สอนลูกให้เป็นคนประหยัดยังไงให้ไม่เป็นโรคกลัวการใช้เงิน

เลี้ยงลูกให้รู้คุณค่าเงิน แต่ไม่กลัวที่จะใช้มัน
หลายบ้านคงมีภาพจำคล้าย ๆ กัน
เวลาไปห้างแล้วลูกชี้ของเล่นหรือขนมที่อยากได้ ผู้ใหญ่ก็มักจะตอบว่า
“ไม่ได้ลูก มันแพง” หรือ “อย่าซื้อของฟุ่มเฟือย”
พูดไปด้วยความหวังดี อยากให้ลูกรู้จักประหยัดและเห็นค่าของเงิน
แต่รู้ไหมคะ…ถ้าเราสอนแบบนั้นซ้ำ ๆ โดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม
เด็กบางคนอาจซึมซับไปว่า “การใช้เงินคือเรื่องไม่ดี”
และเมื่อโตขึ้น ความตั้งใจให้เป็นคนประหยัดอาจกลายเป็น “โรคกลัวการใช้เงิน” โดยไม่รู้ตัว
ในบทความนี้ อยากชวนพ่อแม่ทุกคนมานั่งคุยกันอย่างอ่อนโยน
ถึงวิธี สอนลูกให้เป็นคนรู้คุณค่าเงิน แต่ไม่กลัวการใช้จ่าย
เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทั้ง “บริหารเงินได้ดี” และ “ใช้เงินอย่างมีความสุข” 💛
🧠 ก่อนอื่น...มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “โรคกลัวการใช้เงิน” คืออะไร
“โรคกลัวการใช้เงิน” หรือ Chrometophobia (โครเมโทโฟเบีย)
เป็นภาวะที่คน ๆ หนึ่งรู้สึกกลัวหรือกังวลมากเกินไปเมื่อจะต้องใช้เงิน
ไม่ว่าจะมีเงินมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
อาการอาจเริ่มจากการลังเลใช้จ่าย แม้กับสิ่งจำเป็น
รู้สึกผิดเวลาซื้อของให้ตัวเอง หรือเครียดทุกครั้งที่เห็นเงินลดในบัญชี
ซึ่งในมุมของจิตวิทยา ภาวะนี้มักเกิดจาก “การปลูกฝังเรื่องเงินในวัยเด็ก”
เช่น ได้ยินคำพูดทำนองว่า
- 
“เงินหายาก อย่าใช้มั่วนะ”
 - 
“อย่าขอของแพง แม่เหนื่อยจะตายกว่าจะหาเงินมาได้”
 - 
หรือ “คนมีเงินถึงจะมีค่า”
 
คำเหล่านี้แม้พูดด้วยความหวังดี แต่เด็กยังไม่เข้าใจบริบท
สิ่งที่เขาจำได้อาจไม่ใช่ “คุณค่าของการออม”
แต่คือ “ความกลัวในการใช้เงิน”
🌱 แล้วทำไมเราควรสอนลูกเรื่อง “การใช้เงิน” ตั้งแต่เล็ก
เรื่องเงินไม่ควรเป็น “บทเรียนตอนโต”
แต่ควรเป็น “ทักษะชีวิตที่เรียนรู้ได้ตั้งแต่ยังเด็ก”
เพราะเด็กที่เข้าใจเรื่องเงินอย่างเหมาะสม
จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักวางแผน มีวินัย และใช้ชีวิตอย่างสมดุล
ประโยชน์ของการสอนเรื่องเงินตั้งแต่เล็ก
- 
ปลูกฝังความรับผิดชอบ — เด็กจะรู้ว่าเงินไม่ได้เกิดขึ้นเอง ต้องอาศัยความพยายาม
 - 
รู้จักเลือกและตัดสินใจ — เมื่อมีงบจำกัด เด็กจะเริ่มคิดว่า “อะไรจำเป็น อะไรอยากได้”
 - 
เข้าใจคุณค่าแทนที่จะกลัวมัน — เด็กที่เข้าใจคุณค่าของเงินจะกล้าใช้เมื่อจำเป็น และกล้าออมเมื่อเหมาะสม
 
