🥣 กรีกโยเกิร์ต: ซูเปอร์ฟู้ดแห่งยุค กับประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย


ในยุคที่เทรนด์รักสุขภาพกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว “กรีกโยเกิร์ต” (Greek Yogurt) กลายเป็นอาหารที่หลายคนพูดถึงมากที่สุด ทั้งในวงการฟิตเนส คนลดน้ำหนัก ไปจนถึงสายเฮลตี้ที่เน้นอาหารธรรมชาติ เพราะนอกจากรสชาติที่อร่อยเข้มข้นแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยโปรตีน แคลเซียม และจุลินทรีย์ดีต่อร่างกายอีกมากมาย
แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า…
กรีกโยเกิร์ตแตกต่างจากโยเกิร์ตทั่วไปอย่างไร?
กินกรีกโยเกิร์ตทุกวันดีจริงไหม?
ควรเลือกยี่ห้อแบบไหนถึงจะได้ประโยชน์เต็มที่?
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ “ทุกมิติ” ของกรีกโยเกิร์ต ตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงวิธีเลือกรับประทานอย่างมืออาชีพ

เครดิตภาพ true id
🧀 ที่มาของกรีกโยเกิร์ต – จากวัฒนธรรมโบราณสู่ซูเปอร์ฟู้ดยุคใหม่
กรีกโยเกิร์ตมีต้นกำเนิดจากประเทศกรีซและตะวันออกกลาง ซึ่งคนท้องถิ่นนิยมนำ “นมวัวหรือนมแพะ” มาหมักด้วยจุลินทรีย์แลกติก (Lactic Acid Bacteria) เพื่อถนอมอาหารและยืดอายุการเก็บรักษา
ในขั้นตอนการทำกรีกโยเกิร์ตนั้น จะ กรองน้ำหรือน้ำเวย์ (Whey) ออกมากกว่าสามัญโยเกิร์ตทั่วไป ทำให้เนื้อโยเกิร์ตมีความเข้มข้นกว่า รสสัมผัสหนืดและครีมมี่ เหมือนครีมชีสเล็กน้อย และมี โปรตีนสูงกว่าสองเท่า แต่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่า
ในปัจจุบัน กรีกโยเกิร์ตถูกผลิตอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และไทย เพราะกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “อาหารสุขภาพที่ครบเครื่องทั้งอร่อยและดีต่อร่างกาย”
ความแตกต่างระหว่างกรีกโยเกิร์ตและโยเกิร์ตทั่วไป
หลายคนอาจคิดว่าโยเกิร์ตทุกแบบเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้ว “กระบวนการผลิต” ต่างหากที่ทำให้คุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันอย่างชัดเจน
รายการ | โยเกิร์ตทั่วไป | กรีกโยเกิร์ต |
---|---|---|
กระบวนการผลิต | หมักนมและบรรจุโดยไม่กรองน้ำเวย์ออก | หมักนมแล้วกรองน้ำเวย์ออกหลายครั้ง |
เนื้อสัมผัส | เหลวหรือนุ่มละมุน | หนา เข้มข้น เหมือนครีมชีส |
ปริมาณโปรตีน | 3–5 กรัมต่อ 100 กรัม | 8–10 กรัมต่อ 100 กรัม |
ปริมาณน้ำตาล | สูงกว่า | ต่ำกว่า |
ปริมาณไขมัน | มีทั้งแบบ 0% และปกติ | มีทั้งแบบไขมันต่ำและเต็มมันเนย |
ประโยชน์ต่อสุขภาพ | ช่วยระบบขับถ่าย | เสริมสร้างกล้ามเนื้อ อิ่มนาน ควบคุมน้ำหนัก |
สรุปสั้น ๆ:
กรีกโยเกิร์ต = โปรตีนสูง + น้ำตาลต่ำ + อิ่มนาน + ดีต่อกล้ามเนื้อและระบบลำไส้

เครดิตภาพ true id
พลังของจุลินทรีย์ “โปรไบโอติก” ในกรีกโยเกิร์ต
หนึ่งในเหตุผลที่โยเกิร์ตโดยเฉพาะ “กรีกโยเกิร์ต” ได้รับความนิยม คือ การมี “โปรไบโอติก” (Probiotics) หรือแบคทีเรียดีที่ช่วยสร้างสมดุลในระบบทางเดินอาหาร เช่น
-
Lactobacillus bulgaricus
-
Streptococcus thermophilus
-
Bifidobacterium spp.
ประโยชน์ของโปรไบโอติกในกรีกโยเกิร์ต ได้แก่
✅ ช่วยย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
✅ ลดอาการท้องอืด ท้องผูก และแก้ปัญหาลำไส้แปรปรวน
✅ เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
✅ ลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้
✅ ปรับสมดุลจุลชีพในร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่รับประทานยาปฏิชีวนะบ่อย
การกินกรีกโยเกิร์ตเป็นประจำ (วันละ 1 ถ้วย 150–200 กรัม) จะช่วยฟื้นฟู “ไมโครไบโอมในลำไส้” ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อผิวพรรณ สมอง และอารมณ์ด้วย
ประโยชน์ของกรีกโยเกิร์ตต่อสุขภาพ
1.เสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยลดน้ำหนัก
ด้วยปริมาณ โปรตีนสูง และ คาร์โบไฮเดรตต่ำ กรีกโยเกิร์ตจึงเหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายหรือต้องการลดน้ำหนัก เพราะโปรตีนช่วยให้อิ่มนาน ลดการกินจุกจิก และช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
งานวิจัยจาก Harvard University พบว่า คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำ มีแนวโน้มลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่กิน เพราะจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตช่วยเร่งการเผาผลาญและควบคุมระดับอินซูลินในเลือด
2.บำรุงผิวพรรณและสุขภาพภายใน
กรีกโยเกิร์ตมีวิตามิน B2, B12 และแร่ธาตุสำคัญอย่าง แคลเซียม และ ฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นจากภายใน ลดสิว และเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
นอกจากนี้ โปรไบโอติกยังช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ส่งผลให้ผิวพรรณสดใสขึ้นตามธรรมชาติ

3.ปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร
ผู้ที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย ควรกินกรีกโยเกิร์ตทุกวัน เพราะจุลินทรีย์ดีในโยเกิร์ตจะช่วยย่อยแลคโตสและส่งเสริมการขับถ่ายอย่างเป็นธรรมชาติ
4.เสริมภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
การรับประทานกรีกโยเกิร์ตช่วยให้ร่างกายมี “ภูมิต้านทาน” ต่อเชื้อโรคดีขึ้น เนื่องจากแบคทีเรียดีในลำไส้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
มีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่บริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำ มีอัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจน้อยกว่าคนทั่วไปถึง 30%
🧍♀️ 5. ใครควรกิน และใครควรระวัง
✅ กลุ่มที่เหมาะกับกรีกโยเกิร์ต
-
ผู้ที่ต้องการ ควบคุมน้ำหนัก
-
ผู้ที่ออกกำลังกาย หรือสร้างกล้ามเนื้อ
-
ผู้ที่มีปัญหา ระบบขับถ่ายไม่ปกติ
-
ผู้สูงอายุที่ต้องการ แคลเซียมสูง
-
เด็กวัยเรียนที่ต้องการ โปรตีนและพลังงานที่ดี
⚠️ กลุ่มที่ควรระวัง
- ผู้แพ้นมหรือมีภาวะ Lactose Intolerance ควรเลือกกรีกโยเกิร์ตแบบ “Lactose Free”
🏡 9. วิธีทำกรีกโยเกิร์ตเองที่บ้านแบบง่าย ๆ
อยากได้กรีกโยเกิร์ตสดใหม่ ปลอดภัย ไม่มีน้ำตาลแฝง? คุณสามารถ “ทำเองได้ที่บ้าน” ง่ายกว่าที่คิด!
เพียงมีนมสดกับโยเกิร์ตธรรมชาติเล็กน้อย ก็สามารถสร้างซูเปอร์ฟู้ดระดับพรีเมียมได้ด้วยตัวเอง
🥛 วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
-
นมสด 1 ลิตร (แนะนำแบบพาสเจอร์ไรส์ ไม่ควรใช้นมข้นหรือนมเปรี้ยว)
-
โยเกิร์ตธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ (ต้องมีคำว่า Live Culture หรือ จุลินทรีย์มีชีวิต)
-
ผ้าขาวบาง / ผ้ากรอง / กระชอน / ภาชนะสะอาด
-
หม้อ หรือภาชนะสำหรับต้มและหมัก
🔥 ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1 : อุ่นนม
-
เทนมสดใส่หม้อและ อุ่นด้วยไฟอ่อนถึงกลาง ประมาณ 80°C
(ไม่ต้องให้เดือด เพียงแค่อุ่นให้ร้อนเพื่อฆ่าเชื้อที่ไม่ต้องการ) -
พอร้อนแล้ว พักไว้ให้เย็นลงเหลือประมาณ 40–45°C (อุ่นมือได้แต่ไม่ร้อนจัด)
💡 เคล็ดลับ: ถ้านมร้อนเกินไป จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตจะตายและไม่เกิดการหมัก
ขั้นตอนที่ 2 : ใส่โยเกิร์ตเริ่มต้น
-
ตักโยเกิร์ตธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะลงในนมอุ่น
-
คนเบา ๆ ให้เข้ากัน ไม่ต้องแรง
-
ปิดฝาภาชนะให้สนิท
ขั้นตอนที่ 3 : หมักให้ได้โยเกิร์ต
-
นำภาชนะไปวางในที่อุ่น (เช่น ใกล้เตา, กล่องโฟม หรือห่มผ้าขนหนูไว้)
-
ปล่อยหมักไว้ประมาณ 6–8 ชั่วโมง
-
เมื่อครบเวลา เปิดดูจะเห็นว่านมเริ่มข้นขึ้น มีเนื้อโยเกิร์ตจับตัว
🕒 ถ้าชอบรสเปรี้ยวจัด หมักได้นานถึง 10 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกินนี้เพราะจะเปรี้ยวเกินไป
ขั้นตอนที่ 4 : กรองน้ำเวย์ออกเพื่อให้กลายเป็น “กรีกโยเกิร์ต”
-
วางผ้าขาวบางบนกระชอน แล้วเทโยเกิร์ตลงไป
-
ปล่อยให้น้ำเวย์ (น้ำใส ๆ ที่ออกมา) ไหลลงภาชนะข้างล่าง
-
พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 2–3 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อโยเกิร์ตหนาขึ้น
💡 ยิ่งกรองนาน เนื้อจะยิ่งข้น ถ้าอยากได้แบบครีมชีส กรอง 4 ชั่วโมงขึ้นไป
💧 น้ำเวย์ที่ได้อย่าทิ้ง! สามารถนำไปผสมสมูทตี้หรือทำแพนเค้กเพิ่มโปรตีนได้
ขั้นตอนที่ 5 : เก็บใส่ภาชนะ
-
ตักกรีกโยเกิร์ตที่กรองแล้วใส่กล่องแก้วหรือถ้วยสะอาด
-
แช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา
-
สามารถเก็บได้ ประมาณ 5–7 วัน

🍓 7. วิธีทานกรีกโยเกิร์ตให้อร่อยและได้ประโยชน์
-
กินเปล่า ๆ ในตอนเช้า เพื่อปรับสมดุลลำไส้
-
ผสมผลไม้สด เช่น กล้วย เบอร์รี แอปเปิล เพิ่มไฟเบอร์และวิตามิน
-
ใส่ธัญพืชหรือกราโนลา เพื่อเพิ่มความกรุบกรอบและพลังงานที่ยั่งยืน
-
ใช้แทนมายองเนสหรือนมข้นจืด ในเมนูสลัดหรือสมูทตี้
-
ทำซอสโยเกิร์ตโฮมเมด เช่น ซอสกระเทียม ซอสผักชี หรือซอสสลัด
🌿 8. สรุป: กรีกโยเกิร์ต อาหารเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนสุขภาพได้จริง
กรีกโยเกิร์ตไม่ใช่เพียงโยเกิร์ตธรรมดา แต่เป็น “อาหารแห่งการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืน” ที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายจากภายในสู่ภายนอก
เพียงแค่เริ่มจากถ้วยเล็ก ๆ ทุกเช้า คุณจะได้ทั้งสุขภาพดี ระบบขับถ่ายที่ดีขึ้น ผิวพรรณสดใส และพลังงานที่ยาวนานตลอดวัน
“สุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้ง่าย ๆ แค่เลือกกรีกโยเกิร์ตให้เป็น” 🥰
ไม่ว่าคุณจะกินเพื่อลดน้ำหนัก เสริมกล้าม หรือดูแลลำไส้
กรีกโยเกิร์ตคือเพื่อนคู่ครัวที่ไม่ควรขาดในทุกเช้า 🌞
แนะนำสำหรับคุณ
ปรับบุคลิกให้ดูดี: แค่เริ่มจากท่าทางง่ายๆ ก็เห็นผล!
เรียนรู้“30 วันที่ดีที่สุดในการการลดน้ำหนักอย่างสุขภาพดี
รสดีเมนู: มีติดครัวไว้ อร่อยได้ทุกเมนูไม่ต้องปรุงเพิ่ม!
น้ำยาบ้วนปาก🛁 ไอเทมเพิ่มความมั่นใจประจำวัน
ปกป้องสุขภาพจากภัยที่มองไม่เห็น ด้วยเครื่องฟอกอากาศ!
คาเฟ่ อเมซอน: กาแฟระดับพรีเมียม เพื่อช่วงเวลาแห่งความสุข