คุณคิดว่าตัวเองกำลังพักผ่อน แต่จริงๆ แล้วคุณเหนื่อยกว่านั้น! ฝึกฝน 4 เทคนิคการงีบหลับนี้ให้เชี่ยวชาญ เพื่อการนอนหลับที่สดชื่นสุดๆ


ในโลกที่วุ่นวายทั้งเรื่องงานและการเรียน การงีบหลับมักถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเติมพลัง แต่คุณเคยเจอประสบการณ์แบบนี้บ้างไหม: ก่อนงีบหลับ คุณเต็มไปด้วยความมั่นใจ วางแผนจะเติมพลังภายใน 20 นาที เพื่อรับมือกับความท้าทายในช่วงบ่ายให้ดีที่สุด แต่หลังจากนั้น คุณกลับรู้สึกเวียนหัว น้ำลายไหล และรู้สึกเหมือนผ่านการต่อสู้ที่มองไม่เห็นมา แทนที่จะรู้สึกสดชื่น คุณกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิม ยากที่จะไม่สงสัยเลยว่า แม้จะงีบหลับเหมือนกัน แต่ทำไมคนเราถึงแตกต่างกันอย่างมาก
ในความเป็นจริงแล้ว การงีบหลับไม่ได้หมายถึงแค่การหลับตาลงชั่วครู่เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความรู้และทักษะมากมาย การฝึกฝนเทคนิคเหล่านี้ให้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้งีบหลับอย่างมีคุณภาพภายในระยะเวลาอันจำกัด ช่วยให้คุณได้พักผ่อนและฟื้นฟูพลังงานอย่างแท้จริง ต่อไป เรามาดูเคล็ดลับการงีบหลับ 4 ข้อที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นหลังจากนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่!

1. เวลางีบหลับ: สั้นและกระชับ 20 นาทีกำลังดี
ในชีวิตยุคใหม่ที่เร่งรีบ เวลาเป็นสิ่งมีค่า เมื่อพูดถึงการงีบหลับ ระยะเวลาในการงีบหลับส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการงีบหลับ คุณรู้หรือไม่ว่าการงีบหลับที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องยาวนาน? 20-30 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าแม้การงีบหลับสั้นๆ เพียง 10 นาทีก็สามารถบรรเทาความเหนื่อยล้าและเพิ่มความสามารถในการรับรู้ของผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการงีบหลับสั้นๆ ช่วยให้สมองเข้าสู่ช่วงหลับตื้นได้อย่างรวดเร็ว ผ่อนคลายและฟื้นฟูพลังงานบางส่วน อย่างไรก็ตาม หากงีบหลับนานเกินไป เกินหนึ่งชั่วโมง อาจนำไปสู่การนอนหลับสนิท เมื่อตื่นขึ้น ผู้ป่วยอาจรู้สึกมึนงงและรู้สึกเหมือนถูกหลอกหลอนด้วยฝันร้าย อาการนี้เรียกว่า "ภาวะเฉื่อยชาขณะนอนหลับ" สำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ การงีบหลับนานเกินไปอาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับในตอนกลางคืน ก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์
ดังนั้น ควรควบคุมเวลางีบหลับให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม โดย 20 นาทีถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเท่านั้น แต่ยังป้องกันไม่ให้คุณตกอยู่ในภาวะหลับลึกอีกด้วย
2. งีบหลับหลังรับประทานอาหาร: ย่อยอาหารก่อนแล้วจึงนอนหลับ
สำหรับพนักงานออฟฟิศและนักศึกษาที่ยุ่งวุ่นวาย ช่วงพักกลางวันมักจะแน่นมาก การกินและการงีบหลับมักจะถูกบีบอัดเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การงีบหลับทันทีหลังรับประทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ
หลังรับประทานอาหาร กระเพาะอาหารจะอิ่ม ระบบย่อยอาหารจะเริ่มทำงานหนักขึ้น และเลือดจะไหลเวียนไปยังระบบทางเดินอาหารมากขึ้น การนอนงีบหลับทันทีหลังอาหารกลางวันไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนและอาการไม่สบายท้องเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรดไหลย้อน (GERD) ในระยะยาวอีกด้วย การศึกษาหนึ่งพบว่าการงีบหลับมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนรุนแรงมากกว่าการนอนตอนกลางคืน ซึ่งอาจเป็นเพราะระยะเวลาในการนอนหลังอาหารกลางวันสั้นกว่า
ดังนั้น วิธีที่ถูกต้องคือการพักผ่อน 20-30 นาทีหลังรับประทานอาหาร เพื่อให้กระเพาะและลำไส้มีเวลาย่อยอาหารเบื้องต้น คุณสามารถใช้เวลานี้เดินเล่นไปทำงานที่ออฟฟิศ จิบกาแฟสักแก้วเพื่อความสดชื่น หรือเพียงแค่นั่งพักผ่อน เมื่อกระเพาะและลำไส้ได้พักผ่อนแล้ว คุณก็สามารถพักผ่อนและนอนหลับได้อย่างสบาย