💬 ประหยัดกับกลัวใช้เงิน ต่างกันยังไง?
พฤติกรรม  | คนประหยัด  | คนกลัวใช้เงิน  | 
|---|---|---|
ใช้เงิน  | ใช้เมื่อจำเป็นและคุ้มค่า  | ลังเลหรือไม่กล้าใช้เลย  | 
ความรู้สึก  | ภูมิใจเมื่อออมได้  | เครียดแม้ต้องใช้เงินในสิ่งจำเป็น  | 
มุมมองต่อเงิน  | เครื่องมือในการใช้ชีวิต  | สิ่งที่น่ากลัวและต้องหลีกเลี่ยง  | 
ผลลัพธ์  | ชีวิตสมดุล  | ชีวิตขาดความสุข  | 
สิ่งที่พ่อแม่ควรจำไว้คือ
“การสอนให้ประหยัด ไม่ได้หมายถึงการห้ามใช้เงิน”
แต่คือการ “สอนให้รู้ว่าเมื่อไรควรใช้ และใช้อย่างไรให้คุ้มค่า”
👶 วิธีสอนลูกให้รู้จักประหยัดโดยไม่กลัวใช้เงิน1. เริ่มจาก “แบบอย่างในบ้าน”
เด็กเรียนรู้จากการสังเกตมากกว่าคำพูด
ถ้าเห็นพ่อแม่วางแผนการใช้เงินแต่ก็ยังใช้เพื่อความสุขบ้าง
เขาจะเข้าใจเองว่า “เงินมีไว้ใช้ ไม่ได้มีไว้กลัว”
💡 ตัวอย่าง:
เวลาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต อธิบายให้ลูกฟังว่า
“เราซื้อของที่จำเป็นก่อน แล้วค่อยเลือกของกินเล่นที่งบเหลือ”
เด็กจะค่อย ๆ เข้าใจว่าการใช้เงินไม่ผิด แต่ควรวางลำดับความสำคัญให้เป็น
2. สอนเรื่อง “คุณค่า” มากกว่า “ราคา”
อย่ารีบบอกลูกว่า “ของแพง ห้ามซื้อ”
แต่ให้ลองอธิบายว่า “ของชิ้นนี้แพงเพราะใช้วัสดุดีและทน”
หรือ “ของนี้ราคาถูกกว่า แต่ก็ใช้ได้ดีเหมือนกัน”
เด็กจะเรียนรู้ว่า การตัดสินใจซื้อของไม่ใช่เรื่องของราคา
แต่เป็นเรื่องของ “เหตุผลและคุณค่า”
3. ให้ลูก “บริหารเงินเอง” บ้าง
การให้เงินค่าขนมรายสัปดาห์หรือรายเดือน
เป็นโอกาสให้ลูกได้ฝึกวางแผนการใช้เงินด้วยตัวเอง
ลองแบ่งเงินเป็น 3 ส่วนให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง
- 
ใช้ สำหรับของจำเป็น
 - 
ออม สำหรับเป้าหมายเล็ก ๆ เช่น ของเล่น
 - 
ให้ เช่น บริจาคหรือซื้อของให้คนอื่น
 
พอเด็กได้ลงมือเอง เขาจะค่อย ๆ รู้สึกภูมิใจ และเข้าใจว่าเงินมีไว้เพื่อ “ใช้และแบ่งปัน” ไม่ใช่แค่ “เก็บ”
4. อย่าทำให้ลูก “รู้สึกผิด” เวลาขอของ
พ่อแม่หลายคนตั้งใจสอนให้ลูกอดทน
แต่บางครั้งการพูดแรงเกินไป เช่น “อย่าขอของฟุ่มเฟือย” หรือ “รู้ไหม แม่เหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาเงินมาได้”
อาจทำให้เด็กรู้สึกผิดเวลาขอของทุกครั้ง
สิ่งที่ควรทำคืออธิบายด้วยความเข้าใจ เช่น
“ของนี้สวยนะ แต่ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องใช้ ถ้าหนูยังอยากได้อยู่เดือนหน้า เรามาดูกันอีกที”
เด็กจะได้เรียนรู้การรอคอยอย่างมีเหตุผล โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดที่อยากได้อะไรบางอย่าง
5. ใช้ “เกมการเงิน” ช่วยสอน
เกมจำลองการซื้อขาย หรือกระปุกออมสินแบบมีเป้าหมาย
ช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดเรื่องการใช้และการออมเงินได้อย่างสนุก
💡 ตัวอย่าง:
- 
ให้ลูกตั้ง “ภารกิจออม” เช่น เก็บเงินซื้อหนังสือเล่มโปรด
 - 
ทุกครั้งที่เก็บได้เพิ่ม ให้ชื่นชมว่า “เก่งจังเลย อดทนได้ดีมาก”
 
