iPad Pro M4 vs M5 เลือกซื้อรุ่นไหนดี ZestBuy มีคำตอบ !!

user avatar
Ta(Phanuphong.Taptimthong)·2025-10-29T06:39Z
点赞
iPad Pro M4 vs M5 เลือกซื้อรุ่นไหนดี ZestBuy มีคำตอบ !!

ถ้าพูดถึง “iPad Pro” ในฐานะสุดยอดแท็บเล็ตจาก Apple หลายคนคงรู้กันดีว่ามันไม่ใช่แค่แท็บเล็ตธรรมดา แต่มันคืออุปกรณ์ที่รวมพลังของคอมพิวเตอร์ระดับมืออาชีพไว้ในร่างที่บางเฉียบ ถือได้ด้วยมือเดียว และใช้ได้ทั้งทำงานจริงจังหรือสร้างสรรค์งานศิลป์อย่างอิสระ
แต่เมื่อ Apple เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ที่มาพร้อมชิป M5 หลังจากเพิ่งออก iPad Pro M4 ไปได้เพียงปีเดียว คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นทันทีว่า “แล้วเราควรซื้อรุ่นไหนดี?”

รุ่นเก่าก็ยังแรงจัดเต็มอยู่ ส่วนรุ่นใหม่ก็ขยับขึ้นอีกขั้นทั้งชิป ความเร็ว และการเชื่อมต่อ แล้วคนที่อยากซื้อ iPad Pro ตอนนี้ล่ะ ควรเลือกอย่างไรให้คุ้มที่สุด?
ZestBuy จะพาไปวิเคราะห์แบบละเอียด ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และการใช้งานจริง เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้แบบมั่นใจที่สุด


e32d957a-6ace-45f1-ad16-b02a51a72730.webp

iPad Pro M4 และ M5 คืออะไร ต่างกันตรงไหน?

ก่อนจะไปเปรียบเทียบแบบเจาะลึก เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอะไรบ้าง

iPad Pro M4 (เปิดตัวปี 2024)

ถือเป็นรุ่นที่เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ iPad Pro เพราะมาพร้อมจอ OLED แบบ Tandem, ตัวเครื่องบางเฉียบที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำ, กล้องหน้าอยู่ในแนวนอนแบบใหม่, Magic Keyboard รุ่นอัปเกรด และแน่นอน ชิป Apple M4 ที่เป็นหัวใจหลักของความแรงระดับ MacBook

iPad Pro M5 (เปิดตัวปี 2025)

รุ่นใหม่ล่าสุดที่ต่อยอดจาก M4 โดยมาพร้อมชิป Apple M5 ที่อัปเกรดความเร็วขึ้นอีกระดับ โดยเฉพาะด้าน AI และกราฟิก รวมถึงการเชื่อมต่อยุคใหม่อย่าง Wi-Fi 7 และ Bluetooth 6 พร้อมระบบจัดการพลังงานที่ฉลาดกว่าเดิม

แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ iPad Pro M5 ไม่ได้เปลี่ยนโฉมภายนอกแบบรุ่นก่อ ทุกอย่างดูคล้ายกันแทบหมด ความบาง ความเบา และดีไซน์เทียบได้เกือบ 100% ดังนั้น สิ่งที่เปลี่ยนจริง ๆ อยู่ “ข้างใน” โดยเฉพาะชิปและประสิทธิภาพการประมวลผล


ชิป M5 เร็วกว่า M4 แค่ไหน?

Apple เคลมไว้ชัดว่า M5 เร็วกว่า M4 ทุกด้าน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงงานที่ใช้หลายคอร์ หรือการเรนเดอร์ภาพและวิดีโอที่ซับซ้อน
ตัวเลขที่น่าสนใจจากข้อมูลทางเทคนิคคือ

  • CPU เร็วกว่าประมาณ 15%

  • กราฟิก (GPU) เร็วกว่าประมาณ 30%

  • ประสิทธิภาพ Ray Tracing ดีกว่าถึง 45%

  • Bandwidth ของหน่วยความจำเพิ่มขึ้นกว่า 27.5%

ฟังดูเหมือนตัวเลขไม่มาก แต่ถ้าคุณเป็นสายงานกราฟิก 3D ตัดต่อ หรือใช้แอปที่มี AI เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น Topaz Video Enhance, Blender หรือ Premiere Pro จะเห็นความต่างชัดเจน เพราะ M5 มาพร้อม Neural Accelerator ในทุกคอร์ GPU ซึ่งช่วยให้ AI ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิมถึง 4 เท่า