3. ท่าทางการงีบหลับ: ความสบายคือสิ่งสำคัญที่สุด หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า
การเลือกท่างีบหลับก็สำคัญเช่นกัน พนักงานออฟฟิศและนักศึกษาหลายคนมักเลือกนอนบนโต๊ะทำงานเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่จำกัด อย่างไรก็ตาม ท่านอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อสุขภาพอีกด้วย
เมื่อนอนคว่ำ ศีรษะจะกดทับแขน ทำให้กระดูกสันหลังส่วนคอต้องก้มตัวไปข้างหน้าและผิดรูป บีบลูกตาและใบหน้า การนอนคว่ำเป็นเวลานานไม่เพียงแต่ทำให้คอแข็งและปวด แต่ยังส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังส่วนคออีกด้วย การกดทับที่แขนหรือข้อมือเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (carpal tunnel syndrome) หรือโรคปวดเส้นประสาท (neuralgia) นอกจากนี้ การนอนคว่ำยังเพิ่มความดันลูกตาได้ง่าย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพดวงตา
ดังนั้น ท่าที่แนะนำมากที่สุดสำหรับการงีบหลับคือการนอนราบ หากทำไม่ได้ การนั่งตัวตรงและพิงพนักเก้าอี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน คุณสามารถปรับเก้าอี้ให้ต่ำลง เอนตัวลงเล็กน้อย และใช้หมอนรูปตัว U รองคอ เพื่อป้องกันศีรษะเอียงไปด้านข้างและปวดคอ หากโต๊ะทำงานของคุณคับแคบมากจนปรับเก้าอี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรซื้อหมอนใบเล็กมารองใต้แขนเพื่อลดแรงกดทับ
4. การเลือกสภาพแวดล้อม: กันเสียงและเงียบ ห่างไกลจากเสียงรบกวน
เมื่อพูดถึงการงีบหลับ การเลือกสภาพแวดล้อมก็สำคัญเช่นกัน แม้ว่าการฟังเพลงขณะสวมหูฟังอาจดูน่าเพลิดเพลิน แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นอันตรายต่อหูของคุณ การใช้หูฟังเป็นเวลานานขณะนอนหลับอาจส่งผลเสียต่อการได้ยินและส่งผลต่อเซลล์ขนและแก้วหูในหูชั้นใน
หากที่ทำงานเสียงดังเกินไปและคุณมีปัญหาในการนอนหลับ ลองพิจารณาใช้ที่อุดหูหรือหูฟังตัดเสียงรบกวนที่โต๊ะทำงานของคุณ ซึ่งสามารถปิดกั้นเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างบรรยากาศที่สงบเหมาะแก่การงีบหลับ หากคุณรู้สึกว่านอนหลับยากหากไม่ได้ฟังเสียงอะไร ลองเปิดเสียงไวท์นอยส์เบาๆ เช่น เสียงฝนหรือเสียงพัดลม เพียงแต่ระวังอย่าเปิดเสียงดังเกินไป แค่เพียงพอที่จะกลบเสียงรบกวนรอบข้าง
หลังจากฝึกฝนเคล็ดลับการงีบหลับทั้งสี่ข้อนี้จนชำนาญแล้ว คุณจะสามารถงีบหลับอย่างมีคุณภาพได้ภายในเวลาอันจำกัด จำสูตรงีบหลับอันทรงคุณค่านี้ไว้: งีบหลับ 20-30 นาที ย่อยอาหาร 20-30 นาทีหลังอาหาร และควรนอนหงายหรือเอนหลังเล็กน้อยบนเก้าอี้โดยลดพนักพิงลง และใช้ที่อุดหูเพื่อความเงียบยิ่งขึ้น ทำตามสูตรนี้ แล้วคุณจะเพลิดเพลินกับช่วงบ่ายที่ผ่อนคลายได้อย่างง่ายดาย!
สุดท้ายนี้ นี่คือรายการ "เคล็ดลับการงีบหลับสำหรับคนทำงาน" ที่จะมาแบ่งปันให้คุณ: การนอนหงายพร้อมหมอนอิงเป็นวิธีที่สบายที่สุด ในขณะที่การนอนหงายพร้อมหมอนจะช่วยผ่อนคลายกระดูกสันหลังส่วนคอ การถอดหูฟังจะช่วยให้หูของคุณผ่อนคลาย และการเดินเล่นหลังอาหารช่วยป้องกันอาการแสบร้อนกลางอก การงีบหลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา แต่การนอนหลับอย่างชาญฉลาดคือกุญแจสำคัญ! ขอให้เราทุกคนค้นพบช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและความสบายใจในชีวิตที่วุ่นวาย และดื่มด่ำกับการนอนหลับที่แสนวิเศษทุกครั้ง
แนะนำสำหรับคุณ
คุณคิดว่าคุณกำลังดูแลกระเพาะอาหารอยู่ แต่จริงๆ แล้วมันทำร้ายกระเพาะอาหาร!
ผู้ใช้ TikTok ต่างพากันพูดถึงเคล็ดลับการแต่งหน้าที่เป็นไวรัลนี้ แต่จะปลอดภัยจริงหรือ?
คุณมีอาการท้องผูกหลังวันหยุดหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวล เรามีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ!
การนอนหลับคือกุญแจสำคัญของการลดน้ำหนักหรือไม่? ทฤษฎีที่ว่า "ยิ่งนอน ยิ่งผอม" เป็นวิทยาศาสตร์หรือแค่ข่าวลือ?
หน้าร้อนปี 2568 ของไทย ดื่มเครื่องดื่มเย็นอย่างไรให้ปลอดภัย!
ไม่อยากเหม็นตัวเพราะอากาศร้อนจัดของเมืองไทยใช่ไหม? เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก!