“ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน”ร้านชาไม่ใส่สี


ความสำเร็จของร้าน “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน”
ในยุคที่ตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยเต็มไปด้วยกาแฟ ชาเขียว และชาต่างประเทศหลากหลายยี่ห้อ มีเพียงไม่กี่ร้านที่เลือกหยิบยก “ชาเย็นไทย” ซึ่งเป็นรสชาติคุ้นเคยของคนไทย มาเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ หนึ่งในนั้นคือร้านที่มีชื่อสะดุดตาและยาวเป็นพิเศษว่า “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” ร้านที่ไม่เพียงแต่ขายเครื่องดื่ม แต่ยังขายแนวคิดและไลฟ์สไตล์ จนกลายเป็นกระแสที่พูดถึงไปทั่วในเวลาอันรวดเร็ว

ชื่อร้านที่ยาวและตรงไปตรงมา กลายเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน เพราะมันไม่ใช่แค่ชื่อ แต่เป็น “คำประกาศเจตนา” ที่ใครหลายคนอ่านแล้วรู้สึกอินทันทีว่า “ใช่เลย นี่คือเราที่ชอบดื่มชาเย็นทุกวัน” ชื่อที่ดูเหมือนเล่นสนุกกลับสร้างการจดจำอย่างทรงพลัง ทำให้แบรนด์นี้โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง
เบื้องหลังความสำเร็จไม่ได้มาจากชื่อเท่านั้น แต่ยังมาจากความเข้าใจรสชาติของชาไทยอย่างลึกซึ้ง เจ้าของร้านซึ่งเติบโตในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำความทรงจำและประสบการณ์จากการดื่มชาเย็นตั้งแต่เด็ก มาผสมผสานใบชาจากหลายแหล่ง ทั้งจากภาคใต้ที่เข้มข้น และจากภาคกลางที่หอมละมุน จนได้รสชาติที่กลมกล่อมพิเศษ เป็นสูตรที่แตกต่างและกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จุดขายหลักของทางร้านคือ ชาเย็นสูตรไม่ใส่สีผสมอาหาร
นอกจากรสชาติแล้ว การออกแบบแบรนด์ก็มีบทบาทสำคัญ “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” ลงทุนสร้างโลโก้ที่ชัดเจน สีส้มสดที่เป็นมิตร และบรรจุภัณฑ์ที่ดูทันสมัย จนกลายเป็นแก้วชาเย็นที่ “Instagrammable” ลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มไม่เพียงแค่ได้รสชาติอร่อย แต่ยังได้แก้วที่อยากหยิบมาถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้กลายเป็นพลังการตลาดปากต่อปากที่ทำให้ร้านดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเลือกทำเล จากเดิมที่เริ่มขายในตลาดนัดชื่อดัง แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ จึงไม่ตอบโจทย์นัก จนเมื่อย้ายร้านไปเปิดที่ถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นย่านที่คนไทยและวัยทำงานสัญจรจำนวนมาก ยอดขายก็พุ่งทะยาน กลายเป็นร้านชาเย็นที่คนต่อคิวซื้อทุกวัน

ด้วยกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ทันสมัย การทำคอนเทนต์ลง TikTok และโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ เพื่อสร้างกระแสใหม่ ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เพียงเวลาไม่นาน “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” ก็สร้างยอดขายถึงระดับร้อยล้านบาทต่อปี และขายได้ไม่ต่ำกว่าวันละพันแก้ว
ปัจจุบัน ร้านได้ขยายกิจการไปแล้วกว่า 19 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมตั้งเป้าที่จะขยายให้ครบ 35 สาขาภายในปีเดียว นอกจากนั้นยังรุกตลาดใหม่ผ่านการจับมือกับร้านขนม และการวางจำหน่ายชาเย็นพร้อมดื่มในร้านสะดวกซื้อกว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาเย็นแบบ 3-in-1 ให้คนสามารถดื่มได้สะดวกขึ้น
ลำดับ | สาขา | พื้นที่ | |
---|---|---|---|
1 | Chula Soi 12 (สำนักงานใหญ่) | บรรทัดทอง, กรุงเทพฯ | |
2 | Pop-Up Chula Soi 12 | ใกล้สาขาหลัก | |
3 | Mega Bangna | สมุทรปราการ | |
4 | One Bangkok | ปทุมวัน, กรุงเทพฯ | |
5 | Siam Square One | ปทุมวัน, กรุงเทพฯ | |
6 | Event Pop-Up (สีลม) | บางรัก, กรุงเทพฯ | |
7 | Samyan Mitrtown | สามย่าน, ปทุมวัน, กรุงเทพฯ | |
8 | เดอะมอลล์งามวงศ์วาน | นนทบุรี | |
9 | ซีคอนบางแค (Seacon Bangkae) | กรุงเทพฯ | |
10 | The Mall บางกะปิ | กรุงเทพฯ | |
11 | Central Westville | นนทบุรี | |
12 | Central พระราม 3 | กรุงเทพฯ | |
13 | Central ลาดพร้าว | กรุงเทพฯ | |
14 | Fashion Island | กรุงเทพฯ | |
15 | ตลาดรวมทรัพย์ อโศก | กรุงเทพฯ | |
16 | EMSPHERE (คลองเตย) | กรุงเทพฯ | |
17 | Central เวสต์เกต | นนทบุรี | |
18 | Future Park รังสิต (ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต) | ปทุมธานี | |
19 | สยามพารากอน | กรุงเทพฯ |
เรื่องราวของ “ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน” จึงไม่ใช่เพียงแค่ความสำเร็จของร้านเครื่องดื่มเล็ก ๆ แต่เป็นตัวอย่างของการสร้างธุรกิจจากจุดเล็ก ๆ ที่เข้าใจหัวใจผู้บริโภค รู้จักสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น และใช้การตลาดออนไลน์อย่างชาญฉลาด จนสามารถยกระดับ “ชาเย็นไทย” จากเครื่องดื่มริมทาง ขึ้นมาเป็นธุรกิจร้อยล้านที่จับต้องได้จริง
Credit: รูปWongnai
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวโปรเจ็กเตอร์ Magcubic: เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงหนังส่วนตัว
วิธีเลือกเสื้อเชิ้ต ไอเทมชิ้นเดียวที่เปลี่ยนลุคได้ทุกโอกาส
อัปเดตหูฟัง Headphone ยอดเยี่ยมแห่งปี 2025 เลือกตัวไหนดี?
คัดเลือกนักแสดง | Cillian Murphy: คุณเห็นความคิดของฉันในดวงตาสีฟ้าของฉันไหม?
แมวอ้วนน่ารักจัง? ระวัง! โรคอ้วนไม่ใช่ความรัก แต่มันคืออันตราย
iPhone Fold กำลังจะเปิดตัวในตลาดด้วยราคาที่พุ่งสูงลิ่ว คนหนุ่มสาวควรเลือก "หน้าจอพับ" ตัวแรกของตัวเองอย่างไรดี?