อาการผวากลางคืนและฝันร้าย: ความแตกต่างและวิธีรับมือ


อาการผวากลางคืนและฝันร้าย: ความแตกต่างและวิธีรับมือ
หลายคนต้องเคยประสบกับฝันร้ายหรือฝันผวาในบางช่วงของชีวิต แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองอาการนี้ได้ชัดเจน การรู้จักอาการและสาเหตุจะช่วยให้รับมือได้ดีขึ้น และช่วยให้คุณนอนหลับอย่างสบายมากขึ้น

ฝันร้ายคืออะไร?
ฝันร้ายคือความฝันที่น่ากลัวหรือวิตกกังวลจนทำให้ผู้ฝันสะดุ้งตื่น บางครั้งอาจมีอาการทางร่างกาย เช่น หัวใจเต้นเร็วหรือเหงื่อออก และอาจทำให้ยากที่จะกลับไปนอนต่อได้อีก ส่วนใหญ่ฝันร้ายเกิดขึ้นในช่วงหลับแบบ REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งมักอยู่ในช่วงครึ่งหลังของคืน
อาการผวากลางคืนคืออะไร?
อาการผวากลางคืนต่างจากฝันร้ายตรงที่ผู้ประสบเหตุจะยังคงหลับต่อไป พวกเขาอาจมีอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรง หายใจหอบ หน้าแดง เหงื่อออก หรือหัวใจเต้นแรง บางคนอาจลุกขึ้นนั่ง กรีดร้อง กลิ้งตัว หรือเดินละเมอโดยยังหลับอยู่ เช้าวันรุ่งขึ้นมักจำเหตุการณ์ในคืนก่อนหน้าไม่ได้เลย

วิธีแยกแยะฝันร้ายกับฝันผวา
-
ช่วงของการนอน: ฝันร้ายเกิดระหว่างหลับแบบ REM ส่วนฝันผวาเกิดระหว่างหลับแบบคลื่นช้า (non-REM sleep)
-
ความถี่: ฝันร้ายพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนฝันผวามักพบในเด็กมากกว่า
-
ความทรงจำ: ฝันร้ายมักจำได้ชัดเจน แต่ฝันผวาจะจำไม่ได้หรือจำได้เพียงเล็กน้อย
-
การตื่น: ฝันร้ายทำให้ผู้ฝันสะดุ้งตื่น ในขณะที่ฝันผวาผู้ฝันจะหลับต่อแต่มีปฏิกิริยาทางร่างกายรุนแรง

ความถี่ของอาการ
ฝันน่ากลัวเป็นเรื่องที่แทบทุกคนเคยเจอ แต่ฝันผวาเกิดน้อยกว่า โดยประมาณว่าผู้ใหญ่ 2.2% เคยมีอาการผวากลางคืน ในขณะที่เด็กมีอัตราสูงถึง 6.5% มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้อาการผวากลางคืนเกิดขึ้นบ่อยขึ้น ได้แก่:
-
ประสบการณ์สะเทือนใจ เช่น เหตุการณ์รุนแรงในชีวิต หรือภาวะเครียดหลังเหตุการณ์ร้ายแรง
-
ความเครียดและความวิตกกังวล
-
การใช้ยา บางประเภท เช่น ยานอนหลับหรือยาเบต้า-บล็อกเกอร์
-
ความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรควิตกกังวลทั่วไป โรคซึมเศร้า หรือโรคไบโพลาร์
-
การใช้สารเสพติด ทั้งการเสพและการถอนยา
-
พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติการนอนผิดปกติ
-
ความผิดปกติของการนอน เช่น โรคขาอยู่ไม่สุข หยุดหายใจขณะหลับ หรือนอนไม่หลับ
-
โรคบางชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการละเมอหรือฝันร้าย

เคล็ดลับรับมืออาการผวาและฝันร้าย
แม้จะไม่สามารถควบคุมได้ทุกครั้ง แต่อาจลดความถี่ได้ด้วยการปรับพฤติกรรม ดังนี้:
-
วางตารางการนอนที่สม่ำเสมอ – เข้านอนและตื่นให้ตรงเวลา
-
ลดความเครียดก่อนนอน – เขียนบันทึก นั่งสมาธิ หรือใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น ฝึกหายใจลึก
-
หลีกเลี่ยงการกินมื้อหนักก่อนนอน – ควรทานมื้อเย็นก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
-
ไม่ดูหรืออ่านเนื้อหาที่กระตุ้นความกลัวหรือเครียด – เช่น หนังสยองขวัญ ข่าว หรือหนังแอ็คชั่น
-
สร้างบรรยากาศนอนที่ผ่อนคลาย – หากไม่ชอบความเงียบสนิท อาจใช้เสียงสีขาวช่วยกลบเสียงรบกวน
-
ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน – เทคนิคนี้ช่วยลดความตึงเครียดของร่างกาย
-
ใช้แอปพลิเคชันติดตามการนอน – เพื่อประเมินคุณภาพการนอนและปรับปรุงตามข้อมูลที่ได้
-
ปรับอุณหภูมิห้อง – ให้เย็นและมืดพอเหมาะ โดยอุณหภูมิประมาณ 18°C (65°F) เหมาะสมที่สุด
การเข้าใจความแตกต่างของฝันร้ายและฝันผวา พร้อมกับการดูแลสุขภาพกายใจ จะช่วยให้คุณรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ดีขึ้น และกลับมานอนหลับอย่างสงบสุขอีกครั้ง.
แนะนำสำหรับคุณ
สิ่งจำเป็นสำหรับการตั้งแคมป์: วิธีเลือกเต็นท์ให้เหมาะสม
คาเฟ่ อเมซอน: กาแฟระดับพรีเมียม เพื่อช่วงเวลาแห่งความสุข
น้ำยาบ้วนปาก🛁 ไอเทมเพิ่มความมั่นใจประจำวัน
คอมพลีทลุคด้วยไอเทมเดียว! เลือกสเปรย์เซ็ตติ้งที่เหมาะกับคุณ
ต้มยำกุ้ง: อาหารไทยคลาสสิกที่มีรสชาติเผ็ดเปรี้ยวและหอม
Samyang Ramen เผ็ดแค่ไหน? อร่อยจริงหรือแค่กระแส? มาม่าที่เผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต!