วิธีเลือกที่นอน: เมื่อคุณนอนหลับสบายในตอนกลางคืนเท่านั้น คุณจึงจะมีพลังงานในวันรุ่งขึ้น
ในการตกแต่ง ผู้คนมักจะให้ความสำคัญกับการเลือกเตียงมากกว่า แต่กลับรีบร้อนเลือกที่นอน อันที่จริง ความสบายในการนอนของร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับที่นอน ที่นอนที่ดีส่งผลโดยตรงต่อความสบายในการนอน การนอนบนที่นอนที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และคุณจะรู้สึกสดชื่นในวันรุ่งขึ้น ส่วนที่นอนที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง และยิ่งนอนมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น แล้วควรเลือกที่นอนอย่างไรดี?
ประเภทของที่นอนและข้อดีข้อเสีย
ที่นอนสามารถแบ่งได้คร่าวๆ เป็นที่นอนสปริง ที่นอนฟองน้ำ ที่นอนยางพารา และที่นอนปาล์ม นอกจากนี้ ด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่นอนประเภทอื่นๆ เช่น ที่นอนสามมิติ และที่นอนลูกบอลเรซินอวกาศ ก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
ที่นอนสปริง: ที่นอนสปริงสามารถแบ่งได้เป็น ที่นอนสปริงแบบตาข่ายทั้งตัว และที่นอนสปริงแบบพ็อกเก็ตแยกอิสระ
สปริงแบบตาข่ายทั้งตัวเป็นรูปแบบที่นอนสปริงแบบดั้งเดิมที่สุด กล่าวคือที่นอนประกอบด้วยตาข่ายทั้งตัว ข้อดีของสปริงแบบตาข่ายทั้งตัวคือการรองรับน้ำหนักได้ดีและราคาค่อนข้างถูก
สปริงแบบพ็อกเก็ตอิสระผลิตขึ้นโดยการกดสปริงอิสระแต่ละตัวลงในถุง จัดเรียงในมุ้ง เพื่อให้สปริงแต่ละตัวสามารถรับแรงได้อย่างอิสระ ยิ่งที่นอนสปริงมีสปริงมากและมีความหนาแน่นน้อยเท่าไหร่ ที่นอนก็จะยิ่งรองรับน้ำหนักได้ดีขึ้น และโอกาสที่ที่นอนจะยุบตัวก็จะน้อยลงเท่านั้น
ที่นอนฟองน้ำ: ที่นอนฟองน้ำสามารถแบ่งออกเป็นฟองน้ำธรรมดาและเมมโมรีโฟม ที่นอนฟองน้ำเป็นผลิตภัณฑ์เคมี หรือที่รู้จักกันในชื่อโฟมโพลียูรีเทน เป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ในกลุ่มที่นอนโฟมและมีความยืดหยุ่นช้า
ที่นอนยางพารา: ที่นอนยางพาราแบ่งออกเป็นยางพาราธรรมชาติและยางพาราสังเคราะห์ ยางพาราเสื่อมสภาพง่าย ไม่มีที่นอนยางพารา 100% ยางพารา 100% จะเปลี่ยนเป็นผงและสลายตัวภายในไม่กี่เดือน ที่นอนที่เรียกได้ว่าเป็นที่นอนยางพาราธรรมชาติมีปริมาณน้ำยางประมาณ 85% ผลิตภัณฑ์เคมีที่ทำจากยางพาราสังเคราะห์มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับยางพาราธรรมชาติ แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าและมีคุณภาพแตกต่างกันไป พื้นผิวของที่นอนยางพาราธรรมชาติแท้จะด้าน ไม่สว่างมาก และมีสีออกเหลืองอมขาวเล็กน้อย
ที่นอนปาล์ม: ที่นอนปาล์มแบ่งออกเป็นที่นอนปาล์มภูเขาและที่นอนปาล์มมะพร้าว ที่นอนปาล์มภูเขาทำจากใยกาบปาล์มและเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในบรรดาที่นอนปาล์ม ที่นอนมะพร้าวทำจากใยเปลือกมะพร้าว โดยทั่วไปราคาจะอยู่ระหว่างหลายร้อยถึงมากกว่าหนึ่งพันบาท เมื่อซื้อที่นอนปาล์มมะพร้าว ควรใส่ใจกับกลิ่นของที่นอนว่ามีกลิ่นฉุนหรือไม่ และอย่าซื้อที่นอนที่มีกลิ่นกาวแรง
