Samsung Galaxy A26 5G มือถือน่าใช้ ราคาคุ้มค่า ที่สายสมาร์ทโฟนต้องเหลียวมอง!

บางทีคำว่า “มือถือคุ้ม ๆ” ก็อาจจะดูเชยไปแล้วในปี 2025 เพราะทุกแบรนด์แข่งกันปล่อยของที่มีสเปกแน่นเกินราคา แต่พูดกันตรง ๆ ในหมู่มือถือระดับกลางที่มีให้เลือกเป็นสิบรุ่นในตลาดตอนนี้ Samsung Galaxy A26 5G คือหนึ่งในรุ่นที่เรียกว่า “ครบจริง ไม่ต้องเติม”

ผมเองในฐานะคนที่รีวิวมือถือมาเยอะ ขอบอกเลยว่าตอนแรกไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากรุ่นนี้ แต่หลังจากได้ลองใช้จริงสักพัก มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่า “นี่แหละ มือถือที่เหมาะกับคนอยากได้เครื่องดี ใช้ยาว และไม่ต้องจ่ายแพง”

วันนี้ผมจะพาไปรีวิวแบบเจาะลึกทุกมุม ตั้งแต่ดีไซน์ หน้าจอ กล้อง การใช้งานจริง ไปจนถึงข้อสังเกตเล็ก ๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมมุมมองจากคนที่ได้จับเครื่องจริงแล้วว่า Galaxy A26 5G คุ้มค่าแค่ไหนในปี 2025 นี้

จุดเริ่มต้นของความคุ้ม  ทำไม Galaxy A Series ถึงยังครองใจคนไทย

ก่อนจะลงรายละเอียด A26 5G ผมอยากพูดถึงตระกูล Galaxy A หน่อย เพราะถ้าใครตามซัมซุงมานานจะรู้ว่า A Series คือสายกลางที่เน้นความคุ้มและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ขายฝันด้วยฟีเจอร์ล้ำ ๆ อย่างซีรีส์ S หรือ Z แต่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ “ดีพอในทุกมิติ”

ในช่วงหลัง ๆ Samsung ก็เริ่มเอาเทคโนโลยีจากรุ่นท็อปลงมาให้ในซีรีส์ A เยอะขึ้น เช่น หน้าจอ AMOLED ที่สวยระดับเดียวกับเรือธง หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์ยาวนานถึง 6 ปี ซึ่งถ้าใครใช้มือถือมานานจะรู้ว่า “อัปเดตนาน” นี่แหละคือความคุ้มที่สุด เพราะมือถือไม่เก่าเร็ว

Galaxy A26 5G ก็อยู่ในแนวทางนี้เลยครับ เป็นรุ่นที่มาพร้อมจุดสมดุลที่ดีระหว่างราคา สเปก และความทนทาน เหมาะกับทั้งนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานทั่วไปที่อยากได้เครื่องที่ใช้ยาวได้จริง

ดีไซน์และสัมผัส เรียบแต่ดูแพง ตัวบางเบาแบบมือถือพรีเมียม

ต้องยอมรับว่าซัมซุงทำดีไซน์ “คลีนแต่หรู” ได้เก่งมากในช่วงหลัง ๆ Galaxy A26 5G ก็ไม่ต่างกัน ตัวเครื่องบางเพียง 7.7 มม. ซึ่งถือว่าบางมากสำหรับมือถือแบต 5,000 mAh แถมน้ำหนักก็บาลานซ์ดี จับมือเดียวไม่เมื่อย

ด้านหลังเป็นกระจก (ใช่ครับ! กระจกจริงในมือถือระดับนี้) ดูพรีเมียมกว่ารุ่นก่อนอย่าง A24 ที่ใช้ฝาหลังพลาสติก โดยเฉพาะสี Mint ที่เป็นโทนพาสเทลแบบซอฟต์ ๆ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ส่วนสีดำกับขาวก็เรียบหรูตามสไตล์มืออาชีพ

ขอบเครื่องโค้งมนกำลังดี ปุ่มกดและพอร์ตต่าง ๆ จัดวางได้ลงตัว มีพอร์ต USB-C และยังคงมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้อยู่ ดีใจแทนคนที่ยังไม่อยากเปลี่ยนไปใช้หูฟังไร้สายทั้งหมด

