หากคุณไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน ฉันแนะนำว่าอย่าเริ่มออกกำลังกายทันที!

เมื่อสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดพาความสดชื่นมา ใบไม้เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลือง พลิ้วไหวราวกับคำเชื้อเชิญสีทองจากธรรมชาติ เชื้อเชิญให้ผู้คนออกไปสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง ในฤดูกาลที่สดชื่นนี้ ความปรารถนาที่จะออกกำลังกายจะก่อตัวขึ้นภายในตัวเรา ราวกับถูกจุดประกายจากพลังชีวิตอันสดใสของฤดูใบไม้ร่วง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน การเริ่มต้นออกกำลังกายที่ดูเหมือนจะเป็นมงคลนี้อาจซ่อนความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดไว้

ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่ใช้เวลาทั้งวันนั่งอยู่ในออฟฟิศ มักจะยุ่งกับงานจนแทบไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงที่สดใส เขาหลงใหลไปกับทิวทัศน์อันงดงาม จึงตัดสินใจไปปั่นจักรยานกลางแจ้งอย่างกะทันหัน หลายคนเชื่อว่าการปั่นจักรยานเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการดื่มด่ำกับทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงและสัมผัสอิสรภาพ เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าหลังจากปั่นจักรยานอย่างหนักหน่วงและเดินทางไกลมาตลอดทั้งบ่าย คืนนั้นเขาจะต้องทรมานกับอาการปวดหลัง พลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ สองสามวันต่อมา เขาทำได้เพียงลากร่างกายที่อ่อนล้า ทุกย่างก้าวของเขามาพร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และพลังที่เคยมีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

บังเอิญว่าเพื่อนอีกคนก็ละเลยการออกกำลังกายมาเป็นเวลานานเช่นกัน เย็นวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง เขาเห็นผู้คนเล่นแบดมินตันกันอย่างสนุกสนานในสวนสาธารณะ จึงตัดสินใจลองเล่นดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาหยิบแร็กเกตขึ้นมาอย่างมั่นใจ แต่หลังจากเล่นไปได้เพียงไม่กี่รอบ เขาก็หันไปรับลูกอย่างรวดเร็วจนข้อเท้าพลิก ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาจึงต้องเดินกะเผลกออกจากสนาม ทำให้ "เส้นทางนักกีฬา" ของเขาต้องจบลงก่อนเวลาอันควร และต้องพักฟื้นที่บ้านระยะหนึ่ง

การออกกำลังกายควรจะส่งเสริมสุขภาพและเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย แต่ทำไมมันกลับส่งผลเสียต่อคนสองคนนี้ ทำให้สุขภาพที่เปราะบางอยู่แล้วแย่ลงไปอีก การวิเคราะห์อย่างละเอียดเผยให้เห็นข้อบกพร่องร้ายแรงที่พบบ่อย นั่นคือ หลังจากไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานาน พวกเขากลับประเมินสมรรถภาพทางกายของตัวเองสูงเกินไปอย่างมาก และรีบเร่งออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งร่างกายของพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้

การไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ แต่ลึกซึ้งในร่างกายได้ ที่สำคัญที่สุดคือการสูญเสียความมั่นคง เราทุกคนคงเคยประสบกับวงจรความเจ็บปวดของ "ขยับตัวทุกๆ หกเดือน แล้วนอนราบเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์" บางคนตีความว่าอาการปวดเมื่อยหลังออกกำลังกายเป็นสัญญาณของการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม พวกเขามักมองข้ามอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกล้ามเนื้อที่ฝ่อลีบเหล่านี้ นั่นคือ ความมั่นคงที่ลดลง

กล้ามเนื้อที่แข็งแรงมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงของข้อต่อและร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ข้อเท้า ข้อต่อที่ดูเหมือนจะยืดหยุ่นนี้ต้องอาศัยการประสานงานอย่างใกล้ชิดของกล้ามเนื้อและเอ็นหลายส่วนในการเคลื่อนไหวต่างๆ เช่น การเดิน การวิ่ง และการกระโดด กล้ามเนื้อหน้าแข้งด้านหน้า เอ็นร้อยหวายด้านหลัง และเอ็นข้างลำตัว ฯลฯ ล้วนช่วยเสริมความมั่นคงให้กับข้อเท้า ช่วยให้เราสามารถรักษาสมดุลระหว่างการออกกำลังกายและหลีกเลี่ยงอาการเคล็ดขัดยอกได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้คลายตัวหรืออ่อนแรง ข้อเท้าจะสูญเสียความมั่นคง ส่งผลให้การเคลื่อนไหวไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่อาการปวดและบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

