SJCAM C300 กล้องแอคชั่นนอกกระแส สเปคเทพราคาประหยัด

บางครั้งในโลกของกล้องแอคชั่น มันไม่ได้มีแค่ชื่อใหญ่ที่ครองตลาดอย่าง GoPro หรือ Insta360 เท่านั้น เพราะในมุมเล็ก ๆ ของวงการนี้ ยังมีแบรนด์ที่ตั้งใจทำของดีในราคาสบายกระเป๋าออกมาอย่างเงียบ ๆ และหนึ่งในนั้นคือ “SJCAM” แบรนด์ที่ใครเคยเล่นกล้องสายแอคชั่นมาบ้าง คงเคยได้ยินชื่อผ่านหูอยู่บ้างแน่ ๆ

ผมเองก็เป็นคนนึงที่ชอบถ่ายวิดีโอเวลาเดินทาง ชอบเอากล้องเล็ก ๆ ไปติดบนหมวกกันน็อกตอนขี่มอเตอร์ไซค์ หรือพกไว้ในกระเป๋าเวลาขึ้นดอย ขี่จักรยาน หรือแม้แต่ลงเล่นน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ใช้กล้องดัง ๆ อยู่ แต่พูดตรง ๆ คือราคามัน “แรง” ไปหน่อย บางรุ่นซื้อแล้วต้องตั้งใจใช้ให้คุ้มจริง ๆ

จนมาเจอ SJCAM C300 รุ่นนี้ที่เรียกได้ว่าเป็น “กล้องแอคชั่นนอกกระแส” แต่สเปคนี่ไม่ธรรมดาเลย แถมราคายังเป็นมิตรแบบที่คนทั่วไปจับต้องได้ง่ายมาก พอได้ลองจริง ๆ ผมถึงกับต้องยกนิ้วให้เลยว่า นี่แหละ “ของดีที่ซ่อนอยู่”

ทำไม SJCAM C300 ถึงน่าสนใจ

ถ้าพูดถึงกล้องแอคชั่น หลายคนคงนึกถึงภาพเล็ก ๆ ของคนถือกล้องติดหมวก บันทึกวิดีโอขณะวิ่ง ปีนเขา ดำน้ำ หรือขี่มอเตอร์ไซค์ใช่ไหมครับ ซึ่งสิ่งที่สำคัญของกล้องแนวนี้คือ “ขนาด – ความคมชัด – ความทน – และระบบกันสั่น”

และนี่คือ 4 อย่างที่ SJCAM C300 ทำได้ดีเกินราคา

กล้องรุ่นนี้มาพร้อม ความละเอียดวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 30fps (เฟรมต่อวินาที) ซึ่งถือว่าคมชัดพอสำหรับการทำคอนเทนต์ลง YouTube หรือ TikTok ได้สบาย ถ้าอยากได้ภาพลื่นไหลกว่านี้ก็สามารถเลือกความละเอียดที่ต่ำลงมา เช่น 2K 60fps หรือ Full HD 120fps ได้ เรียกว่ารองรับตั้งแต่การถ่ายวิดีโอทั่วไปจนถึง Slow Motion

นอกจากนั้นยังมี ระบบกันสั่น 6 แกน (Gyro 6-axis) ที่ช่วยให้ภาพวิดีโอนิ่งและราบรื่น แม้ตอนถือเดินหรือขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนขรุขระ บอกตรง ๆ ว่ากันสั่นของกล้องราคาเท่านี้ ทำได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ

สเปคโดยละเอียดของ SJCAM C300

ดีไซน์เล็กแต่เจ๋ง ถอดประกอบได้ ใช้งานยืดหยุ่นสุด ๆ

จุดที่ผมชอบมากคือ “ดีไซน์แบบแยกส่วน” ของ SJCAM C300 ตัวกล้องหลักสามารถถอดออกจากแบตเตอรี่แพ็กได้ ทำให้เราเลือกใช้งานตามสถานการณ์ เช่น ถ้าจะเอาไปติดหมวกกันน็อก ก็ถอดเฉพาะตัวกล้องที่เบาและเล็กมาก ส่วนเวลาใช้งานทั่วไปก็ประกอบกับแบตเตอรี่ใหญ่เพื่อให้ถ่ายได้ยาวขึ้น

