Popular Science | ผ้าอนามัย ประวัติการพัฒนาที่ยังไม่มีใครรู้

ตอนเด็กๆ เราทุกคนล้วนมีความฝันอันสดใส ครั้งหนึ่งฉันเคยฝันอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงผู้รอบรู้ มีความสามารถ และงดงาม แม้กาลเวลาจะผ่านไปและความจริงได้ทำให้ความฝันนั้นเลือนลางลง แต่ความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะสำรวจสิ่งที่ยังไม่รู้ก็ไม่เคยลดน้อยลง วันนี้ ขอให้เราค้นพบประวัติศาสตร์การพัฒนาที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักเบื้องหลังผ้าอนามัย ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้หญิง และสัมผัสถึงการผสมผสานอันอบอุ่นระหว่างเทคโนโลยีและการดูแลเอาใจใส่อย่างมีมนุษยธรรม

1. อดีตของผ้าอนามัย

1. ยุคโบราณ : การตอบสนองแบบดั้งเดิมโดยใช้วัสดุท้องถิ่น

ในสมัยโบราณ สภาพความเป็นอยู่มีข้อจำกัดอย่างมาก ผู้หญิงจึงใช้วัสดุในท้องถิ่นเพื่อจัดการกับประจำเดือนได้เท่านั้น พวกเธอใช้หญ้าแห้ง ขี้เถ้าไม้ ฟองน้ำ (ตามชายฝั่ง) ฯลฯ เช็ดคราบเลือดอย่างหยาบๆ ผู้หญิงกรีกโบราณใช้ผ้าลินินพันผ้าฝ้ายกับไม้ และผู้หญิงในบางพื้นที่ของแอฟริกาใช้ขนนกและผ้านุ่มๆ รองใต้ท้อง และเก็บใส่ถังไม้ขนาดเล็กหลังใช้งาน วัสดุเหล่านี้ถูกเลือกเพราะสามารถดูดซับน้ำได้ดีและช่วยให้ผู้หญิงจัดการกับปัญหาประจำเดือนได้

2. สังคมทาส: การรวมกันของเปลือกไม้ หนังสัตว์ และวัตถุแห้ง

ในช่วงยุคสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ แม้ว่าผ้าไหมจะถือกำเนิดขึ้นแล้ว แต่กลับกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับเศรษฐีเท่านั้น และมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้เป็นผ้าอนามัยได้ ผู้หญิงทั่วไปเย็บชุดชั้นในด้วยเปลือกไม้หรือหนังสัตว์เพื่อปกปิดความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อมีประจำเดือน พวกเธอจะวางของแห้งๆ ลงบนผ้าอนามัยเพื่อซับเลือดสกปรก และเรียนรู้การล้างช่องคลอดด้วยน้ำสะอาด เมื่อเทียบกับสมัยโบราณ ผู้หญิงมีความก้าวหน้าในการจัดการกับประจำเดือนบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเรียบง่ายมาก

3. สังคมศักดินายุคแรก: กำเนิดเข็มขัดอนามัยแบบทำเอง

ในสังคมศักดินา เมื่อฝ้ายและผ้าไหมเริ่มแพร่หลาย ผู้หญิงที่ชาญฉลาดจะตัดและเย็บผ้าไหมเป็นแถบผ้าอนามัยหรือเข็มขัดอนามัย พวกเธอจะสวมไว้บนร่างกายเพื่อทำความสะอาดเลือดประจำเดือน อย่างไรก็ตาม เข็มขัดอนามัยแบบดั้งเดิมนี้มีความสามารถในการดูดซับที่จำกัด และผู้หญิงมักเคลื่อนไหวร่างกายมากขณะทำงาน จึงมักมีเลือดออก ต่อมาผู้หญิงที่ชาญฉลาดได้นำผ้าไหมมาทำเป็นถุงและบรรจุเถ้าพืชที่สามารถดูดซับได้ดี เถ้าพืชสดจะถูกฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทางสรีรวิทยาของผู้หญิง เข็มขัดอนามัยทั้งสองแบบสามารถซักได้ และจำเป็นต้องซักด้วยน้ำสะอาดและสารส้มหลังหมดประจำเดือน

4. สังคมศักดินาตอนกลางและตอนปลาย: การเกิดขึ้นของผ้าอนามัยแบบผ้าฝ้ายและกระดาษ

ในยุคนี้ ฝ้ายเริ่มแพร่หลายมากขึ้น และเทคโนโลยีการผลิตกระดาษก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การผลิตกระดาษด้วยมือถึงจุดสูงสุดในสมัยราชวงศ์ซ่ง และต้นทุนการผลิตกระดาษก็ลดลง นับเป็นรากฐานของการเกิดขึ้นของผ้าอนามัยกระดาษ ผู้หญิงใช้ผ้าฝ้ายแทนผ้าไหม และใช้ผ้าฝ้ายแทนขี้เถ้าไม้ในการทำเข็มขัดอนามัย แต่ฝ้ายแบบใหม่นี้ดูดซับน้ำได้ไม่ดีนัก ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงยังคงนิยมใช้ขี้เถ้าไม้ ขณะเดียวกัน ผ้าอนามัยกระดาษก็เริ่มปรากฏขึ้น คนรวยใช้กระดาษขาวสำหรับบูชายัญทำเข็มขัดอนามัย ในขณะที่คนทั่วไปส่วนใหญ่เลือกใช้กระดาษฟางธรรมดา ซึ่งใช้โดยตรงหรือสอดไว้ในเข็มขัดอนามัย

5. หลังการปลดปล่อย: การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของผ้าอนามัย

ในยุคแรกหลังการปลดปล่อย ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังคงใช้เข็มขัดอนามัยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งผ่านการซัก ตากแห้ง และนำกลับมาใช้ใหม่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พยาบาลหญิงชาวอเมริกันที่ประจำการอยู่ในฝรั่งเศสได้ใช้ผ้าพันแผลและสำลีผสมยาในการผลิตผ้าอนามัยยุคแรกๆ สิ่งประดิษฐ์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน "สิบสิ่งประดิษฐ์ที่มีอิทธิพลต่อมนุษยชาติในศตวรรษที่ 20" และต่อมาก็ได้รับความนิยมในรูปแบบของสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากได้ใช้

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีการก่อตั้งบริษัทที่ผลิตผ้าอนามัยจำนวนมากขึ้น เด็กผู้หญิงต้องใช้เข็มกลัดติดผ้าอนามัยกับชุดชั้นใน หรือใช้เข็มขัดรัดประจำเดือน เข็มขัดรัดหน้าท้อง และอุปกรณ์พิเศษที่ผลิตขึ้นเอง ซึ่งไม่สะดวกอย่างยิ่ง ในปี ค.ศ. 1921 บริษัทคิมเบอร์ลี-คล๊ากของสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการผลิตผ้าอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งผืนแรก คือ Kotex ในปี ค.ศ. 1927 บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ผลิต Modess ทั้งสองบริษัทนี้ครองส่วนแบ่งตลาดผ้าอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งจำนวนมาก

ในปี พ.ศ. 2476 แทมปอนแบบใช้แล้วทิ้งชิ้นแรกได้ถือกำเนิดขึ้น แทมแพ็กซ์ ถือเป็นผลพวงจากความรักและต้นแบบของผ้าอนามัยสมัยใหม่ ดร. ฮาส จากสหรัฐอเมริกาได้นำหลักการใช้สำลีหรือผ้าก๊อซซับเลือดระหว่างการผ่าตัดมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์สุขอนามัยสำหรับสตรีในช่วงมีประจำเดือน คิดค้นแทมปอนสำหรับใช้ภายในชิ้นแรกของโลก และได้รับสิทธิบัตร ในช่วงทศวรรษ 1940 สำลีแผ่นนี้ได้รับความนิยมในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และค่อยๆ พัฒนาเป็นวัสดุแบบใช้แล้วทิ้ง

ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ผ้าอนามัยถูกติดเข้ากับชุดชั้นในด้วยสติกเกอร์ ซึ่งเป็นการบอกลายุคของหมุดและเทป และเป็นการตามทันยุคสมัยที่เราใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน

2. ผ้าฝ้ายไร้ปีก ทางเลือกใหม่สำหรับการสวมใส่ตอนกลางคืน

ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าผู้หญิงจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่การมีประจำเดือนยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ และคุณภาพของผ้าอนามัยก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขภาพและความสบายของเรา ในบรรดาแบรนด์ผ้าอนามัยมากมาย Modess โดดเด่นที่สุด

Modess มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลประจำเดือนคุณภาพสูงสำหรับผู้หญิง ผ้าอนามัยแบบไม่มีปีกสำหรับกลางคืน ผลิตจากผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม ไร้ปีก ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้หญิง เนื่องจากมีข้อดีมากมาย

ผ้าอนามัยผืนนี้ใช้วัสดุผิวสัมผัสนุ่มดุจใยฝ้าย อ่อนโยนต่อผิว ปกป้องจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงดุจปุยเมฆ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้อย่างดีเยี่ยม ให้คุณผู้หญิงที่มีผิวแพ้ง่ายใช้งานได้อย่างสบายใจ ดีไซน์ที่ยาวขึ้น คำนึงถึงความต้องการของผู้หญิงในยามหลับสนิท แม้พลิกตัวหรือนอนตะแคง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วซึม มอบสภาพแวดล้อมการนอนที่แห้งสบายและแห้งสบายสำหรับคุณผู้หญิง ให้คุณเพลิดเพลินกับการนอนหลับที่แสนหวานตลอดช่วงมีประจำเดือน

โมเดสยังมีประสิทธิภาพในการดูดซึมที่ดี สามารถดูดซับเลือดประจำเดือนได้อย่างรวดเร็วและล็อคไว้อย่างแน่นหนา ช่วยให้พื้นผิวแห้งสบาย หลีกเลี่ยงอาการคัดจมูกและรู้สึกไม่สบายตัวจากกระบวนการออสโมซิสย้อนกลับ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหนักๆ ยามค่ำคืนหรือกลางวัน ก็ช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยและสบายตัว

การพัฒนาผ้าอนามัยได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์และความใส่ใจในสุขภาพของผู้หญิง ตั้งแต่วัตถุดิบท้องถิ่นในสมัยโบราณไปจนถึงผลิตภัณฑ์ไฮเทคสมัยใหม่ ผ้าอนามัยได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มอบความสะดวกสบายและความสบายยิ่งขึ้นให้กับผู้หญิง ผ้าอนามัยแบบไม่มีปีก Modess รุ่น Soft Surface Extended Night ถือเป็นตัวแทนอันยอดเยี่ยมของกระบวนการพัฒนานี้ ด้วยคุณภาพอันยอดเยี่ยมและการออกแบบที่ใส่ใจ จึงกลายเป็นคู่หูที่ไว้ใจได้สำหรับผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน พร้อมเคียงข้างคุณในทุกช่วงเวลาพิเศษ

โมเดส ผ้าอนามัย คอตตอนนี่ซอฟ เฮฟวี่ โฟลว ไม่มีปีก 20 ชิน Modess Sanitary Pads Non-Wings Cottony Soft Heavy Flow 20 pcs.

฿47-฿47

ซื้อสินค้า