อาราบิก้า: สุภาพบุรุษผู้แสนอ่อนโยนแห่งโลกกาแฟ


หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการกาแฟและเคยสับสนระหว่าง “อาราบิก้า” และ “โรบัสต้า” ที่ระบุในเมนู นี่คือเรื่องราวที่คุณควรรู้ เพราะในโลกของกาแฟ อาราบิก้าคือสายพันธุ์ที่ครองใจคนรักกาแฟทั่วโลกถึง 90% ด้วยรสชาติที่ซับซ้อนและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ "สุภาพบุรุษ" แห่งวงการกาแฟคนนี้ ตั้งแต่ถิ่นกำเนิดไปจนถึงรสชาติในแก้วของคุณ

กำเนิดจาก "เบอร์รี่มหัศจรรย์" ในเอธิโอเปีย
ต้นกำเนิดของกาแฟอาราบิก้าอยู่ในป่าดิบบนที่ราบสูงของประเทศเอธิโอเปียในทวีปแอฟริกา ตำนานเล่าว่าในศตวรรษที่ 9 มีคนเลี้ยงแกะชื่อ คาลดี สังเกตเห็นว่าแพะของเขามีพลังงานล้นเหลือผิดปกติหลังจากกินผลเบอร์รี่สีแดงชนิดหนึ่ง ด้วยความสงสัย คาลดีจึงลองชิมดู และพบว่าตัวเองรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที จากนั้น "ผลเบอร์รี่มหัศจรรย์" นี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่คนท้องถิ่น
ในตอนแรกชาวเอธิโอเปียกินเมล็ดกาแฟเป็นอาหารว่าง แต่ต่อมาได้พัฒนามาเป็นการต้มเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น จนกระทั่งศตวรรษที่ 15 วัฒนธรรมกาแฟได้แพร่หลายไปยังเยเมนผ่านเส้นทางการค้า ชาวอาหรับได้คิดค้นกระบวนการคั่วและบดกาแฟ ทำให้ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ และกาแฟอาราบิก้าจึงถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ก่อนจะกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในร้านกาแฟที่เริ่มเปิดขึ้นในศตวรรษที่ 16
การเดินทางสู่สากลของกาแฟอาราบิก้า
ในศตวรรษที่ 17 กาแฟถูกนำเข้าสู่ยุโรป โดยเริ่มจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ร้านกาแฟในปารีสและลอนดอนกลายเป็นแหล่งรวมตัวของปัญญาชนและนักกวีชื่อดัง อย่างไรก็ตาม ชาวอาหรับได้ปกป้องต้นกาแฟไว้อย่างเข้มงวดเพื่อผูกขาดตลาด จนกระทั่งในปี 1690 ชาวดัตช์สามารถลักลอบนำต้นกาแฟไปยังเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียได้สำเร็จ ทำให้การผูกขาดสิ้นสุดลง
ศตวรรษที่ 18 ถือเป็นยุคที่อาราบิก้าได้แพร่หลายไปทั่วโลก ชาวฝรั่งเศส ชาวสเปน และชาวอังกฤษต่างนำต้นกาแฟไปปลูกในอาณานิคมของตนเองในแคริบเบียน อเมริกากลาง และแอฟริกาตะวันออก สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมในพื้นที่เหล่านี้ โดยเฉพาะความสูงจากระดับน้ำทะเล ทำให้กาแฟอาราบิก้ามีรสชาติที่ซับซ้อนและเข้มข้นยิ่งขึ้น จนในที่สุดบราซิลก็กลายเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิก้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และครองส่วนแบ่งในตลาดโลกถึง 30%

ทำไมอาราบิก้าถึงได้รับความนิยม?
ความแตกต่างระหว่างอาราบิก้ากับโรบัสต้า เปรียบได้กับไวน์กับเบียร์ อาราบิก้ามีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า (1.2%) ทำให้มีรสขมที่น้อยกว่า แต่กลับมีรสชาติที่หลากหลายกว่ามาก
-
รสชาติที่ซับซ้อน: อาราบิก้าให้รสชาติที่ซับซ้อนและมีมิติ ตั้งแต่รสเปรี้ยวสดชื่นคล้ายผลไม้และดอกไม้ในกาแฟคั่วอ่อน ไปจนถึงรสหวานละมุนเหมือนคาราเมลและถั่วในกาแฟคั่วกลาง และรสช็อกโกแลตเข้มข้นในกาแฟคั่วเข้ม ในขณะที่โรบัสต้าจะมีรสชาติที่เรียบง่ายกว่า โดยส่วนใหญ่จะมีรสขมและกลิ่นไหม้
-
ความพิถีพิถันในการปลูก: อาราบิก้าเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-2,000 เมตร และอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงทำให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงและมีรสชาติที่เข้มข้น
วิธีสังเกตง่ายๆ สำหรับมือใหม่
-
ดูฉลาก: วิธีที่ง่ายที่สุดคือมองหาคำว่า "100% Arabica" บนบรรจุภัณฑ์
-
ดูแหล่งปลูก: แหล่งปลูกที่มีชื่อเสียงของอาราบิก้ามักจะเป็นประเทศในแถบ เอธิโอเปีย โคลอมเบีย กัวเตมาลา และ เคนยา ในขณะที่กาแฟจากเวียดนามและอินโดนีเซียส่วนใหญ่มักจะเป็นโรบัสต้า
-
ชิมรสชาติ: ถ้าคุณชิมแล้วรู้สึกถึงรสเปรี้ยวอมหวานคล้ายผลไม้ (ไม่ใช่รสเปรี้ยวไม่ดี) นั่นคืออาราบิก้าแน่นอน แต่ถ้ามีรสขมและกลิ่นไหม้ที่ชัดเจน นั่นหมายถึงกาแฟส่วนใหญ่เป็นโรบัสต้า
กาแฟอาราบิก้าที่ควรลอง
-
เอธิโอเปีย เยอร์กาเชฟเฟ่: สำหรับคนที่ไม่เคยดื่มกาแฟดำ ลองตัวนี้ดูครับ จะได้สัมผัสกับกลิ่นหอมของดอกมะลิและรสชาติคล้ายน้ำผลไม้
-
โคลอมเบีย ซูพรีโม: กาแฟที่รสชาติดื่มง่าย มีความกลมกล่อมและหวานเหมือนคาราเมล เหมาะสำหรับดื่มในตอนเช้า
-
กัวเตมาลา แอนติกัว: มีกลิ่นและรสชาติของช็อกโกแลตและอบเชย เหมาะสำหรับคนชอบดื่มกาแฟรสเข้มๆ และอบอุ่นหัวใจ
-
เคนยา เกรด AA: สำหรับคอกาแฟตัวจริง ด้วยรสชาติที่ซับซ้อนและสดใสคล้ายผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ทำให้ดื่มแล้วรู้สึกประหลาดใจกับความอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ
การดื่มกาแฟอาราบิก้าแต่ละครั้งคือการเดินทางที่พาคุณไปทำความเข้าใจเรื่องราวของกาแฟตั้งแต่ต้นทางจนถึงแก้วของคุณ ลองสังเกตกลิ่นและรสชาติในกาแฟแก้วต่อไปดูนะครับ คุณอาจจะค้นพบเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็เป็นได้
แนะนำสำหรับคุณ
VR โลกเสมือนจริงที่จะทำให้จินตนาการไร้ขอบเขต
นักสะสมป๊อปมาร์ทเฮ! สินค้ารีสต็อกจากร้านค้าอย่างเป็นทางการของลาซาด้ามาแล้ว!
มิตรแบรนด์ 2025 คอลเลคชั่น "Sail the Whale" | เทรนด์แฟชั่นฤดูร้อน [ประเทศไทย]
วิธีเลือกเสื้อเชิ้ต ไอเทมชิ้นเดียวที่เปลี่ยนลุคได้ทุกโอกาส
ผู้ใช้ TikTok ต่างพากันพูดถึงเคล็ดลับการแต่งหน้าที่เป็นไวรัลนี้ แต่จะปลอดภัยจริงหรือ?
หวนคืนสู่ยุค Y2K! ทำไมแฟชั่นยุค 2000 ถึงกลับมาครองใจคนรุ่นใหม่?