ตัววัสดุดูแข็งแรง ใช้ในสภาพอากาศร้อนหรือฝนตกเบา ๆ ก็ไม่ต้องกังวล และถ้าอยากลุยจริง ๆ อย่างลงน้ำหรือไปดำน้ำ ก็ใส่เคสกันน้ำที่แถมมาได้เลย ซึ่งกันได้ลึกถึง 30 เมตร ถือว่าเพียงพอสำหรับการถ่ายใต้น้ำในทริปดำน้ำหรือเล่นบอร์ด

หน้าจอสัมผัสคู่ทั้งหน้าและหลังเป็นอีกจุดที่ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะเวลาถ่าย Vlog หรือเซลฟี่ เพราะสามารถมองตัวเองในหน้าจอหน้าได้แบบไม่ต้องเดา

การใช้งานจริง จากมือสมัครเล่นถึงสายโปร

หลังจากได้ลองเอา SJCAM C300 ไปใช้ในชีวิตจริงอยู่หลายวัน ทั้งถ่ายตอนขี่จักรยาน เดินเล่นในเมือง และทดสอบถ่ายกลางคืน สิ่งที่สัมผัสได้คือ “มันใช้งานง่ายมาก”

เปิดเครื่องเร็ว ไม่ต้องรอนาน ระบบสัมผัสลื่นดีเมนูไม่ซับซ้อน ซึ่งต่างจากกล้องบางรุ่นที่ต้องเข้าเมนูย่อยหลายชั้นถึงจะเปลี่ยนโหมดได้ นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับแอป SJCAM Zone ผ่าน Wi-Fi ได้ไวพอสมควร โหลดไฟล์ลงมือถือก็สะดวก ไม่ต้องเสียบสายทุกครั้ง

ส่วนเรื่องคุณภาพวิดีโอ ผมให้ผ่านแบบเกินคาด ภาพคม สีสันออกโทนธรรมชาติ ไม่จัดจ้านเกินไป และระบบกันสั่นช่วยให้ภาพนิ่งในระดับที่ถือเดินถ่ายได้เลยโดยไม่ต้องใช้กิมบอล

อีกจุดที่อยากพูดถึงคือ แบตเตอรี่ 2800mAh ที่ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานสามารถใช้งานได้สูงสุดประมาณ 7 ชั่วโมง ซึ่งถือว่านานมากสำหรับกล้องขนาดนี้ ถ้าเอาไปถ่าย Vlog หรือทริปสั้น ๆ วันเดียวจบ แทบไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงก์เลย

โหมดถ่ายภาพหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกแนว

SJCAM C300 ไม่ได้เป็นแค่กล้องสำหรับสายลุยเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับสายคอนเทนต์และคนทั่วไปด้วย เพราะมีโหมดให้เลือกเยอะมาก เช่น

• Time-Lapse: สำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบเร่งเวลา เช่น พระอาทิตย์ตก การเดินทาง หรือเมืองในตอนกลางคืน

• โหมดต่อเนื่อง: เหมาะกับการถ่ายภาพแอคชัน เช่น ปั่นจักรยานหรือเล่นสเก็ตบอร์ด

• โหมดรถยนต์ (Car Mode): ใช้เป็นกล้องติดรถได้ทันที เพียงต่อกับพลังงานในรถก็เริ่มบันทึกอัตโนมัติ

• โหมดเว็บแคม: เอามาใช้สตรีมหรือประชุมออนไลน์ได้โดยไม่ต้องซื้อกล้องเพิ่ม

พูดง่าย ๆ คือกล้องตัวนี้ “ตัวเดียวจบ” จะสายท่องเที่ยว สายคอนเทนต์ หรือสายผจญภัยก็ใช้ได้หมด

จุดเด่นที่ทำให้ SJCAM C300 โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