ที่นอนแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่น ที่นอนสปริงแบบตาข่ายเต็มตัวที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี ทนทาน ระบายอากาศได้ดี และมีราคาค่อนข้างถูก แต่ที่นอนประเภทนี้กลับไม่กระชับ ไม่โอบอุ้มร่างกาย ไม่สบายตัว และประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงรบกวนต่ำ เมื่อนอนบนเตียงเดียวกัน หากคนหนึ่งพลิกตัว อีกคนจะได้รับผลกระทบ และอาจมีเสียงดังรบกวนเมื่อพลิกตัว ตารางต่อไปนี้แสดงข้อดีข้อเสียของที่นอนแต่ละประเภท
ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี วัสดุใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จึงถูกนำมาใช้ในที่นอนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของที่นอน
ที่นอน 3 มิติ: วัสดุหลักของที่นอน 3 มิติประกอบด้วยวัสดุ 3 มิติที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ วัสดุ 3 มิติประกอบด้วยตาข่ายสองด้านและลวดเชื่อมตรงกลาง ตาข่ายสองด้านมีการซึมผ่านของอากาศที่ดี ลวดเชื่อมตรงกลางทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์โมโนฟิลาเมนต์ วัสดุ 3 มิติเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าเส้นใยโพลีเอสเตอร์ฟังก์ชันดัดแปลง เป็นวัสดุผ้าบริสุทธิ์ชนิดใหม่ที่มีการซึมผ่านของอากาศที่ดีเยี่ยม กระชับพอดี และรองรับน้ำหนักได้ดี องค์ประกอบของวัสดุยังแสดงให้เห็นว่าที่นอน 3 มิติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ที่นอนยางพาราทรงกลม: ที่นอนยางพาราทรงกลม หมายถึงที่นอนที่ทำจากยางพาราทรงกลม สามารถปรับเอียงและเปลี่ยนรูปได้ทุกทิศทาง เช่น ขึ้น-ลง หน้า-หลัง ซ้าย-ขวา ตามส่วนโค้งและการเคลื่อนไหวของร่างกาย ที่นอนยางพาราทรงกลมให้ความรู้สึกกระชับพอดีและโอบรับสรีระของยางพาราและเมมโมรี่โฟม และรองรับด้วยสปริงแบบท่ออิสระ ที่นอนยางพาราทรงกลมนี้ให้การรองรับที่ดี กระชับพอดี ป้องกันการรบกวน และคุณสมบัติอื่นๆ หลักการของที่นอนยางพาราทรงกลมนี้คล้ายคลึงกับสปริงแบบพ็อกเก็ตอิสระ แต่วัสดุที่ใช้มีความกระชับพอดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีกลิ่น
แม้ว่าวัสดุใหม่จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นหลายประการ แต่ราคาก็ค่อนข้างสูง หากคุณมีความต้องการประสิทธิภาพที่นอนสูงจริงๆ คุณอาจพิจารณาเลือกใช้วัสดุเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเมื่อเทคโนโลยีค่อยๆ แพร่หลาย ราคาของที่นอนวัสดุใหม่ต่างๆ จะค่อยๆ สูงขึ้นจนประชาชนทั่วไปยอมรับได้
ประเภทที่นอนที่เหมาะกับกลุ่มคนที่แตกต่างกัน
จากการแนะนำวัสดุข้างต้น ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะเข้าใจวัสดุของที่นอนเบื้องต้นแล้ว คนทั่วไปสามารถเลือกที่นอนที่ตนเองชอบได้ตามช่วงราคาที่ยอมรับได้ รวมถึงข้อดีข้อเสียของวัสดุแต่ละชนิด ต่อไปนี้จะเน้นให้คำแนะนำในการเลือกที่นอนสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
แทบทุกคนเคยประสบกับอาการปวดหลัง เมื่อไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการปวดหลัง แพทย์มักจะแนะนำให้นอนบน "เตียงแข็ง" เมื่อพูดถึงโรคเกี่ยวกับหลัง เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ปฏิกิริยาแรกของคนส่วนใหญ่คือการนอนบน "เตียงแข็ง" บางคนถึงกับนอนบนแผ่นไม้รองเตียงโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่มักเกิดขึ้นไม่ใช่แค่อาการปวด นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาการปวดหลังที่แย่ลงไปอีก สาเหตุของอาการนี้คืออะไร?
