ลอยกระทง 2568 คืนขอบคุณสายน้ำ ด้วยหัวใจที่รักษ์โลก

ในคืนหนึ่งของทุกปี ณ เดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติไทย เมื่อพระจันทร์เต็มดวง เราจะได้เห็นสายลมพัดเบา ๆ เหนือลำน้ำคลอง หน้ามวลประชาชนแออัดที่ริมแม่น้ำ หรือบางคนเลือกสถานที่สงบเงียบริมทุ่งน้ำ นำกระทงสวย ๆ มาลอยลงพร้อมคำอธิษฐาน — นั่นคือคืนแห่ง “วันลอยกระทง” หรือ Loy Kratong ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณีที่แทรกอยู่ในหัวใจของคนไทยมายาวนาน ทั้งในด้านวัฒนธรรม ศาสนา และวิถีชีวิต
คืนนี้คือคืนที่แสงเทียนพลิ้วไหว ลอยลงในกระแสน้ำ พร้อมกับความปรารถนาที่จะปล่อยสิ่งไม่ดีให้ลอยหายไป และเพื่อขอขมาพระแม่คงคา ผู้ดูแลสายน้ำอันประเสริฐ
แม้จะไม่มีหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่าเริ่มต้นขึ้นเมื่อใด แต่หลายแหล่งข้อมูลชี้ว่า ประเพณีลอยกระทงมีรากฐานมาจากสมัย สุโขทัย โดยเฉพาะช่วงรัชสมัย พ่อขุนรามคำแหง แห่งราชวงศ์พฤฒิไธย ซึ่งเป็นยุคแห่งการประดิษฐ์และยกระดับศิลปวัฒนธรรมไทยให้รุ่งเรือง
ในศิลาจารึก หลักที่ 1 ชื่อดังของสุโขทัย มีการกล่าวถึงงาน “เผาเทียนเล่นไฟ” หรือพิธีจองเปรียญ ซึ่งจัดขึ้นในค่ำคืนเต็มดวงของเดือน สิบสอง ถือเป็นงานรื่นเริงใหญ่โตของกรุงสุโขทัย ที่ถูกเชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการลอยกระทงในปัจจุบัน
ประเพณีเริ่มต้นในลักษณะของพิธีพราหมณ์เพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ ได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และ พระพรหม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเน้นการถวายโคมไฟและการเล่นไฟ การลอยโคมในน้ำจึงมีที่มาจากเช่นนี้
ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาแผ่เข้ามาในดินแดนไทย ประเพณีนี้จึงถูกผสานเข้ากับพิธีทางพุทธ โดยความหมายได้ขยายออกมาว่าเป็นการลอยเพื่อบูชา ขอขมา และปล่อยวาง โดยเฉพาะการลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า เชื่อมโยงให้เห็นว่าธรรมชาติและศาสนาถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างงดงาม
อีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เมื่อ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ) สนมเอกของ พระร่วง ทรงประดิษฐ์ “กระทงดอกบัว” ขึ้นมาแทนโคมลอย ปรากฏว่าได้รับพระราชหฤทัยจากพระองค์ และทรงตั้งให้จัดเป็นประเพณีสืบมาจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้น แม้จะยังมีคำถกเถียงทางวิชาการเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริง แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ประเพณีลอยกระทงได้สืบทอดมายาวนาน และถูกยกให้เป็นหนึ่งในประเพณีประจำปีที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างชัดเจน
คืนพระจันทร์เต็มดวง จังหวะเวลาของการปลดปล่อยและเริ่มต้นใหม่
คืนวันลอยกระทงถูกกำหนดให้ตรงกับคืนพระจันทร์เต็มดวงประจำเดือนสิบสองของปฏิทินจันทรคติไทย ซึ่งโดยทั่วไปจะตรงกับช่วงเดือนพฤศจิกายนของปฏิทินสากล
หมู่คนจึงพากันไปยังแม่น้ำ คลอง ลำห้วย และแหล่งน้ำต่าง ๆ พร้อมกระทงที่ประดับด้วยใบตอง ดอกไม้ เทียน และธูปสามดอก เพื่อจุดให้ลอยไปพร้อมคำอธิษฐานในใจ โดยเชื่อกันว่าสายน้ำจะพาไปทุกสิ่งไม่ดี และนำพาความโชคดีมาแทนที่
คืนนี้จึงเป็นคืนแห่งความงามอันแผ่วเบาและทรงพลังในเวลาเดียวกัน เมื่อแสงเทียนหลายหมื่นดวงส่องสว่างท่ามกลางแสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำ กลายเป็นภาพแห่งการปล่อยวางและเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าใครอยู่ไหนก็มิอาจหนีความรู้สึกว่า “อยากให้สิ่งดีมา” และ “อยากปล่อยสิ่งไม่ดีไป”
ความหมายเชิงสังคม และวัฒนธรรมของงานนี้
ประเพณีลอยกระทงไม่ได้หมายถึงแค่การลอยกระทงเท่านั้น แต่มันเต็มไปด้วยความหมายหลายมิติ