1. ดีไซน์แยกส่วน: ตัวกล้องถอดออกจากแบตเตอรี่ได้ พกง่ายและจัดรูปแบบการใช้งานได้ตามต้องการ

2. กันสั่นเทพระดับ 6 แกน: ช่วยให้ภาพวิดีโอนิ่งแม้ถ่ายขณะเคลื่อนไหว

3. ใช้งานได้ยาวนาน: แบตเตอรี่ 2800mAh ถือว่าทนสุด ๆ ในกล้องไซซ์นี้

4. กันน้ำได้จริง: ใช้งานได้ลึกถึง 30 เมตร เมื่อใส่เคสกันน้ำ

5. ราคาเข้าถึงง่าย: เมื่อเทียบกับกล้องแบรนด์ใหญ่ที่สเปคใกล้เคียง ราคาต่างกันหลายพันบาท

เหมาะกับใคร

• สายเอ็กซ์ตรีม / กิจกรรมกลางแจ้ง: ไม่ว่าจะปีนเขา ปั่นจักรยาน หรือดำน้ำ กล้องนี้พร้อมลุย

• นักท่องเที่ยว: ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกง่าย ถ่ายได้ยาว

• Vlogger / ยูทูบเบอร์เริ่มต้น: ถ่าย 4K พร้อมกันสั่น ใช้งานแทนกล้องหลักได้เลย

• คนที่อยากได้กล้องติดรถ / เว็บแคม / กล้องพกประจำตัว: ตัวเดียวครบ ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์

เคล็ดลับเล็ก ๆ จากคนใช้จริง

1. ตั้งค่า FPS ให้เหมาะกับสถานการณ์ ถ้าถ่ายทั่วไปแนะนำ 1080p 60fps ภาพจะลื่นและไม่กินแบตเกินไป

2. ใช้แอป SJCAM Zone ให้คล่อง ช่วยตั้งค่ากล้อง ดูภาพสด และดาวน์โหลดไฟล์ได้ง่ายขึ้น

3. หมั่นเช็ดเลนส์ก่อนถ่าย โดยเฉพาะเวลาลุยกลางแจ้งหรือใต้น้ำ เพื่อให้ภาพคมที่สุด

4. พกแบตสำรองไว้เผื่อถ่ายทั้งวัน ถึงแบตจะอึด แต่ถ้าถ่าย 4K ตลอดวันก็อาจต้องสลับแบตช่วงบ่าย

5. อย่ามองข้ามเสียง ถ้าอยากได้เสียงพูดชัด ๆ อาจต่อไมค์ภายนอกผ่านพอร์ต USB-C เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงได้อีกระดับ

สรุป SJCAM C300 ของดีนอกกระแส ที่คุ้มเกินราคา

หลังจากได้ลองใช้มาสักพัก ผมกล้าพูดเลยว่า SJCAM C300 เป็นหนึ่งในกล้องแอคชั่นที่ “เกินราคา” ที่สุดในช่วงนี้ ทั้งในแง่ของคุณภาพวิดีโอ ระบบกันสั่น ความทน และความยืดหยุ่นในการใช้งาน

แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ขั้นสุดแบบกล้องตัวท็อปหลักหมื่น แต่ในราคาเพียงไม่กี่พันบาท คุณได้ทั้งการถ่าย 4K กันสั่น 6 แกน แบตอึด หน้าจอคู่ และความสามารถที่หลากหลายสุด ๆ ถ้าคุณกำลังหากล้องแอคชั่นไว้ถ่ายทริป หรือเริ่มทำคอนเทนต์โดยไม่อยากจ่ายแพงเกินไป ตัวนี้คือคำตอบที่ไม่ควรมองข้าม

มันอาจจะ “นอกกระแส” แต่ของดีไม่จำเป็นต้องดังเสมอไป และ SJCAM C300 ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากล้องเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง ก็สามารถเก็บทุกความทรงจำใหญ่ ๆ ของเราไว้ได้อย่างครบถ้วน

SJCAM C300

฿3,947.04-฿4,646.88

ซื้อสินค้า