หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer)ไอเทมคนรักสุขภาพ


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากถามถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ “มาแรงที่สุด” หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer) เพราะสอดคล้องกับกระแส การดูแลสุขภาพและการกินอย่างมีสติ ผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องไขมัน ความดัน และโรคอ้วนมากขึ้น การได้ทานอาหารทอดที่กรอบเหมือนเดิม แต่ใช้น้ำมันน้อยหรือแทบไม่ใช้น้ำมันเลย จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมัยใหม่อย่างมาก
นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว หม้อทอดไร้น้ำมันยังมีข้อดีหลายด้าน เช่น ใช้งานง่าย ไม่ต้องคอยเฝ้าเตา ทำความสะอาดง่าย และสามารถทำเมนูหลากหลาย ไม่ใช่แค่ของทอด แต่ยังรวมถึงการอบ ขนมปัง เค้ก พิซซ่า หรือแม้กระทั่งผักย่าง ทำให้กลายเป็นเครื่องครัวสารพัดประโยชน์ที่แทบทุกบ้านอยากมีติดครัว

ประวัติและที่มา
หลายคนอาจคิดว่าหม้อทอดไร้น้ำมันเพิ่งจะถูกคิดค้นไม่นาน แต่จริง ๆ แล้วเทคโนโลยีการใช้ลมร้อนเพื่อปรุงอาหารมีการพัฒนามานานแล้ว เพียงแต่ Philips เป็นบริษัทแรกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างจริงจังในงาน IFA 2010 ที่กรุงเบอร์ลิน จนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก
หลังจากนั้น ผู้ผลิตหลายแบรนด์จึงเริ่มพัฒนาและออกแบบหม้อทอดไร้น้ำมันในหลายขนาด หลายรูปแบบ ตั้งแต่เครื่องเล็กสำหรับคนโสด ไปจนถึงเครื่องใหญ่สำหรับครอบครัว นอกจากนี้ยังมีการใส่ฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น หน้าจอสัมผัส โปรแกรมอัตโนมัติ และการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันมือถือ
หลักการทำงานของหม้อทอดไร้น้ำมัน
หัวใจสำคัญของหม้อทอดไร้น้ำมัน คือ เทคโนโลยีการไหลเวียนของลมร้อน (Rapid Air Technology) ซึ่งจะใช้พัดลมเป่าอากาศร้อนหมุนเวียนอย่างรวดเร็วทั่วทั้งหม้อ ทำให้อาหารสุกจากทุกด้านอย่างสม่ำเสมอ และเกิดความกรอบคล้ายการทอดด้วยน้ำมัน
-
ความร้อน มาจากขดลวดความร้อนด้านบน
-
พัดลม ทำหน้าที่เป่าลมร้อนให้หมุนเวียน
-
ตะแกรง/ตะกร้า วางอาหารให้ลมร้อนผ่านได้รอบด้าน
-
ผลลัพธ์ คืออาหารที่สุก กรอบนอก นุ่มใน โดยใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อย หรือไม่ใช้น้ำมันเลย
หลักการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมัน แต่ยังทำให้อาหารปรุงสุกเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้เตาอบทั่วไป
ข้อดีของการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
-
ลดปริมาณไขมัน ได้มากถึง 70–90%
-
สะดวกสบาย ตั้งเวลาแล้วปล่อยให้เครื่องทำงาน
-
ปลอดภัย กว่าการทอดน้ำมันท่วมที่อาจกระเด็น
-
ทำความสะอาดง่าย ตะกร้าส่วนใหญ่ถอดล้างได้
-
สารพัดประโยชน์ ไม่ได้ทำได้แค่ของทอด แต่ยังทำอาหารอบ/ขนม/ของหวาน
-
ประหยัดเวลา เพราะทำให้อาหารสุกเร็ว