ในทางกลับกัน ถ้าใช้งานทั่วไป เช่น จดโน้ต ทำเอกสาร แต่งภาพ หรือดูหนัง ฟังเพลง ความเร็วที่เพิ่มขึ้นอาจ “รู้สึกไม่ต่างมาก” จาก M4 เพราะ M4 เองก็แรงเหลือเฟืออยู่แล้วสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน


เทคโนโลยีใหม่ใน M5: เมื่อ iPad กำลังก้าวสู่ยุค AI เต็มตัว

จุดเด่นที่ทำให้ M5 โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนคือ “สถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ AI โดยเฉพาะ”
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ (เช่น Siri รุ่นใหม่ หรือแอปสร้างภาพและเสียงจาก AI) ก็จะประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

นอกจากนี้ M5 ยังใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm รุ่นที่ 3 (N3P) ซึ่งเหนือกว่า M4 ที่ใช้ N3E ในด้านประสิทธิภาพต่อวัตต์ ทำให้ทั้งแรงและประหยัดพลังงานขึ้นในเวลาเดียวกัน

สำหรับนักพัฒนาแอป M5 ยังรองรับ Metal 4 API พร้อมฟีเจอร์ใหม่อย่าง Tensor API ที่เปิดโอกาสให้แอปสามารถเขียนโปรแกรมสั่งงาน Neural Accelerator ได้โดยตรง นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ iPad Pro กลายเป็นแพลตฟอร์มสำหรับงาน AI และกราฟิกขั้นสูงอย่างแท้จริง


ความต่างในรายละเอียด เมื่อเทียบกันทีละจุด

รายการ

iPad Pro M4

iPad Pro M5

ชิป

Apple M4 (N3E)

Apple M5 (N3P)

ประสิทธิภาพ GPU

รุ่นที่ 2

รุ่นที่ 3 พร้อม Neural Accelerator

หน่วยความจำ

8GB/16GB

12GB/16GB

ความเร็ว SSD

มาตรฐาน

เร็วกว่าถึง 2 เท่า

จอภาพ

OLED (Tandem OLED)

เหมือนเดิม

กล้องหน้า

แนวนอน

เหมือนเดิม

การเชื่อมต่อ

Wi-Fi 6E / Bluetooth 5.3

Wi-Fi 7 / Bluetooth 6

การเชื่อมต่อจอภายนอก

60Hz

รองรับถึง 120Hz และ Adaptive Sync

แบตเตอรี่

ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชม.

ใกล้เคียงกัน

พอร์ตเชื่อมต่อ

USB-C (Thunderbolt 4)

USB-C (Thunderbolt 4)

จะเห็นได้ว่า M5 ไม่ได้เปลี่ยนทุกอย่าง แต่เน้น “ปรับจูนให้สมบูรณ์แบบขึ้น” เหมือนรถซูเปอร์คาร์รุ่นเดิมที่ถูกแต่งเพิ่มกำลังอีกเล็กน้อยให้ถึงขีดสุด


48eb0f87732245879b73477bb779a333.png

แล้วแบบนี้ ใครควรซื้อ iPad Pro M4 และใครควรขยับไป M5?

นี่คือคำถามสำคัญที่สุดที่หลายคนอยากได้คำตอบ
และคำตอบคือ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งาน iPad เพื่ออะไร

1. ถ้าคุณใช้ iPad เพื่อ งานทั่วไป

เช่น จดบันทึก เรียนออนไลน์ ประชุม วาดภาพเบา ๆ หรือดู Netflix
iPad Pro M4 เพียงพอมากแล้ว
เพราะประสิทธิภาพของ M4 ยังเหลือเฟือสำหรับการใช้งานแบบนี้ อีกทั้งราคายังอาจลดลงหลังจาก M5 วางจำหน่าย ทำให้ “ความคุ้มค่าต่อราคาต่อประสิทธิภาพ” ดีกว่าชัดเจน

