อยากผอมแต่ติดขนมหวาน? นี่คือทางออกที่คุณกำลังมองหา


ยอมรับเถอะ... หลายคนกินน้ำตาลเกินกว่าที่ควรจะเป็น
รู้ไหมว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่และวัยรุ่นในอเมริกากิน “น้ำตาลที่เติม” มากถึงวันละ 17 ช้อนชา! ซึ่งมากกว่าที่แนะนำไว้สำหรับผู้ชายและผู้หญิงถึง 2–3 เท่าเลยทีเดียว
ถ้าคิดรวมตลอดทั้งปี ปริมาณน้ำตาลที่เติมนี้จะอยู่ที่ประมาณ 60 ปอนด์ต่อคน — หรือเทียบเท่ากับลูกโบว์ลิ่งหนัก 10 ปอนด์ถึง 6 ลูก!

🍭 น้ำตาลที่เติมเข้ามา มาจากไหนกันแน่?
ตัวเลขล่าสุดชี้ชัดว่า แหล่งใหญ่ของน้ำตาลส่วนเกิน ที่เรากินทุกวัน มาจากอาหารและเครื่องดื่มใกล้ตัวเรานี่แหละ!
📊 แหล่งน้ำตาลที่เติมเข้าไป (Added Sugar) แบ่งตามหมวดหมู่
🍹 กลุ่มเครื่องดื่ม (รวม 48%)
-
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล: 24%
-
น้ำอัดลม: 16%
-
น้ำผลไม้พร้อมดื่ม: 5%
-
เครื่องดื่มชูกำลัง/เครื่องดื่มกีฬา: 2%
-
อื่น ๆ: 1%
🍰 กลุ่มของหวาน (รวม 19%)
-
คุกกี้ / บราวนี่: 6%
-
ไอศกรีม / ขนมแช่แข็ง: 5%
-
เค้ก / พาย: 4%
-
โดนัท / ขนมอบ: 3%
-
อื่น ๆ: 1%
🍬 กลุ่มเบ็ดเตล็ด (รวม 33%)
-
กาแฟ / ชาใส่น้ำตาล: 11%
-
ลูกอม: 9%
-
แซนวิช: 7%
-
ซีเรียล / บาร์พลังงาน: 7%
-
นมรสหวาน / โยเกิร์ตหวาน: 4%
🍎 แล้วร่างกายเราจัดการกับน้ำตาลยังไง?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า “ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้เร็วแค่ไหน”
-
น้ำตาลจาก แอปเปิล ที่มีไฟเบอร์สูง จะถูกดูดซึมช้า
-
แต่น้ำตาลใน น้ำอัดลม จะเข้าสู่ร่างกายทันทีในคราวเดียว
แค่ น้ำอัดลมกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ ก็มีน้ำตาลที่เติมเข้าไปถึง 10 ช้อนชา (42 กรัม)
👉 ซึ่งเท่ากับเกือบ 2 เท่า ของปริมาณที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้หญิง และ เกิน ที่ผู้ชายควรได้รับในแต่ละวัน

🍬 ควรกินน้ำตาลแค่ไหนถึงจะพอดี?
-
ผู้ชาย ไม่ควรบริโภคน้ำตาลที่เติมเกิน 9 ช้อนชา ต่อวัน (ประมาณ 36 กรัม หรือ 150 แคลอรี่)
-
ผู้หญิง ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา ต่อวัน (ประมาณ 25 กรัม หรือ 100 แคลอรี่)
🛒 แล้วตอนซื้อของต้องระวังอะไร?
ทุกวันนี้มีข้อมูลโภชนาการมากมายเต็มโซเชียล จนหลายคนสับสน
-
งานวิจัยพบว่า 68% ของนักช้อป เคยเห็นข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
-
และ 60% ยอมรับว่าเคยลังเลว่าจะเลือกอาหารอะไรให้ครอบครัวดี
⚠️ น้ำตาลทดแทนก็ยังคือน้ำตาล
หลายคนอาจคิดว่า “น้ำตาลทดแทน” อย่างน้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายแดง, หรือไซรัปต่าง ๆ จะดีต่อสุขภาพกว่า... แต่จริง ๆ แล้ว มันก็คือ “น้ำตาลที่เติมเข้าไป” เหมือนกัน!

🧃 ฉลากโภชนาการช่วยให้คุณเลือกได้ฉลาดขึ้น
ปัจจุบันผู้ผลิตอาหาร ต้องระบุปริมาณน้ำตาลที่เติม (Added Sugar) บนฉลากโภชนาการ ทั้งในรูปแบบ กรัม และ เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
งานวิเคราะห์ล่าสุดพบว่า…
การติดฉลากแบบนี้ อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและเบาหวานชนิดที่ 2 ได้เกือบหนึ่งล้านราย ภายใน 20 ปีข้างหน้า!
การแจ้งปริมาณน้ำตาลที่เติมลงไปอย่างชัดเจน ทำให้เราตัดสินใจเลือกซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มได้ง่ายขึ้น และรู้ว่ากำลังกินน้ำตาลมากแค่ไหนในแต่ละวัน
✅ ช่วยลดความเสี่ยงสุขภาพ
✅ ช่วยให้คุณควบคุมปริมาณน้ำตาลได้อย่างมีสติ
เคล็ดลับลดการบริโภคน้ำตาลเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
1. ลดน้ำตาลในเครื่องดื่ม
-
เลือกดื่มน้ำเปล่า นมไขมันต่ำ หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล หรือน้ำตาลต่ำแทนโซดาหรือน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
-
ถึงแม้นมสดและนมไขมันต่ำจะมีน้ำตาลเท่ากัน แต่เลือกนมไขมันต่ำจะช่วยลดไขมันอิ่มตัวได้
-
น้ำผลไม้และสมูทตี้แม้ไม่เติมน้ำตาล ก็ยังมีน้ำตาลตามธรรมชาติ ควรจำกัดไม่เกิน 150 มล. ต่อวัน
-
ถ้าชอบน้ำอัดลม ลองผสมน้ำผลไม้ปลอดน้ำตาลกับน้ำโซดาแทน
-
หากเติมน้ำตาลในเครื่องดื่มร้อนหรือซีเรียล ค่อย ๆ ลดปริมาณจนเลิกเติม หรือใช้สารให้ความหวานแทน
2. ลดน้ำตาลในอาหาร
-
แทนการทาแยม น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม หรือช็อกโกแลตสเปรดที่หวานจัด ลองใช้สเปรดไขมันต่ำ แยมที่มีน้ำตาลน้อย กล้วยหั่น หรือครีมชีสไขมันต่ำแทน
-
อ่านฉลากโภชนาการช่วยให้เลือกอาหารที่เติมน้ำตาลน้อยลงได้
-
ลองลดน้ำตาลในสูตรอาหารที่ทำเองดูได้ แต่ระวังกับเมนูอย่างแยม เมอแรงก์ และไอศกรีม ที่น้ำตาลมีบทบาทสำคัญในเนื้อสัมผัส
แนะนำสำหรับคุณ
น้ำยาบ้วนปาก🛁 ไอเทมเพิ่มความมั่นใจประจำวัน
คาเฟ่ อเมซอน: กาแฟระดับพรีเมียม เพื่อช่วงเวลาแห่งความสุข
เรียนรู้“30 วันที่ดีที่สุดในการการลดน้ำหนักอย่างสุขภาพดี
คอมพลีทลุคด้วยไอเทมเดียว! เลือกสเปรย์เซ็ตติ้งที่เหมาะกับคุณ
Samyang Ramen เผ็ดแค่ไหน? อร่อยจริงหรือแค่กระแส? มาม่าที่เผ็ดจนต้องร้องขอชีวิต!
ASMR คืออะไร? ทำไมคนถึงหลงรัก ASMR กันมากขึ้น?