ข้อจำกัดและข้อควรระวัง
-
รสชาติและเนื้อสัมผัสบางเมนูอาจไม่เหมือนทอดจริง 100%
-
ขนาดเล็ก อาจทำได้ทีละน้อย
-
อาหารที่มีน้ำมากอาจไม่เหมาะสม เช่น ซุป หรือแกง
-
หากไม่ทำความสะอาดบ่อย ๆ อาจเกิดกลิ่นสะสม
วิธีเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer) ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว
1. ขนาดและความจุ: เลือกให้พอดีกับจำนวนสมาชิกในบ้าน
ปัจจัยแรกและสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันคือ ขนาดและความจุ (Capacity) ซึ่งควรสอดคล้องกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้สามารถทำอาหารได้เพียงพอในคราวเดียว โดยไม่เสียเวลาทำซ้ำหลายรอบ
จำนวนสมาชิก | ความจุที่แนะนำ | การใช้งานที่เหมาะสม |
1-2 คน | 2.5 - 4.0 ลิตร | เหมาะสำหรับทำอาหารมื้อเล็ก ๆ, อุ่นอาหาร, ทอดไก่ 1-2 ชิ้น |
3-4 คน | 4.5 - 6.0 ลิตร | ขนาดมาตรฐานที่ได้รับความนิยม ทำอาหารสำหรับครอบครัวได้ในมื้อเดียว เช่น ไก่ 4-5 ชิ้น, พิซซ่าขนาดเล็ก |
5 คนขึ้นไป | 6.5 ลิตรขึ้นไป | เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือผู้ที่ชอบทำอาหารปริมาณมากในแต่ละครั้ง หรือทำอาหารชิ้นใหญ่ เช่น ไก่ย่างทั้งตัว |
- ข้อแนะนำเพิ่มเติม: หากบ้านคุณชอบทำอาหารชิ้นใหญ่ เช่น อบขนมปัง หรืออบเนื้อ ควรเลือกความจุที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยม หรือมีพื้นที่ด้านในกว้าง เพื่อจัดเรียงอาหารได้สะดวกกว่าทรงกลม

2. กำลังไฟ (Wattage): ยิ่งสูง ยิ่งเร็ว ยิ่งดี
กำลังไฟของหม้อทอดไร้น้ำมันส่งผลโดยตรงต่อ ความเร็วและความสม่ำเสมอในการทำให้อาหารสุก กำลังไฟที่แนะนำคือ 1,200 – 2,000 วัตต์ขึ้นไป
-
กำลังไฟสูง: (เช่น 1,500W ขึ้นไป) จะช่วยให้เครื่องทำความร้อนได้เร็วถึงอุณหภูมิที่กำหนด และคงที่ตลอดเวลา ทำให้อาหารสุกเร็วขึ้น, ผิวนอกกรอบ แต่ด้านในยังคงความชุ่มชื้น
-
กำลังไฟต่ำ: อาจทำให้อาหารสุกช้าลง และต้องใช้เวลานานขึ้นในการทำอาหารแต่ละรอบ
3. ฟังก์ชันและรูปแบบการควบคุม: เลือกตามความถนัด
หม้อทอดไร้น้ำมันมีรูปแบบการควบคุมหลัก ๆ สองแบบ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานต่างกัน:
รูปแบบการควบคุม | ข้อดี | เหมาะสำหรับ |
ปุ่มหมุน (Manual/Analog) | ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ตั้งค่าอุณหภูมิและเวลาได้อย่างรวดเร็ว | ผู้สูงอายุ, ผู้ที่ต้องการใช้งานพื้นฐาน, งบประมาณจำกัด |
หน้าจอดิจิทัล (Digital) | ตั้งค่าอุณหภูมิและเวลาได้แม่นยำกว่า มีโปรแกรมอัตโนมัติให้เลือกหลากหลาย (เช่น ทอดไก่, อบเค้ก) | ผู้ที่ต้องการความแม่นยำ, ผู้ที่ชอบฟังก์ชันเสริม, ผู้ที่เน้นความทันสมัย |
- โปรแกรมอัตโนมัติ (Preset Programs): ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ เพราะช่วยให้คุณทำอาหารเมนูยอดนิยมได้อย่างมั่นใจ เพียงแค่เลือกโปรแกรม เครื่องก็จะตั้งเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ

4. วัสดุของตะแกรงและหม้อ: เน้นความทนทานและทำความสะอาดง่าย
เนื่องจากหม้อทอดไร้น้ำมันจะสัมผัสกับอาหารโดยตรง การเลือกวัสดุจึงสำคัญต่อทั้งสุขภาพและความสะดวกในการทำความสะอาด
-
การเคลือบสารกันติด (Non-Stick Coating): ควรเลือกหม้อทอดที่ตะแกรงหรือตัวหม้อเคลือบด้วยสารกันติดคุณภาพสูง เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารติด ซึ่งจะช่วยให้การล้างทำความสะอาดง่ายขึ้นมาก
-
ความทนทาน: ตรวจสอบว่าวัสดุที่ใช้มีความทนทานต่อความร้อนและการใช้งานซ้ำ ๆ ได้ดี โดยเฉพาะในส่วนที่สัมผัสอาหารโดยตรง
5. แบรนด์และความน่าเชื่อถือ: มั่นใจในคุณภาพและบริการ
การเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในตลาด มักจะหมายถึง:
-
คุณภาพสินค้า: มีการควบคุมมาตรฐานการผลิตที่ดี
-
ความปลอดภัย: ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
-
บริการหลังการขาย: มีศูนย์บริการหรือช่องทางติดต่อที่สะดวก หากต้องการสอบถามหรือซ่อมแซม
การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบด้าน จะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันที่เหมาะสมกับขนาดครอบครัว, ตอบโจทย์การทำอาหาร, และมอบความสะดวกสบายในการใช้งานได้ยาวนานที่สุด
การดูแลรักษาและการใช้งานอย่างถูกวิธี
-
ไม่ควรใส่อาหารแน่นเกินไป
-
ใช้กระดาษรองอบช่วยลดการเลอะ
-
ทำความสะอาดตะกร้าและถาดทุกครั้งหลังใช้งาน
-
เช็ดทำความสะอาดด้านในหม้อเป็นประจำ
-
หลีกเลี่ยงการใช้โลหะขูด เพราะอาจทำให้สารเคลือบหลุด
แนะนำสินค้าขายดี
1. Simplus Airfryer KQZG007 (4 L )

รายละเอียดหลัก
-
ความจุ (Basket / Container) ประมาณ 4 ลิตร
-
กำลังไฟประมาณ 1,300 วัตต์
-
ช่วงอุณหภูมิ: 80 – 200 องศาเซลเซียส
-
โปรแกรมตั้งค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้า (Preset Cooking Programs): 6 โปรแกรม
-
ระบบควบคุม: ปุ่มหมุน (Dial Control)
-
ขนาด / รูปทรง / น้ำหนัก: 315 × 256 × 286 มม. น้ำหนัก ~ 3.65 กก.
-
ระบบปิดอัตโนมัติ (Automatic Shut-off) เมื่อครบเวลา
คุณสมบัติเด่น &จุดเด่นที่น่าสนใจ
-
ความจุขนาดกลาง เหมาะกับครัวเรือนเล็กถึงกลาง
-
โปรแกรมล่วงหน้าถึง 6 แบบ ช่วยให้ใช้งานง่ายโดยไม่ต้องตั้งเวลาหรืออุณหภูมิเอง
-
ช่วงอุณหภูมิจัดได้กว้าง (80–200 °C) จึงเหมาะทั้งเมนูทอด/อบ/ย่าง
-
ปุ่มหมุนควบคุม (Dial) ทำให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
-
มีระบบปิดอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัย
-
เคลือบกันติด ช่วยให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ข้อควรสังเกต / ข้อจำกัดที่อาจมี
-
รุ่นกลางอาจไม่เพียงพอสำหรับครอบครัวใหญ่หรือทำอาหารจำนวนน้อยครั้งเดียว
-
ปุ่มหมุนไม่มีแสดงผลดิจิทัล อาจอ่านค่าไม่แม่นยำเท่ารุ่นดิจิทัล
2. Simplus Air Fryer Gen‑S KQZG015 (5 L)

