อาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างเป็นประจำเดือน

user avatar
Ornicha.M (Kiw)·2025-10-21T04:46Z
点赞
อาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างเป็นประจำเดือน

ทำความเข้าใจร่างกายผู้หญิงอย่างอ่อนโยนและรอบด้าน

“ทุกเดือน ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ต้องสู้กับอารมณ์เหวี่ยง ปวดท้อง และอยากกินของหวานแบบไม่มีเหตุผล”
คำพูดนี้อาจทำให้หลายคนยิ้มอย่างเข้าใจ เพราะแทบไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่เคยสัมผัสกับอาการต่าง ๆ ระหว่างมีประจำเดือน

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ—อาการเหล่านั้นไม่ใช่แค่เรื่อง “ธรรมดา” ของการเป็นผู้หญิงเท่านั้น หากแต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทาง ฮอร์โมน ระบบประสาท และสภาวะร่างกายที่ซับซ้อนอย่างน่าทึ่ง

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “อาการที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างเป็นประจำเดือน” แบบละเอียด เข้าใจง่าย และมีคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกเดือนผ่านไปได้อย่างสบายใจและเข้าใจร่างกายของตัวเองมากขึ้น

ประจำเดือนคืออะไร

ก่อนจะเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มาทำความรู้จัก “ประจำเดือน” กันก่อน

ประจำเดือน (Menstruation) คือกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายเพศหญิง ซึ่งเกิดจากการหลั่งฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่ เอสโตรเจน (Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์

เมื่อไม่มีการปฏิสนธิ เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวขึ้นจะหลุดออกมาเป็นเลือดประจำเดือน โดยมีรอบประมาณ 28 วัน (แต่บางคนอาจสั้นหรือยาวกว่านี้เล็กน้อยก็ยังถือว่าปกติ)

การมีประจำเดือนเป็นสัญญาณสำคัญของระบบสืบพันธุ์ที่สมบูรณ์ แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์หลายอย่าง ซึ่งบางอย่างอาจสร้างความไม่สบายให้กับผู้หญิงจำนวนมาก

ทำไมถึงเกิดอาการระหว่างเป็นประจำเดือน

เมื่อร่างกายเข้าสู่ช่วงมีประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะระดับของ เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อทั้งระบบประสาท สมอง และกล้ามเนื้อ

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปนี้มีผลโดยตรงต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น

  • ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวเพื่อขับเลือดออก จึงเกิดอาการ ปวดท้องประจำเดือน

  • มีผลต่อสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้เกิดอาการ อารมณ์แปรปรวน หรือ หงุดหงิดง่าย

  • มีผลต่อการกักเก็บน้ำในร่างกาย ทำให้รู้สึก บวมน้ำ น้ำหนักขึ้นเล็กน้อย

  • รวมถึงอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกอยากอาหารบางประเภท

พูดง่าย ๆ คือ อาการเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในจินตนาการของผู้หญิง แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตามธรรมชาติของร่างกาย

เผยสาเหตุและวิธีบรรเทาอาการ เป็นประจำเดือนแล้วปวดหลัง

อาการที่มักเกิดขึ้นระหว่างเป็นประจำเดือน

อาการระหว่างมีประจำเดือนอาจแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิต และสุขภาพโดยรวม แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็นหมวดใหญ่ ๆ ดังนี้

1. อาการทางร่างกาย

ปวดท้องน้อย

เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการที่มดลูกบีบตัวเพื่อขับเลือดออก อาการปวดอาจเริ่มตั้งแต่วันก่อนมีประจำเดือนและค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเลือดเริ่มออก

วิธีดูแล:

  • ประคบร้อนบริเวณท้องน้อย

  • ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ

  • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและอาหารมันจัด

ปวดหลัง

เกิดจากแรงดันของมดลูกและกล้ามเนื้อรอบ ๆ บริเวณหลังส่วนล่าง

วิธีดูแล:

  • ยืดเหยียดเบา ๆ

  • ใช้หมอนรองหลังเมื่อนั่งนาน

  • นอนในท่าที่สบายที่สุด เช่น นอนตะแคงงอเข่าเล็กน้อย

ปวดศีรษะหรือไมเกรน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีผลต่อเส้นเลือดในสมอง ทำให้บางคนปวดหัวหรือไมเกรน

