

ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: นาฬิกาบนหน้าจอภายนอกสามารถปรับตำแหน่งตามวอลล์เปเปอร์ได้โดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อผู้ใช้ใช้วอลล์เปเปอร์ทิวทัศน์ นาฬิกาจะล้อมรอบภูเขาเพื่อไม่ให้บังส่วนหลักของภาพ

ตัวอย่างการใช้งาน: เมื่อบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวถ่ายภาพวิดีโอบล็อกบนท้องถนนในต่างประเทศ พวกเขาสามารถดูตัวอย่างวิดีโอได้บนหน้าจอภายนอก และใช้ AI เพื่อปรับแสงและสีโดยอัตโนมัติ หลังจากถ่ายภาพ พวกเขาสามารถสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้โดยตรงผ่านฟังก์ชันแปลภาษาแบบทันที และอัปโหลดวิดีโอไปยังโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเปิดโทรศัพท์

3. Galaxy Buds 3 FE: ประสบการณ์เสียงระดับเรือธงในราคา 1,000 หยวน

Galaxy Buds3 FE ถือเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ Galaxy และกลายเป็นจุดขายสำคัญในตลาด ด้วยคุณสมบัติระดับมืออาชีพและราคาที่เข้าถึงได้ จุดเด่นสำคัญประกอบด้วย:

ตัวอย่างสถานการณ์จำลองผู้ใช้: ขณะรอที่สนามบิน นักธุรกิจสามารถรับสายข้ามพรมแดนผ่าน Buds3 FE ได้ และ AI จะแปลภาษาของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติและแสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ หลังจากขึ้นเครื่องบินแล้ว ให้เปิดโหมดเสียง 360° ขณะรับชมภาพยนตร์ เพื่อสัมผัสประสบการณ์เสียงคำรามของเครื่องบินที่กำลังเคลื่อนเข้ามาจากด้านหลัง

การทำงานร่วมกันของระบบนิเวศกาแล็กซี่

ตั้งแต่การปฏิวัติประสิทธิภาพการทำงานของ Tab S11 ไปจนถึงการแสดงออกถึงตัวตนของ Z Flip7 ไปจนถึงนวัตกรรมเสียงของ Buds3 FE ผลิตภัณฑ์ Galaxy ใหม่ของ Samsung ล้วนใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ให้กลายเป็นประสบการณ์การใช้งานที่สัมผัสได้ ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ทั้งสามตัวนี้มีระบบนิเวศ Galaxy AI ร่วมกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพถ่ายที่ถ่ายด้วย Z Flip7 บน Tab S11 หรือรับการแจ้งเตือนการแปลแบบเรียลไทม์จากโทรศัพท์บน Buds3 FE ได้ การทำงานร่วมกันแบบ "1+1+1>3" นี้คือหัวใจสำคัญของความสามารถในการแข่งขันที่ช่วยรักษาความเป็นผู้นำของ Samsung ในด้านเทคโนโลยีมือถือ

Samsung Galaxy Buds3 Pro

฿3,799-฿3,799

ซื้อสินค้า