ผักที่มีกลิ่นเหม็นเขียวที่หลาย ๆ คนอาจไม่ชอบ แต่เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย


ผักเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ผักบางชนิด” มีกลิ่นและรสชาติที่จัดจ้านจนหลาย ๆ คนไม่ชอบเอาเสียเลย โดยเฉพาะกลิ่นที่เรามักเรียกว่า “กลิ่นเหม็นเขียว” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนบางครั้งทำให้ไม่กล้าหยิบเข้าปาก แต่ในความจริงแล้ว ผักเหล่านี้กลับมีคุณค่ามากกว่าที่คิด
🌿 ทำไมผักบางชนิดถึงมีกลิ่นเหม็นเขียว?
กลิ่นที่หลายคนเรียกว่า “เหม็นเขียว” มักเกิดจาก สารคลอโรฟิลล์ ที่ทำให้ผักมีสีเขียวเข้ม รวมถึงน้ำมันหอมระเหยตามธรรมชาติที่ผักสร้างขึ้นเพื่อป้องกันแมลงและเชื้อโรค นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอินทรีย์อย่าง terpenes, aldehydes และ sulfur compounds ที่เป็นตัวการทำให้ผักมีกลิ่นแรง เมื่อเราต้ม ผัด หรือบด สารเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมา ทำให้กลิ่นชัดเจนขึ้น บางคนรู้สึกว่าหอมสดชื่น แต่บางคนกลับทนไม่ได้
🥬 ผักที่มีกลิ่นเหม็นเขียวที่หลายคนไม่ชอบ
1. ผักชี
ผักที่ถูกจัดว่า “รักหรือเกลียดไปเลย” สำหรับบางคน ผักชีคือผักโรยหน้าที่ช่วยทำให้อาหารดูน่ากินและหอมขึ้น แต่สำหรับอีกหลายคน กลิ่นของผักชีกลับคล้ายสบู่จนกินไม่ได้เลยทีเดียว นี่เป็นเพราะพันธุกรรมที่ทำให้บางคนรับกลิ่นสารประกอบ aldehyde ได้แรงกว่าคนทั่วไป ถึงอย่างนั้น ผักชีก็มีประโยชน์มาก ทั้งช่วยขับลม ต้านอนุมูลอิสระ และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี และเค

2. คื่นช่าย
คื่นช่ายมีกลิ่นฉุนแรงและรสชาติขมเล็กน้อย หลายคนจึงไม่กล้ากิน แต่ความจริงแล้วคื่นช่ายมีสรรพคุณโดดเด่นในการลดความดันโลหิต ช่วยขับปัสสาวะ และทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ในต่างประเทศยังนิยมคั้นน้ำคื่นช่ายเป็น “celery juice” เพื่อสุขภาพอีกด้วย แม้จะไม่ถูกปากทุกคน แต่ถือว่าเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพมาก

3. ชะอม
กลิ่นเฉพาะตัวของชะอมแรงจนหลายคนถึงกับปิดจมูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเอามาทำไข่ชะอมทอด กินกับน้ำพริกหรือแกงส้มแล้วอร่อยอย่าบอกใคร ชะอมมีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา และยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ถือว่าเป็นผักบ้าน ๆ ที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่า

4. กระถิน
กระถินเป็นผักที่นิยมกินกับน้ำพริกในหลายพื้นที่ แต่กลิ่นแรงจนบางคนรับไม่ไหว สารที่ทำให้มีกลิ่นนั้นก็คือสารประกอบอินทรีย์ที่อยู่ในฝักและใบ อย่างไรก็ตาม กระถินมีแคลเซียมสูงมาก ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน อีกทั้งยังมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา ถือเป็นผักพื้นบ้านที่ราคาถูกแต่คุณประโยชน์สูง

5. ขึ้นฉ่ายฝรั่ง (Celery)
ขึ้นฉ่ายฝรั่งถูกมองว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดในสายสุขภาพ แต่รสชาติขมและกลิ่นแรงทำให้หลายคนไม่ชอบเลย ขึ้นฉ่ายฝรั่งมีไฟเบอร์สูงและอุดมไปด้วยโพแทสเซียม จึงช่วยควบคุมความดันโลหิต และยังมีสารต้านการอักเสบที่ดีต่อหัวใจ แม้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่ถ้านำไปปั่นเป็นน้ำผสมกับผลไม้อื่น ๆ ก็ทำให้กินง่ายขึ้น

6. กะเพรา
ผักที่เป็นพระเอกของเมนูยอดฮิต “ผัดกะเพรา” แต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบกลิ่นหอมฉุนของมัน กะเพรามีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ใครที่ไม่ชอบกลิ่นแรงอาจจะเลือกกะเพราขาวแทนกะเพราแดง ซึ่งมีกลิ่นอ่อนกว่าเล็กน้อย

🌱 ทำอย่างไรให้ผักเหม็นเขียวกินง่ายขึ้น?
-
การปรุงรส: การผัดกับกระเทียม พริก หรือซอสต่าง ๆ จะช่วยลดความเหม็นเขียวลงได้
-
การกินคู่กับอาหารอื่น: ผักที่กลิ่นแรงมักอร่อยเมื่อกินคู่กับน้ำพริกหรือแกงรสจัด
-
การเลือกผักสดใหม่: ผักที่สดใหม่จะมีกลิ่นอ่อนกว่าและรสชาติดีกว่า
-
การหั่นหรือฉีกเล็ก ๆ: การกินในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง อาจช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวกับรสชาติและกลิ่นได้
🌿 สรุป
แม้ว่าผักบางชนิดจะมีกลิ่นเหม็นเขียวที่ทำให้หลายคนไม่อยากแตะ แต่สิ่งที่แฝงอยู่เบื้องหลังก็คือคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพที่สูงมาก หากลองเปิดใจและหาวิธีปรุงให้เหมาะสม คุณอาจจะค้นพบว่าผักที่เคยไม่ชอบ กลับกลายเป็นของอร่อยและดีต่อร่างกายมากกว่าที่คิด
สุดท้ายแล้ว “ผักมีกลิ่นเหม็นเขียว” อาจไม่ใช่ศัตรูของเรา แต่เป็นเพื่อนที่ช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงไปได้อีกนาน 🍃
แนะนำสำหรับคุณ
Smart Phone : Poco สมาร์ทโฟนสำหรับสยเกมเมอร์
รสดีเมนู: มีติดครัวไว้ อร่อยได้ทุกเมนูไม่ต้องปรุงเพิ่ม!
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กสำหรับทำงาน เรียน ลอง Macbook ดูนะสิ!
Bluetooth Earphone|ปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัด: พร้อมฟังเสียงที่ไร้ขอบเขตในทุกการเดินทาง
วิธีเลือกเสื้อเชิ้ต ไอเทมชิ้นเดียวที่เปลี่ยนลุคได้ทุกโอกาส
ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าขณะเล่น CS:GO ใช่ไหม? นั่นเพราะคุณเลือกหูฟังผิด!