หน้าจอ Super AMOLED 120Hz ลื่นเหมือนรุ่นเรือธง

ถ้าพูดถึงจุดที่ผมว้าวที่สุดใน Galaxy A26 5G ต้องยกให้ “จอภาพ” เลยครับ
เพราะมันใช้จอ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2340) และที่สำคัญคืออัตรารีเฟรช 120Hz แบบเดียวกับเรือธงในซีรีส์ S

เวลาปัดหน้าจอ ดูคลิป หรือเล่นโซเชียลต่าง ๆ มันให้ความรู้สึกลื่นมาก ไม่มีหน่วงเลยแม้แต่นิด การสลับแอปหรือเลื่อนฟีด TikTok / IG คือเนียนตา

สีสันก็สดแบบซัมซุงแท้ ๆ แดงคือแดง น้ำเงินคือเข้มดำสนิท เหมาะกับสายดูซีรีส์หรือคนที่ชอบเล่นเกมภาพสวย ๆ

จุดเดียวที่อยากให้รู้: ความสว่างสูงสุดอาจยังไม่เท่าพวกรุ่นท็อป เวลานำออกไปใช้กลางแจ้งที่แดดแรง ๆ จอจะดูหม่นลงเล็กน้อย แต่ยังมองเห็นได้อยู่ครับ ไม่ถึงขั้นลำบาก

ชิป Exynos 1380 แรงพอใช้ ลื่นทุกแอปในชีวิตประจำวัน

Samsung Galaxy A26 5G มาพร้อมชิป Exynos 1380 ซึ่งเป็นชิปขนาด 5 นาโนเมตร ที่ใช้ในรุ่นพี่อย่าง A54 ด้วย ให้ประสิทธิภาพที่ดีในระดับ “กลางค่อนไปสูง”

จากที่ลองใช้งานจริง ทั้งการเล่นโซเชียล ตัดต่อวิดีโอสั้น ๆ หรือเปิดแอปพร้อมกันหลายแอปก็ยังลื่นดี RAM 8GB ช่วยให้สลับแอปได้ไวไม่ต้องรอโหลดใหม่ ส่วนหน่วยความจำภายใน 256GB ก็เหลือเฟือสำหรับเก็บรูปและคลิป 4K

และถ้าใครสายเก็บเยอะ รุ่นนี้ยังรองรับ microSD เพิ่มได้สูงสุดถึง 2TB ซึ่งตอนนี้หาได้ยากมากในมือถือระดับนี้

การเล่นเกม: เกมอย่าง ROV หรือ PUBG Mobile เล่นได้สบายที่กราฟิกกลางถึงสูง ส่วน Genshin Impact ก็เล่นได้แต่แนะนำปรับกราฟิกลงนิดนึงเพื่อความลื่น เพราะชิป Exynos ยังไม่แรงเท่าพวก Snapdragon 8 Gen 2 แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาดสำหรับเรทราคา

กล้อง 3 ตัว พร้อมกันสั่น OIS ถ่ายรูปนิ่ง สีสด คมชัดกว่าเดิม

Samsung ขึ้นชื่อเรื่อง “กล้องที่ปรับจูนดี” มานาน Galaxy A26 5G ก็ยังคงจุดแข็งนี้ไว้ครบ

กล้องหลังมี 3 ตัว คือ

• เลนส์หลัก 50MP (มี OIS) – กันสั่นดีมาก ภาพไม่เบลอแม้มือสั่นเล็กน้อย

• Ultra-wide 8MP – เก็บมุมกว้างสำหรับถ่ายวิวหรือกลุ่มเพื่อน

• Macro 2MP – สำหรับถ่ายของใกล้ ๆ เช่นดอกไม้หรือของจิ๋ว

ภาพที่ได้จากกล้องหลักถือว่าสวยเกินราคา โดยเฉพาะในที่แสงดี สีสดแบบซัมซุงชัด ๆ และ HDR เก็บรายละเอียดส่วนมืดส่วนสว่างได้ดี