เริ่มต้นด้วยส่วนโค้งทางสรีรวิทยาของร่างกายมนุษย์และการเลือกที่นอน โครงสร้างทางสรีรวิทยาปกติของกระดูกสันหลังของมนุษย์เมื่อมองจากด้านข้างจะมีส่วนโค้งทางสรีรวิทยาอยู่ 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนโค้งของคอ ส่วนโค้งของทรวงอก ส่วนโค้งของเอว และส่วนโค้งของกระเบนเหน็บ กระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนโค้งของเอวโค้งไปด้านหน้า ขณะที่กระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนโค้งของกระเบนเหน็บโค้งไปด้านหลัง
การนอนบนเตียงไม้ เตียงไม้เปล่า หรือเตียงอื่นๆ ที่แข็งเกินไป จะทำให้กระดูกสันหลังไม่สามารถรักษาความโค้งเว้าตามธรรมชาติได้ ประการแรก เอวจะขาดการรองรับ ประการที่สอง กล้ามเนื้อเอวไม่สามารถผ่อนคลายได้ เตียงที่แข็งเกินไปจะทำให้กระดูกสันหลังแข็งตึงและตึง ต้องใช้กล้ามเนื้อเอวและหลังในการรองรับ และประการที่สาม เอวมีแนวโน้มที่จะห้อยลง แผ่นเตียงเปล่าจะลดพื้นที่รองรับร่างกาย ทำให้แรงรองรับกระจายไม่เท่ากัน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตึงในระยะยาวและทำให้เกิดอาการปวดหลังและอาการไม่สบายอื่นๆ มากขึ้น
อันที่จริงแล้ว เตียงแข็งที่คุณหมอพูดถึงในที่นี้หมายถึงการนอนบนเตียงที่มีความแข็งปานกลาง ไม่ใช่เตียงสปริงที่นุ่มเกินไป การนอนบนเตียงที่นุ่มเกินไปจะทำให้ร่างกายจมลงไปในเตียง และกระดูกสันหลังจะโค้งงอมากเกินไปไม่ว่าจะนอนหงายหรือนอนตะแคง เพื่อให้กระดูกสันหลังอยู่ในภาวะปกติที่สุด กลุ่มกล้ามเนื้อเล็กๆ รอบกระดูกสันหลังจะหดตัวประสานกันเพื่อรักษาเสถียรภาพ เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มกล้ามเนื้อเล็กๆ เหล่านี้จะอ่อนล้าลง ส่งผลให้เกิดอาการตึงและปวดเมื่อย
นอกจากผู้ที่มีอาการปวดหลัง แล้ว สตรีมีครรภ์ยังไม่เหมาะที่จะนอนบนที่นอนที่นุ่มเกินไป นอกจากจะทำให้ปวดหลังแล้ว สตรีมีครรภ์ยังพลิกตัวได้ยากเมื่อนอนบนเตียงนุ่มๆ อีกด้วย นอกจากนี้ การนอนตะแคง แรงกดทับของมดลูกที่กดทับหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณหน้าท้องและหลอดเลือดดำใหญ่ส่วนล่างจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลงและส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาโรคกระดูกพรุนและปวดคอ ปวดเอว และปวดหลัง มวลกระดูกที่ลดลงหมายถึงแรงกดทับที่กระดูกลดลง ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องเลือกที่นอนที่แข็งกว่า โดยพิจารณาจากความนุ่มและความแข็งในระดับปานกลาง
นอกจากนี้ ทารกและวัยรุ่นที่กระดูกสันหลังยังอยู่ในช่วงพัฒนายังไม่เหมาะที่จะนอนบนที่นอนที่นุ่มเกินไป กระดูกของเด็กค่อนข้างนุ่มและมีแนวโน้มที่จะผิดรูปเมื่อถูกกดทับ ในแง่ของพัฒนาการของกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังของทารกแรกเกิดจะนุ่มมากและโดยพื้นฐานแล้วตรง เส้นโค้งแรกจะปรากฏขึ้นเมื่ออายุ 2 เดือน - ส่วนโค้งคอไปข้างหน้า เส้นโค้งที่สองจะปรากฏขึ้นเมื่อทารกนั่งได้เมื่ออายุ 6 เดือน - ส่วนโค้งอกไปข้างหลัง และเส้นโค้งที่สามจะปรากฏขึ้นเมื่อทารกเดินได้เมื่ออายุมากกว่า 1 ปี - ส่วนโค้งเอวไปข้างหน้า ด้วยวิธีนี้ ความโค้งตามธรรมชาติของกระดูกสันหลังจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย
เมื่อเด็กนอนบนเตียงนุ่ม กระดูกสันหลังจะโค้งงอเมื่อนอนหงาย และเอียงไปด้านข้างเมื่อนอนตะแคง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของเอ็น กล้ามเนื้อ และข้อต่อทั้งสองข้างของกระดูกสันหลัง เมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดอาการหลังค่อม กระดูกสันหลังคด และกระดูกสันหลังผิดรูปได้ ซึ่งไม่เอื้อต่อการพัฒนาของกระดูกและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ นอกจากนี้ การเลือกที่นอนสำหรับเด็กควรคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินไม่เหมาะกับเตียงที่นุ่มเกินไป การเลือกที่นอน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรเลือกที่นอนที่นุ่มและแข็งตามความชอบของตนเอง! โดยทั่วไปแนะนำให้เลือกที่นอนที่แข็ง เพื่อให้สัมผัสหลังการนอนอยู่ในระดับปานกลาง หากนุ่มเกินไปจะจมลงไปในที่นอนทั้งตัว! ผู้ที่มีรูปร่างผอมบางเหมาะกับที่นอนที่นุ่มกว่า
คนเหล่านี้ควรเลือกที่นอนแบบไหน? ที่นอนที่เหมาะสมควรช่วยพยุงกระดูกสันหลังส่วนเอวให้อยู่ในท่าปกติเมื่อนอนหงาย และช่วยพยุงกระดูกสันหลังส่วนเอวไม่ให้คดเมื่อนอนตะแคง
โดยทั่วไปแล้วที่นอนปาล์มมักจะแนะนำสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กๆ เนื่องจากที่นอนปาล์มมีการระบายอากาศและระบายความร้อนได้ดีกว่า เด็กๆ มักจะเหงื่อออกมากกว่าและที่นอนปาล์มแห้งเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกที่นอนปาล์ม คุณควรใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อม ที่นอนยางพาราจะมีความกระชับพอดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก แต่ระบายอากาศได้น้อยกว่าที่นอนปาล์ม ถ้าคุณมีงบประมาณเพียงพอ คุณก็ไม่ต้องกังวลใจและเลือกที่นอนยางพาราทรงกลมได้เลย
มีเพียงร่างกายของคุณเท่านั้นที่รู้ว่าที่นอนแบบไหนที่เหมาะกับแต่ละคน คุณสามารถเลือกได้ตามความรู้สึกของคุณเอง โดยอ้างอิงจากมาตรฐานต่อไปนี้:
(1) ไม่ส่งผลต่อการพลิกตัวหลังการนอนบนเตียง;
(2) คุณจะไม่ต้องลำบากลุกจากเตียงในตอนเช้าเพราะที่นอนนุ่มเกินไป
(3) ที่นอนที่ดีคือที่นอนที่ไม่ก่อให้เกิดอาการตึง ปวด หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณเอวหลังจากลุกขึ้นจากเตียง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเราซื้อที่นอน เรามักจะไม่สามารถกลับบ้านไปลองได้ ดังนั้น หากได้รับอนุญาต คุณสามารถลองนอนบนที่นอนนั้นได้นานกว่าสิบนาที ที่นอนที่เหมาะสมจะทำให้หลังของคุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อคุณนอนลงบนที่นอนครั้งแรก และคุณจะยังรู้สึกผ่อนคลายหรือไม่รู้สึกอึดอัดหลังจากผ่านไปสิบนาที ที่นอนที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้รู้สึกสบายมากเมื่อคุณนอนลงบนที่นอนครั้งแรก แต่หลังจากผ่านไปสิบนาที คุณจะรู้สึกปวดหลังหรือปวดเมื่อย
บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม
แนะนำสำหรับคุณ
ต้มยำกุ้ง: อาหารไทยคลาสสิกที่มีรสชาติเผ็ดเปรี้ยวและหอม
อุปกรณ์กำจัดขน: ไม่ใช่โซ่ตรวนอันบอบบาง แต่เป็นการประกาศอิสรภาพอันงดงาม
คาเฟ่ อ เม ซอน: กาแฟระดับพรีเมียม เพื่อช่วงเวลาแห่งความสุข
สิ่งจำเป็นสำหรับการตั้งแคมป์: วิธีเลือกเต็นท์ให้เหมาะสม
รวมเมนูอาหารไทยสุดอร่อย ที่คุณต้องลองชิมสักครั้งในชีวิต!
2025,ขอบฟ้าที่ชัดเจนสำหรับคนสายตาสั้น: คอนแทคเลนส์คุณภาพสองรุ่นแนะนำ
บทความยอดนิยม
บทความที่แนะนำ