สาเหตุหลักของภาวะกล้ามเนื้อลีบคือการขาดการออกกำลังกาย เมื่อเทียบกับผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานานจะประสบปัญหาเส้นใยกล้ามเนื้อโครงร่างลีบ พลังระเบิดสูงสุดลดลง และความทนทานลดลง หรือเรียกง่ายๆ ว่า "กล้ามเนื้ออ่อนแรง" ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นเวลานานไม่เพียงแต่พบว่าการสร้างกล้ามเนื้อใหม่เป็นเรื่องยาก แต่กล้ามเนื้อเดิมก็จะค่อยๆ ลีบลงเช่นกัน การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการขาดการออกกำลังกายเป็นเวลานานสามารถลดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้อย่างมากภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ปัจจุบันหลายคนยึดถือหลักการ "นอนเมื่อทำได้ อย่านั่ง นั่งเมื่อทำได้" ออกกำลังกายจนแทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่กลับเชื่ออย่างไร้เดียงสาว่าตนเองยังคงมีสมรรถภาพทางกีฬาเช่นเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการหลอกตัวเอง

เมื่อกล้ามเนื้อลีบและร่างกายไม่มั่นคงอย่างมาก การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงในขณะที่ร่างกายไม่มั่นคงในเวลานี้ทำให้การบาดเจ็บแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เปรียบเสมือนอาคารที่ไม่มีรากฐาน เอียงเอียงไปตามลมและฝน เสี่ยงต่อการพังทลายแม้เพียงเล็กน้อย แม้แต่การออกกำลังกายแบบเบาๆ ที่ดูเหมือนธรรมดาในฤดูใบไม้ร่วงก็มีความเสี่ยงแอบแฝงอยู่ การวิ่งเป็นตัวเลือกแรกของหลายคนที่กลับมาออกกำลังกาย แต่การกลับมาวิ่งหลังจากหยุดไปนานอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าและข้อเท้า เคล็ดขัดยอก และปวดท้อง (กลุ่มอาการทางเดินอาหารจากการออกกำลังกาย) การปั่นจักรยานแม้จะดูผ่อนคลายและสนุกสนาน แต่จำเป็นต้องรักษาท่าทางเดิมไว้เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างและคอตึงอย่างรุนแรงและนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อตึงได้ง่าย การปีนเขา แม้จะเป็นกีฬาที่ให้ทั้งการออกกำลังกายและโอกาสในการเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วง แต่อาจเป็นเรื่องท้าทายเนื่องจากภูมิประเทศที่ขรุขระและไม่เรียบ ข้อเท้าที่ไม่ได้รับการฝึกฝน ซึ่งมี "เอ็นด้านในที่แข็งแรงและเอ็นด้านข้างที่อ่อนแอ" มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการแพลงเข้าด้านในได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ กีฬายอดนิยมอย่างฟริสบี้ ฟุตบอลธง และโยคะ รวมถึงกีฬาคลาสสิกอย่างปิงปอง แบดมินตัน และบาสเกตบอล ต่างก็มีเทคนิคและปัญหาเฉพาะของตัวเอง อย่ามั่นใจจนเกินไปเพียงเพราะว่ามัน "ดูง่าย"

แล้วคนที่นั่งนานๆ จะสามารถแยกตัวเองออกจากการออกกำลังกายได้อย่างเดียวจริงหรือ? แน่นอนว่าไม่! การไม่ออกกำลังกายจะทำให้สภาพร่างกายของคุณแย่ลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ วิธีที่ถูกต้องคือการเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองอย่างถ่องแท้ก่อนออกกำลังกาย รู้จัก "จุดอ่อน" ของตัวเอง ทำเท่าที่ทำได้ และฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นอย่างตรงจุด ขั้นแรก เราสามารถทำแบบทดสอบง่ายๆ ด้วยตนเอง เช่น 7 การเคลื่อนไหวในการตรวจคัดกรองการเคลื่อนไหวร่างกาย (FMS) ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประเมินความสามารถทางกีฬาของนักกีฬามืออาชีพในสหรัฐอเมริกา แบบทดสอบนี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจความมั่นคงของส่วนต่างๆ ของร่างกาย และค้นหาจุดอ่อนที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ หากมีกีฬาชนิดใดที่คุณต้องการทดสอบในอนาคตอันใกล้นี้ คุณสามารถดูตารางรายการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับกีฬาทั่วไปเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าได้

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย แต่อย่าปล่อยให้กิจกรรมที่หุนหันพลันแล่นทำลายสุขภาพของคุณ เรามาออกกำลังกายอย่างมีหลักการและเหตุผล เข้าใจร่างกายของเรา และค่อยๆ ก้าวไปสู่เส้นทางแห่งพลังชีวิต เพื่อที่เราจะได้เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายอย่างแท้จริง กลับบ้านอย่างมีสุขภาพดี และเพลิดเพลินกับฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามนี้อย่างเต็มที่

BG Yoga Foam Roller

฿75-฿105

ซื้อสินค้า