รายละเอียดหลัก
-
ความจุ 5 ลิตร
-
ยังไม่มีข้อมูลที่เปิดเผยมากนัก (ในแหล่งที่ผมค้นพบ)
คุณสมบัติเด่น &จุดเด่นที่น่าสนใจ (คาด / สิ่งที่ควรตรวจสอบ)
-
ด้วยความจุ 5 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 3–5 คน
-
รุ่น “Gen-S” มักบ่งชี้ถึงการอัปเกรดฟังก์ชัน เช่น เพิ่มโปรแกรมอัตโนมัติหรือปรับปรุงการไหลเวียนอากาศ
-
ควรตรวจสอบว่ามีฟังก์ชันพิเศษ เช่น ตั้งเวลาหลายช่วง (multi-timer), การเชื่อมต่อแอป, หน้าจอดิจิทัล เป็นต้น
ข้อที่ควรตรวจสอบเพิ่มเติมเมื่อซื้อ
-
กำลังไฟ (Watt)
-
ระบบควบคุม (ปุ่มหมุน, ปุ่มกด, หน้าจอดิจิทัล)
-
ความสามารถของโปรแกรมล่วงหน้า
-
ความสะดวกในการถอดล้าง / เคลือบไม่ติด
-
ขนาดภายนอก / ขนาดเครื่องจริง
3. SMARTHOME MV‑1406 (5.5 L)

รายละเอียดหลัก / สเปกที่ทราบ
-
ความจุ 5.5 ลิตร
-
ไม่มีสเปกอื่น ๆ ที่ชัดเจนจากแหล่งที่ผมค้นได้
คุณสมบัติเด่น &จุดเด่นที่น่าสนใจ (จากชื่อรุ่น / พิจารณา)
-
ความจุใหญ่ 5.5 ลิตร เหมาะกับครัวเรือนครอบครัว
-
รุ่นของ SMARTHOME อาจมีความเป็น “สมาร์ต” เสริม เช่น หน้าจอดิจิทัล, ตั้งเวลา, โปรแกรมหลากหลาย
-
ช่วยให้สามารถทำเมนูหลากหลายได้โดยไม่ต้องแบ่งเป็นชุดย่อย
ข้อที่ควรตรวจสอบเพิ่มเติม
-
กำลังไฟ (วัตต์)
-
ระบบความร้อน / พัดลม
-
โปรแกรมล่วงหน้า / โหมดการใช้งาน
-
ความสะดวกในการล้าง / ถอดชิ้นส่วน
-
วัสดุเคลือบและคุณภาพงานประกอบ
4. Philips NA120 Air Fryer (4.2 L)