สิ่งสำคัญคืออย่าเน้นแค่ยอดเงิน แต่ให้ชื่นชม “ความพยายาม” ที่ลูกทำ
6. เปิดพื้นที่ให้ลูก “ใช้เงินอย่างมีความสุข”
บางครั้งการให้ลูกได้ใช้เงินในสิ่งที่ตัวเองเลือก
คือบทเรียนเรื่อง “ความรับผิดชอบ” ที่ดีที่สุด
เช่น ถ้าลูกอยากซื้อของเล่นราคาแพง ให้เขาใช้เงินเก็บของตัวเอง
และพูดคุยหลังซื้อว่า “ของนี้คุ้มไหมที่ซื้อ?”
ไม่ต้องตำหนิ แต่ให้ลูกได้คิดเอง เด็กจะเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงมากที่สุด
7. พูดคุยเรื่อง “อารมณ์” กับเงิน
เด็กควรรู้ว่าเงินเกี่ยวข้องกับความรู้สึกได้
ลองพูดคุยว่า “รู้สึกยังไงตอนเก็บเงินได้ครบ?” หรือ “รู้สึกยังไงตอนใช้เงินไป?”
การเปิดบทสนทนาแบบนี้ทำให้เด็กรู้ว่าความสุข ความกังวล หรือความอยากและเรียนรู้ที่จะจัดการมันตั้งแต่เล็ก
💬 เหมาะกับใคร?
บทความนี้เหมาะกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก
โดยเฉพาะครอบครัวยุคใหม่ที่อยากสอนลูกเรื่อง “การเงิน” ให้สมดุล
เพราะในยุคที่ค่าใช้จ่ายสูงและสื่อโซเชียลชวนใช้เงินตลอดเวลา
การสอนให้เด็ก “ใช้เงินอย่างมีสติ” คือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราจะให้ได้
💖 สรุปส่งท้าย : ประหยัดได้ ถ้าเข้าใจ “ใจของเด็ก”
การสอนลูกให้เป็นคนประหยัดไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขในบัญชี
แต่คือการสอนให้เข้าใจ “คุณค่า” และ “อารมณ์” ที่อยู่เบื้องหลังการใช้เงิน
ถ้าเด็กได้เรียนรู้ว่าการใช้เงินอย่างมีเหตุผลไม่ใช่เรื่องผิด
เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่วางแผนเป็น รู้จักออม และไม่กลัวที่จะใช้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
เพราะสุดท้ายแล้ว
“การใช้เงินไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าเราใช้มันด้วยหัวใจที่รู้คุณค่า” 💛
แนะนำสำหรับคุณ
ประวัติของหม้อทอดไร้น้ำมัน: จากของเล่น สู่ไอเท็มครัวประจำบ้าน
สิ่งจำเป็นสำหรับการตั้งแคมป์: วิธีเลือกเต็นท์ให้เหมาะสม
ปรับบุคลิกให้ดูดี: แค่เริ่มจากท่าทางง่ายๆ ก็เห็นผล!
น้ำยาบ้วนปาก🛁 ไอเทมเพิ่มความมั่นใจประจำวัน
ทาส Krispy Kreme ต้องโดน! เปิด 6 อันดับโดนัทที่ชาวเน็ตยกให้เป็นที่ 1
🔥🔥🔥🔥🔥Apple iPhone 17 ซีรีส์ : เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ปลายปีนี้❗️
