เรื่องเล่าที่ว่าห้ามพูดว่า “ไปกัน” โดยไม่เรียกชื่อ…เพราะผีจะตามมานั้นจริงมั้ย?

เงียบ…อย่าเพิ่งพูดว่า “ไปกัน”
กลางคืนบนถนนลูกรังที่ทอดยาวออกจากหมู่บ้าน เสียงจักจั่นดังระงมข้างทาง กลุ่มวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับจากดูหนังกลางแปลง เสียงหัวเราะคิกคักดังแข่งกับเครื่องยนต์ แต่พอถึงสามแยกหนึ่งในนั้นเผลอพูดขึ้นว่า
“ไปกันเลยมั้ย?”
อีกคนเบรกแทบไม่ทัน ก่อนหันมาทำหน้าซีด “เฮ้ย! ห้ามพูดแบบนั้นดิ เดี๋ยวผีตาม!”
คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะจากบางคน แต่บางคนกลับนิ่งไปเฉย ๆ เพราะในใจลึก ๆ ก็รู้ดีว่ามันเป็น “คำต้องห้าม” ที่ผู้ใหญ่เตือนกันมาแต่ไหนแต่ไร
แต่เอาจริง…
แค่พูดคำว่า ‘ไปกัน’ โดยไม่เรียกชื่อเนี่ยนะ ผีจะตามมาจริงเหรอ?
ความเชื่อที่สืบต่อจากยุคบรรพชน
หากย้อนกลับไปดูภูมิปัญญาและความเชื่อของคนไทย “ผี” ไม่ได้หมายถึงสิ่งน่ากลัวเสมอไป แต่คือ “พลังที่มองไม่เห็น” ที่อยู่ร่วมกับมนุษย์มานาน ทั้งผีบ้านผีเรือน ผีป่า ผีน้ำ หรือแม้แต่ผีคนตายที่ยังวนเวียนอยู่
ในหลายหมู่บ้านจะมีข้อห้ามลึกลับเกี่ยวกับการ “เรียกชื่อ” เช่น
-
ห้ามตะโกนชื่อใครในป่า เพราะจะเรียกผีมาแทนคน
-
ห้ามพูดคำว่า “ไปกัน” เวลาจะเดินทางกลางคืน เพราะ “ผีจะได้โอกาสตามไปด้วย”
-
ห้ามพูดถึงผีในที่เปลี่ยว เพราะอาจ “เรียกแขก” โดยไม่รู้ตัว
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าเพื่อหลอกเด็กให้กลัว แต่สะท้อนแนวคิดเรื่อง “พลังของคำพูด” ที่ฝังลึกในวัฒนธรรมไทยและหลายวัฒนธรรมทั่วโลก
คำพูดไม่ได้เป็นเพียงเสียง แต่เป็นการ “เชื้อเชิญ” หรือ “สร้างเจตนา” ซึ่งอาจเปิดประตูให้สิ่งที่มองไม่เห็นเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตเราได้
ทำไมต้องเรียกชื่อ?
ในมุมมองของความเชื่อไทย “ชื่อ” คือสิ่งที่ระบุตัวตนและปกป้องเรา
การเรียกชื่อกันในยามเดินทางหรืออยู่ในที่เปลี่ยว เป็นเหมือนการ “ยืนยันว่าเราเป็นมนุษย์” ไม่ใช่วิญญาณ
ดังนั้น เวลาพูดว่า “ไปกันเลย” โดยไม่ระบุว่า “ไปกันเถอะ เอม – ตูน – เบน” อาจถูกตีความว่าเป็นการพูดลอย ๆ ซึ่ง “ผี” หรือวิญญาณที่อยู่แถวนั้นอาจคิดว่า “เราชวนมันไปด้วย”
เพราะคำว่า “ไปกัน” เป็นคำเชิญที่ไม่ระบุผู้ถูกเชิญ ใครก็อาจตีความว่า “รวมถึงตนเอง” ได้
น่าสนใจไหมว่า ความเชื่อเล็ก ๆ นี้สะท้อนสิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด
มันแสดงให้เห็นว่าคนไทยเชื่อใน “พลังของภาษา” และ “การระบุเจตนา” มานานกว่าหลายร้อยปี
มุมมองจากนักมานุษยวิทยา: พลังของคำกับพิธีกรรม
นักมานุษยวิทยาหลายคน เช่น มาลี บุญศิริพันธุ์ (2560) เคยอธิบายว่า ในพิธีกรรมของไทย คำพูดมีสถานะเป็น “การกระทำ” ไม่ใช่แค่เสียง เช่น คำอวยพร คำสาปแช่ง หรือแม้แต่คำเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิธีไหว้ครู
เพราะฉะนั้น การพูดบางอย่างในสถานการณ์บางแบบ อาจถูกมองว่า “ก่อให้เกิดผล” ในโลกวิญญาณได้จริง
และนี่อาจเป็นรากทางจิตวิญญาณของข้อห้าม “ห้ามพูดว่าไปกันโดยไม่เรียกชื่อ”
ไม่ใช่เพราะเชื่อว่าผีอยู่ทุกที่ แต่เพราะเชื่อว่า คำพูดเป็นพลังที่เปิดประตู
หากพูดลอย ๆ ก็เท่ากับเปิดประตูโดยไม่ล็อก ใครจะเข้ามาก็ได้
แล้วในแง่วิทยาศาสตร์ล่ะ?