รายละเอียดหลัก
-
ความจุ 4.2 ลิตร
-
กำลังไฟ: ประมาณ 1,500 วัตต์
-
ช่วงอุณหภูมิ: 80 – 200 °C
-
มี 12 โหมด / วิธีการปรุง (Preset menus) เช่น ทอด, อบ, ปิ้ง, ย่าง, อุ่นซ้ำ, ละลายน้ำแข็ง ฯลฯ
-
เทคโนโลยี Rapid Air พร้อมจานก้นแบบ “StarPlate” ช่วยให้อากาศไหลเวียนทั่วถึง
-
ประหยัดไขมัน (ลดไขมันได้สูงสุด ~90%) เมื่อเทียบกับการทอดทั่วไป
-
ตัวเครื่องและถาดในที่ไม่ติด (non-stick) และสามารถล้างในเครื่องล้างจาน (ในส่วนที่รองรับ)
-
ขนาดตัวเครื่อง (L x W x H): ประมาณ 367 x 293 x 273 มม.
-
รับประกัน 2 ปี (ในบางตลาด)
คุณสมบัติเด่น &จุดเด่นที่น่าสนใจ
-
แบรนด์มีชื่อเสียง คุณภาพมาตรฐานสูง
-
12 โหมดใช้งานล่วงหน้า ให้ความยืดหยุ่นในการปรุงอาหารหลายแบบ
-
เทคโนโลยี Rapid Air + StarPlate ช่วยให้ความร้อนกระจายได้ดี ส่งผลให้อาหารสุกทั่วถึง
-
ประสิทธิภาพการลดไขมันในอาหารเป็นจุดขายสำคัญ
-
ส่วนประกอบที่ไม่ติด ทำให้ล้างง่าย
ข้อควรสังเกต / ข้อจำกัด
-
ความจุ 4.2 ลิตร อาจไม่เหมาะกับครอบครัวที่ทำอาหารปริมาณมากในครั้งเดียว
-
กำลังไฟค่อนข้างสูง อาจใช้พลังงานมาก (แต่แลกมากับความรวดเร็ว)
-
ราคามักจะสูงกว่ารุ่นทั่วไป
5. Gaabor AF20M-YE01A (2 L)

รายละเอียดหลัก
-
ความจุ 2 ลิตร
-
กำลังไฟ: 900 วัตต์
-
น้ำหนักสุทธิ: ~1.73 กก.
-
ขนาด: 265 × 265 × 250 มม.
-
ระบบควบคุม: ปุ่มหมุน (Knob Operation)
-
เคลือบไม่ติด (Non-stick coating)
-
ระบบปิดอัตโนมัติ (Automatic shut-off) เมื่อครบเวลา
-
การไหลเวียนอากาศ 360° (รอบตัว) เพื่อให้ความร้อนกระจายทั่วถึง
คุณสมบัติเด่น &จุดเด่นที่น่าสนใจ
-
ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับ 1–2 คน หรือใช้ในคอนโด/ห้อง
-
กำลังไฟไม่สูงมาก จึงประหยัดพลังงานเมื่อใช้งานในปริมาณน้อย
-
ระบบ 360° circulation ช่วยให้การอบ/ทอดกระจายความร้อนได้รอบทิศทาง
-
เคลือบไม่ติดช่วยให้ทำความสะอาดง่าย
-
ระบบปิดอัตโนมัติช่วยเพิ่มความปลอดภัย
ข้อจำกัด / ข้อที่ควรพิจารณา
-
ความจุเล็ก จัดการอาหารทีละน้อย
-
ไม่มีฟีเจอร์หรือโปรแกรมล่วงหน้ามาก (เพราะเป็นรุ่นเล็ก)
-
ปุ่มหมุน ไม่มีการแสดงผลดิจิทัล

เมนูยอดนิยมที่ทำได้ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
-
ไก่ทอดกรอบ
-
นักเก็ต/เฟรนช์ฟรายส์
-
ปลาแซลมอนย่าง
-
ผักย่าง/เห็ดอบ
-
พิซซ่า/ขนมปังอบชีส
-
ขนมหวาน เช่น โดนัท เค้กกล้วยหอม คุกกี้
แนะนำสำหรับคุณ
หนังสยองขวัญน่าดูปี 2025 | คลายร้อนรับซัมเมอร์นี้ 😄
การเลือกซื้อเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า: เพื่อการโกนหนวดที่สะดวก ง่าย และดีกว่าที่เคย
เตาไฟฟ้าช่วยให้คุณได้อาหารอร่อยๆ หลากหลาย เพียงคลิกเดียว
รีวิวโปรเจ็กเตอร์ Magcubic: เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงหนังส่วนตัว
5 นาที แก้หิว! เครื่องทำแซนด์วิช - ให้วันของคุณเต็มไปด้วยพลัง!
ปกป้องสุขภาพจากภัยที่มองไม่เห็น ด้วยเครื่องฟอกอากาศ!