HONOR 400 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นเริ่มต้นที่เกิดมาเพื่อคนรักความแรงและภาพสวยยุค AI

ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีสมาร์ตโฟนในปี 2025 สิ่งหนึ่งที่ชัดมากคือ “มือถือเรือธงไม่ได้แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เพราะตอนนี้มีสายพันธุ์ใหม่ที่วงการเรียกกันว่า flagship killer หรือเรือธงรุ่นเริ่มต้นที่ประสิทธิภาพทัดเทียมรุ่นท็อปแต่ราคาย่อมเยากว่า และหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจแบบไฟลุกในช่วงกลางปีคือ HONOR 400 Pro 5G ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยไปสด ๆ ร้อน ๆ ด้วยราคา 19,990 บาท ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรทที่ทำแฟนมือถือหลายคนขยับตัวลุกจากเก้าอี้แบบ “เอ้า รุ่นนี้มันของจริงหรือเปล่าเนี่ย”

มือถือรุ่นนี้ถูกเล่าในโลกไอทีว่าเกิดมาเพื่อสายกล้อง สายเล่นเกม สายคอนเทนต์ และสายชอบลองเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะด้าน AI Imaging ที่อัปเกรดหนักกว่าเดิม และมาพร้อมชิปเซตระดับเรือธงของ Qualcomm รุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ทำให้ชื่อของ HONOR 400 Pro 5G ถูกพูดถึงในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นคนชอบถ่ายภาพ คนทำงานครีเอทีฟ หรือแม้แต่เกมเมอร์ที่ชอบเฟรมเรตนิ่ง ๆ ภาพลื่น ๆ

บทความนี้ของ Zestbuy จะพาไปสำรวจเครื่องนี้แบบอ่านง่าย สนุก และมีมุม Geek ให้พอได้ขำ แต่ยังคงข้อมูลเชิงเทคนิคครบตามสไตล์สายไอทีตัวจริง ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันว่าทำไม HONOR 400 Pro 5G ถึงเป็นหนึ่งในมือถือที่น่าจับตามองที่สุดของปีนี้

จุดเริ่มต้นของเทรนด์ “มือถือเรือธงราคาเบา” และบทบาทของ HONOR

ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เทรนด์มือถือระดับเรือธงเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ผู้ใช้ไม่ได้มองหาความพรีเมียมเฉพาะดีไซน์หรือราคาแพง แต่สนใจ “ประสิทธิภาพคุ้มค่า” มากกว่า นี่จึงเป็นช่องที่ทำให้หลายแบรนด์ปล่อยซีรีส์เรือธงรุ่นเริ่มต้นออกมาเพื่อตีตลาดคนที่อยากได้สเปกแรงแต่ไม่อยากจ่ายเกือบครึ่งแสน

HONOR เองก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดันเทรนด์นี้แรงมาก และรุ่นล่าสุดอย่าง HONOR 400 Pro 5G ก็ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งในสนามนี้โดยเฉพาะ จุดที่น่าสนใจคือแบรนด์ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI” มากขึ้น ซึ่งกลายเป็น DNA ใหม่ของมือถือยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ระบบภาพถ่าย AI, การประมวลผลอัจฉริยะ ไปจนถึงการทำงานข้ามอุปกรณ์แบบ Magic Portal

กล่าวง่าย ๆ คือ HONOR 400 Pro 5G ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นแค่สมาร์ตโฟน แต่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ AI ให้ชีวิตลื่นขึ้นอย่างตั้งใจ

ทำความรู้จัก HONOR 400 Pro 5G ให้ลึกขึ้น: สเปกแบบไอทีอ่านได้ คนทั่วไปก็เข้าใจ

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น มาดูข้อมูลจำเพาะของเครื่องนี้พร้อมคำอธิบายแบบภาษาคนทั่วไป แต่เก็บรายละเอียดแบบสาย Tech ไว้ครบถ้วน