2. ถ้าคุณเป็น “ครีเอเตอร์” หรือสายตัดต่อ

คุณอาจได้ประโยชน์จาก M5 โดยเฉพาะเมื่อใช้แอปอย่าง LumaFusion, DaVinci Resolve หรือ Photoshop ที่อาศัย GPU หนัก ๆ
ความเร็ว SSD ที่เร็วขึ้นและ RAM เริ่มต้นที่ 12GB ช่วยให้ทำงานไฟล์ใหญ่ได้ลื่นขึ้น

3. ถ้าคุณเป็น “นักพัฒนา” หรือทำงานสาย AI

M5 คือคำตอบชัดเจน เพราะมันมี Tensor API และ Neural Accelerator ทุกคอร์ GPU ซึ่งเหมาะกับการเทรนโมเดลขนาดเล็ก หรือรัน AI inference ได้เร็วขึ้นมาก

4. ถ้าคุณใช้ iPad เป็นหลัก

M5 จะตอบโจทย์ระยะยาวกว่า เพราะรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Wi-Fi 7, Bluetooth 6, และ 120Hz บนจอภายนอก ซึ่งจะมีประโยชน์มากขึ้นในอนาคตเมื่ออุปกรณ์อื่น ๆ รองรับตาม


เคล็ดลับเลือกซื้อให้คุ้มที่สุด

  • ดูงบประมาณเป็นหลัก ถ้าอยากได้ “ประสบการณ์ iPad Pro” ที่ยอดเยี่ยมแต่ไม่จำเป็นต้องใหม่สุด M4 คือดีลที่ดีที่สุดตอนนี้

  • เช็กการใช้งานจริงของตัวเอง ถ้าคุณไม่ได้เรนเดอร์ 3D หรือทำงาน AI ทุกวัน M4 ยังเร็วเกินพอ

  • อย่ามองแต่ตัวชิป ให้ดูระบบโดยรวม ทั้ง Magic Keyboard, Apple Pencil Pro และแอปที่คุณใช้ประจำล้วนส่งผลต่อความคุ้มค่ามากกว่าชิปเพียงอย่างเดียว

  • ซื้อความยาวนานในการใช้งาน ถ้าคุณตั้งใจจะใช้ iPad นี้ไปยาว 4–5 ปี M5 อาจเป็นทางเลือกที่ “ลงทุนครั้งเดียวจบ”


bb89c5a8-bf17-478d-8956-56d977db5bc3.png

ใช้ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด

ไม่ว่าคุณจะเลือก iPad Pro รุ่นไหน สิ่งสำคัญคือ “ใช้ให้ตรงจุด”
หลายคนซื้อ iPad Pro แต่ใช้แค่เปิด Netflix กับจดโน้ต นั่นอาจเป็นการใช้พลังเครื่องไม่เต็มที่
ในทางกลับกัน ถ้าคุณนำมันมาทำงานจริงจัง ตั้งแต่ตัดต่อวิดีโอ ทำสื่อ วาดภาพ ออกแบบ หรือใช้เป็นอุปกรณ์เสริมคู่กับ MacBook มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่ยกระดับคุณภาพงานของคุณได้จริง

ลองตั้งค่าระบบให้เข้ากับงาน เช่น ใช้ Stage Manager เพื่อเปิดหลายหน้าจอพร้อมกัน หรือเชื่อมต่อกับจอภายนอก 120Hz เพื่อทำงานเหมือน Desktop ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นอีกขั้น


สรุป

สรุปแบบง่าย ๆ คือ

  • iPad Pro M5 = เหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องระดับสูงสุดในตอนนี้ ทำงานกราฟิก/AI หนัก ๆ หรือวางแผนใช้ยาวหลายปี

  • iPad Pro M4 = เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงระดับโปรในราคาที่จับต้องได้ และไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดทุกอย่าง

สุดท้ายแล้ว การเลือกซื้อไม่จำเป็นต้อง “ใหม่สุดเสมอไป” แต่อยู่ที่ว่ารุ่นไหน “เหมาะกับคุณที่สุด”