วิธีดูแล:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

  • ดื่มน้ำมาก ๆ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่สว่างจ้าหรือเสียงดัง

ท้องอืด บวมน้ำ

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้มากขึ้น

วิธีดูแล:

  • ลดอาหารเค็ม

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ

  • ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียน

เจ็บหน้าอก

ต่อมเต้านมจะบวมหรือไวต่อการสัมผัสเนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เปลี่ยนแปลง

วิธีดูแล:

  • เลือกสวมเสื้อในที่พอดีตัว

  • หลีกเลี่ยงคาเฟอีน

  • ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเบา ๆ

สาเหตุของอาการหงุดหงิดตอนเป็นประจำเดือน - Bundit World

2. อาการทางอารมณ์และจิตใจ

ฮอร์โมนที่ลดลงส่งผลต่อสมองโดยตรง โดยเฉพาะเซโรโทนินซึ่งเกี่ยวข้องกับความสุขและอารมณ์ ทำให้ผู้หญิงหลายคนมีอารมณ์แปรปรวน

อาการที่พบบ่อยได้แก่:

  • หงุดหงิดง่าย

  • อ่อนไหว ขี้ร้องไห้

  • เหนื่อยล้า ไม่มีแรงจูงใจ

  • นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท

  • อยากอยู่คนเดียว

เคล็ดลับดูแลอารมณ์:

  • ฟังเพลงเบา ๆ หรือออกไปเดินเล่น

  • ดื่มเครื่องดื่มอุ่น เช่น ชาคาโมมายล์หรือโกโก้ร้อน

  • เขียนบันทึกหรือพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้

อาการทางอารมณ์เหล่านี้จะดีขึ้นเองเมื่อฮอร์โมนเริ่มกลับสู่สมดุลหลังหมดประจำเดือน

3. อาการทางผิวพรรณและความงาม

ในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ส่งผลให้ผิวอาจมันขึ้น รูขุมขนกว้าง หรือเกิดสิวโดยเฉพาะบริเวณคางและแก้ม

การดูแลผิวช่วงนี้:

  • ล้างหน้าให้สะอาดแต่ไม่รุนแรง

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูง

  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ และพักผ่อนเพียงพอ

  • หากมีสิวอักเสบมากควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

4. อาการทางระบบย่อยอาหาร

บางคนอาจรู้สึกว่าช่วงมีประจำเดือน “ท้องเสีย” หรือ “ท้องผูก” ได้ง่าย นั่นเพราะฮอร์โมนโปรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ที่ช่วยให้มดลูกบีบตัว อาจส่งผลต่อระบบลำไส้ด้วย

วิธีดูแล:

  • รับประทานอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม ผักผลไม้

  • หลีกเลี่ยงอาหารมันจัดและนมในบางราย

  • ดื่มน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

5. อาการอื่น ๆ ที่พบได้เป็นครั้งคราว

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย: จากการเสียเลือดและพลังงาน

  • เวียนหัว หน้ามืด: โดยเฉพาะคนที่มีภาวะโลหิตจาง

  • อยากกินของหวานหรือของเค็ม: เพราะร่างกายพยายามปรับสมดุลน้ำตาลและเกลือแร่

  • นอนไม่หลับ: จากการปวดเมื่อยและความไม่สบายตัว

อาการเหล่านี้อาจไม่รุนแรง แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกมากผิดปกติ ปวดเกินทน หรือมีไข้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ใครที่มักมีอาการเหล่านี้มากกว่าปกติ

  1. วัยรุ่นที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน – ระบบฮอร์โมนยังไม่คงที่ ทำให้อาการรุนแรงกว่าผู้ใหญ่

  2. ผู้หญิงที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล – เช่น PCOS หรือภาวะต่อมไทรอยด์ผิดปกติ

  3. ผู้ที่มีความเครียดสูง – ความเครียดส่งผลโดยตรงต่อสมองและระบบฮอร์โมน

  4. ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ – ทำให้ร่างกายอ่อนแอและอาการชัดขึ้น

อาหารเพื่อสุขภาพ กินอย่างไรให้ได้สารอาหารครบถ้วนและเพียงพอ - พบแพทย์

เคล็ดลับการดูแลตัวเองในช่วงมีประจำเดือน

การเข้าใจร่างกายและปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยให้อาการระหว่างมีประจำเดือนลดลงได้อย่างมาก