● หน้าจอ AMOLED 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2800×1280 พิกเซล รีเฟรชเรต 120Hz สว่างสูงสุด 5,000 นิต

ตัวเลข 5,000 นิตนี่ถือว่าเกินมาตรฐานในตลาดมาก เพราะระดับนี้คือความสว่างที่สู้แดดแบบหน้าร้อนบ้านเราได้สบาย อ่านหน้าจอชัดแม้ยืนกลางแจ้งตอนเที่ยง และด้วยการเป็น AMOLED ทำให้สีสด ดำสนิท เวลาดูคอนเทนต์หรือเล่นเกมจะรู้สึกว่าภาพคมชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

● ชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3

นี่คือชิปเรือธงของจริง สถาปัตยกรรมใหม่ที่เน้น AI workload และการประมวลผลกราฟิกที่เร็วขึ้น ทำให้การถ่ายภาพ AI, การเล่นเกม 3D หรือการตัดต่อวิดีโอบนมือถือทำได้ลื่นขึ้นกว่าเดิมมาก

● RAM 12GB + ROM 512GB

ความจุระดับนี้คือ “เผื่อเกินความจำเป็นแล้วด้วยซ้ำ” เปิดแอปพร้อมกันหลายตัวก็ยังนิ่ง เก็บไฟล์เท่าที่ต้องการได้เต็มที่ เหมาะกับคนทำงานไฟล์เยอะและสายวิดีโอ

● กล้องหลัง 200MP + Tele 50MP + Ultra-wide 12MP

จุดขายคือระบบ AI Imaging ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพภาพถ่ายแบบไม่เกรงใจรุ่นแพงกว่า ไม่ว่าจะเป็น Night Shot, Portrait หรือซูม 50x ก็ทำได้แบบมั่นใจ

● กล้องหน้า 50MP

สำหรับสายวิดีโอคอลหรือครีเอเตอร์ที่ต้องการงานหน้าใสชัดทุกพิกเซล มีความพร้อมมาก

● แบต 6,000 mAh แบบ Silicon-Carbon + ชาร์จไว 100W + ไร้สาย 50W

6000 mAh แบบ Silicon-Carbon มีข้อดีคือเสื่อมน้อยกว่าสมาร์ตโฟนแบตลิเธียมปกติ ชาร์จเร็วมากและใช้งานได้ยาวสุดในกลุ่มราคาใกล้เคียง

● ความทนทาน IP68 และ IP69

กันน้ำ กันฝุ่น ทนแรงดันน้ำระดับที่มือถือทั่วไปให้ไม่ได้ เหมาะกับคนลุยงานนอกสถานที่หรือใช้งานสมาร์ตโฟนในสภาพแวดล้อมหลากหลาย

ฟีเจอร์ AI ที่เป็นตัวเปลี่ยนเกม: จุดที่ทำให้ HONOR 400 Pro แตกต่างจากมือถือในช่วงราคาใกล้เคียง

จุดเด่นของมือถือรุ่นนี้คือ “AI ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน” ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ว้าวแค่บนกระดาษ ดังนั้นมาดูว่าฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยอะไรได้บ้าง

● Advance AI Imaging (รวมกว่า 40 ฟีเจอร์)

แรงบันดาลใจหลักมาจากการใช้ AI ประมวลผลภาพแบบลึก เช่น

• เพิ่มความคมชัดภาพมากขึ้นถึง 50%

• AI Erase Passers-by ช่วยลบคนหรือวัตถุเกะกะในภาพ

• AI Remove Reflection ใช้ลบแสงสะท้อนบนกระจกหรือหน้าต่าง

• AI Image to Video แปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอเคลื่อนไหวสั้น ๆ

นี่คือชุดฟีเจอร์ที่เหมาะกับคนชอบถ่ายคอนเทนต์ ไม่ต้องใช้แอปแต่งภาพหลายตัวให้ยุ่งยาก