หนึ่งคือ การแสดงความขอบคุณต่อน้ำ และ ขอขมา พระแม่คงคา ผู้คอยดูแลสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนไทยมายาวนาน น้ำคือทรัพยากรอันสำคัญ โดยเฉพาะในสังคมเกษตรกรรม การขอขมาเกิดขึ้นเมื่อผู้คนตระหนักว่าตนเองอาจใช้สายน้ำอย่างไม่ระมัดระวัง และการลอยกระทงคือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ในวิถีแห่งความเคารพ
สองคือ การปล่อยวาง – เมื่อคนลอยกระทง เหมือนเขาลอยความทุกข์ ความโกรธ ความผิดพลาด หรือสิ่งที่อยากลืมลงในน้ำ และให้ลอยไกลไป กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้นใหม่” ในชีวิต
สามคือ การสะท้อนวัฒนธรรมรวมทั้งศิลปะและความสามัคคี — ประเพณีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องของชุมชน ครอบครัว และการร่วมมือกันสร้างกระทง ดูแลแม่น้ำ และไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใดของไทย ลอยกระทงก็กลายเป็น “ส่งต่อความหวัง” ในคืนแห่งความงาม
ข้อดีของการสืบสานประเพณีลอยกระทง และการรักษาสิ่งแวดล้อม
การลอยกระทงในทุกปีนั้นไม่เพียงแต่สร้างความงดงามและประสบการณ์สังคมที่ไม่ซ้ำใคร แต่ยังมีประโยชน์และคุณค่าอีกหลายอย่างดังนี้:
-
ช่วยเสริมสร้างจิตสำนึกต่อสายน้ำ ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม – เมื่อผู้คนเข้าใจถึงการขอขมาพระแม่คงคา ก็ยกระดับการดูแลน้ำและลดมลพิษในแหล่งน้ำ
-
เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติมากขึ้น เช่น ใบตอง ขยะชีวภาพ และขนมปังแทนโฟม เพื่อให้กระทงย่อยสลายได้ง่ายและไม่เพิ่มภาระต่อแม่น้ำ
-
เป็นการเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบัน – การที่คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์สุโขทัยผ่านการลอยกระทง ช่วยให้คุณค่าแห่งวัฒนธรรมไม่สูญหาย
-
สร้างโอกาสทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ในคืนงานผู้คนมักไปร่วมกิจกรรม ซื้อกระทงที่ทำมือ ชมการแสดง และสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น
แต่ก็ใช่ว่าเราจะลอยกระทงโดยไม่คิดถึงสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อกระทงถูกลอยลงสู่แหล่งน้ำ หากใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ช้า หรือมีโฟมหรือพลาสติก ก็อาจกลายเป็นขยะในน้ำและสร้างปัญหาได้
ด้วยเหตุนี้ การรักษา “ความงดงาม” ของประเพณีจึงควรมาพร้อมกับ “ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม” ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ หลีกเลี่ยงพลาสติกและโฟม และช่วยกันเก็บกระทงหลังเสร็จงาน เพื่อให้คืนแห่งแสงเทียนเป็นคืนแห่งความงามจริง ๆ ตลอดไป
คืนวันลอยกระทงปี 2568 ครั้งนี้ คือ คืนที่ไม่เพียงแต่เราลอยกระทงลงน้ำ แต่คือ คืนที่เราได้ทบทวน — ขอขมากับ พระแม่คงคา ปล่อยสิ่งไม่ดีให้ลอยหายไป พร้อมเริ่มต้นใหม่ด้วยใจที่เบาและพร้อมรับสิ่งดี ๆ เข้ามา
เมื่อเรามองภาพเทียนเล็ก ๆ มากมายลอยท่ามกลางแสงจันทร์ สีของผิวน้ำ และเสียงหัวเราะของผู้คน เราเข้าใจว่า ประเพณีนี้ไม่ใช่แค่ “ภาพสวย” แต่คือ “ภาพใจ” ที่สะท้อนถึงคุณค่าแห่งสายน้ำ ความขอบคุณ และการร่วมมือของสังคมไทย
ค่ำคืนนี้ ขอให้เราไม่เพียงแค่ลอยกระทง… แต่ลอยทุกสิ่งที่เป็นภาระใจ ให้สายน้ำพาไป และให้อนาคตพาเราสู่วันใหม่ที่เบากว่าเดิม ✨
แนะนำสำหรับคุณ
พัดลมพกพายี่ห้อไหนเหมาะกับเรา มาดูวิธีการเลือกพัดลมพกพากันว่าต้องเลือกยังไงบ้าง
คนเก็บตัวเข้ามหาวิทยาลัย: ทำยังไงถึงจะมีเพื่อน?
Apple News: Apple เปิดตัว iPad Air พร้อมชิป M3 อันทรงพลังและ Magic Keyboard ใหม่
น้ำยาบ้วนปาก🛁 ไอเทมเพิ่มความมั่นใจประจำวัน
รสดีเมนู: มีติดครัวไว้ อร่อยได้ทุกเมนูไม่ต้องปรุงเพิ่ม!
👋อุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone ที่สำคัญที่สุด…ไม่ใช่ที่ชาร์จ แต่เป็น AirPods จริงหรือ?