เพราะทั้ง iPad Pro M4 และ M5 ต่างก็เป็นแท็บเล็ตระดับแถวหน้าของโลกที่สามารถทลายขีดจำกัดของคำว่า “แท็บเล็ต” ได้อย่างแท้จริง อยู่ที่คุณจะเลือกพลังระดับไหนในมือเท่านั้น


บทส่งท้ายจาก ZestBuy

ไม่ว่าคุณจะเลือก iPad Pro M4 หรือ iPad Pro M5, สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของคุณจริง ๆ
ถ้าคุณอยากได้แท็บเล็ตที่ตอบโจทย์ทั้งความแรง ความลื่น และความพรีเมียมในทุกมิติ iPad Pro ยังคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้

และเมื่อถึงเวลาที่คุณพร้อมจะอัปเกรด ZestBuy ก็พร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณได้เครื่องที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับชีวิตและงานของคุณจริง ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

Apple มี iPad ให้เลือกหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นมาตรฐานไปจนถึง iPad Mini, iPad Air และ iPad Pro แต่ละรุ่นมีขนาดและฟีเจอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณที่แตกต่างกัน การเลือก iPad จึงควรพิจารณาว่าคุณใช้แท็บเล็ตเพื่ออะไร เช่น อ่
2025-08-21T04:49Z
รีวิว iPad 2025: ซื้อรุ่นล่าสุดดีไหม หรือรุ่นเก่าก็ยังคุ้ม?
ในโลกยุคปัจจุบันที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล แท็บเล็ตไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอีกต่อไป แต่ยังเป็นเพื่อนคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนหลังเลิกงานและผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูซีรีส์ ท่องเว็บ หรือเล่นเกม... แท็บเล็ตดีๆ
2025-09-16T03:10Z
ที่สุดของแท็บเล็ต 2025 เลือกอะไรดี ? Apple, Samsung หรือ Google Pixel
หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน คนส่วนใหญ่คุ้นชินกับการพกสมุดโน้ตหรือแล็ปท็อปเครื่องใหญ่ ๆ ติดตัวเพื่อทำงานหรือเรียนหนังสือ แต่เมื่อ Apple เปิดตัว iPad โลกก็เปลี่ยนไปทันที เพราะมันไม่ใช่แค่ “แท็บเล็ต” ที่ใช้เปิดอินเทอร์เน็ตหรือดูหนัง แต่กลายเป
2025-09-25T04:41Z
iPad ทำไมถึงฮิต และเป็นผู้นำด้าน tablet

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

“จอเดียวเอาอยู่ ทำงานก็ได้ เล่นเกมก็ดี ดูหนังก็เพลิน!”ในยุคที่การทำงานไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “บนโต๊ะทำงาน” อีกต่อไป — ไม่ว่าจะเป็น คนทำงานอิสระ (Freelancer), นักเรียน นักศึกษา, หรือแม้แต่ เกมเมอร์สายพกพา — สิ่งที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นแบบคาดไม่ถ
Portable Monitor : จอมอนิเตอร์สำหรับพกพา
“ผิวเท้านุ่ม เรียบเนียน ไม่แตก ไม่ด้าน... แค่มีตัวช่วยดี ๆ ก็เหมือนเพิ่งสปามา!”หลายคนอาจใส่ใจเรื่องผิวหน้า ผิวกาย หรือเส้นผมเป็นอย่างดี แต่กลับ “มองข้ามเท้า” ซึ่งจริง ๆ แล้วเท้าก็เป็นอวัยวะที่ทำงานหนักที่สุดในร่างกาย เพราะเราต้องยืน เดิน วิ
เท้าสวยได้ด้วยมือของเราเอง กับ “ที่ขัดเท้าไฟฟ้า”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนจาก Samsung ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเรื่องของ “จอภาพ” โดยเฉพาะเทคโนโลยีจอ AMOLED ที่ให้สีสันสด คมชัด และลื่นไหลจนหลายคนยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของวงการ แต่ในขณะเดียวกัน เสียงสะท้อนจากผู้ใช้จำนวน
2025-10-28T04:25Z
ปัญหาหน้าจอ Samsung เป็นเส้นเขียว เมื่อความสวยของจอ AMOLED กลายเป็นฝันร้าย