แน่นอนว่า หากมองจากมุมวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ยังไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่า “พูดว่าไปกัน” แล้วจะมีผีตามมาจริง ๆ
แต่จิตวิทยากลับอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อย่างน่าสนใจ
นักจิตวิทยาอธิบายว่า ความกลัว “ผี” คือผลของจินตนาการและการเรียนรู้ทางวัฒนธรรม (Cultural Conditioning)
เมื่อเราได้ยินคำเตือนแบบนี้ตั้งแต่เด็ก สมองเราจะสร้าง “Pattern ของความกลัว” ทันทีเมื่อได้ยินคำต้องห้าม แม้เหตุผลจะไม่มีจริงก็ตาม
และในช่วงที่อารมณ์ตื่นกลัว เช่น เดินในที่มืด หรือเจอสถานการณ์เงียบสงัด สมองจะตีความเสียงรอบข้างผิดเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติได้ง่าย ซึ่งเป็นกลไก “ป้องกันตัว” ของร่างกายด้วยซ้ำ
ดังนั้น “ผีตาม” ในหลายกรณีอาจไม่ใช่วิญญาณจริง ๆ แต่คือผลของ “การตีความ” และ “จิตใต้สำนึก” ที่ทำงานร่วมกับความเชื่อดั้งเดิม
เมื่อความเชื่อกลายเป็นเครื่องมือของสังคม
ความเชื่อเรื่องคำต้องห้ามลักษณะนี้ไม่ได้มีแค่ในไทย เช่น ญี่ปุ่นมีข้อห้าม “ห้ามเรียกชื่อในภูเขา” เพราะเชื่อว่าภูเขาเป็นที่อยู่ของเทพและวิญญาณ ส่วนในฟิลิปปินส์มีข้อห้าม “ห้ามตอบเมื่อมีเสียงเรียกชื่อในป่า” เพราะอาจเป็นผีล่อ
สิ่งเหล่านี้มีหน้าที่ทางสังคมที่ชัดเจน คือ ควบคุมพฤติกรรมของคนให้ระมัดระวังในที่เปลี่ยว
ลองคิดดูสิว่า ถ้าเด็ก ๆ เดินเข้าป่าโดยไม่กลัวอะไรเลย ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน?
แต่ถ้าเราผูกความกลัวกับ “ผี” เข้าด้วยกัน พวกเขาจะระวังมากขึ้นโดยไม่ต้องสั่ง
นี่แหละคือ “ภูมิปัญญาเชิงจิตวิทยา” ของคนโบราณ ที่แม้จะไม่อิงวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ แต่กลับทำงานได้ผลในเชิงพฤติกรรมมานับร้อยปี
สรุป: ผีตาม…หรือใจเราตามเองกันแน่?
คำถามคือ “ห้ามพูดว่าไปกันโดยไม่เรียกชื่อ เพราะผีจะตามมานั้นจริงไหม?”
ในทางวิทยาศาสตร์ — ไม่พบหลักฐาน
ในทางจิตใจ — มีอิทธิพลจริง
ในทางวัฒนธรรม — เป็นสัญลักษณ์แห่งความระมัดระวังและการเคารพสิ่งที่มองไม่เห็น
บางที “ผี” ที่เรากลัว อาจไม่ใช่วิญญาณร้ายจากที่ไหน
แต่มันคือ “ความกลัวที่เราเลี้ยงไว้ในใจ”
และทุกครั้งที่เราพูดลอย ๆ โดยไม่ตั้งใจ เราอาจกำลังเปิดประตูให้ความกลัวนั้นเดินตามมาเอง
เพราะสุดท้ายแล้ว…
สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ผีที่ตามหลังเรา แต่อาจเป็นความเชื่อที่เรายังไม่กล้าตั้งคำถามต่างหาก
แนะนำสำหรับคุณ
คนเก็บตัวเข้ามหาวิทยาลัย: ทำยังไงถึงจะมีเพื่อน?
พัดลมพกพายี่ห้อไหนเหมาะกับเรา มาดูวิธีการเลือกพัดลมพกพากันว่าต้องเลือกยังไงบ้าง
วิธีเลือกเสื้อเชิ้ต ไอเทมชิ้นเดียวที่เปลี่ยนลุคได้ทุกโอกาส
เปิดตัว Apple Watch Ultra 3 ตัวใหม่ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
Smart Phone : Poco สมาร์ทโฟนสำหรับสยเกมเมอร์
ปรับบุคลิกให้ดูดี: แค่เริ่มจากท่าทางง่ายๆ ก็เห็นผล!