ตอนกลางคืนก็ทำได้โอเคด้วยโหมด Night Mode ที่ทำงานเร็วขึ้นจากรุ่นก่อน ส่วนวิดีโอก็ถ่ายได้สูงสุด 4K แต่ขอบอกก่อนว่า กันสั่นจะมีเฉพาะตอนถ่ายที่ 1080p เท่านั้น ถ้าอยากได้วิดีโอเนียน ๆ แนะนำลดความละเอียดลง

กล้องหน้า 13MP ก็ทำได้ดี เหมาะกับสายเซลฟี่หรือวิดีโอคอล ใบหน้าไม่หลอกและโทนผิวออกมาธรรมชาติ

แบต 5,000 mAh + ชาร์จไว 25W ใช้ได้ทั้งวันแบบไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์

จุดที่ผมประทับใจอีกอย่างคือแบตเตอรี่ครับ Samsung ใส่แบต 5,000 mAh มาให้เหมือนรุ่นเรือธง ใช้งานจริงอยู่ได้วันเต็ม ๆ แบบสบาย ๆ

ผมลองใช้งานจริง เล่นโซเชียล ถ่ายรูป ดู YouTube รวม ๆ แล้วประมาณ 7–8 ชั่วโมง หน้าจอยังเหลือแบตประมาณ 30–40% ซึ่งถือว่าอึดมาก

และยังรองรับ ชาร์จเร็ว 25W แม้จะไม่เร็วเท่าพวกรุ่นจีนที่วิ่ง 60–100W แต่ข้อดีคือความเสถียรและความปลอดภัยสูงกว่าครับ ชาร์จจาก 0–50% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

One UI 7 + Android 15 ลื่น เสถียร และอัปเดตยาวถึง 6 ปี

ซอฟต์แวร์คืออีกหนึ่งจุดที่ Galaxy A26 5G ทำได้ดีกว่าหลายแบรนด์ในเรทราคาเดียวกัน
เพราะมาพร้อมกับ Android 15 + One UI 7 ซึ่งเป็นอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ครบ และไม่มีโฆษณากวนใจ

ซัมซุงการันตีการอัปเดตระบบหลัก 6 ครั้ง และอัปเดตความปลอดภัย 6 ปีเต็ม หมายความว่าซื้อเครื่องนี้ตอนนี้ก็ยังได้ไปต่อถึงปี 2031 ถือว่าโหดมากในวงการมือถือระดับกลาง

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่าง Galaxy AI ที่ช่วยให้ค้นหาข้อมูลจากภาพได้ทันที เช่น เห็นของในรูปแล้วอยากรู้ว่านั่นคืออะไร ก็แตะค้างแล้วระบบจะค้นหาให้เลย คล้าย ๆ ฟีเจอร์ Circle to Search บนรุ่นเรือธง

ระบบกันน้ำ IP67 อุ่นใจเวลาโดนน้ำหรือฝุ่น

อีกอย่างที่ผมชอบคือ Galaxy A26 5G ได้รับมาตรฐาน IP67 หมายความว่าทนฝุ่นและน้ำได้ในระดับ “จุ่มน้ำตื้น ๆ ชั่วคราว” เช่น โดนฝนหรือเผลอทำน้ำหกใส่ก็ไม่พัง

ในมือถือระดับราคาไม่ถึงหมื่นปลาย ๆ นี่ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่หาได้ยากมาก และเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่ต้องใช้มือถือในชีวิตจริงแบบไม่ต้องคอยระวังมาก

ประสบการณ์ใช้งานจริง ใช้ทุกวันแล้วรู้สึกอย่างไร

หลังจากที่ผมใช้ Galaxy A26 5G มาประมาณสัปดาห์กว่า ๆ นี่คือสิ่งที่รู้สึกได้แบบตรงไปตรงมา

• ลื่นจริง ไม่หน่วง ต่อให้เปิดหลายแอปพร้อมกันก็ยังนิ่ง

• จอสวยสะใจ ดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมคือฟิน

• กล้องถ่ายสนุก โดยเฉพาะเวลาเดินเล่นหรือถ่ายวิวตอนเย็น สีออกมาดีแบบไม่ต้องแต่งเพิ่ม

• แบตอึด ใช้งานทั่วไปทั้งวันได้สบาย

• ดีไซน์ดูดีมีระดับ ถือแล้วไม่ดูเป็นมือถือราคาถูกเลย

สิ่งที่อยากให้ซัมซุงปรับในรุ่นต่อไปมีไม่กี่อย่าง เช่น เพิ่มความสว่างหน้าจออีกนิด และปรับให้กันสั่นวิดีโอ 4K ใช้ได้เต็มรูปแบบ แต่โดยรวมถือว่าเป็นเครื่องที่สมราคาและเหมาะกับคนส่วนใหญ่จริง ๆ

จุดเด่นที่ทำให้ Galaxy A26 5G “คุ้มเกินคาด”

• จอสวย ลื่น สีสด ด้วย Super AMOLED 120Hz

• กล้องกันสั่น OIS ถ่ายภาพนิ่งมือเดียวได้

• ชิป Exynos 1380 + RAM 8GB ลื่นในทุกการใช้งาน

• อัปเดตยาวถึง 6 ปี ใช้ได้ยาว ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

• แบตอึด ชาร์จไว 25W

• ดีไซน์กระจกบางเบา ดูพรีเมียม

• กันน้ำกันฝุ่น IP67

• มี Galaxy AI ช่วยงานได้จริง

ทั้งหมดนี้ในราคาประมาณ หมื่นต้น ๆ ถือว่าคุ้มมากสำหรับปี 2025 เพราะให้ฟีเจอร์ระดับใกล้เคียงกับรุ่นที่แพงกว่าเป็นหมื่น

ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ

ถึงจะคุ้ม แต่ก็มีจุดเล็ก ๆ ที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจครับ

• ระบบกันสั่นวิดีโอ ใช้ได้เฉพาะที่ความละเอียด 1080p

• จอสู้แดดจัดไม่เต็มร้อย แต่อ่านได้อยู่

• ไม่เหมาะกับเกมกราฟิกหนักมาก ๆ เช่น Honkai: Star Rail หรือ Genshin Impact ที่สุดทางเฟรมเรตสูง

แต่ถ้าคุณไม่ได้เน้นเกมโหดหรือถ่ายวิดีโอ 4K ตลอดเวลา ข้อจำกัดเหล่านี้แทบไม่เป็นปัญหาเลยครับ

เคล็ดลับสำหรับผู้ใช้ Galaxy A26 5G ให้คุ้มสุด

1. เปิดโหมดจอ 120Hz ตลอดเวลา เพื่อความลื่นขั้นสุด (เข้าไปเปิดใน Settings > Display > Motion Smoothness)

2. ใช้โหมด Adaptive Battery ให้ระบบจัดการพลังงานอัตโนมัติ แบตจะอึดขึ้น

3. ถ่ายวิดีโอเลือก 1080p ถ้าอยากได้กันสั่นเนียน ๆ

4. อัปเดตระบบเสมอ เพราะซัมซุงออกแพตช์ปรับประสิทธิภาพบ่อยมาก

5. ลองใช้ฟีเจอร์ Galaxy AI ช่วยค้นหาภาพ สรุปข้อความ หรือแปลภาษาบนจอได้เลย — มันไม่ได้เป็นแค่ลูกเล่นแต่ใช้งานได้จริง

สรุป มือถือราคาหมื่นที่ให้ประสบการณ์เหมือนหมื่นห้า

ถ้าให้ผมสรุปสั้น ๆ ว่า Samsung Galaxy A26 5G เหมาะกับใคร ผมขอตอบแบบนี้เลย

เหมาะกับคนที่อยากได้มือถือจอสวย ลื่น ใช้ยาว กล้องดี แบตอึด และอัปเดตนาน โดยไม่ต้องควักงบเกินหมื่นปลาย

มันไม่ใช่มือถือที่แรงสุดหรือใหม่สุดในตลาด แต่เป็นรุ่นที่ “ลงตัวสุด” สำหรับคนที่อยากได้ความสมดุลทุกด้านในงบจำกัด

และนี่คือเหตุผลที่ผมพูดได้เต็มปากว่า Samsung Galaxy A26 5G คือมือถือคุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งของปี 2025

Samsung Galaxy A26 5G

฿10,009.09-฿10,009.09

ซื้อสินค้า