● Magic Portal

เป็นฟีเจอร์ลาก–วางข้ามแอปที่ลื่นมาก ยกตัวอย่าง เช่น ลากรูปจากแกลเลอรีไปส่งไลน์หรือแชร์ไปแอปอื่นได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดหลายหน้า เหมาะกับสายทำงาน สายโซเชียล และคนที่ทำคอนเทนต์บนมือถือเป็นหลัก

● การเชื่อมต่อยุคใหม่: 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4

Wi-Fi 7 คือการอัปเกรดที่ชัดที่สุด เพราะเสถียรและเร็วกว่า Wi-Fi 6 อย่างมาก ใครใช้เราท์เตอร์ใหม่จะเห็นประโยชน์ทันที

HONOR 400 Pro 5G เหมาะกับใคร?

ถ้าจะให้สรุปแบบเข้าใจง่าย ทั้งข้อมูลและสเปกบอกชัดเจนว่าเครื่องนี้เหมาะกับ:

● คนชอบถ่ายภาพแบบไม่อยากยุ่งกับการแต่งเยอะ

AI Imaging ให้เครื่องจัดการส่วนยากให้เอง

● คนทำคอนเทนต์บนมือถือ

หน้าจอสว่าง, ความจุใหญ่, ชิปแรง, แบตอึด — เหมาะมาก

● เกมเมอร์งบไม่ถึงเรือธงราคาแพง

Snapdragon 8 Gen 3 ให้ประสิทธิภาพเทียบชั้นรุ่นท็อป

● สายทำงานหลายอุปกรณ์

Magic Portal ช่วยให้ workflow ลื่นขึ้นแบบรู้สึกได้ทันที

เคล็ดลับการใช้งานให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น

เพื่อให้การใช้งาน HONOR 400 Pro 5G มีประสิทธิภาพสูงที่สุด ลองใช้เทคนิคเหล่านี้:

1. ตั้งค่าโหมดจอ 120Hz ตลอดเวลา

เพื่อให้ภาพลื่นสุด โดยเฉพาะเวลาเลื่อนหน้าจอหรือเล่นโซเชียล

2. เปิด AI Enhancement ในกล้องให้ครบ

เฟรมเวิร์กการประมวลผลภาพของ HONOR ทำงานดีมาก ยิ่งเปิดยิ่งได้ภาพสวย

3. ใช้ชาร์จไว 100W เมื่อรีบ และชาร์จไร้สาย 50W เวลาอยู่โต๊ะทำงาน

สลับการใช้งานตามสถานการณ์เพื่อรักษาอายุแบตในระยะยาวได้ดีขึ้น

4. สำรวจเวิร์กโฟลว์แบบลาก–วางใน Magic Portal

เหมาะกับสายงานเอกสาร สายขาย สายครีเอเตอร์มาก

สรุป: HONOR 400 Pro 5G คือเรือธงคุ้มค่าที่มาพร้อม AI ตัวจริง

ในราคา 19,990 บาท ถ้าดูจากภาพรวมแล้ว HONOR 400 Pro 5G คือมือถือที่ให้ค่าที่มากกว่าเงินที่จ่าย ทั้งด้านสเปก กล้อง AI การชาร์จ ความอึด และการใช้งานที่ครบทุกมุมแบบสมาร์ตโฟนระดับเรือธง ขนาดราคาทะลุสามหมื่นบางรุ่นยังต้องมองเหลียวหลัง

ถ้าคุณต้องการมือถือที่ลื่นเร็ว ใช้งานจริงได้ครบ และอยากลองเทคโนโลยี AI บนมือถือที่พัฒนาไปอีกขั้น HONOR 400 Pro 5G คือหนึ่งในตัวเลือกที่ควรอยู่ในลิสต์ของปี 2025 อย่างแท้จริง

HONOR 400 Pro 5G

฿18,340-฿19,793.4

ซื้อสินค้า