ดูแลตัวเองตั้งแต่มีประจำเดือน อย่าคิดแค่ “ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ”


การมีประจำเดือนเป็นปรากฏการณ์ทางสรีรวิทยาที่ปกติอย่างยิ่งในวงจรชีวิตของผู้หญิง แต่กลับถูกมองข้ามว่าสามารถแก้ไขได้ด้วยการ "ดื่มน้ำอุ่นให้มากขึ้น" ในความเป็นจริง ร่างกายของคุณในช่วงมีประจำเดือนต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าที่คุณคิด นี่ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสทองที่จะค้นพบและดูแลตัวเองอีกครั้ง
บทความนี้จะช่วยให้คุณกำจัดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "การดื่มน้ำร้อนมากขึ้น" และเข้าใจอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ถึงวิธีการดูแลตัวเองให้ดีขึ้นในช่วงมีประจำเดือน ทำให้วันเหล่านั้นสบายตัวและมีสุขภาพดีขึ้น

1. อาหาร: “ปั๊มน้ำมัน” ของร่างกาย
ในช่วงมีประจำเดือน ร่างกายของผู้หญิงจะสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการบริโภคธาตุอาหารรอง เช่น ธาตุเหล็กและแคลเซียม ดังนั้น ในช่วงนี้ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมจึงเปรียบเสมือน "ปั๊มน้ำมัน" เพื่อเติมพลังให้ร่างกาย
- การเสริมธาตุเหล็ก: ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในช่วงมีประจำเดือน การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับสัตว์ เนื้อไม่ติดมัน ผักโขม อินทผลัมแดง และเห็ดหูหนูดำ จะช่วยชดเชยเลือดที่เสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรเทาอาการต่างๆ เช่น วิงเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย
- รับประทานอาหารอุ่นๆ ให้มากขึ้น: หลีกเลี่ยงอาหารดิบ เย็น เผ็ด และอาหารมัน อาหารดิบและเย็นอาจทำให้มดลูกเย็นและทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้น ในขณะที่อาหารรสจัดอาจกระตุ้นการหดตัวของมดลูกและขัดขวางการไหลเวียนของประจำเดือน แนะนำให้รับประทานอาหารอุ่นๆ ให้มากขึ้น เช่น ชาขิงน้ำตาลทรายแดง ลำไย ถั่วแดง และงาดำ เพราะอาหารเหล่านี้สามารถช่วยให้มดลูกอบอุ่น ขับลม และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- การเสริมแคลเซียม: ในช่วงมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียม การดื่มนม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียวเข้ม และอาหารอื่นๆ ที่อุดมไปด้วยแคลเซียมมากขึ้น สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการหงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวนในช่วงมีประจำเดือนได้
- ควบคุมปริมาณเกลือ: ในช่วงมีประจำเดือน ร่างกายมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการบวมน้ำเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ การลดปริมาณการรับประทานอาหารที่มีเกลือสูงจะช่วยบรรเทาอาการไม่สบาย เช่น อาการบวมน้ำและท้องอืดได้
2. การออกกำลังกาย: "ตัวควบคุม" เพื่อความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างการเคลื่อนไหวและความนิ่ง
หลายคนเชื่อว่าประจำเดือนควรอยู่บนเตียงตลอดช่วงมีประจำเดือนและไม่ควรออกกำลังกายใดๆ นี่เป็นความเข้าใจผิด การออกกำลังกายระดับปานกลางไม่เพียงแต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย

- การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ: การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ ในช่วงมีประจำเดือน เช่น การเดิน โยคะ การจ็อกกิ้ง เป็นต้น จะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการไม่สบายท้อง และหลั่ง "ฮอร์โมนแห่งความสุข" - เอนดอร์ฟิน ซึ่งช่วยปรับปรุงอารมณ์และบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนักและหนักมากในช่วงมีประจำเดือน เช่น การฝึกแบบ HIIT การยกน้ำหนัก การกระโดด ฯลฯ การออกกำลังกายเหล่านี้อาจทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น เพิ่มปริมาณเลือดในช่วงมีประจำเดือน และอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายตัวได้
- การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ: การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ บางอย่าง โดยเฉพาะการยืดเอวและหน้าท้อง สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดหลังและอาการปวดประจำเดือนได้
จำไว้ว่า: หลักการออกกำลังกายคือ "ความสมดุลระหว่างการเคลื่อนไหวและการพักผ่อน" และควรทำเท่าที่ทำได้ หากรู้สึกไม่สบาย ให้หยุดและพักทันที
3. สุขอนามัย: เทวดาผู้พิทักษ์ต่อปัญหาทางนรีเวช
ในช่วงมีประจำเดือน ความต้านทานของร่างกายผู้หญิงจะค่อนข้างอ่อนแอ ควรใส่ใจเป็นพิเศษกับสุขอนามัยส่วนบุคคลและการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของระบบสืบพันธุ์ทั้งหมด
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ: เลือดประจำเดือนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรีย ไม่ว่าคุณจะใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอด ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสะอาดและแห้งของอวัยวะเพศ
- การล้างด้วยน้ำอุ่น: ระหว่างมีประจำเดือน ให้ใช้น้ำอุ่นล้างช่องคลอด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นหรือน้ำร้อนเกินไป ห้ามสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้สมดุลของจุลินทรีย์ในช่องคลอดเสียสมดุลและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- เลือกวัสดุที่ระบายอากาศได้: เลือกผ้าฝ้าย ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ และผ้าอนามัย ซึ่งจะช่วยให้บริเวณจุดซ่อนเร้นแห้ง ลดความอับชื้น และลดความเสี่ยงต่อการอักเสบทางนรีเวช