1. รับประทานอาหารที่เหมาะสม

  • เลือกอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ผักใบเขียว

  • เสริมแมกนีเซียมจากกล้วย อัลมอนด์ ถั่วต่าง ๆ

  • ลดของมัน ของทอด และอาหารรสจัด

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

น้ำช่วยลดอาการบวมน้ำและขับของเสียออกจากร่างกาย

3. ออกกำลังกายเบา ๆ

แม้จะรู้สึกไม่อยากขยับตัว แต่การเดินหรือโยคะเบา ๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดเกร็งได้ดี

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

นอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยให้ฮอร์โมนกลับมาสมดุลและลดความเครียด

5. บันทึกรอบเดือนของตัวเอง

เพื่อสังเกตความผิดปกติ เช่น รอบเดือนสั้นหรือยาวเกินไป ปริมาณเลือดมากผิดปกติ หรืออาการปวดเกินทน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

อาการระหว่างมีประจำเดือนถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากพบอาการต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ

  • ปวดประจำเดือนรุนแรงจนใช้ชีวิตไม่ได้

  • มีเลือดออกมากเกินไปหรือเกิน 7 วัน

  • มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่

  • มีไข้ หนาวสั่น หรือมีกลิ่นผิดปกติ

  • รอบเดือนมาถี่หรือห่างผิดปกติ

อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงโรคอื่น เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, ถุงน้ำรังไข่, หรือ ฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งสามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ

สรุป: ฟังร่างกายตัวเองให้มากขึ้น

อาการที่เกิดขึ้นระหว่างเป็นประจำเดือนไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติ แต่มันคือสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเรา การเข้าใจและรับฟังร่างกายคือกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพผู้หญิงอย่างยั่งยืน

ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน หรือสิวที่ขึ้นในช่วงนั้นของเดือน สิ่งเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในที่ละเอียดอ่อน เมื่อเราเข้าใจมัน เราจะรู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไรให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างสบายใจที่สุด

เพราะในท้ายที่สุด “การมีประจำเดือน” ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรือยุ่งยากเกินไป
แต่คือเครื่องยืนยันว่าร่างกายของเรายังทำงานอย่างสมบูรณ์ และพร้อมให้เราเรียนรู้ที่จะรักและดูแลมันอย่างอ่อนโยนมากขึ้นในทุกเดือน

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

ฟิตเนสคือชีวิต แต่ชีวิตดีขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์ที่ใช่ถ้าพูดถึงการออกกำลังกายในยุคนี้ หลายคนไม่ได้มองว่า “ฟิตเนส” คือแค่ที่ยกเวทหรือวิ่งบนลู่ แต่เป็น ไลฟ์สไตล์ ที่สอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้ามาวิ่งรอบสวน การพกเสื้อผ้าชุดออก
Yuedpao ไอเทมชาวฟิตเนส ที่สายออกกำลังกายต้องมีติดตู้
ในโลกของอาหารเพื่อสุขภาพ มีเมนูมากมายที่อ้างว่าดีต่อร่างกาย แต่หากมองลึกลงไปในความเรียบง่ายของชีวิต “ไข่” คือหนึ่งในวัตถุดิบพื้นฐานที่อยู่คู่กับมนุษย์มายาวนาน และไม่เคยตกยุค ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ไข่ยังคงเป็นของโปรดของใครหลายคน ด้วยรา
ไข่ อาหารมหัศจรรย์ ของดีใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม
คุณเคยไหม…บางวันรู้สึกมึนหัว เหนื่อยง่าย ปากแห้ง หรือผิวดูหมองคล้ำแบบหาสาเหตุไม่เจอ ทั้งที่นอนครบ กินครบ แต่พอมีคนพูดขึ้นมาว่า “สงสัยร่างกายขาดน้ำหรือเปล่า?” เรากลับเพิ่งนึกได้ว่า ทั้งวันแทบไม่ได้ดื่มน้ำเลยน้ำดูเหมือนสิ่งเรียบง่ายที่อยู่รอบ
5 สัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ — ฟังดูเล็กน้อย แต่ส่งผลใหญ่ต่อสุขภาพ