4. อารมณ์และการนอนหลับ: “วาล์วควบคุม” เพื่อความสมดุลทางร่างกายและจิตใจ
ในช่วงมีประจำเดือน ความผันผวนของระดับฮอร์โมนอาจส่งผลต่ออารมณ์และคุณภาพการนอนหลับ นี่เป็นการตอบสนองทางสรีรวิทยาตามปกติ และการเรียนรู้ที่จะควบคุมมันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- รักษาสมดุลทางอารมณ์: อารมณ์แปรปรวนในช่วงมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงอารมณ์ที่แปรปรวนมากจนเกินไป เช่น ดีใจหรือเสียใจ ฟังเพลงผ่อนคลาย ดูหนังสบายๆ หรือคุยกับเพื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
- นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างเพียงพอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูร่างกาย ในช่วงมีประจำเดือน คุณควรนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง เข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้า เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อรับมือกับความเหนื่อยล้าจากประจำเดือน
- ผ่อนคลายก่อนนอน: อาบน้ำอุ่น ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว หรือทำสมาธิง่ายๆ ก่อนนอน เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้น
5. คำถามที่พบบ่อย
ฉันอาบน้ำช่วงมีประจำเดือนได้ไหม? ได้แน่นอนค่ะ การอาบน้ำช่วงมีประจำเดือนไม่เป็นอันตราย แถมยังช่วยชำระล้างและผ่อนคลายได้จริง ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม ฉันแนะนำให้อาบน้ำแทนการแช่ในอ่างอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่ปนเปื้อนเข้าไปในช่องคลอดและทำให้เกิดการติดเชื้อ
ฉันดื่มกาแฟระหว่างมีประจำเดือนได้ไหม? คาเฟอีนอาจทำให้ความรู้สึกไม่สบายระหว่างมีประจำเดือน เช่น ปวดท้องหรือเจ็บเต้านมแย่ลง ดังนั้นจึงแนะนำให้จำกัดหรือหลีกเลี่ยง หากคุณอยากดื่มจริงๆ ลองดื่มชาสมุนไพรแบบไม่มีคาเฟอีนหรือน้ำผลไม้อุ่นๆ แทน
จำไว้ว่าประจำเดือนเปรียบเสมือนเครื่องวัดสภาวะร่างกาย สะท้อนถึงสภาพร่างกายของคุณ ลองฟังสัญญาณจากร่างกายและดูแลตัวเองอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แล้วคุณจะพบว่าช่วงเวลาสองสามวันเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและสบายตัว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าพึ่งพาแต่ "การดื่มน้ำร้อน" เพียงอย่างเดียว และหันมาใช้วิธีการดูแลตัวเองที่ครอบคลุมและเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น
แนะนำสำหรับคุณ
คุณคิดว่าคุณกำลังดูแลกระเพาะอาหารอยู่ แต่จริงๆ แล้วมันทำร้ายกระเพาะอาหาร!
หน้าร้อนปี 2568 ของไทย ดื่มเครื่องดื่มเย็นอย่างไรให้ปลอดภัย!
คุณมีอาการท้องผูกหลังวันหยุดหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวล เรามีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ!
ไม่อยากเหม็นตัวเพราะอากาศร้อนจัดของเมืองไทยใช่ไหม? เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก!
การนอนหลับคือกุญแจสำคัญของการลดน้ำหนักหรือไม่?
ผู้ใช้ TikTok ต่างพากันพูดถึงเคล็ดลับการแต่งหน้าที่เป็นไวรัลนี้ แต่จะปลอดภัยจริงหรือ?